ชีวประวัติ นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ (Saint Benedict The Moor - San Benedetto il Moro) หรือ นักบุญเบเนดิกต์ คนผิวดำ (Saint Benedict The Black)
ในเนินเขาอันกว้างใหญ่ของแคว้นซิซิลี (Sicily) ในเมืองเล็กๆ ชื่อ “ซาน ฟราเตลโล (San Fratello)” มีเด็กน้อยคนหนึ่งถือกำเนิดในโลกที่ดูเหมือนจะกีดกันเขาไว้ เด็กน้อยคนนั้นชื่อ “เบเนดิกต์ (Benedict)” เกิดจากทาสชาวแอฟริกันในปีค.ศ. 1526 ท่านเติบโตขึ้นมาจนสามารถท้าทายข้อจำกัดทางสังคมในยุคสมัยของท่านได้และก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายจิตวิญญาณ จนได้รับการขนานนามว่า “นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ (Saint Benedict The Moor)” ชีวิตของท่านเป็นซิมโฟนีแห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน , ความเมตตากรุณา และความศรัทธาอันลึกซึ้ง ยังคงก้องกังวานไปทุกยุคทุกสมัย เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังแห่งความรักและความทุ่มเทที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้
ความจริงอันโหดร้ายของการเป็นทาสเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตวัยเด็กของนักบุญเบเนดิกต์ แต่ ”คริสโตเฟอร์ (Christopher)“ และ ”ไดอาน่า (Diana)“ บิดา-มารดาของท่านได้ปลูกฝังความศรัทธาอันลึกซึ้งต่อพระเจ้าให้กับท่าน ซึ่งเเป็นปรียบเหมือนประภาคารที่นำทางท่านผ่านช่วงเวลาอันมืดมนเหล่านั้น ที่น่าทึ่งคือ นักบุญเบเนดิกต์ได้รับอิสรภาพเมื่ออายุ 18 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญให้กับการเดินทางสร้างช่วงเวลาอันแสนพิเศษของท่านที่เต็มไปด้วยศรัทธา
นักบุญเบเนดิกต์เลือกที่จะอยู่ในเมืองซาน ฟราเตลโลเพื่อหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นคนเลี้ยงแกะ ชีวิตในแต่ละวันของท่านเต็มไปด้วยความเงียบสงบของธรรมชาติ เป็นเวลาแห่งการรำพึงอย่างลึกซึ้งและร่วมสนทนากับพระเจ้า ไม่นานนักชื่อเสียงของท่านในด้านความศักดิ์สิทธิ์และการรักษาโรคอย่างอัศจรรย์ก็เริ่มแพร่หลายออกไป ดึงดูดผู้คนจากทุกแห่ง แต่ใจของนักบุญเบเนดิกต์ยังคงปรารถนาชีวิตที่สันโดษและสวดภาวนาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสันโดษทำให้ท่านเข้าร่วมกลุ่มฤาษีที่อุทิศตนเพื่อนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (Saint Francis of Assisi) แม้จะต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติเนื่องจากเชื้อสายแอฟริกันของท่าน แต่ความศรัทธาอันไม่ย่อท้อและความถ่อมตนของนักบุญเบเนดิกต์ก็ยังคงส่องประกายอย่างเจิดจ้า จนในที่สุดทำให้บรรดาพี่น้องฤาษีของท่านเลือกให้ท่านเป็นผู้นำ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณของท่านเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกอย่างกล้าหาญต่ออคติทางเชื้อชาติในสมัยนั้นอีกด้วย
นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (Saint Francis of Assisi)
