คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
***ใกล้จะสิ้นเดือนเลยเอาบทความของคุณลุงที่ผมติดตามผลงานมาแปะคนับ และผมเป็นลูกค้าของภัทระ มานานเลยทีเดียว😎
Credit : Banyong Pongpanich
ว่าด้วยการพนัน......(ตอนที่ 2)
เล่นหวย - ซื้อลอตเตอรี่ - ซื้อประกัน การพนันอย่างไหนผู้เล่นเสียเปรียบมากกว่ากัน
ในตอนที่แล้วผมเขียนถึง การเข้าคาสิโนและการเล่นพนันม้าแข่ง สรุปว่าเข้าคาสิโนนั้นเจ้ามือเอาเปรียบไม่มากเพียงแค่ 0.35-3.0%ถ้าเป็นการพนันหลักอย่างBlackjack Baccarat และRoulette แต่เขาใช้ความถี่ของเกมและจำนวนโต๊ะจำนวนผู้เล่นที่ทำให้บ่อนได้กำไรเยอะ
...ขณะที่การพนันม้านั้น เจ้ามือกับภาษีได้อย่างเดียว เพราะเขาหักก่อน คนเล่นในไทยวางเงินร้อยบาทเท่ากับเหลือเจ็ดสิบเจ็ดบาทห้าสิบ แต่สนามม้าไทยก็ยังขาดทุนยับเพราะคนเล่นน้อยแต่ค่าใช้จ่ายสูง ขณะที่ฮ่องกงวางร้อยเหลือแปดสิบสองห้าสิบ และสนามยังกำไรมหาศาลเพราะปริมาณการเล่นผิดกันหลายร้อยเท่าตัว
วันนี้จะพูดถึงการพนันที่เหลืออีกสามอย่าง โดยจะขอเริ่มที่ลอตเตอรี่ หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า"สลากกินแบ่งรัฐบาล" ซึ่งดำเนินการผูกขาดโดยสำนักงานสลากกินแบ่งฯซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทหารายได้(เรียกว่ารัฐขอเป็นเจ้ามือรับกินเอง) ตามพรบ.ปี 2517
สลากกินแบ่งนี้ กองสลากจะเป็นผู้พิมพ์แล้วแจกจ่ายผ่านระบบจัดจำหน่าย ที่เรียกว่ายี่ปั๊วซาปั๊ว โดยให้ค่าส่วนลดใบละ 3-4 บาท(คู่ละ6-8)บาท งวดหนึ่งๆเดี๋ยวนี้จำหน่ายประมาณ 120 ล้านฉบับ หรือ60ล้านคู่ ถ้านับเงินที่กองสลากได้ ก็จะได้งวดละประมาณ 4,300 ล้านบาท ปีละประมาณ100,000ล้านบาททีเดียว ตามกฎหมายนั้น กองสลากต้องจ่ายรางวัลร้อยละหกสิบ แล้วนำส่งงบประมาณแผ่นดินร้อยละยี่สิบแปด ที่เหลือเป็นงบค่าใช้จ่ายดำเนินงาน และเหลือกำไรไว้ทำการกุศลอื่นๆได้บ้าง
ใครๆก็พอรู้ว่าเรื่องสลากกินแบ่งนี้ มีกลุ่มผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆมากมาย ทั้งในสำนักงานเองและระบบการแบ่งสรรโควตาให้กับหน่วยงาน รวมทั้งเอกชนต่างๆ และยังมีส่วนลดพิเศษให้กับหน่วยงานราชการอีกประมาณปีละพันล้านบาท(ไม่รู้เอาไปไหน ไปทำอะไร ทำไมไม่เพิ่มเงินให้รัฐแล้วให้หน่วยงานต่างๆทำของบประมาณตรงๆก็ไม่ทราบ) นอกจากนั้นส่วนหนึ่งยังมีการออกสลากการกุศลที่นำเงินกว่าปีละห้าพันล้านบาทมอบให้องค์กรการกุศลไปเลย(นี่ก็เป็นการไซฟ่อนนอกงบฯอีก) โดยปีหนึ่งๆกองสลากจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ1,600-2,000ลัานบาท
ที่น่าขมขื่นสำหรับประชาชนยิ่งขึ้นก็คือ นอกจากจะมีโอกาสได้รางวัลน้อยแล้ว ยังต้องซื้อสลากเกินราคาอีก จากคู่ละ 80 บาท สำหรับสลากชุดอาจต้องจ่ายถึงคู่ละ 90-100 บาทเลยทีเดียว เพราะมีการดักเอาผลประโยชน์ตามเบี้ยใบ้รายทางทุกขั้นตอน (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องโทษคนซื้อแหละครับ ว่ายอมจ่ายทำไม ไม่ซื้อลอตเตอรี่ ไม่เห็นจะตายเลย มีการพนันอื่นๆที่โอกาสสูงกว่าให้เล่นอีกตั้งเยอะ)
ปัญหาสลากเกินราคานี้ นับว่าเป็นวาระสำคัญแห่งชาติเลยทีเดียว ผู้นำรัฐประหารประกาศว่าจะคืนความสุขโดยการกวาดล้างไม่ให้มีสลากเกินราคาให้ได้ มีการยกร่างพรบ.ที่จะแก้ไขฉบับเดิม แต่ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์มากจนไม่ทันใจท่าน ออกม.44เมื่อกลางปี เพิ่มโทษทั้งจำทั้งปรับคนขายเกินราคา ให้ทหารมาร่วมปราบ แต่ก็แอบสอดแทรกอีกสองเรื่องสำคัญ คือ เรื่องแรกเปลี่ยนข้อกำหนดกรรมการให้ทหารมาเป็นประธานได้ กับอีกเรื่องคือ ให้ลดเงินนำส่งงบประมาณจาก 28% เป็นเหลือแค่ 20% เพิ่มงบค่าใช้จ่ายให้จาก 12% เป็น17% อีก3%ให้ตั้งกองทุนพัฒนาสังคมเรื่องการพนันที่ไม่ต้องอยู่ในระบบงบประมาณ
