ตามอ่าน เวอร์ชั่นเต็มได้ตามลิ้ง
http://soccerrecap.com/story/16
อ่าน ในวันที่ลีโฮและรัชพลปิดทองที่ SCG Stadium (ภาค 2-1)
http://soccerrecap.com/story/15
ต่อจากภาค 1 นะครับ
จากเกมส์ที่เมืองทองเอาชนะบริสเบนไป 3-0 เราเรียนรู้อะไรจากเกมส์ระดับ ACL นี้บ้างนะครับ
การป้องกันของเมืองทอง (defensive formation)
สิ่งที่เมืองทองได้ทำ คือทำอย่างไรก็ได้ให้หนี pressing ได้สำเร็จ ซึ่งในโลกของฟุตบอลการหนี pressing มีหลายวิธีด้วยกัน แต่มีไม่กี่วิธีที่นิยมใช้กัน ได้แก่
1. คุณก็เล่นเกมตามปกตินี่แหล่ะ แต่คุณต้องเล่นเกมเร็วดั่งสายฟ้าเหมือนกับบาซ่าที่จ่ายเร็ว คิดเร็ว จับเร็ว ยิงเร็ว โคตร ๆ แต่ถ้าคุณไม่มีนักเตะระดับนั้น คุณก็ลืมวิธีนี้ไปได้เลย
2. คุณต้องจ้างนักเตะลาตินอเมริกามาเกือบทั้งทีม ให้มาใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากหนีการ pressing รุมสอง รุมสาม เหมือนที่ญี่ปุ่นเจ้าพ่อ pressing โดนสอนบอลโดยโคลัมเบียในบอลโลก 2014 ที่บราซิลที่ผ่านมา แต่ถ้าคุณไม่มีนักเตะที่มาจากลาตินอเมริกาคุณก็คงต้องลืมวิธีนี้อีกเช่นกัน
3. ทางเลือกสุดท้ายที่เมืองทองพอจะทำได้คือ สู้ด้วยแผนอันแยบยลของโค้ชแบน โค้ชแบนเลือกที่จะเล่นเกมทางด้านข้างสนาม โดยพยายามถ่างแผงกองกางของบริสเบนให้กว้างที่สุดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการ press ของทีมบริสเบนและบริสเบนจะลำบากในการ pressing วิธีนี้จะทำให้บริสเบนไล่เมืองทองไม่จนมุม เพราะเมืองทองสามารถถ่ายบอลไปด้านหลังได้ และถ้าบริสเบน pressing สูงตามไปไล่บอลในด้านบน เมืองทองก็จะมีลีโฮพ่อทุกสถาบันยืนค้ำตรงกลาง (ตัว pivot) คอยแก้ pressing ของบริสเบน ซึ่งจะเห็นได้ดังรูป ลีโฮจะวิ่งคอยประคองแผงกองหลังและกองกลางเพื่อสร้างสามเหลี่ยมที่เอาไว้หนีการ pressing ได้
ซึ่งการเล่นลักษณะนี้จะเห็นได้จากทีมระดับโลกอย่างบาเยินมิวนิคสมัยที่เป๊บคุมทีม และคนที่ยืนอยู่ตำแหน่งลีโฮนั้นก็คือ ชาบี้ อลองโซ นั่นเอง
สำหรับการบุกของเมืองทอง (attacking formation)
อย่างที่บอกไปตอนต้นโค้ชแบนต้องขึ้นเกมทางด้านข้างเพื่อหลักเลี่ยงการ pressing ของบริสเบน ลักษณะการยืนนั้นจะแบ่งการบุกใหญ่ ๆ ออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ
1. การขึ้นเกมทางกาบซ้าย