ต่อมาฤาษีเหล่านั้นก็ถูกรวมเข้ากับคณะฟรังซิสกัน (Franciscan - OFM) และนักบุญเบเนดิกต์ซึ่งเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้าเสมอมา แล้วปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่นี้ได้อย่างดีเยี่ยม ในฐานะภราดาคณะฟรังซิสกัน ท่านสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนรอบข้างด้วยการอุทิศตนในการสวดภาวนา ดำเนินชีวิตแบบผู้ถือสันโดษ และทำกิจเมตตา นักบุญเบเนดิกต์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลอารามนักบุญมารีย์ (Friary of Saint Mary) ในเมืองปาแลร์โม (Palermo) ซึ่งถือเป็นตำแหน่งพิเศษสำหรับภราดาฆราวาส (Lay Brother) โดยเฉพาะผู้ที่มีเชื้อสายแอฟริกัน ในศตวรรษที่ 16
โลโก้ คณะฟรังซิสกัน (Franciscan - OFM)
เครื่องแบบนักบวช คณะฟรังซิสกัน (Franciscan - OFM)
สิ่งที่ทำให้นักบุญเบเนดิกต์แตกต่างจากผู้อื่นไม่ใช่เพราะความสามารถในการแสดงอัศจรรย์ แม้ว่าหลายคนจะเชื่อว่า เป็นฝีมือของท่าน แต่เป็นความถ่อมตนและความรักที่มีต่อทุกคนอย่างลึกซึ้ง ท่านเห็นพระคริสต์ในทุกคน ตั้งแต่ขอทานที่ยากจนที่สุดไปจนถึงขุนนางที่ร่ำรวยที่สุด และรับใช้ผู้คนด้วยความอุทิศตนและความเมตตาอย่างเท่าเทียมกัน ชีวิตของท่าน คือ การเทศน์สอนที่มีชีวิตชีวา โดยเทศน์สอนข้อความแห่งความรัก , ความเท่าเทียม และการพระญาณสอดส่องของพระเจ้าโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดๆเลย
นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1589 โดยทิ้งมรดกแบบอย่างที่นำไปสู่การประกาศเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปิอุส ที่ 7 (Pope Pius VII) ในปีค.ศ. 1807 นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคณะธรรมทูตในทวีปแอฟริกา และเป็นนักบุญผู้เร้าวิงวอนที่มีพลังสำหรับชุมชนแอฟริกัน-อเมริกัน
พระสันตะปาปาปิอุส ที่ 7 (Pope Pius VII) ทรงประกาศให้นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ (Saint Benedict The Moor) เป็นนักบุญ ในปีค.ศ. 1807 และประกาศให้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคณะธรรมทูตในทวีปแอฟริกา และเป็นนักบุญผู้เร้าวิงวอนที่มีพลังสำหรับชุมชนแอฟริกัน-อเมริกัน
เรื่องราวของนักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์เปรียบเสมือนประภาคารที่ส่องแสงสว่างในบันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งเตือนเราว่า ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงมักเกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อยที่สุด ชีวิตของท่านท้าทายให้เรามองข้ามการแบ่งแยกทางเชื้อชาติและสถานะที่ผิวเผิน ไปสู่ความสามัคคีที่ลึกซึ้งกว่าซึ่งเชื่อมโยงเราทุกคนในฐานะบุตรของพระเจ้า , แบบอย่างแห่งความรัก , ความถ่อมตน และการรับใช้ของนักบุญเบเนดิกต์ส่องประกายราวกับประภาคารแห่งความหวัง เหมือนกับรูปปั้นนักบุญผู้เป็นที่รักซึ่งอยู่บนยอดหอระฆังของวัดของเรา นักบุญเบเนดิกต์นำเราไปสู่อนาคตที่มีความเมตตาและเปิดกว้างมากขึ้นในโลกที่ยังคงเต็มไปด้วยการแบ่งแยกและอคติ
นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ (Saint Benedict The Moor - San Benedetto il Moro) หรือ นักบุญเบเนดิกต์ คนผิวดำ (Saint Benedict The Black)
ปล. หากมีการแปลผิดพลาดประการใด หรือข้อมูลผิดพลาด แอดมินก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญเบเนดิกต์ชาวแขกมัวร์ #แขกมัวร์ #มัวร์ #คณะฟรังซิสกัน #ฟรังซิสกัน #ความเท่าเทียม #ประเทศอิตาลี #อิตาลี #catholic #SaintBenedictTheMoor #moor #franciscan #OFM #italy #SanBenedettoIlMoro