ซึ่งเรื่องหลังนี่ผมว่ามันพิกล เพราะในขณะที่มาตรการหนึ่งคือออกสลากเพิ่มมหาศาลเพื่อเพิ่มอุปทาน จนทำให้เดิมออกแค่งวดละสี่สิบล้านคู่มาเป็นหกสิบล้านคู่แล้ว ค่าใช้จ่ายคิดเป็นร้อยละมันน่าจะลดลงได้มากเลย แต่นี่กลับให้จ่ายมากขึ้น(โดยใช้อำนาจพิเศษอนุญาตซะด้วย) กับเราจะมีกองทุนสำหรับวิจัย ให้ความรู้ประชาชน กับต่อต้านการพนันอีกปีละเกือบสามพันล้านบาท ซึ่งผมว่าเอาไปใช้ต่อต้านคอร์รัปชั่นโดยให้องค์กรภาคประชาสังคมทำหน้าที่ยังจะดีกว่าเยอะ
ความจริงวิธีแก้สลากเกินราคาที่ดีที่สุดนี่ทำง่ายนิดเดียว แค่เปลี่ยนจากสลากกระดาษเป็นDigital ขายonline แต่อย่างเดียวก็ไม่มีทางขายเกินราคาได้อีก แต่อย่างว่าแหละครับ กลุ่มผลประโยชน์ รวมไปถึงเครือข่ายการขายคงจะไม่ยอมกันง่ายๆ คงต้องอ้างไปถึงว่าเป็นอาชีพสำคัญของคนพิการอะไรไปโน่นเลย มีคนบอกว่าไทยเป็นหนึ่งในสองประเทศเท่านั้นในโลกที่ยังขายลอตเตอรี่กระดาษอยู่ ...กับอีกวิธีหนึ่งก็คือ Privatizeกองสลากเสียเลย ให้เอกชนเข้ามาประมูลทำ รับรองว่ารายได้รัฐเพิ่ม คนเล่นได้ส่วนแบ่งมากขึ้น ค่าใช้จ่ายลด จะควบคุมปริมาณก็ทำได้ แถมไม่ต้องให้Monopolyก็ยังออกแบบได้ ให้มีการแข่งขันกันตามควร
ขอกลับมามองในมุมของคนเล่น คนซื้อลอตเตอรี่บ้าง นี่เป็นการพนันที่เจ้ามือเอาเปรียบมากที่สุดชนิดหนึ่งทีเดียว ถ้าพลิกไปดูด้านหลังสลากแต่ละใบ เขาจะระบุชัดว่ารางวัลรวมของแต่ละชุดนั้น รวมตั้งแต่รางวัลที่1 ใบละสามล้านไล่ลงไป รวมจะจ่ายให้งวดละ24,000,000บาทต่อชุด ซึ่งชุดหนึ่งมีล้านฉบับขายใบละ40 บาท ก็เท่ากับว่า ถ้าซื้อตามราคา วางเงินสี่สิบบาทมันก็เหลือค่าแค่ยี่สิบสี่บาทแล้ว ยิ่งซื้อเกินราคาก็เท่ากับว่าถูกกินไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ถามว่าทำไมคนถึงยังกระหน่ำแย่งซื้อลอตเตอรี่กันอยู่ได้ ทั้งๆที่วัดตามทฤษฎีคณิตศาสตร์แล้วมันเหมือนเป็นเรื่องโง่ชัดๆ มีเงินอยู่ร้อยบาท อยู่ๆก็ไปซื้อของที่มีค่าหกสิบบาทเห็นๆ อันนี้อธิบายได้หลายอย่าง บ้างก็ว่าเป็นความฝันของคนจน เป็นทางเดียวที่จะทำให้รำ่รวยขึ้นมา(โดยเฉพาะในสังคมที่โอกาสถูกจำกัดไว้เฉพาะคนบางชั้น บางพวก บางกลุ่ม) บ้างก็ว่าเป็นการมอมเมา ได้ยินได้อ่านเรื่องแฟรี่เทลของบางครั้งที่มีคนถูกที่หนึ่งทีละชุดใหญ่ได้คราวนึงห้าสิบล้านร้อยล้าน หรือจะอธิบายโดยทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่คนยอมเอาเงินก้อนท้ายๆที่อรรถประโยชน์ตำ่ไปแลกกับโอกาสที่จะได้ก้อนใหญ่ที่อรรถประโยชน์ต่อหน่วยสูงกว่า(เรื่องนี้จะอธิบายละเอียดในภาคประกันภัยอีกทีนะครับ) แต่คงไม่มีใครซื้อลอตเตอรี่เพราะเห็นว่าสนง.สลากฯนั้นดี ทำประโยชน์ทั้งหาเงินให้รัฐ ทั้งทำการกุศลเยอะ เลยอยากอุดหนุนเพราะอยากช่วยรัฐ อยากทำบุญ
สรุปว่า การซื้อลอตเตอรี่ หรือสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น เป็นการพนันที่เจ้ามือเอาเปรียบผู้เล่นมากที่สุดอย่างหนึ่ง House edge (น่าจะเรียกว่า Gov't edge)สูงถึง 40 % แต่กลับมีคนแย่งซื้อแย่งเล่นกันทุกงวดจนยอมแม้ต้องจ่ายเกินราคา
ทีนี้ก็มาถึงหวย ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการพนันเก่าแก่ที่รัชกาลที่สามทรงโปรดให้มีขึ้น นัยว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองดึงให้คนเอาเงินออกมาใช้ ต่อมาร.6ทรงยกเลิก หวย ก.ข.เปลี่ยนเป็นลอตเตอรี่แทน จนปัจจุบัน"หวย"ถูกพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์พ่วง(by product)ของสลากกินแบ่งอีกทีนึง ...