จากรูป เราจะเห็นว่า set ในการบุกฝั่งซ้ายนั้นประกอบไปด้วยพีรพัฒน์ ธีรทร และชนาธิป ขึ้นมาสร้างสามเหลี่ยมเล่นบอลในพื้นที่เล็ก ๆ (small game) และจ่ายทะลุช่องให้คนใดคนหนึ่งขึ้นไปเปิดให้ซิสโก้หรือธีรศิลป์ เข้าทำประตูให้ได้ ซึ่งวิธีการสร้างสามเหลี่ยมส่วนใหญ่เราจะเห็นธีรทรและพีรพัฒน์วิ่งสลับตำแหน่งกันระหว่าง back ซ้ายและปีกซ้าย โดยมีชนาธิปวิ่งลงมาประคองอยู่ด้านใน และที่สำคัญจะมีลีโฮวิ่งเข้าไปช่วยประคองเป็นตัว pivot อีกทีนึง ซึ่งตัว pivot นี้จะเป็นตัวเข้าช่วยเมื่อถูก pressing หนัก ๆ และเปลี่ยนแกนฟุตบอลไปทางกาบขวาเมื่อรู้สึกว่าทีมบริสเบนเทมาปิดฝั่งซ้ายหมดแล้ว
2. การขึ้นเกมทางกาบขวา
จากรูป จะเห็นได้ว่าเวลาเมืองทองตั้งรับ โด จะถอยไปเป็น back ขวา และรัชพลจะไปยืนในตำแหน่งกลางรับ และให้รัชพลคอยไล่บอลเป็นมดงานคุมแดนกลางคู่กับลีโฮ แต่เมื่อเวลาเมืองทองบุก รัชพลจะโยกตำแหน่งตัวเองไปเป็น back ขวา และโดจะขึ้นไปเล่นปีกขวาโดยจะมีธีรศิลป์หุบเข้ามาเป็นตัว support และเป็นตัวสร้างสรรค์เกมทางด้านใน และก็เช่นเคย ลีโฮจะวิ่งไปประคองและคุมจังหวะของเกมเหมือนที่ลีโฮได้ทำในฝั่งซ้าย (ตัว pivot) และนั่นก็เป็นที่มาของประตูแรกซึ่งได้มาจากการเปิดลูกของโด
และแผนนี้ก็สร้างความปวดหัวให้กับบริสเบน ไม่ใช่ว่าบริสเบนไม่รู้ว่าเมืองทองจะมาแผนนี้ ซึ่งบริสเบนก็พยายามปิดการขึ้นเกมทางด้านข้างอยู่บ่อยครั้ง และพยายาม press ตั้งแต่เส้นกลางสนาม แต่ก็ต้องชมลุกทีมของโค้ชแบนด้วยที่ซ้อมกันมาอย่างดีจนทำให้บริสเบนพลาดท่าและแพ้ไปในที่สุด
ตั้งแต่ตัวผมเริ่มดูบอลไทยมาจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 20 ปี ผมต้องยอมรับจริง ๆ ว่าผมดีใจมากที่เห็นบอลไทยรู้จักการ pressing และยืนระยะได้ 90 นาที เพราะตอนผมเป็นเด็ก เวลาผมดูบอลไทย เมื่อเกมเลยนาทีที่ 60 ไป นักเตะไทยก็เดินเล่นชมนกชมไม้กันแล้ว อย่าว่าแต่การแก้ไข pressing เลย ถ้าทีมไทยครองบอลได้เกิน 5 วินาทีได้ ผมก็ดีใจแล้วในตอนนั้น จะว่าไปเรามาไกลเหมือนกันนะครับ บอลไทยไปบอลโลกคงไม่ไกลเกินฝันครับ รักกันไว้นะครับแฟนบอลชาวไทย
ตามอ่าน เวอร์ชั่นเต็มได้ตามลิ้ง
http://soccerrecap.com/story/16
อ่าน ในวันที่ลีโฮและรัชพลปิดทองที่ SCG Stadium (ภาค 2-1)
http://soccerrecap.com/story/15
ตามอ่านการวิเคราะห์ฟุตบอลแนวความรู้เจาะลึกได้ใน www.soccerrecap.com
สำหรับผู้ที่อยากติดตามผลงานเขียนของผม สามารถสมัครสมาชิกแล้ว follow ผมได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ
ปล. ผมยืมไอดีมาโพสต์นะครับ (กำลังรอ approve ไอดีของตัวเองอยู่ครับผม)
