Backpacker คือ ........................... เอ่อ
ขออนุญาติฝากเพจก่อนนะ 5555 :
https://nopchamny.wordpress.com/
https://www.facebook.com/Coolasluck/?ref=bookmarks
https://www.instagram.com/coolasluck/
ถ้าแปลตรงๆ มันก็คือ ผู้ที่เอาเป็สะพายข้างหลังนั่นแหละครับ บางคนอาจจะคิดว่า Backpacker คือคนที่เที่ยวลุยๆ > มันก็มีส่วนเพราะ : คนที่เที่ยวแล้วใส่กระเป๋าเป้สะพายหลัง ก็คือคนที่พร้อมจะเดินทางไปไหนต่อไหนให้ได้สะดวก ..... ก็ ! เที่ยวลุยๆนั่นละครับ 55555555 แต่รู้รึป่าว การเที่ยวที่ พวก Backpacker เค้าทำกันเนี่ย มันมีอยู่กี่แบบ > เท่าที่ผมรู้มา มันก็ ..... หลายแบบนะ # เด็กอนุบาลก็ตอบได้มั้งนั่นอะ
เอาเป็นว่า !
วันนี้ผมมี 5 รูปแบบการเที่ยว " ที่ Backpacker ไม่ลองไม่ได้แล้ว " มาฝากกัน ... เอาเป็นว่าไปดูกันเลยดีกว่า >
WWOOF
wwoof ย่อมาจาก
World Wild Opportunities on Organic Farms หรือ Willing Workers on Organic Farms > เอาง่ายๆก็คือการไปทำงานในฟาร์มออแกนิกเพื่อแลกกับที่พักกับอาหารนั่นเอง ส่วนค่าเดินทาง เราก็ต้องเป็นคนจ่ายทั้งหมดจ้าาา " เมื่ออยากจะไปเที่ยว แต่ค่าที่พัก กับค่าอาหาร มันดันเป็นอุปสรรค เพราะฉะนั้น นี่คือ
Concept ของ wwoof ( ทำงานแลกที่พักและอาหาร ) : !
#มีหลายประเทศ > แต่ก็ไม่ใช่ทุกประเทศนะครับ
" Hitchhiking "
ถ้าแปลจากคำศัพท์ hitchhiking ละก็ > มันคือการขออาศัยรถคนอื่นแบบฟรีนั่นเอง เพราะฉะนั้น การเที่ยวแบบนี้ เราจะเรียกว่า " การโบกรถคนอื่นเพื่อที่จะขอติดรถไป ฟรี " นะครับ ซึ่งในประเทศไทยเนี่ย ก็มีคนทำนะครับ แต่น้อย ! ส่วนมากเค้าจะคิดว่า ประเทศไทยอะ อันตราย ! # ผมก็คิดอย่างนั้น >
แต่ในต่างประเทศนะครับ เค้าทำกันเป็นเรื่องธรรมดา ตามสไตล์ของพวก Backpacker ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศญี่ปุ่นเนี่ย > สบายครับ บ้านเมืองเค้าไว้ใจได้ ไม่ค่อยมีการปล้นหรอกครับ .
ส่วนใหญ่แล้วขั้นตอนการทำน่ะหรอ " โทษนะครับ พี่ไป ....... ถ้ามันเป็นทางผ่าน...เราก็ติดรถไป "
#จบ
" Hostel & Guesthouse "
สำหรับใครหลายๆคนนะครับ " รูปแบบนี้ก็อาจจะเคยทำกันมาหมดแล้วแหละ 55555 " เพราะมันไม่ได้ยากอะไร แถมราคาก็ไม่แพงด้วย การอยู่ Hostel & Guesthouse เนี่ย คือ > นอกจากจะถูกแล้ว เรายังได้พบปะเพื่อนใหม่นะครับ ซึ่งแน่นอนก็ต้องเป็นคนที่มีอะไรคล้ายๆกัน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มาพักแบบนี้อะ ก็คือฝรั่งนะคร้าบบบ
# ถามว่ามีกี่เตียง ? อันนี้แล้วแต่รูปแบบของเค้านะครับผมมมม
" Couchsurfing "
Couchsurfing คือการเปิดบ้านเพื่อให้คนอื่นมานอนด้วย ซึ่ง ถ้าเราเป็นคนไปเที่ยว เราก็ไปนอนบ้านคนอื่น 5555555 #ไม่น่าต้องอธิบาย เอ่อ..... แล้วไม่เหมือน Airbnb หรอ ? > ไม่เหมือนครับ ! เพราะ Couchsurfing พักฟรีครับ ซึ่งในประเทศไทย ดังมั้ย ? ก็แน่นอนครับว่าไม่ คนไทยไม่ค่อยใช้กันหรอกครับ เพราะมันอันตราย แต่ถ้าฝรั่งละก็ เรียกว่าเป็นที่นิยมพอตัวเลยละ ! .....