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/159aS37uN7/
ชีวประวัติ นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ (Saint Benedict The Moor - San Benedetto il Moro)
ในเนินเขาอันกว้างใหญ่ของแคว้นซิซิลี (Sicily) ในเมืองเล็กๆ ชื่อ “ซาน ฟราเตลโล (San Fratello)” มีเด็กน้อยคนหนึ่งถือกำเนิดในโลกที่ดูเหมือนจะกีดกันเขาไว้ เด็กน้อยคนนั้นชื่อ “เบเนดิกต์ (Benedict)” เกิดจากทาสชาวแอฟริกันในปีค.ศ. 1526 ท่านเติบโตขึ้นมาจนสามารถท้าทายข้อจำกัดทางสังคมในยุคสมัยของท่านได้และก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายจิตวิญญาณ จนได้รับการขนานนามว่า “นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ (Saint Benedict The Moor)” ชีวิตของท่านเป็นซิมโฟนีแห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน , ความเมตตากรุณา และความศรัทธาอันลึกซึ้ง ยังคงก้องกังวานไปทุกยุคทุกสมัย เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังแห่งความรักและความทุ่มเทที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้
ความจริงอันโหดร้ายของการเป็นทาสเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตวัยเด็กของนักบุญเบเนดิกต์ แต่ ”คริสโตเฟอร์ (Christopher)“ และ ”ไดอาน่า (Diana)“ บิดา-มารดาของท่านได้ปลูกฝังความศรัทธาอันลึกซึ้งต่อพระเจ้าให้กับท่าน ซึ่งเเป็นปรียบเหมือนประภาคารที่นำทางท่านผ่านช่วงเวลาอันมืดมนเหล่านั้น ที่น่าทึ่งคือ นักบุญเบเนดิกต์ได้รับอิสรภาพเมื่ออายุ 18 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญให้กับการเดินทางสร้างช่วงเวลาอันแสนพิเศษของท่านที่เต็มไปด้วยศรัทธา
นักบุญเบเนดิกต์เลือกที่จะอยู่ในเมืองซาน ฟราเตลโลเพื่อหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นคนเลี้ยงแกะ ชีวิตในแต่ละวันของท่านเต็มไปด้วยความเงียบสงบของธรรมชาติ เป็นเวลาแห่งการรำพึงอย่างลึกซึ้งและร่วมสนทนากับพระเจ้า ไม่นานนักชื่อเสียงของท่านในด้านความศักดิ์สิทธิ์และการรักษาโรคอย่างอัศจรรย์ก็เริ่มแพร่หลายออกไป ดึงดูดผู้คนจากทุกแห่ง แต่ใจของนักบุญเบเนดิกต์ยังคงปรารถนาชีวิตที่สันโดษและสวดภาวนาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสันโดษทำให้ท่านเข้าร่วมกลุ่มฤาษีที่อุทิศตนเพื่อนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (Saint Francis of Assisi) แม้จะต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติเนื่องจากเชื้อสายแอฟริกันของท่าน แต่ความศรัทธาอันไม่ย่อท้อและความถ่อมตนของนักบุญเบเนดิกต์ก็ยังคงส่องประกายอย่างเจิดจ้า จนในที่สุดทำให้บรรดาพี่น้องฤาษีของท่านเลือกให้ท่านเป็นผู้นำ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณของท่านเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกอย่างกล้าหาญต่ออคติทางเชื้อชาติในสมัยนั้นอีกด้วย
นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (Saint Francis of Assisi)