โดยเหตุที่ลอตเตอรี่นั้นเป็นที่นิยมมาก แต่เหมือนต้องซื้อพ่วง คือ ซื้อทีต้องพนันทุกๆรางวัล ตั้งแต่ที่1-2-3 เรื่อยไปจนถึงเลขท้ายสองตัวสามตัว ในที่สุดเลยมีคนหัวใสสร้างนวัตกรรม ทำอนุพันธุ์หวยขึ้นมาค้ากำไร (ผมคิดว่านี่เป็นนวัตกรรมไทยๆที่ประสพความสำเร็จเป็นที่นิยมสูงสุดพอๆกับอาหารไทยเลยทีเดียว ...ที่ประเทศอื่นมีไหมครับ ใครมีข้อมูลเล่าหน่อยครับ) นั่นก็คือ ให้คนเล่นเลือกแทงได้ ว่าจะแทงแค่ สองตัว สามตัว หรือแทงโต๊ต แถมมีแทงบน แทงล่างได้ด้วย ซึ่งวิธีแทงก็คือ เลือกได้ว่าจะแทงอะไร อย่างละกี่บาท โดยเจ้ามือจะจ่ายให้ตามอัตราที่ตกลงกัน ซึ่งก็มีหลายมาตรฐานต่างๆกันบ้าง
ตัวอย่างการแทงหวย ก็เช่น สองตัวบน ซึ่งคือ เลขท้ายสองตัวสุดท้ายของรางวัลที่หนึ่งในงวดนั้น ซึ่งมีโอกาสถูกหนึ่งในร้อย แต่ถ้าถูกเจ้ามือจะจ่ายให้แค่ 70 เท่าของเงินที่แทง โดยเจ้ามือจะมีHouse edgeอยู่ 30% ซึ่งนั่นดูจะเป็นอัตราตำ่สุด เพราะถ้าแทงสามตัวซึ่งโอกาสถูกแค่หนึ่งในพัน เขาจะจ่ายแค่ 500-600เท่า ซึ่งก็เท่ากับมีHouse edge 40-50%เลยทีเดียว ...หรือถ้าแทงโต๊ตสามตัว ซึ่งคือการแทงสลับเบอร์ได้ เช่น แทง 123 ซึ่งโอกาสถูกคือ เลขท้ายรางวัลที่หนึ่งออก 123 132 231 213 312 หรือ 321 มีโอกาสหกในพัน แต่เขาจะจ่ายให้ 100 เท่าเท่านั้น เท่ากับเจ้ามือมีHouse Edge 40% เท่าๆกับลอตเตอรี่รัฐ
ถึงแม้เจ้ามือจะได้เปรียบมาก แต่ก็ใช่ว่าจะได้กำไรเสมอไป เพราะคนไม่ได้แทงเท่ากันทุกๆเบอร์ บางงวดถ้าบังเอิญมีคนระดมแทงเบอร์เดียวกันเยอะๆแล้วถูก(ผมเรียกว่าบังเอิญเพราะผมไม่เชื่อเรื่องหวยล็อค) เจ้ามือก็อาจขาดทุนหรือถึงกับเจ๊งล้มละลายได้ เจ้ามือใหญ่ๆจึงต้องมีเครือข่ายที่กว้างขวางเพื่อกระจายความเสี่ยง และอาจหาช่องทางออกตัวได้ หรืออาจต้องระงับการรับแทงสำหรับบางเลขที่มีคนทุ่มเยอะ เรียกว่าต้องใช้ระบบการบริหารความเสี่ยงเข้ามาช่วยด้วย
เจ้ามือหวยยังมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย ต้องจ่ายให้กับเครือข่ายDistributionที่เรียกว่า"คนเดินโพย"ประมาณ5-10% ในบางกรณีก็อาจมีส่วนลดให้"ขาใหญ่"5-10% และค่าใช้จ่ายสำคัญอีกอย่างก็คือ "ค่าคุ้มครอง" ซึ่งต้องจ่ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย(ค้าขายแข่งกับMonopolyของรัฐ) ...มีคนบอกว่าเงินบ่อนเงินหวยนี้พวกตำรวจเค้าเรียก"เงินเย็น"เพราะจริงๆไม่มีใครเดือดร้อน คนเล่นก็สนุกอยากเล่นเอง คนเดินโพยก็มีงานทำ เจ้ามือก็ประกอบธุรกิจไม่โกงใคร มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ(จะว่าไปHouse Edgeทั้งหลายนั่นคือGDPล้วนๆเลยครับ) และมีคนบอกว่าเรื่อง"ค่าคุ้มครองอย่างนี้ ไม่เฉพาะตำรวจเท่านั้น บางครั้งทหารก็มีเอี่ยว (เวลาผมบอกว่า"มีคนบอกว่า"แปลว่าฟังเขามานะครับ ไม่ได้เห็นเอง)