" Train "
นี่มันรถไฟหนิ ? ใช่แล้วครับ ! ... รถไฟ
คือ.... การไปเที่ยวด้วยรถไฟเนี่ย ขึ้นชื่อเรื่องของความปลอดภัยนะครับ เพราะ อย่างมากเนี่ย ก็แค่ตกลาง ! # แค่หรอ ? แถมข้อดีอีกอย่างก็คือถูก : สมัยนี้นะครับ #ความจริงก็นานแล้วละ เราสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ แถมที่นอนในรถไฟก็สุดยอดไม่แพ้ Hostel เลยนะ แต่เรียกได้ว่าเป็น Hostel ขนาดย่อม แถมยังมีบริการขายของ ในรถไฟอีก แหม่ ! พลาดไม่ได้แล้วนะคร้าบบบบ Backpacker ทั้งหลายยยย
และนี่ก็เป็น 5 รูปแบบการเที่ยว " ที่ Backpacker ไม่ลองไม่ได้แล้ว " ในมุมมองของผมนะครับ
เหมือนเดิมครับ : > คอมเม้นกันได้ #ด่าได้แต่อย่าแรง
[CR] 5 รูปแบบการเที่ยว " ที่ Backpacker ไม่ลองไม่ได้แล้ว "
ขออนุญาติฝากเพจก่อนนะ 5555 :
https://nopchamny.wordpress.com/
https://www.facebook.com/Coolasluck/?ref=bookmarks
https://www.instagram.com/coolasluck/
ถ้าแปลตรงๆ มันก็คือ ผู้ที่เอาเป็สะพายข้างหลังนั่นแหละครับ บางคนอาจจะคิดว่า Backpacker คือคนที่เที่ยวลุยๆ > มันก็มีส่วนเพราะ : คนที่เที่ยวแล้วใส่กระเป๋าเป้สะพายหลัง ก็คือคนที่พร้อมจะเดินทางไปไหนต่อไหนให้ได้สะดวก ..... ก็ ! เที่ยวลุยๆนั่นละครับ 55555555 แต่รู้รึป่าว การเที่ยวที่ พวก Backpacker เค้าทำกันเนี่ย มันมีอยู่กี่แบบ > เท่าที่ผมรู้มา มันก็ ..... หลายแบบนะ # เด็กอนุบาลก็ตอบได้มั้งนั่นอะ
เอาเป็นว่า ! วันนี้ผมมี 5 รูปแบบการเที่ยว " ที่ Backpacker ไม่ลองไม่ได้แล้ว " มาฝากกัน ... เอาเป็นว่าไปดูกันเลยดีกว่า >
wwoof ย่อมาจาก World Wild Opportunities on Organic Farms หรือ Willing Workers on Organic Farms > เอาง่ายๆก็คือการไปทำงานในฟาร์มออแกนิกเพื่อแลกกับที่พักกับอาหารนั่นเอง ส่วนค่าเดินทาง เราก็ต้องเป็นคนจ่ายทั้งหมดจ้าาา " เมื่ออยากจะไปเที่ยว แต่ค่าที่พัก กับค่าอาหาร มันดันเป็นอุปสรรค เพราะฉะนั้น นี่คือ Concept ของ wwoof ( ทำงานแลกที่พักและอาหาร ) : ! #มีหลายประเทศ > แต่ก็ไม่ใช่ทุกประเทศนะครับ
ถ้าแปลจากคำศัพท์ hitchhiking ละก็ > มันคือการขออาศัยรถคนอื่นแบบฟรีนั่นเอง เพราะฉะนั้น การเที่ยวแบบนี้ เราจะเรียกว่า " การโบกรถคนอื่นเพื่อที่จะขอติดรถไป ฟรี " นะครับ ซึ่งในประเทศไทยเนี่ย ก็มีคนทำนะครับ แต่น้อย ! ส่วนมากเค้าจะคิดว่า ประเทศไทยอะ อันตราย ! # ผมก็คิดอย่างนั้น >
แต่ในต่างประเทศนะครับ เค้าทำกันเป็นเรื่องธรรมดา ตามสไตล์ของพวก Backpacker ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศญี่ปุ่นเนี่ย > สบายครับ บ้านเมืองเค้าไว้ใจได้ ไม่ค่อยมีการปล้นหรอกครับ .
