มันอาจจะยาว ...ถือซะว่าเราขอพื้นที่ระบายก็แล้วกันค่ะ
คือแม่กะพี่ชายเราทะเลาะกัน ปกติพี่ชายเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้น้อยใจ ถ้าได้อารมณ์ขึ้นนี่ชอบทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ส่วนแม่แกเป็นคนขี้บ่น ค่อนข้างจะมากด้วย เป็นคนจู้จี้จุกจิก บางครั้งจะเอาให้ได้ดั่งใจแกก็ต้องได้อะไรแบบนี้. ปกติที่บ้านก็มีด่ากัน เถียงกัน ทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นแบบบ้านแตกอะไรนะ
ล่าสุดเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง...ขอย้อนไปก่อนว่า อาทิตย์ที่แล้วเราซื้อโทสับใหม่ ส่วนโทสับเครื่องเก่าน่ะพี่ชายเป็นคนซื้อให้ พอซื้อเครื่องใหม่เราก็เลยคืนเครื่องเก่าให้พี่เราไป แล้วมันก็ว่าจะขายเอาเงินไปซื้อเลนส์กล้อง(พี่ชายเรารับงานถ่ายภาพ) แล้วก็แล้วแต่มันเพราะเป็นเงินมัน แต่วันที่เราไปซื้อเครื่องใหม่ลองถามที่ร้านดูเค้าตีราคาให้ประมาณ 4000 บาท ซึ่งตอนนั้นเค้ายังไม่รู้ว่าเคยเปลี่ยนแบตมาแล้ว วันต่อมาพี่ชายเราเอาเครื่องเก่าไปขายได้แค่3000 เพราะเค้าหักค่าแบตไปคือมันไม่ใช่แบตแท้แล้ว พอกลับมาที่บ้านพี่ชายมาบอกเรากะแม่ว่าขายได้แค่นั้น ก็เลยเพิ่มเงินไปอีกจำนวนนึงเพื่อซื้อเลนส์กล้อง
...แม่เราโมโห บอกว่าถ้าขายได้แค่นั้นจะขายทำไม แค่อยากได้เลนส์กล้องต้องขายของในบ้านกินเลยหร่อ? พี่ชายเรามันน้อยใจกะคำพูดของแม่มาก มันออกไปกดเงินจำนวนนึงมาโยนใส่หน้าเราแล้วขับรถออกไป แม่ก็รุ้ว่ามันโกรธแต่แม่ก็โกรธ แม่บอกแค่ว่าถ้าเรื่องแค่นี้คุยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว
...ต่อมาดึกๆ ของคืนนั้นพี่ชายมันไลน์มาหาเรา บอกให้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าพร้อมบัตรทำงานให้มัน มันจะออกจากบ้าน เราพยายามเกลี้ยกล่อมให้มาคุยที่บ้านก็ไม่ยอมมา เราติดต่อมันไม่ได้ ใจเราไม่อยากบอกเรื่องที่มันจะออกจากบ้านให้พ่อกะแม่รุ้เลย สงสารแก แกแก่แล้ว ที่สำคัญแม่เป็นโรคหัวใจด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ติดต่อมันทุกทางแล้วก็ติดต่อไม่ได้ เราตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง แต่ยังไม่เล่าให้แม่ฟัง จนเกือบเช้าของคืนนั้นพี่ชายเราเข้าบ้าน พ่อกะแม่ยังไม่ตื่น เราตื่นคนเดียว พี่ชายมันมาเก็บของ เอาบัตรทำงาน มันวางกุญแจรถไว้ ถอดสร้อยทองทิ้งไว้ เราถามว่า "จะไปไหน" มันตอบแค่ว่า "กูจะไปแต่ตัว ไม่มีกูบ้านคงดีขึ้น อยู่กันให้ได้นะสามคนน่ะ" คือเราจุกมาก เราจุกกับประโยคนี้ คำพูดเหมือนไม่ใช่พี่น้องกัน เหมือนไม่เคยใช้นามสกุลเดียวกัน สงสารพ่อสงสารแม่
จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่กลับบ้าน ติดต่อไม่ได้ ...ไม่รู้ว่ามันกำลังจะประชดรึอะไร เราทั้งห่วงพี่ สงสารพ่อที่ต้องมาทุกข์กับเรื่องนี้ทั้งที่แกก็แก่แล้ว ทั้งไม่อยากให้แม่รู้เพราะเป็นโรคหัวใจอยู่
....เราเครียด เราจะทำยังไงดี? เครียดเรื่องงานก็มากพอ นี่กลับบ้านมายังต้องเจอเรื่องที่เครียดกว่า
...😔
คนในครอบครัวมีปัญหากัน เราเป็นคนกลาง หาทางออกยังไงดี?
