ดูคลิปเต็มได้ที่
http://soccerrecap.com/story/14
ในวันพุธที่ผ่านมา อย่างที่เราได้ทราบกันดีแล้วว่า เมืองทอง ชนะ บริสเบนรอร์ 3-0 สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก AFC Champion League เป็นครั้งแรกของสโมสร
- ประตูแรก -
เกิดจากการเปิดบอลแบบพุ่งโค้งเข้าหัวอันสุดสวยตามแบบฉบับที่ร่ำเรียนกันมาในยุโรปของ โด และซิสโก้อดีตกองหน้าส่งตรงมาจากพรีเมียร์ลีกรายนี้ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง วิ่งหาตำแหน่งได้ถูกที่ ถูกเวลา กระโดดโหม่งกดบอลลงพื้นและบอลพุ่งเข้าโกล์ตามตำราฟุตบอลเลยก็ว่าได้ (ลูกยิงหรือลูกโหม่งที่ผู้รักษาประตูกลัวที่สุดคือลูกบอลตกพื้นก่อนเข้าประตู เพราะว่าเวลาลูกบอลกระทบพื้นบอลจะเปลี่ยนทิศและมีความเร็วเพิ่มไปอีก ยากที่ผู้รักษาประตูจะเดาทางได้)
- ประตูที่สอง -
เริ่มจากการผ่านบอลอันชาญฉลาดของวัฒนา พลายนุ่ม จากรูปวัฒนาเลือกที่จะส่งบอลให้ชนาธิปตามเส้นสีฟ้าแทนที่จะส่งให้กับชนาธิปตรง ๆ (ตามเส้นสีดำ) ถ้าวัฒนาส่งไปตามเส้นสีฟ้า ลูกบอลจะไปตกอยู่ในจุดเกรงใจซึ่งจะดึงหรือล่อให้กองหลังเข้ามาตัดบอล และถ้าชนาธิปพลิกบอลในจังหวะนี้ได้ก็จะหลุดเดี่ยวทันที แต่ถ้าวัฒนาจ่ายตรง ๆ ไปที่ชนาธิป กองหลังจะไม่มีทางพุ่งเข้ามาแน่นอน และจะถอยกลับไปดักทาง ซึ่งชนาธิปก็จะไม่หลุดเดี่ยว และก็อย่างที่เห็นครับ ชนาธิปได้โอกาสเข้าไปยิงอย่างสวยงาม การเล่นในลักษณะนี้เราเห็นได้บ่อย ๆ ในฟุตบอลยุโรป เช่น ชาบี เฮอร์นันเดส ผ่านบอลไปยังจุดเกรงใจให้เมสซีหลุดเข้าไปยิงอยู่บ่อย ๆ
มาดูสถิติของวัฒนา ซึ่งทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ วัฒนาจ่ายบอลได้สำเร็จ 10 ครั้งจาก 11 ครั้งตั้งแต่วัฒนาลงสนามมาคิดเป็น pass successful rate 91% เห็นอย่างนี้แล้วสารัช อยู่เย็นคงมีร้อน ๆ หนาว ๆ อยู่เหมือนกันในตำแหน่งตัวจริง
- ประตูที่สาม -
เริ่มจากลีโฮ (ตัว Trigger = ตัวกำหนดจังหวะการเข้าทำประตู) ผ่านบอลให้กับธีรทร แม้ลีโฮจะเห็นพีรพัฒน์ (ตัว Runner) วิ่งทำทางไปแต่ลีโฮก็ยังเลือกที่จะจ่ายให้ธีรทรเพราะลีโฮรู้ว่าสุดท้ายธีรทรก็จะจ่ายทะลุช่องให้กับพีรพัฒน์ การเล่นลักษณะนี้เราเห็นบาซ่าเล่นอยู่บ่อย ๆ สมัยเป๊บคุมทีม คือ ตัว Trigger ไม่จ่ายลูกบอลโดยตรงให้กับตัว Runner แต่จะจ่ายให้กับผู้เล่นที่เป็นตัวพักบอลเพื่อดึงความสนใจและชิ่งให้กับตัว Runner อีกที ซึ่งการเล่นในลักษณะนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างมาก ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้กับโค้ชแบนด้วย
