คือ ปกติผมจะไม่ค่อยได้ให้คำปรึกษาแนวปัญหาชีวิตเท่าไหร่นะครับ แค่รับดูดวงเฉยๆ อาจจะมีพาดพิงบ้างนิดหน่อย
แต่เห็นเคสนี้แปลกดี เลยอยากนำมาถาม เพราะฟังดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของคนพูดเท่าไหร่น่ะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า น้องผู้ชาย (โต ทำงานแล้ว) ไปลงเรียนคอร์สภาษาสั้นๆ ที่ต่างประเทศ อารมณ์ประมาณว่าไปเที่ยวแบบอยู่ยาวๆ อะไรงี้ครับ เสร็จแล้วก็ได้ไปเจอกับน้องผู้หญิงอีกคน เป็นลักษณะของนักธุรกิจ ทำกิจการส่วนตัวเล็กๆ กึ่งๆ อาชีพอิสระ แล้วก็เกิดถูกใจกันขึ้นมา
ด้วยความที่ว่าตอนที่เจอกันอยู่แปลกที่ แล้วก็อารมณ์แบบกึ่งๆ พักร้อน ความสัมพันธ์ก็เลยเป็นไปแบบปุบปับ จนในที่สุดก็ลงเอยเป็นแฟนกัน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ก็ตะมุ้งตะมิ้งกันไป ด้วยความที่น้องผู้ชายเขาจะเป็นผู้ชายแบบอบอุ่น เทคแคร์ ส่วนตัวผู้หญิงจะออกแนวสปอร์ตเกิร์ล เป็นคนที่เติบโตขึ้นมาด้วยตัวเอง พึ่งตัวเองมาตลอด พอได้มีคนมาเทคแคร์เอาใจก็เลยเผลอใจอ่อนเข้าง่ายๆ ขนาดที่ว่าก่อนกลับนั่งน้ำตาซึม เพราะกลัวผู้ชายไม่สานต่อ (น้องผู้หญิงจะจบคอร์สกลับมาก่อนแป๊บนึง)
ปัญหาอยู่ตอนที่จบคอร์สกลับมาเมืองไทยแล้วปรากฎว่าชีวิตจริงต่างกันมาก เพราะผู้หญิงเขาทำธุรกิจยุ่งๆ ทั้งวัน แต่ผู้ชายเขาสไตล์สบายๆ หน่อย ก็เลยกลายเป็นว่าอะไรๆ ก็เข้ากันไม่ได้สักอย่าง ทั้งด้วยรสนิยมความเป็นอยู่ ไลฟ์สไตล์ด้วย
แล้วความที่ฝ่ายหญิงต้องทำนู่นทำนี่ทั้งวัน ส่วนผู้ชายจะว่างกว่าก็มีการชวนคุยบ้าง อะไรบ้าง แต่ผู้หญิงจะไม่ค่อยใส่ใจเพราะต้องยุ่งกับงาน กลายเป็นว่าจากคนเทคแคร์ กลายเป็นคนน่ารำคาญ ก็ทะเลาะกันจนสุดท้าย ก็ตกลงกันว่าคงไปกันไม่ได้
แต่ประเด็นที่น่าติดใจมาอยู่ตรงที่ว่า น้องผู้ชายเขาก็อยากจะออกไปอยู่แบบเงียบๆ แต่ผู้หญิงกลับขอให้คบเป็นเพื่อนกันแทน (ผู้หญิงเป็นฝ่ายขอเลิก) ซึ่งตอนแรกน้องผู้ชายปฏิเสธไปเพราะยังทำใจไม่ได้ กลายเป็นว่าถูกผู้หญิงหาว่าใจแคบ "คนอื่นๆ เขาคบกันไม่รอดก็คบเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น" (จริงเหรอ???)
