สวัสดีฮะ ห่างหายไปพอสมควร ยังจำกันได้ไหมฮะ
อันนี้กระทู้เก่าที่ผมเคยตั้งไว้ฮะ
เรื่องเล่าของคนเลี้ยงหมู
https://m.ppantip.com/topic/36168516
ป.ล.Edit ให้มันยาวขึ้นนะฮะ
ป.ล.2 ตามต่อใน คห.24 , 66 และจบตอนพะโล้ที่ คห.82 ครับ
วันนี้ว่างๆเลยอยากจะมาเล่าเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงของผมจากวันแรกจนถึงวันนี้แหละฮะ
หลายๆท่านคงเคยอ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ของผมมาแล้ว ว่าสัตว์เลี้ยงข้างกายของผมคือหมูชนิดหนึ่ง ชื่อว่าเจ้าพะโล้ ฮะ
ขอย้อนไปวันแรกที่เจอกันก่อนละกันนะฮะ
ผมเจอพะโล้ครั้งแรกที่จตุจักร ตรงโซนสัตว์เลี้ยง นอนโชว์ตัวอยู่ในตู้โชว์แบบนี้แหละฮะ
เห็นแล้วเหมือนโดนสะกดให้เข้าไปดู พอดูสอบถามคนขาย พี่เค้าบอกว่าเป็นหมูแคระ ตัวเล็ก โตเต็มที่ประาณหมาปอม (พี่เค้าบอกมางี้ฮะ 5555 ) ตอนนั้นสองจิตสองใจเลยกะว่ากลับมาบ้านค่อยตัดสินใจอีกที ภาพตัดวันถัดไปก็สอยมาเลยฮะ
ชื่อพะโล้ ป๊าเป็นคนตั้งให้ แรกๆเหมือนป๊าจะไม่ค่อยเห็นด้วยที่เอามาเลี้ยงแต่สุดท้ายคงทนความน่ารักของพะโล้ไม่ไหวกลายเป็นยอมรับพะโล้โดยปริยายฮะ
ผมเลี้ยงพะโล้ไว้ในบ้าน ไม่ค่อยยอมให้ออกไปเล่นข้างนอกเท่าไหร่ อาหารการกินในตอนนั้นที่คนขายแนะนำมาคือกล้วยผสมนมแพะฮะ ผมก็ทำตามอย่างเคร่งครัดเลยฮะ 555555
ให้นอนด้วยตั้งแต่เด็กเลยฮะ
สิ่งที่ได้เรียนรู้แรกๆเลยก็คือหมูเป็นสัตว์ฉลาดมากๆฮะ พอๆกับหมากับแมวเลย สามารถสอนให้ฉี่ในกระบะที่มีแผ่นรองฉี่วางไว้ แรกๆเวลาพะโล้ปวดฉี่ก็จะร้องให้อุ้มไปวาง แต่พอเวลาผ่านไปก็เก่งขึ้นกระโดดลงไปฉี่เอง ฉี่เสร็จก็กระโดดขึ้นมานอนเหมือนเดิมฮะ ส่วนเรื่องอึ ไม่เคยอีในห้องเลยฮะ อึข้างนอกเวลาพาไปเดินเล่นตลอดเลยฮะ
(ป.ล.ผมเลี้ยงตอนนี้ 6 ตัว เรื่องอึฉี่จะเป็นแบบนี้ทุกตัวเลยฮะ)
ตอนพาไปเที่ยวทะเล กับที่ออฟฟิศฮะ
นอนด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ให้กินกล้วยกับนมแพะ แบบนี้ตลอดเลยฮะ จนผ่านไปได้ประมาณ 4 เดือนก็เริ่มเกิดปัญหากับพะโล้ขึ้น
มีอยู่วันหนึ่งผมกลับมาถึงห้องแล้วหาพะโล้ไม่เจอ หาตั้งนานจนไปเจอพะโล้มุดอยู่ใต้ตู้ พอจับก็ร้องโวยวาย ตอนนั้นคิดว่าไม่น่าจะปรกติแล้วเลยพาไปคลีนิครักษาสัตว์ฮะ แต่ดันติดปัญหาตรงที่ดึกมากแล้วและไม่ค่อยมีที่ไหนยอมดูอาการหมูฮะ วน 3-4 ที่ จนในที่สุดก็มีคลีนิคที่ยอมรับดูอาการ คุณหมอพาพะโล้ไป x-ray ดู แล้วพบว่าอาหารไม่ย่อย หมอให้ยามาทานและแนะนำให้พรุ่งนี้พาไปหาหมอที่ ร.พ.สัตว์เกษตร
ตอนพาไปหาหมอพะโล้ที่ร.พ.สัตว์เกษตร พะโล้ค่อนข้างตื่นคนมากเลยฮะ สุดท้ายหมอก็บอกว่าให้ระวังเรื่องการให้อาหาร และแนะนำให้ทานอาหารที่ย่อยง่ายเช่นพวกแอปเปิ้ลและมะเขือเทศฮะ
พอกลับถึงบ้านเลยมีการเพิ่มเติมอาหารให้ไป จากกล้วยกับนมก็เพิ่มพวกผลไม้ที่ช่วยในการย่อยและขับถ่ายง่ายนั่นเองฮะ