ในวันที่ลีโฮกับรัชพลปิดทองที่ SCG Stadium (ภาค 2-2)
อ่าน ในวันที่ลีโฮและรัชพลปิดทองที่ SCG Stadium (ภาค 2-1) http://soccerrecap.com/story/15
ต่อจากภาค 1 นะครับ
จากเกมส์ที่เมืองทองเอาชนะบริสเบนไป 3-0 เราเรียนรู้อะไรจากเกมส์ระดับ ACL นี้บ้างนะครับ
การป้องกันของเมืองทอง (defensive formation)
สิ่งที่เมืองทองได้ทำ คือทำอย่างไรก็ได้ให้หนี pressing ได้สำเร็จ ซึ่งในโลกของฟุตบอลการหนี pressing มีหลายวิธีด้วยกัน แต่มีไม่กี่วิธีที่นิยมใช้กัน ได้แก่
1. คุณก็เล่นเกมตามปกตินี่แหล่ะ แต่คุณต้องเล่นเกมเร็วดั่งสายฟ้าเหมือนกับบาซ่าที่จ่ายเร็ว คิดเร็ว จับเร็ว ยิงเร็ว โคตร ๆ แต่ถ้าคุณไม่มีนักเตะระดับนั้น คุณก็ลืมวิธีนี้ไปได้เลย
2. คุณต้องจ้างนักเตะลาตินอเมริกามาเกือบทั้งทีม ให้มาใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากหนีการ pressing รุมสอง รุมสาม เหมือนที่ญี่ปุ่นเจ้าพ่อ pressing โดนสอนบอลโดยโคลัมเบียในบอลโลก 2014 ที่บราซิลที่ผ่านมา แต่ถ้าคุณไม่มีนักเตะที่มาจากลาตินอเมริกาคุณก็คงต้องลืมวิธีนี้อีกเช่นกัน
3. ทางเลือกสุดท้ายที่เมืองทองพอจะทำได้คือ สู้ด้วยแผนอันแยบยลของโค้ชแบน โค้ชแบนเลือกที่จะเล่นเกมทางด้านข้างสนาม โดยพยายามถ่างแผงกองกางของบริสเบนให้กว้างที่สุดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการ press ของทีมบริสเบนและบริสเบนจะลำบากในการ pressing วิธีนี้จะทำให้บริสเบนไล่เมืองทองไม่จนมุม เพราะเมืองทองสามารถถ่ายบอลไปด้านหลังได้ และถ้าบริสเบน pressing สูงตามไปไล่บอลในด้านบน เมืองทองก็จะมีลีโฮพ่อทุกสถาบันยืนค้ำตรงกลาง (ตัว pivot) คอยแก้ pressing ของบริสเบน ซึ่งจะเห็นได้ดังรูป ลีโฮจะวิ่งคอยประคองแผงกองหลังและกองกลางเพื่อสร้างสามเหลี่ยมที่เอาไว้หนีการ pressing ได้
ซึ่งการเล่นลักษณะนี้จะเห็นได้จากทีมระดับโลกอย่างบาเยินมิวนิคสมัยที่เป๊บคุมทีม และคนที่ยืนอยู่ตำแหน่งลีโฮนั้นก็คือ ชาบี้ อลองโซ นั่นเอง
สำหรับการบุกของเมืองทอง (attacking formation)
อย่างที่บอกไปตอนต้นโค้ชแบนต้องขึ้นเกมทางด้านข้างเพื่อหลักเลี่ยงการ pressing ของบริสเบน ลักษณะการยืนนั้นจะแบ่งการบุกใหญ่ ๆ ออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ
1. การขึ้นเกมทางกาบซ้าย