ส่วนใหญ่แล้วขั้นตอนการทำน่ะหรอ " โทษนะครับ พี่ไป ....... ถ้ามันเป็นทางผ่าน...เราก็ติดรถไป "
#จบ
สำหรับใครหลายๆคนนะครับ " รูปแบบนี้ก็อาจจะเคยทำกันมาหมดแล้วแหละ 55555 " เพราะมันไม่ได้ยากอะไร แถมราคาก็ไม่แพงด้วย การอยู่ Hostel & Guesthouse เนี่ย คือ > นอกจากจะถูกแล้ว เรายังได้พบปะเพื่อนใหม่นะครับ ซึ่งแน่นอนก็ต้องเป็นคนที่มีอะไรคล้ายๆกัน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มาพักแบบนี้อะ ก็คือฝรั่งนะคร้าบบบ
# ถามว่ามีกี่เตียง ? อันนี้แล้วแต่รูปแบบของเค้านะครับผมมมม
Couchsurfing คือการเปิดบ้านเพื่อให้คนอื่นมานอนด้วย ซึ่ง ถ้าเราเป็นคนไปเที่ยว เราก็ไปนอนบ้านคนอื่น 5555555 #ไม่น่าต้องอธิบาย เอ่อ..... แล้วไม่เหมือน Airbnb หรอ ? > ไม่เหมือนครับ ! เพราะ Couchsurfing พักฟรีครับ ซึ่งในประเทศไทย ดังมั้ย ? ก็แน่นอนครับว่าไม่ คนไทยไม่ค่อยใช้กันหรอกครับ เพราะมันอันตราย แต่ถ้าฝรั่งละก็ เรียกว่าเป็นที่นิยมพอตัวเลยละ ! .....
นี่มันรถไฟหนิ ? ใช่แล้วครับ ! ... รถไฟ
คือ.... การไปเที่ยวด้วยรถไฟเนี่ย ขึ้นชื่อเรื่องของความปลอดภัยนะครับ เพราะ อย่างมากเนี่ย ก็แค่ตกลาง ! # แค่หรอ ? แถมข้อดีอีกอย่างก็คือถูก : สมัยนี้นะครับ #ความจริงก็นานแล้วละ เราสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ แถมที่นอนในรถไฟก็สุดยอดไม่แพ้ Hostel เลยนะ แต่เรียกได้ว่าเป็น Hostel ขนาดย่อม แถมยังมีบริการขายของ ในรถไฟอีก แหม่ ! พลาดไม่ได้แล้วนะคร้าบบบบ Backpacker ทั้งหลายยยย
และนี่ก็เป็น 5 รูปแบบการเที่ยว " ที่ Backpacker ไม่ลองไม่ได้แล้ว " ในมุมมองของผมนะครับ
เหมือนเดิมครับ : > คอมเม้นกันได้ #ด่าได้แต่อย่าแรง