ที่คนไทยจำนวนมากติดเล่นหวยกันจนงอมแงม จนประมาณว่างวดหนึ่งๆมีการแทงหวยกันเป็นหมื่นล้านบาท นับเป็นระบบเศรษฐกิจใต้ดินที่ใหญ่และสำคัญอันหนึ่ง เมื่อปี2546 รัฐบาลทักษิณเลยจัดการให้กองสลากออก"หวยบนดิน"ที่ถูกกฎหมายมาให้ประชาชนได้แทงได้พนันกัน สามปีทำกำไรได้เกือบสามหมื่นล้านบาท เอาเงินไปทำสาธารณะประโยชน์ เช่น เอาไปให้ทุนเด็กบ้านนอกไปเรียนเมืองนอกได้เยอะ
แต่พอปฏิวัติ2549 ก็ถูกเช็คบิล ศาลฎีกาตัดสินว่าผิดพรบ.สลากฯปี17 เพราะ"หวย"นั้นถึงแม้รัฐจะได้เปรียบอยู่30-40% ก็ไม่ใช่"สลากกินแบ่ง"ที่รัฐจะได้กินชัวร์ๆ แถมยังมีการเบียดบังเงินที่ควรเป็นของแผ่นดินไปใช้นอกงบประมาณต้องยุตติการออกไป รมต.หวุดหวิดติดคุกทั้งคณะ ปล่อยให้ธุรกิจ"หวย"ม้วนกลับลงไปอยู่ใต้ดิน สมใจเหล่ามาเฟียเหล่าเจ้ามือและคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ...นี่รัฐบาลปัจจุบันก็กำลังจะแก้พรบ.เพื่อที่จะทำอย่างที่"ทักษิณ"ทำทุกประการ คือ ให้กองสลากออกหวยบนดินได้ และมีช่องให้ใช้เงินนอกงบฯรูใหญ่กว่าเดิมอีกด้วย
สรุปว่า ลอตเตอรี่ กับ หวย ดูจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ประชาชนขาดไม่ได้ตลอดไป ข้างประชาชนก็ช่างมัวเมาลุ่มหลง ปีหนึ่งๆใช้เงินมาทุ่มด้านนี้หลายแสนล้านต่อปี สร้างรายได้ให้รัฐมากมาย นับเป็นภาษีคนจนชิ้นสำคัญเลยทีเดียว
😝😝😝😝😝😝
***การเสี่ยงโชคก็คือการวางแผนการรบอย่างนึง ถ้าเรารู้จักคำนวนหาค่า stat ของมันเราจะมีความได้เปรียบอีกมาก
แต่ควรเอาดอกเบี้ยไปเล่นอย่าเอาทุนหมุนเวียนไปเล่นนะฮะ😘
รักนะ จุ๊บๆ❤️❤️❤️
Credit : Banyong Pongpanich
ว่าด้วยการพนัน......(ตอนที่ 2)
เล่นหวย - ซื้อลอตเตอรี่ - ซื้อประกัน การพนันอย่างไหนผู้เล่นเสียเปรียบมากกว่ากัน
ในตอนที่แล้วผมเขียนถึง การเข้าคาสิโนและการเล่นพนันม้าแข่ง สรุปว่าเข้าคาสิโนนั้นเจ้ามือเอาเปรียบไม่มากเพียงแค่ 0.35-3.0%ถ้าเป็นการพนันหลักอย่างBlackjack Baccarat และRoulette แต่เขาใช้ความถี่ของเกมและจำนวนโต๊ะจำนวนผู้เล่นที่ทำให้บ่อนได้กำไรเยอะ
...ขณะที่การพนันม้านั้น เจ้ามือกับภาษีได้อย่างเดียว เพราะเขาหักก่อน คนเล่นในไทยวางเงินร้อยบาทเท่ากับเหลือเจ็ดสิบเจ็ดบาทห้าสิบ แต่สนามม้าไทยก็ยังขาดทุนยับเพราะคนเล่นน้อยแต่ค่าใช้จ่ายสูง ขณะที่ฮ่องกงวางร้อยเหลือแปดสิบสองห้าสิบ และสนามยังกำไรมหาศาลเพราะปริมาณการเล่นผิดกันหลายร้อยเท่าตัว
วันนี้จะพูดถึงการพนันที่เหลืออีกสามอย่าง โดยจะขอเริ่มที่ลอตเตอรี่ หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า"สลากกินแบ่งรัฐบาล" ซึ่งดำเนินการผูกขาดโดยสำนักงานสลากกินแบ่งฯซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทหารายได้(เรียกว่ารัฐขอเป็นเจ้ามือรับกินเอง) ตามพรบ.ปี 2517