พะโล้เลยกลับมาเริ่มแข็งแรงอีกทีฮะ
หลังจากวันนั้นประมาณไม่กี่เดือนเหตุการณ์ที่เปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตผมก็เริ่มขึ้นฮะ
คืนนั้นกลับบ้านค่อนข้างดึก จำได้ว่าต้องอยู่เตรียมเอกสารที่จะใช้ประชุมในตอนเช้าเลยออกจากที่ทำงานช้า
พอมาถึงบ้านเห็นพะโล้นอนในบ้านหลังเล็กที่เคยนอนประจำ แต่กลับผิดปกติเพราะไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกายเหมือนทุกที
อุ้มออกไปนอกบ้านก็ยังนิ่งไม่ไหวติง ตอนนั้นดึกมากรีบอุ้มพะโล้ใส่ตระกร้าเพื่อวิ่งไปโบก taxi ที่ปากซอยเพื่อไป ร.พ.สัตว์จุฬา
พอใกล้ถึงบนรถ taxi พะโล้เริ่มมีอาการกระตุกเหมือนหิวน้ำ พยายามหยอดน้ำให้กินแต่ก็ไม่เป็นผล พอถึงโรงบาลหมอรีบพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที และบอกว่าอาการที่เห็นคืออาการชักของหมูนั่นเอง พะโล้เข้าไปนานมาก บรรยากาศตอนนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ที่ไม่สบายทั้งลูกสุนัขที่ร้องโหยหวนจากการทานนมไม่ได้ และสุนัขที่ป่วยเป็นโรคพยาธิหัวใจที่สภาพตอนนั้นเต็มไปด้วยสายออกซิเจนและสายน้ำเกลือ
เวลาผ่านไปสักพักก่อนจะออกมาในสภาพแบบนี้
คืนนั้นหมอบอกว่า ไม่มีหมอเฉพาะทางเลย ต้องรอพบอาจารย์หมออย่างเดียว ตอนนี้ทำได้แค่ให้ยากันชักเท่านั้น หากรอดคืนนี้ไปได้ก็ถือว่าปลอดภัย คืนนั้นผมไปบนกับศาลที่อยู่หน้าโรงพยาบาลว่าหากพะโล้หายผมจะเลิกกินเนื้อหมู 1 เดือน
คืนนั้นทั้งคืน พะโล้ชักอีกประมาณ 2-3 ครั้ง พวกผมก็นอนเฝ้าข้างเตียงนั่นแหละครับ เฝ้าจนกระทั่งเช้า
พอตอนเช้าพบอาจารย์หมอ แกก็แนะนำให้ไปโรงพยาบาลสัตว์เฉพาะทาง เพราะที่นี่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ตอนที่อุ้มพะโล้ออกมากเสียใจมากเพราะกลัวพะโล้จะไม่รอด ขาสองข้างโดนพันไว้ แต่พะโล้พยายามเดินมาหา เลยตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องรักษาพะโล้ให้ได้ จึงตัดสินใจโบก taxi เพื่อไปโรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ
พอไปถึงคุณหมอรีบเอาพะโล้เข้าไปห้องรักษาทันที โดยให้ผมออกมารอข้างนอก ผมจัดแจงลางานโดยทางออฟฟิศของผมใจดีมากและให้ผมลาจนกว่าอาการพะโล้จะดีขึ้น
แล้วคุณหมอก็เรียกผมเข้าไปหา สภาพพะโล้ตอนนั้นแย่มาก หมอใส่เครื่องช่วยหายใจ และสายอะไรไม่รู้อีกเยอะแยะ
พะโล้อยู่โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำทั้งหมด 5 วัน หมอบอกว่าพะโล้ป่วยเป็นโรคเลือดจางจากการที่รับสารอาหารไม่เพียงพอ พอได้ฟังแบบนี้เลยทำให้รู้ว่าความผิดทั้งหมดมาจากตัวเราเองที่มัวแต่ห่วงกลัวหมูจะตัวใหญ่เกินไปเลยจำกัดอาหาร จนทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นหลังจากรับพะโล้กลับมาจากโรงบาลจึงเกิดการปฎิวัติเรื่องอาหารการกินของพะโล้ขึ้นนั่นเองงงงงง