พอพีรพัฒน์หลุดไปทางด้านข้าง พีรพัฒน์ยิงเสาแรกไม่ได้แน่ ๆ เพราะผู้รักษาประตูต้องมาปิดมุม พีรพัฒน์มีอยู่ 2 ทางเลือก คือ 1. ปั่นโค้งเข้าเสาสอง ตรงนี้พีรพัฒน์ทำไม่ได้แน่นอน เพราะพีรพัฒน์ถนัดซ้าย หรือตัวเลือกที่ 2. ผ่านบอลไปเสาไกลเพื่อให้กองหน้า (Striker) เข้าทำประตู และก็อย่างที่เห็น พีรพัฒน์เลือกตัวเลือกที่สอง และก็เป็นที่มาของประตูที่สามโดยธีรศิลป์
ถึงแม้จะ assist ไปหนึ่ง แต่จากสถิติของพีรพัฒน์ก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกันเพราะพีรพัฒน์ทำพลาดในการเปิดบอลถึง 8 ครั้ง (บอลไปไม่ถึงหัวของผู้ร่วมทีม) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น่าประทับใจ เพราะลองนึกภาพดูว่าถ้าพีรพัฒน์สามารถเปิดบอลได้สำเร็จอาจจะเปลี่ยนเป็นประตูได้ แต่ก็พอเข้าใจ เพราะการเล่นในระดับ ACL นั้นไม่ได้ง่ายเหมือนไทยลีก
การยืนตำแหน่งของเมืองทอง ยืนในระบบ 4-5-1 แต่แผน หรือ formation จะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของเกม
ในภาคต่อไป ผมจะวิเคราะห์เรื่องการขึ้นเกมทางด้านข้างของเมืองทองและมาดูกันว่าลีโฮกับรัชพลทำอย่างไรถึงคุมแดนกลางได้อยู่หมัด และใครเป็นคนกำหนดจังหวะของเกมฝั่งเมืองทอง
สำหรับผู้ที่อยากติดตามผลงานเขียนของผม สามารถสมัครสมาชิกแล้ว follow ผมได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ
http://soccerrecap.com/story/14
ปล. ผมยืมไอดีมาโพสต์นะครับ (กำลังรอ approve ไอดีของตัวเองอยู่ครับผม)
ในวันที่ลีโอและรัชพลปิดทองที่ SCG Stadium (ภาค 1)
ในวันพุธที่ผ่านมา อย่างที่เราได้ทราบกันดีแล้วว่า เมืองทอง ชนะ บริสเบนรอร์ 3-0 สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก AFC Champion League เป็นครั้งแรกของสโมสร
- ประตูแรก -
เกิดจากการเปิดบอลแบบพุ่งโค้งเข้าหัวอันสุดสวยตามแบบฉบับที่ร่ำเรียนกันมาในยุโรปของ โด และซิสโก้อดีตกองหน้าส่งตรงมาจากพรีเมียร์ลีกรายนี้ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง วิ่งหาตำแหน่งได้ถูกที่ ถูกเวลา กระโดดโหม่งกดบอลลงพื้นและบอลพุ่งเข้าโกล์ตามตำราฟุตบอลเลยก็ว่าได้ (ลูกยิงหรือลูกโหม่งที่ผู้รักษาประตูกลัวที่สุดคือลูกบอลตกพื้นก่อนเข้าประตู เพราะว่าเวลาลูกบอลกระทบพื้นบอลจะเปลี่ยนทิศและมีความเร็วเพิ่มไปอีก ยากที่ผู้รักษาประตูจะเดาทางได้)
- ประตูที่สอง -
เริ่มจากการผ่านบอลอันชาญฉลาดของวัฒนา พลายนุ่ม จากรูปวัฒนาเลือกที่จะส่งบอลให้ชนาธิปตามเส้นสีฟ้าแทนที่จะส่งให้กับชนาธิปตรง ๆ (ตามเส้นสีดำ) ถ้าวัฒนาส่งไปตามเส้นสีฟ้า ลูกบอลจะไปตกอยู่ในจุดเกรงใจซึ่งจะดึงหรือล่อให้กองหลังเข้ามาตัดบอล และถ้าชนาธิปพลิกบอลในจังหวะนี้ได้ก็จะหลุดเดี่ยวทันที แต่ถ้าวัฒนาจ่ายตรง ๆ ไปที่ชนาธิป กองหลังจะไม่มีทางพุ่งเข้ามาแน่นอน และจะถอยกลับไปดักทาง ซึ่งชนาธิปก็จะไม่หลุดเดี่ยว และก็อย่างที่เห็นครับ ชนาธิปได้โอกาสเข้าไปยิงอย่างสวยงาม การเล่นในลักษณะนี้เราเห็นได้บ่อย ๆ ในฟุตบอลยุโรป เช่น ชาบี เฮอร์นันเดส ผ่านบอลไปยังจุดเกรงใจให้เมสซีหลุดเข้าไปยิงอยู่บ่อย ๆ