สลากกินแบ่งนี้ กองสลากจะเป็นผู้พิมพ์แล้วแจกจ่ายผ่านระบบจัดจำหน่าย ที่เรียกว่ายี่ปั๊วซาปั๊ว โดยให้ค่าส่วนลดใบละ 3-4 บาท(คู่ละ6-8)บาท งวดหนึ่งๆเดี๋ยวนี้จำหน่ายประมาณ 120 ล้านฉบับ หรือ60ล้านคู่ ถ้านับเงินที่กองสลากได้ ก็จะได้งวดละประมาณ 4,300 ล้านบาท ปีละประมาณ100,000ล้านบาททีเดียว ตามกฎหมายนั้น กองสลากต้องจ่ายรางวัลร้อยละหกสิบ แล้วนำส่งงบประมาณแผ่นดินร้อยละยี่สิบแปด ที่เหลือเป็นงบค่าใช้จ่ายดำเนินงาน และเหลือกำไรไว้ทำการกุศลอื่นๆได้บ้าง
ใครๆก็พอรู้ว่าเรื่องสลากกินแบ่งนี้ มีกลุ่มผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆมากมาย ทั้งในสำนักงานเองและระบบการแบ่งสรรโควตาให้กับหน่วยงาน รวมทั้งเอกชนต่างๆ และยังมีส่วนลดพิเศษให้กับหน่วยงานราชการอีกประมาณปีละพันล้านบาท(ไม่รู้เอาไปไหน ไปทำอะไร ทำไมไม่เพิ่มเงินให้รัฐแล้วให้หน่วยงานต่างๆทำของบประมาณตรงๆก็ไม่ทราบ) นอกจากนั้นส่วนหนึ่งยังมีการออกสลากการกุศลที่นำเงินกว่าปีละห้าพันล้านบาทมอบให้องค์กรการกุศลไปเลย(นี่ก็เป็นการไซฟ่อนนอกงบฯอีก) โดยปีหนึ่งๆกองสลากจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ1,600-2,000ลัานบาท
ที่น่าขมขื่นสำหรับประชาชนยิ่งขึ้นก็คือ นอกจากจะมีโอกาสได้รางวัลน้อยแล้ว ยังต้องซื้อสลากเกินราคาอีก จากคู่ละ 80 บาท สำหรับสลากชุดอาจต้องจ่ายถึงคู่ละ 90-100 บาทเลยทีเดียว เพราะมีการดักเอาผลประโยชน์ตามเบี้ยใบ้รายทางทุกขั้นตอน (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องโทษคนซื้อแหละครับ ว่ายอมจ่ายทำไม ไม่ซื้อลอตเตอรี่ ไม่เห็นจะตายเลย มีการพนันอื่นๆที่โอกาสสูงกว่าให้เล่นอีกตั้งเยอะ)
ปัญหาสลากเกินราคานี้ นับว่าเป็นวาระสำคัญแห่งชาติเลยทีเดียว ผู้นำรัฐประหารประกาศว่าจะคืนความสุขโดยการกวาดล้างไม่ให้มีสลากเกินราคาให้ได้ มีการยกร่างพรบ.ที่จะแก้ไขฉบับเดิม แต่ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์มากจนไม่ทันใจท่าน ออกม.44เมื่อกลางปี เพิ่มโทษทั้งจำทั้งปรับคนขายเกินราคา ให้ทหารมาร่วมปราบ แต่ก็แอบสอดแทรกอีกสองเรื่องสำคัญ คือ เรื่องแรกเปลี่ยนข้อกำหนดกรรมการให้ทหารมาเป็นประธานได้ กับอีกเรื่องคือ ให้ลดเงินนำส่งงบประมาณจาก 28% เป็นเหลือแค่ 20% เพิ่มงบค่าใช้จ่ายให้จาก 12% เป็น17% อีก3%ให้ตั้งกองทุนพัฒนาสังคมเรื่องการพนันที่ไม่ต้องอยู่ในระบบงบประมาณ
ซึ่งเรื่องหลังนี่ผมว่ามันพิกล เพราะในขณะที่มาตรการหนึ่งคือออกสลากเพิ่มมหาศาลเพื่อเพิ่มอุปทาน จนทำให้เดิมออกแค่งวดละสี่สิบล้านคู่มาเป็นหกสิบล้านคู่แล้ว ค่าใช้จ่ายคิดเป็นร้อยละมันน่าจะลดลงได้มากเลย แต่นี่กลับให้จ่ายมากขึ้น(โดยใช้อำนาจพิเศษอนุญาตซะด้วย) กับเราจะมีกองทุนสำหรับวิจัย ให้ความรู้ประชาชน กับต่อต้านการพนันอีกปีละเกือบสามพันล้านบาท ซึ่งผมว่าเอาไปใช้ต่อต้านคอร์รัปชั่นโดยให้องค์กรภาคประชาสังคมทำหน้าที่ยังจะดีกว่าเยอะ