เรื่องเล่าของคนเลี้ยงหมู : พะโล้ของพร่องงงงง
อันนี้กระทู้เก่าที่ผมเคยตั้งไว้ฮะ
เรื่องเล่าของคนเลี้ยงหมู
https://m.ppantip.com/topic/36168516
ป.ล.Edit ให้มันยาวขึ้นนะฮะ
ป.ล.2 ตามต่อใน คห.24 , 66 และจบตอนพะโล้ที่ คห.82 ครับ
วันนี้ว่างๆเลยอยากจะมาเล่าเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงของผมจากวันแรกจนถึงวันนี้แหละฮะ
หลายๆท่านคงเคยอ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ของผมมาแล้ว ว่าสัตว์เลี้ยงข้างกายของผมคือหมูชนิดหนึ่ง ชื่อว่าเจ้าพะโล้ ฮะ
ขอย้อนไปวันแรกที่เจอกันก่อนละกันนะฮะ
ผมเจอพะโล้ครั้งแรกที่จตุจักร ตรงโซนสัตว์เลี้ยง นอนโชว์ตัวอยู่ในตู้โชว์แบบนี้แหละฮะ
เห็นแล้วเหมือนโดนสะกดให้เข้าไปดู พอดูสอบถามคนขาย พี่เค้าบอกว่าเป็นหมูแคระ ตัวเล็ก โตเต็มที่ประาณหมาปอม (พี่เค้าบอกมางี้ฮะ 5555 ) ตอนนั้นสองจิตสองใจเลยกะว่ากลับมาบ้านค่อยตัดสินใจอีกที ภาพตัดวันถัดไปก็สอยมาเลยฮะ
ชื่อพะโล้ ป๊าเป็นคนตั้งให้ แรกๆเหมือนป๊าจะไม่ค่อยเห็นด้วยที่เอามาเลี้ยงแต่สุดท้ายคงทนความน่ารักของพะโล้ไม่ไหวกลายเป็นยอมรับพะโล้โดยปริยายฮะ
ผมเลี้ยงพะโล้ไว้ในบ้าน ไม่ค่อยยอมให้ออกไปเล่นข้างนอกเท่าไหร่ อาหารการกินในตอนนั้นที่คนขายแนะนำมาคือกล้วยผสมนมแพะฮะ ผมก็ทำตามอย่างเคร่งครัดเลยฮะ 555555
ให้นอนด้วยตั้งแต่เด็กเลยฮะ
สิ่งที่ได้เรียนรู้แรกๆเลยก็คือหมูเป็นสัตว์ฉลาดมากๆฮะ พอๆกับหมากับแมวเลย สามารถสอนให้ฉี่ในกระบะที่มีแผ่นรองฉี่วางไว้ แรกๆเวลาพะโล้ปวดฉี่ก็จะร้องให้อุ้มไปวาง แต่พอเวลาผ่านไปก็เก่งขึ้นกระโดดลงไปฉี่เอง ฉี่เสร็จก็กระโดดขึ้นมานอนเหมือนเดิมฮะ ส่วนเรื่องอึ ไม่เคยอีในห้องเลยฮะ อึข้างนอกเวลาพาไปเดินเล่นตลอดเลยฮะ
(ป.ล.ผมเลี้ยงตอนนี้ 6 ตัว เรื่องอึฉี่จะเป็นแบบนี้ทุกตัวเลยฮะ)
ตอนพาไปเที่ยวทะเล กับที่ออฟฟิศฮะ
นอนด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ให้กินกล้วยกับนมแพะ แบบนี้ตลอดเลยฮะ จนผ่านไปได้ประมาณ 4 เดือนก็เริ่มเกิดปัญหากับพะโล้ขึ้น
มีอยู่วันหนึ่งผมกลับมาถึงห้องแล้วหาพะโล้ไม่เจอ หาตั้งนานจนไปเจอพะโล้มุดอยู่ใต้ตู้ พอจับก็ร้องโวยวาย ตอนนั้นคิดว่าไม่น่าจะปรกติแล้วเลยพาไปคลีนิครักษาสัตว์ฮะ แต่ดันติดปัญหาตรงที่ดึกมากแล้วและไม่ค่อยมีที่ไหนยอมดูอาการหมูฮะ วน 3-4 ที่ จนในที่สุดก็มีคลีนิคที่ยอมรับดูอาการ คุณหมอพาพะโล้ไป x-ray ดู แล้วพบว่าอาหารไม่ย่อย หมอให้ยามาทานและแนะนำให้พรุ่งนี้พาไปหาหมอที่ ร.พ.สัตว์เกษตร
ตอนพาไปหาหมอพะโล้ที่ร.พ.สัตว์เกษตร พะโล้ค่อนข้างตื่นคนมากเลยฮะ สุดท้ายหมอก็บอกว่าให้ระวังเรื่องการให้อาหาร และแนะนำให้ทานอาหารที่ย่อยง่ายเช่นพวกแอปเปิ้ลและมะเขือเทศฮะ
พอกลับถึงบ้านเลยมีการเพิ่มเติมอาหารให้ไป จากกล้วยกับนมก็เพิ่มพวกผลไม้ที่ช่วยในการย่อยและขับถ่ายง่ายนั่นเองฮะ