มาดูสถิติของวัฒนา ซึ่งทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ วัฒนาจ่ายบอลได้สำเร็จ 10 ครั้งจาก 11 ครั้งตั้งแต่วัฒนาลงสนามมาคิดเป็น pass successful rate 91% เห็นอย่างนี้แล้วสารัช อยู่เย็นคงมีร้อน ๆ หนาว ๆ อยู่เหมือนกันในตำแหน่งตัวจริง
- ประตูที่สาม -
เริ่มจากลีโฮ (ตัว Trigger = ตัวกำหนดจังหวะการเข้าทำประตู) ผ่านบอลให้กับธีรทร แม้ลีโฮจะเห็นพีรพัฒน์ (ตัว Runner) วิ่งทำทางไปแต่ลีโฮก็ยังเลือกที่จะจ่ายให้ธีรทรเพราะลีโฮรู้ว่าสุดท้ายธีรทรก็จะจ่ายทะลุช่องให้กับพีรพัฒน์ การเล่นลักษณะนี้เราเห็นบาซ่าเล่นอยู่บ่อย ๆ สมัยเป๊บคุมทีม คือ ตัว Trigger ไม่จ่ายลูกบอลโดยตรงให้กับตัว Runner แต่จะจ่ายให้กับผู้เล่นที่เป็นตัวพักบอลเพื่อดึงความสนใจและชิ่งให้กับตัว Runner อีกที ซึ่งการเล่นในลักษณะนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างมาก ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้กับโค้ชแบนด้วย
พอพีรพัฒน์หลุดไปทางด้านข้าง พีรพัฒน์ยิงเสาแรกไม่ได้แน่ ๆ เพราะผู้รักษาประตูต้องมาปิดมุม พีรพัฒน์มีอยู่ 2 ทางเลือก คือ 1. ปั่นโค้งเข้าเสาสอง ตรงนี้พีรพัฒน์ทำไม่ได้แน่นอน เพราะพีรพัฒน์ถนัดซ้าย หรือตัวเลือกที่ 2. ผ่านบอลไปเสาไกลเพื่อให้กองหน้า (Striker) เข้าทำประตู และก็อย่างที่เห็น พีรพัฒน์เลือกตัวเลือกที่สอง และก็เป็นที่มาของประตูที่สามโดยธีรศิลป์
ถึงแม้จะ assist ไปหนึ่ง แต่จากสถิติของพีรพัฒน์ก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกันเพราะพีรพัฒน์ทำพลาดในการเปิดบอลถึง 8 ครั้ง (บอลไปไม่ถึงหัวของผู้ร่วมทีม) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น่าประทับใจ เพราะลองนึกภาพดูว่าถ้าพีรพัฒน์สามารถเปิดบอลได้สำเร็จอาจจะเปลี่ยนเป็นประตูได้ แต่ก็พอเข้าใจ เพราะการเล่นในระดับ ACL นั้นไม่ได้ง่ายเหมือนไทยลีก
การยืนตำแหน่งของเมืองทอง ยืนในระบบ 4-5-1 แต่แผน หรือ formation จะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของเกม
ในภาคต่อไป ผมจะวิเคราะห์เรื่องการขึ้นเกมทางด้านข้างของเมืองทองและมาดูกันว่าลีโฮกับรัชพลทำอย่างไรถึงคุมแดนกลางได้อยู่หมัด และใครเป็นคนกำหนดจังหวะของเกมฝั่งเมืองทอง
สำหรับผู้ที่อยากติดตามผลงานเขียนของผม สามารถสมัครสมาชิกแล้ว follow ผมได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ
http://soccerrecap.com/story/14
ปล. ผมยืมไอดีมาโพสต์นะครับ (กำลังรอ approve ไอดีของตัวเองอยู่ครับผม)