ความจริงวิธีแก้สลากเกินราคาที่ดีที่สุดนี่ทำง่ายนิดเดียว แค่เปลี่ยนจากสลากกระดาษเป็นDigital ขายonline แต่อย่างเดียวก็ไม่มีทางขายเกินราคาได้อีก แต่อย่างว่าแหละครับ กลุ่มผลประโยชน์ รวมไปถึงเครือข่ายการขายคงจะไม่ยอมกันง่ายๆ คงต้องอ้างไปถึงว่าเป็นอาชีพสำคัญของคนพิการอะไรไปโน่นเลย มีคนบอกว่าไทยเป็นหนึ่งในสองประเทศเท่านั้นในโลกที่ยังขายลอตเตอรี่กระดาษอยู่ ...กับอีกวิธีหนึ่งก็คือ Privatizeกองสลากเสียเลย ให้เอกชนเข้ามาประมูลทำ รับรองว่ารายได้รัฐเพิ่ม คนเล่นได้ส่วนแบ่งมากขึ้น ค่าใช้จ่ายลด จะควบคุมปริมาณก็ทำได้ แถมไม่ต้องให้Monopolyก็ยังออกแบบได้ ให้มีการแข่งขันกันตามควร
ขอกลับมามองในมุมของคนเล่น คนซื้อลอตเตอรี่บ้าง นี่เป็นการพนันที่เจ้ามือเอาเปรียบมากที่สุดชนิดหนึ่งทีเดียว ถ้าพลิกไปดูด้านหลังสลากแต่ละใบ เขาจะระบุชัดว่ารางวัลรวมของแต่ละชุดนั้น รวมตั้งแต่รางวัลที่1 ใบละสามล้านไล่ลงไป รวมจะจ่ายให้งวดละ24,000,000บาทต่อชุด ซึ่งชุดหนึ่งมีล้านฉบับขายใบละ40 บาท ก็เท่ากับว่า ถ้าซื้อตามราคา วางเงินสี่สิบบาทมันก็เหลือค่าแค่ยี่สิบสี่บาทแล้ว ยิ่งซื้อเกินราคาก็เท่ากับว่าถูกกินไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ถามว่าทำไมคนถึงยังกระหน่ำแย่งซื้อลอตเตอรี่กันอยู่ได้ ทั้งๆที่วัดตามทฤษฎีคณิตศาสตร์แล้วมันเหมือนเป็นเรื่องโง่ชัดๆ มีเงินอยู่ร้อยบาท อยู่ๆก็ไปซื้อของที่มีค่าหกสิบบาทเห็นๆ อันนี้อธิบายได้หลายอย่าง บ้างก็ว่าเป็นความฝันของคนจน เป็นทางเดียวที่จะทำให้รำ่รวยขึ้นมา(โดยเฉพาะในสังคมที่โอกาสถูกจำกัดไว้เฉพาะคนบางชั้น บางพวก บางกลุ่ม) บ้างก็ว่าเป็นการมอมเมา ได้ยินได้อ่านเรื่องแฟรี่เทลของบางครั้งที่มีคนถูกที่หนึ่งทีละชุดใหญ่ได้คราวนึงห้าสิบล้านร้อยล้าน หรือจะอธิบายโดยทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่คนยอมเอาเงินก้อนท้ายๆที่อรรถประโยชน์ตำ่ไปแลกกับโอกาสที่จะได้ก้อนใหญ่ที่อรรถประโยชน์ต่อหน่วยสูงกว่า(เรื่องนี้จะอธิบายละเอียดในภาคประกันภัยอีกทีนะครับ) แต่คงไม่มีใครซื้อลอตเตอรี่เพราะเห็นว่าสนง.สลากฯนั้นดี ทำประโยชน์ทั้งหาเงินให้รัฐ ทั้งทำการกุศลเยอะ เลยอยากอุดหนุนเพราะอยากช่วยรัฐ อยากทำบุญ
สรุปว่า การซื้อลอตเตอรี่ หรือสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น เป็นการพนันที่เจ้ามือเอาเปรียบผู้เล่นมากที่สุดอย่างหนึ่ง House edge (น่าจะเรียกว่า Gov't edge)สูงถึง 40 % แต่กลับมีคนแย่งซื้อแย่งเล่นกันทุกงวดจนยอมแม้ต้องจ่ายเกินราคา
ทีนี้ก็มาถึงหวย ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการพนันเก่าแก่ที่รัชกาลที่สามทรงโปรดให้มีขึ้น นัยว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองดึงให้คนเอาเงินออกมาใช้ ต่อมาร.6ทรงยกเลิก หวย ก.ข.เปลี่ยนเป็นลอตเตอรี่แทน จนปัจจุบัน"หวย"ถูกพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์พ่วง(by product)ของสลากกินแบ่งอีกทีนึง ...