คือแม่กะพี่ชายเราทะเลาะกัน ปกติพี่ชายเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้น้อยใจ ถ้าได้อารมณ์ขึ้นนี่ชอบทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ส่วนแม่แกเป็นคนขี้บ่น ค่อนข้างจะมากด้วย เป็นคนจู้จี้จุกจิก บางครั้งจะเอาให้ได้ดั่งใจแกก็ต้องได้อะไรแบบนี้. ปกติที่บ้านก็มีด่ากัน เถียงกัน ทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นแบบบ้านแตกอะไรนะ
ล่าสุดเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง...ขอย้อนไปก่อนว่า อาทิตย์ที่แล้วเราซื้อโทสับใหม่ ส่วนโทสับเครื่องเก่าน่ะพี่ชายเป็นคนซื้อให้ พอซื้อเครื่องใหม่เราก็เลยคืนเครื่องเก่าให้พี่เราไป แล้วมันก็ว่าจะขายเอาเงินไปซื้อเลนส์กล้อง(พี่ชายเรารับงานถ่ายภาพ) แล้วก็แล้วแต่มันเพราะเป็นเงินมัน แต่วันที่เราไปซื้อเครื่องใหม่ลองถามที่ร้านดูเค้าตีราคาให้ประมาณ 4000 บาท ซึ่งตอนนั้นเค้ายังไม่รู้ว่าเคยเปลี่ยนแบตมาแล้ว วันต่อมาพี่ชายเราเอาเครื่องเก่าไปขายได้แค่3000 เพราะเค้าหักค่าแบตไปคือมันไม่ใช่แบตแท้แล้ว พอกลับมาที่บ้านพี่ชายมาบอกเรากะแม่ว่าขายได้แค่นั้น ก็เลยเพิ่มเงินไปอีกจำนวนนึงเพื่อซื้อเลนส์กล้อง
...แม่เราโมโห บอกว่าถ้าขายได้แค่นั้นจะขายทำไม แค่อยากได้เลนส์กล้องต้องขายของในบ้านกินเลยหร่อ? พี่ชายเรามันน้อยใจกะคำพูดของแม่มาก มันออกไปกดเงินจำนวนนึงมาโยนใส่หน้าเราแล้วขับรถออกไป แม่ก็รุ้ว่ามันโกรธแต่แม่ก็โกรธ แม่บอกแค่ว่าถ้าเรื่องแค่นี้คุยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว
...ต่อมาดึกๆ ของคืนนั้นพี่ชายมันไลน์มาหาเรา บอกให้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าพร้อมบัตรทำงานให้มัน มันจะออกจากบ้าน เราพยายามเกลี้ยกล่อมให้มาคุยที่บ้านก็ไม่ยอมมา เราติดต่อมันไม่ได้ ใจเราไม่อยากบอกเรื่องที่มันจะออกจากบ้านให้พ่อกะแม่รุ้เลย สงสารแก แกแก่แล้ว ที่สำคัญแม่เป็นโรคหัวใจด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ติดต่อมันทุกทางแล้วก็ติดต่อไม่ได้ เราตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง แต่ยังไม่เล่าให้แม่ฟัง จนเกือบเช้าของคืนนั้นพี่ชายเราเข้าบ้าน พ่อกะแม่ยังไม่ตื่น เราตื่นคนเดียว พี่ชายมันมาเก็บของ เอาบัตรทำงาน มันวางกุญแจรถไว้ ถอดสร้อยทองทิ้งไว้ เราถามว่า "จะไปไหน" มันตอบแค่ว่า "กูจะไปแต่ตัว ไม่มีกูบ้านคงดีขึ้น อยู่กันให้ได้นะสามคนน่ะ" คือเราจุกมาก เราจุกกับประโยคนี้ คำพูดเหมือนไม่ใช่พี่น้องกัน เหมือนไม่เคยใช้นามสกุลเดียวกัน สงสารพ่อสงสารแม่
จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่กลับบ้าน ติดต่อไม่ได้ ...ไม่รู้ว่ามันกำลังจะประชดรึอะไร เราทั้งห่วงพี่ สงสารพ่อที่ต้องมาทุกข์กับเรื่องนี้ทั้งที่แกก็แก่แล้ว ทั้งไม่อยากให้แม่รู้เพราะเป็นโรคหัวใจอยู่
....เราเครียด เราจะทำยังไงดี? เครียดเรื่องงานก็มากพอ นี่กลับบ้านมายังต้องเจอเรื่องที่เครียดกว่า
...😔