พะโล้เลยกลับมาเริ่มแข็งแรงอีกทีฮะ
หลังจากวันนั้นประมาณไม่กี่เดือนเหตุการณ์ที่เปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตผมก็เริ่มขึ้นฮะ
คืนนั้นกลับบ้านค่อนข้างดึก จำได้ว่าต้องอยู่เตรียมเอกสารที่จะใช้ประชุมในตอนเช้าเลยออกจากที่ทำงานช้า
พอมาถึงบ้านเห็นพะโล้นอนในบ้านหลังเล็กที่เคยนอนประจำ แต่กลับผิดปกติเพราะไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกายเหมือนทุกที
อุ้มออกไปนอกบ้านก็ยังนิ่งไม่ไหวติง ตอนนั้นดึกมากรีบอุ้มพะโล้ใส่ตระกร้าเพื่อวิ่งไปโบก taxi ที่ปากซอยเพื่อไป ร.พ.สัตว์จุฬา
พอใกล้ถึงบนรถ taxi พะโล้เริ่มมีอาการกระตุกเหมือนหิวน้ำ พยายามหยอดน้ำให้กินแต่ก็ไม่เป็นผล พอถึงโรงบาลหมอรีบพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที และบอกว่าอาการที่เห็นคืออาการชักของหมูนั่นเอง พะโล้เข้าไปนานมาก บรรยากาศตอนนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ที่ไม่สบายทั้งลูกสุนัขที่ร้องโหยหวนจากการทานนมไม่ได้ และสุนัขที่ป่วยเป็นโรคพยาธิหัวใจที่สภาพตอนนั้นเต็มไปด้วยสายออกซิเจนและสายน้ำเกลือ
เวลาผ่านไปสักพักก่อนจะออกมาในสภาพแบบนี้
คืนนั้นหมอบอกว่า ไม่มีหมอเฉพาะทางเลย ต้องรอพบอาจารย์หมออย่างเดียว ตอนนี้ทำได้แค่ให้ยากันชักเท่านั้น หากรอดคืนนี้ไปได้ก็ถือว่าปลอดภัย คืนนั้นผมไปบนกับศาลที่อยู่หน้าโรงพยาบาลว่าหากพะโล้หายผมจะเลิกกินเนื้อหมู 1 เดือน
คืนนั้นทั้งคืน พะโล้ชักอีกประมาณ 2-3 ครั้ง พวกผมก็นอนเฝ้าข้างเตียงนั่นแหละครับ เฝ้าจนกระทั่งเช้า
พอตอนเช้าพบอาจารย์หมอ แกก็แนะนำให้ไปโรงพยาบาลสัตว์เฉพาะทาง เพราะที่นี่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ตอนที่อุ้มพะโล้ออกมากเสียใจมากเพราะกลัวพะโล้จะไม่รอด ขาสองข้างโดนพันไว้ แต่พะโล้พยายามเดินมาหา เลยตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องรักษาพะโล้ให้ได้ จึงตัดสินใจโบก taxi เพื่อไปโรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ
พอไปถึงคุณหมอรีบเอาพะโล้เข้าไปห้องรักษาทันที โดยให้ผมออกมารอข้างนอก ผมจัดแจงลางานโดยทางออฟฟิศของผมใจดีมากและให้ผมลาจนกว่าอาการพะโล้จะดีขึ้น
แล้วคุณหมอก็เรียกผมเข้าไปหา สภาพพะโล้ตอนนั้นแย่มาก หมอใส่เครื่องช่วยหายใจ และสายอะไรไม่รู้อีกเยอะแยะ
พะโล้อยู่โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำทั้งหมด 5 วัน หมอบอกว่าพะโล้ป่วยเป็นโรคเลือดจางจากการที่รับสารอาหารไม่เพียงพอ พอได้ฟังแบบนี้เลยทำให้รู้ว่าความผิดทั้งหมดมาจากตัวเราเองที่มัวแต่ห่วงกลัวหมูจะตัวใหญ่เกินไปเลยจำกัดอาหาร จนทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นหลังจากรับพะโล้กลับมาจากโรงบาลจึงเกิดการปฎิวัติเรื่องอาหารการกินของพะโล้ขึ้นนั่นเองงงงงง