โดยเหตุที่ลอตเตอรี่นั้นเป็นที่นิยมมาก แต่เหมือนต้องซื้อพ่วง คือ ซื้อทีต้องพนันทุกๆรางวัล ตั้งแต่ที่1-2-3 เรื่อยไปจนถึงเลขท้ายสองตัวสามตัว ในที่สุดเลยมีคนหัวใสสร้างนวัตกรรม ทำอนุพันธุ์หวยขึ้นมาค้ากำไร (ผมคิดว่านี่เป็นนวัตกรรมไทยๆที่ประสพความสำเร็จเป็นที่นิยมสูงสุดพอๆกับอาหารไทยเลยทีเดียว ...ที่ประเทศอื่นมีไหมครับ ใครมีข้อมูลเล่าหน่อยครับ) นั่นก็คือ ให้คนเล่นเลือกแทงได้ ว่าจะแทงแค่ สองตัว สามตัว หรือแทงโต๊ต แถมมีแทงบน แทงล่างได้ด้วย ซึ่งวิธีแทงก็คือ เลือกได้ว่าจะแทงอะไร อย่างละกี่บาท โดยเจ้ามือจะจ่ายให้ตามอัตราที่ตกลงกัน ซึ่งก็มีหลายมาตรฐานต่างๆกันบ้าง
ตัวอย่างการแทงหวย ก็เช่น สองตัวบน ซึ่งคือ เลขท้ายสองตัวสุดท้ายของรางวัลที่หนึ่งในงวดนั้น ซึ่งมีโอกาสถูกหนึ่งในร้อย แต่ถ้าถูกเจ้ามือจะจ่ายให้แค่ 70 เท่าของเงินที่แทง โดยเจ้ามือจะมีHouse edgeอยู่ 30% ซึ่งนั่นดูจะเป็นอัตราตำ่สุด เพราะถ้าแทงสามตัวซึ่งโอกาสถูกแค่หนึ่งในพัน เขาจะจ่ายแค่ 500-600เท่า ซึ่งก็เท่ากับมีHouse edge 40-50%เลยทีเดียว ...หรือถ้าแทงโต๊ตสามตัว ซึ่งคือการแทงสลับเบอร์ได้ เช่น แทง 123 ซึ่งโอกาสถูกคือ เลขท้ายรางวัลที่หนึ่งออก 123 132 231 213 312 หรือ 321 มีโอกาสหกในพัน แต่เขาจะจ่ายให้ 100 เท่าเท่านั้น เท่ากับเจ้ามือมีHouse Edge 40% เท่าๆกับลอตเตอรี่รัฐ
ถึงแม้เจ้ามือจะได้เปรียบมาก แต่ก็ใช่ว่าจะได้กำไรเสมอไป เพราะคนไม่ได้แทงเท่ากันทุกๆเบอร์ บางงวดถ้าบังเอิญมีคนระดมแทงเบอร์เดียวกันเยอะๆแล้วถูก(ผมเรียกว่าบังเอิญเพราะผมไม่เชื่อเรื่องหวยล็อค) เจ้ามือก็อาจขาดทุนหรือถึงกับเจ๊งล้มละลายได้ เจ้ามือใหญ่ๆจึงต้องมีเครือข่ายที่กว้างขวางเพื่อกระจายความเสี่ยง และอาจหาช่องทางออกตัวได้ หรืออาจต้องระงับการรับแทงสำหรับบางเลขที่มีคนทุ่มเยอะ เรียกว่าต้องใช้ระบบการบริหารความเสี่ยงเข้ามาช่วยด้วย
เจ้ามือหวยยังมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย ต้องจ่ายให้กับเครือข่ายDistributionที่เรียกว่า"คนเดินโพย"ประมาณ5-10% ในบางกรณีก็อาจมีส่วนลดให้"ขาใหญ่"5-10% และค่าใช้จ่ายสำคัญอีกอย่างก็คือ "ค่าคุ้มครอง" ซึ่งต้องจ่ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย(ค้าขายแข่งกับMonopolyของรัฐ) ...มีคนบอกว่าเงินบ่อนเงินหวยนี้พวกตำรวจเค้าเรียก"เงินเย็น"เพราะจริงๆไม่มีใครเดือดร้อน คนเล่นก็สนุกอยากเล่นเอง คนเดินโพยก็มีงานทำ เจ้ามือก็ประกอบธุรกิจไม่โกงใคร มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ(จะว่าไปHouse Edgeทั้งหลายนั่นคือGDPล้วนๆเลยครับ) และมีคนบอกว่าเรื่อง"ค่าคุ้มครองอย่างนี้ ไม่เฉพาะตำรวจเท่านั้น บางครั้งทหารก็มีเอี่ยว (เวลาผมบอกว่า"มีคนบอกว่า"แปลว่าฟังเขามานะครับ ไม่ได้เห็นเอง)
ที่คนไทยจำนวนมากติดเล่นหวยกันจนงอมแงม จนประมาณว่างวดหนึ่งๆมีการแทงหวยกันเป็นหมื่นล้านบาท นับเป็นระบบเศรษฐกิจใต้ดินที่ใหญ่และสำคัญอันหนึ่ง เมื่อปี2546 รัฐบาลทักษิณเลยจัดการให้กองสลากออก"หวยบนดิน"ที่ถูกกฎหมายมาให้ประชาชนได้แทงได้พนันกัน สามปีทำกำไรได้เกือบสามหมื่นล้านบาท เอาเงินไปทำสาธารณะประโยชน์ เช่น เอาไปให้ทุนเด็กบ้านนอกไปเรียนเมืองนอกได้เยอะ
แต่พอปฏิวัติ2549 ก็ถูกเช็คบิล ศาลฎีกาตัดสินว่าผิดพรบ.สลากฯปี17 เพราะ"หวย"นั้นถึงแม้รัฐจะได้เปรียบอยู่30-40% ก็ไม่ใช่"สลากกินแบ่ง"ที่รัฐจะได้กินชัวร์ๆ แถมยังมีการเบียดบังเงินที่ควรเป็นของแผ่นดินไปใช้นอกงบประมาณต้องยุตติการออกไป รมต.หวุดหวิดติดคุกทั้งคณะ ปล่อยให้ธุรกิจ"หวย"ม้วนกลับลงไปอยู่ใต้ดิน สมใจเหล่ามาเฟียเหล่าเจ้ามือและคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ...นี่รัฐบาลปัจจุบันก็กำลังจะแก้พรบ.เพื่อที่จะทำอย่างที่"ทักษิณ"ทำทุกประการ คือ ให้กองสลากออกหวยบนดินได้ และมีช่องให้ใช้เงินนอกงบฯรูใหญ่กว่าเดิมอีกด้วย