จากรูป เราจะเห็นว่า set ในการบุกฝั่งซ้ายนั้นประกอบไปด้วยพีรพัฒน์ ธีรทร และชนาธิป ขึ้นมาสร้างสามเหลี่ยมเล่นบอลในพื้นที่เล็ก ๆ (small game) และจ่ายทะลุช่องให้คนใดคนหนึ่งขึ้นไปเปิดให้ซิสโก้หรือธีรศิลป์ เข้าทำประตูให้ได้ ซึ่งวิธีการสร้างสามเหลี่ยมส่วนใหญ่เราจะเห็นธีรทรและพีรพัฒน์วิ่งสลับตำแหน่งกันระหว่าง back ซ้ายและปีกซ้าย โดยมีชนาธิปวิ่งลงมาประคองอยู่ด้านใน และที่สำคัญจะมีลีโฮวิ่งเข้าไปช่วยประคองเป็นตัว pivot อีกทีนึง ซึ่งตัว pivot นี้จะเป็นตัวเข้าช่วยเมื่อถูก pressing หนัก ๆ และเปลี่ยนแกนฟุตบอลไปทางกาบขวาเมื่อรู้สึกว่าทีมบริสเบนเทมาปิดฝั่งซ้ายหมดแล้ว
2. การขึ้นเกมทางกาบขวา
จากรูป จะเห็นได้ว่าเวลาเมืองทองตั้งรับ โด จะถอยไปเป็น back ขวา และรัชพลจะไปยืนในตำแหน่งกลางรับ และให้รัชพลคอยไล่บอลเป็นมดงานคุมแดนกลางคู่กับลีโฮ แต่เมื่อเวลาเมืองทองบุก รัชพลจะโยกตำแหน่งตัวเองไปเป็น back ขวา และโดจะขึ้นไปเล่นปีกขวาโดยจะมีธีรศิลป์หุบเข้ามาเป็นตัว support และเป็นตัวสร้างสรรค์เกมทางด้านใน และก็เช่นเคย ลีโฮจะวิ่งไปประคองและคุมจังหวะของเกมเหมือนที่ลีโฮได้ทำในฝั่งซ้าย (ตัว pivot) และนั่นก็เป็นที่มาของประตูแรกซึ่งได้มาจากการเปิดลูกของโด
และแผนนี้ก็สร้างความปวดหัวให้กับบริสเบน ไม่ใช่ว่าบริสเบนไม่รู้ว่าเมืองทองจะมาแผนนี้ ซึ่งบริสเบนก็พยายามปิดการขึ้นเกมทางด้านข้างอยู่บ่อยครั้ง และพยายาม press ตั้งแต่เส้นกลางสนาม แต่ก็ต้องชมลุกทีมของโค้ชแบนด้วยที่ซ้อมกันมาอย่างดีจนทำให้บริสเบนพลาดท่าและแพ้ไปในที่สุด
ตั้งแต่ตัวผมเริ่มดูบอลไทยมาจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 20 ปี ผมต้องยอมรับจริง ๆ ว่าผมดีใจมากที่เห็นบอลไทยรู้จักการ pressing และยืนระยะได้ 90 นาที เพราะตอนผมเป็นเด็ก เวลาผมดูบอลไทย เมื่อเกมเลยนาทีที่ 60 ไป นักเตะไทยก็เดินเล่นชมนกชมไม้กันแล้ว อย่าว่าแต่การแก้ไข pressing เลย ถ้าทีมไทยครองบอลได้เกิน 5 วินาทีได้ ผมก็ดีใจแล้วในตอนนั้น จะว่าไปเรามาไกลเหมือนกันนะครับ บอลไทยไปบอลโลกคงไม่ไกลเกินฝันครับ รักกันไว้นะครับแฟนบอลชาวไทย
ตามอ่าน เวอร์ชั่นเต็มได้ตามลิ้ง http://soccerrecap.com/story/16
อ่าน ในวันที่ลีโฮและรัชพลปิดทองที่ SCG Stadium (ภาค 2-1) http://soccerrecap.com/story/15
ตามอ่านการวิเคราะห์ฟุตบอลแนวความรู้เจาะลึกได้ใน www.soccerrecap.com
สำหรับผู้ที่อยากติดตามผลงานเขียนของผม สามารถสมัครสมาชิกแล้ว follow ผมได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ
ปล. ผมยืมไอดีมาโพสต์นะครับ (กำลังรอ approve ไอดีของตัวเองอยู่ครับผม)