ต่อมาฤาษีเหล่านั้นก็ถูกรวมเข้ากับคณะฟรังซิสกัน (Franciscan - OFM) และนักบุญเบเนดิกต์ซึ่งเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้าเสมอมา แล้วปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่นี้ได้อย่างดีเยี่ยม ในฐานะภราดาคณะฟรังซิสกัน ท่านสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนรอบข้างด้วยการอุทิศตนในการสวดภาวนา ดำเนินชีวิตแบบผู้ถือสันโดษ และทำกิจเมตตา นักบุญเบเนดิกต์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลอารามนักบุญมารีย์ (Friary of Saint Mary) ในเมืองปาแลร์โม (Palermo) ซึ่งถือเป็นตำแหน่งพิเศษสำหรับภราดาฆราวาส (Lay Brother) โดยเฉพาะผู้ที่มีเชื้อสายแอฟริกัน ในศตวรรษที่ 16
โลโก้ คณะฟรังซิสกัน (Franciscan - OFM)
เครื่องแบบนักบวช คณะฟรังซิสกัน (Franciscan - OFM)
สิ่งที่ทำให้นักบุญเบเนดิกต์แตกต่างจากผู้อื่นไม่ใช่เพราะความสามารถในการแสดงอัศจรรย์ แม้ว่าหลายคนจะเชื่อว่า เป็นฝีมือของท่าน แต่เป็นความถ่อมตนและความรักที่มีต่อทุกคนอย่างลึกซึ้ง ท่านเห็นพระคริสต์ในทุกคน ตั้งแต่ขอทานที่ยากจนที่สุดไปจนถึงขุนนางที่ร่ำรวยที่สุด และรับใช้ผู้คนด้วยความอุทิศตนและความเมตตาอย่างเท่าเทียมกัน ชีวิตของท่าน คือ การเทศน์สอนที่มีชีวิตชีวา โดยเทศน์สอนข้อความแห่งความรัก , ความเท่าเทียม และการพระญาณสอดส่องของพระเจ้าโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดๆเลย
นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1589 โดยทิ้งมรดกแบบอย่างที่นำไปสู่การประกาศเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปิอุส ที่ 7 (Pope Pius VII) ในปีค.ศ. 1807 นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคณะธรรมทูตในทวีปแอฟริกา และเป็นนักบุญผู้เร้าวิงวอนที่มีพลังสำหรับชุมชนแอฟริกัน-อเมริกัน
พระสันตะปาปาปิอุส ที่ 7 (Pope Pius VII) ทรงประกาศให้นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ (Saint Benedict The Moor) เป็นนักบุญ ในปีค.ศ. 1807 และประกาศให้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคณะธรรมทูตในทวีปแอฟริกา และเป็นนักบุญผู้เร้าวิงวอนที่มีพลังสำหรับชุมชนแอฟริกัน-อเมริกัน
เรื่องราวของนักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์เปรียบเสมือนประภาคารที่ส่องแสงสว่างในบันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งเตือนเราว่า ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงมักเกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อยที่สุด ชีวิตของท่านท้าทายให้เรามองข้ามการแบ่งแยกทางเชื้อชาติและสถานะที่ผิวเผิน ไปสู่ความสามัคคีที่ลึกซึ้งกว่าซึ่งเชื่อมโยงเราทุกคนในฐานะบุตรของพระเจ้า , แบบอย่างแห่งความรัก , ความถ่อมตน และการรับใช้ของนักบุญเบเนดิกต์ส่องประกายราวกับประภาคารแห่งความหวัง เหมือนกับรูปปั้นนักบุญผู้เป็นที่รักซึ่งอยู่บนยอดหอระฆังของวัดของเรา นักบุญเบเนดิกต์นำเราไปสู่อนาคตที่มีความเมตตาและเปิดกว้างมากขึ้นในโลกที่ยังคงเต็มไปด้วยการแบ่งแยกและอคติ
นักบุญเบเนดิกต์ ชาวแขกมัวร์ (Saint Benedict The Moor - San Benedetto il Moro) หรือ นักบุญเบเนดิกต์ คนผิวดำ (Saint Benedict The Black)
ปล. หากมีการแปลผิดพลาดประการใด หรือข้อมูลผิดพลาด แอดมินก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญเบเนดิกต์ชาวแขกมัวร์ #แขกมัวร์ #มัวร์ #คณะฟรังซิสกัน #ฟรังซิสกัน #ความเท่าเทียม #ประเทศอิตาลี #อิตาลี #catholic #SaintBenedictTheMoor #moor #franciscan #OFM #italy #SanBenedettoIlMoro
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/159aS37uN7/