สรุปว่า ลอตเตอรี่ กับ หวย ดูจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ประชาชนขาดไม่ได้ตลอดไป ข้างประชาชนก็ช่างมัวเมาลุ่มหลง ปีหนึ่งๆใช้เงินมาทุ่มด้านนี้หลายแสนล้านต่อปี สร้างรายได้ให้รัฐมากมาย นับเป็นภาษีคนจนชิ้นสำคัญเลยทีเดียว
😝😝😝😝😝😝
***การเสี่ยงโชคก็คือการวางแผนการรบอย่างนึง ถ้าเรารู้จักคำนวนหาค่า stat ของมันเราจะมีความได้เปรียบอีกมาก
แต่ควรเอาดอกเบี้ยไปเล่นอย่าเอาทุนหมุนเวียนไปเล่นนะฮะ😘
รักนะ จุ๊บๆ❤️❤️❤️
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 26/04/2017 "เพลงชาติไทย"
คิดว่าทุกๆคนคงรู้จักเพลงยอดฮิตไปตามยุคตามสมัย หรือตามแนวทางการฟังเพลงที่ชื่นชอบของตัวเอง แต่มีอีก 1 บทเพลงที่ทุกคนจะต้องรู้จัก ต้องเคยร้อง และร้องได้ และไม่มีวันลืม เพลงนั้นก็คือ "เพลงชาติไทย"
คำร้อง: พันเอก หลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) ในนามกองทัพบก
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย
วันนี้ mc จะมาลองถอดความหมายเล่นๆดูว่าเนื้อเพลงชาติไทยนี้เป็นอย่างไรกันบ้างเมื่อเทียบกับยุคสมัยปัจจุบันครับ ไม่มีอะไรตายตัวนะครับ สำหรับใครที่จะแปลความไปในทิศทางอื่น
ประเทศไทยคือประเทศที่รวมบุคคลที่มีชาติเชื้อไทยรวมเข้ามาอยู่รวมกัน ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกๆคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือคณะใดมีสิทธิ์มาเสนอหรือแสดงออกเชิงพฤตินัยว่าเป็นเจ้าของประเทศหรือผลักดันผู้ที่คิดไม่เหมือนตนเองให้ไปอยู่ประเทศอื่น (ปัจจุบันเห็นเยอะมากพวกที่คิดว่าตนเองเป็คนดีแล้วคนที่คิดไม่เหมือนมันเป็นขยะ ต้องกำจัด ต้องไล่ให้ไปอยู่ประเทศอื่น)
ชาวไทยทุกคนล้วนต้องการความสามัคคีของคนในชาติ (แต่ความยุติธรรมไม่มีสมมัคคีมักจะไม่เกิด เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งไหนที่เป็นข้อครหาเรื่องความอยุติธรรม แล้วมีคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดภาคภูมิใจกับความอยุติธรรมนั้น คอยเยาะเย้ยถากถางแบบไม่แคร์ว่าใครจะมองว่าถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมายังไงให้เป็นคนแบบนี้ คนจำเทือกนี้เป็นบ่อนในการทำลายความสามัคคีของคนในชาติ และเป็นตัวอย่างที่เลวให้กับคนในรุ่นต่อๆไปโดยเฉพาะคนในบ้านของตนเองมีพฤติกรรมเลียนแบบจากรุ่นสู่รุ่น)
ประเทศไทยเป็นประเทศที่รักสงบแต่ถึงคราวมีภัยมีสงครามก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ปกป้องประเทศของตนเอง เราจะไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มเหงรังแกชาติของเราเป็นอันขาดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม พร้อมสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยโดยไม่เห็นแก่ชีวิตตนเอง (แต่เราเคยมีอดีตนายกฯท่านหนึ่งเคยใช้ช่องว่างของกฏนั่นกฏนี่เพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารมาแล้ว)
หากทำได้เช่นเนื้อเพลงทั้งหมดดังข้างต้น ประเทศไทยจะมีแต่เรื่องดีดี ไชโย
ตัว mc เองก็ไม่เคยร้องเพลงชาติประเทศอื่น ร้องไม่เป็น ร้องมันเป็นอยู่ชาติเดียวนั่นคือเพลงชาติไทยของเรา และ mc เชื่อว่าคนไทยทุกคนรักชาติไทยมากกว่าชาติใดๆในโลกอยู่แล้ว เพียงแค่ว่าปัจจุบันนี้พฤติกรรมบางส่วนของคนในชาติดันมาขัดแย้งกับเนื้อเพลงชาติที่พวกเราร้องกันมา ปัญหาหลักๆก็คงมีไม่มากเช่น การไม่ยอมรับความคิดต่าง แม้จะจนมุมด้วยเหตุและผลและผลที่เป็นรูปธรรม การคิดว่าตนเองรักชาติมากกว่าคนอื่นแล้วคนอื่นมันไม่รัก การเกิดปัญหาเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่เป็นที่ครหาของประชาชน เป็นต้น ที่จริงก็รอการแก้ปัญหานี้มาเหมือนกัน แต่ยังไม่เห็นที่เป็นรูปธรรมครับ
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
เปิดกระทู้ด้วยเพลงนี้ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหากระทู้ อยากแปะเฉยๆ ชอบครับตามประสาทีมผิดระเบียบบอร์ด
ยังไงก็โดน คอนเสริต ไมโคร ตำนานมือขวา