ก็พอดีตอนแรกน้องเขามาตรวจดวงความรักกับผม พอคุยไปคุยมาก็เลยกลายเป็นศาลาคนเศร้าไป (วิญญาณพี่อ้อยพี่ฉอดลงองค์)
โดยส่วนตัวผมก็ไม่เห็นด้วยกับตรรกะของผู้หญิงนะครับ ยังไงคนที่เดินออกมาก่อนก็เป็นอิสระกว่า น่าจะเห็นใจฝ่ายที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังบ้าง แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราก็ได้แต่เอาใจช่วย
ตรงนี้ก็เลยเป็นประเด็นมารบกวนถามเพื่อนสมาชิกว่า คนเลิกกันแล้ว ยังอยากคบเป็นเพื่อน มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่นะ เข้าใจ... แต่ถ้าเขาไม่คบด้วยนี่ ถึงขนาดว่าใจแคบเลยเหรอ??? - คือ ตรรกะมันคือ ยังไงครับ ไอ้ที่ว่าคนอยากหลบไปทำใจแล้วต้องมาคอยเจอ คอยเห็นหน้า คอยตอบคำถาม แล้วไปว่าเขาใจแคบ เราก็แบบ เออ ไปไม่เป็นเหมือนกัน
#แท็กห้องสีลม เพราะเห็นว่าเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกับบุคคลที่กล่าวถึง
#แท็กห้องสินธร เพราะน้องผู้หญิงเป็นคนทำธุรกิจ คิดว่าคนทำธุรกิจน่าจะให้คำตอบได้ใกล้เคียงกับความจริงที่สุด
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
เลิกกันแล้ว... แต่ถ้าไม่ยอมเป็นเพื่อนด้วย ถือว่าใจแคบ ทำไมถึงอยากได้แบบนี้เหรอครับ
แต่เห็นเคสนี้แปลกดี เลยอยากนำมาถาม เพราะฟังดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของคนพูดเท่าไหร่น่ะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า น้องผู้ชาย (โต ทำงานแล้ว) ไปลงเรียนคอร์สภาษาสั้นๆ ที่ต่างประเทศ อารมณ์ประมาณว่าไปเที่ยวแบบอยู่ยาวๆ อะไรงี้ครับ เสร็จแล้วก็ได้ไปเจอกับน้องผู้หญิงอีกคน เป็นลักษณะของนักธุรกิจ ทำกิจการส่วนตัวเล็กๆ กึ่งๆ อาชีพอิสระ แล้วก็เกิดถูกใจกันขึ้นมา
ด้วยความที่ว่าตอนที่เจอกันอยู่แปลกที่ แล้วก็อารมณ์แบบกึ่งๆ พักร้อน ความสัมพันธ์ก็เลยเป็นไปแบบปุบปับ จนในที่สุดก็ลงเอยเป็นแฟนกัน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ก็ตะมุ้งตะมิ้งกันไป ด้วยความที่น้องผู้ชายเขาจะเป็นผู้ชายแบบอบอุ่น เทคแคร์ ส่วนตัวผู้หญิงจะออกแนวสปอร์ตเกิร์ล เป็นคนที่เติบโตขึ้นมาด้วยตัวเอง พึ่งตัวเองมาตลอด พอได้มีคนมาเทคแคร์เอาใจก็เลยเผลอใจอ่อนเข้าง่ายๆ ขนาดที่ว่าก่อนกลับนั่งน้ำตาซึม เพราะกลัวผู้ชายไม่สานต่อ (น้องผู้หญิงจะจบคอร์สกลับมาก่อนแป๊บนึง)
ปัญหาอยู่ตอนที่จบคอร์สกลับมาเมืองไทยแล้วปรากฎว่าชีวิตจริงต่างกันมาก เพราะผู้หญิงเขาทำธุรกิจยุ่งๆ ทั้งวัน แต่ผู้ชายเขาสไตล์สบายๆ หน่อย ก็เลยกลายเป็นว่าอะไรๆ ก็เข้ากันไม่ได้สักอย่าง ทั้งด้วยรสนิยมความเป็นอยู่ ไลฟ์สไตล์ด้วย
แล้วความที่ฝ่ายหญิงต้องทำนู่นทำนี่ทั้งวัน ส่วนผู้ชายจะว่างกว่าก็มีการชวนคุยบ้าง อะไรบ้าง แต่ผู้หญิงจะไม่ค่อยใส่ใจเพราะต้องยุ่งกับงาน กลายเป็นว่าจากคนเทคแคร์ กลายเป็นคนน่ารำคาญ ก็ทะเลาะกันจนสุดท้าย ก็ตกลงกันว่าคงไปกันไม่ได้
แต่ประเด็นที่น่าติดใจมาอยู่ตรงที่ว่า น้องผู้ชายเขาก็อยากจะออกไปอยู่แบบเงียบๆ แต่ผู้หญิงกลับขอให้คบเป็นเพื่อนกันแทน (ผู้หญิงเป็นฝ่ายขอเลิก) ซึ่งตอนแรกน้องผู้ชายปฏิเสธไปเพราะยังทำใจไม่ได้ กลายเป็นว่าถูกผู้หญิงหาว่าใจแคบ "คนอื่นๆ เขาคบกันไม่รอดก็คบเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น" (จริงเหรอ???)
ก็พอดีตอนแรกน้องเขามาตรวจดวงความรักกับผม พอคุยไปคุยมาก็เลยกลายเป็นศาลาคนเศร้าไป (วิญญาณพี่อ้อยพี่ฉอดลงองค์)
โดยส่วนตัวผมก็ไม่เห็นด้วยกับตรรกะของผู้หญิงนะครับ ยังไงคนที่เดินออกมาก่อนก็เป็นอิสระกว่า น่าจะเห็นใจฝ่ายที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังบ้าง แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราก็ได้แต่เอาใจช่วย
ตรงนี้ก็เลยเป็นประเด็นมารบกวนถามเพื่อนสมาชิกว่า คนเลิกกันแล้ว ยังอยากคบเป็นเพื่อน มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่นะ เข้าใจ... แต่ถ้าเขาไม่คบด้วยนี่ ถึงขนาดว่าใจแคบเลยเหรอ??? - คือ ตรรกะมันคือ ยังไงครับ ไอ้ที่ว่าคนอยากหลบไปทำใจแล้วต้องมาคอยเจอ คอยเห็นหน้า คอยตอบคำถาม แล้วไปว่าเขาใจแคบ เราก็แบบ เออ ไปไม่เป็นเหมือนกัน
#แท็กห้องสีลม เพราะเห็นว่าเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกับบุคคลที่กล่าวถึง
#แท็กห้องสินธร เพราะน้องผู้หญิงเป็นคนทำธุรกิจ คิดว่าคนทำธุรกิจน่าจะให้คำตอบได้ใกล้เคียงกับความจริงที่สุด
ขอบคุณทุกความเห็นครับ