สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา หลังจากสิงอยู่ในพันทิปมานานแต่ไม่กล้าเขียนเพราะเป็นคนขี้โม้กลัวจะเขียนยืดยาว กระทู้นี้จะพยายามทำให้กระชับมากที่สุดนะคะ
ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้คิดอะไรมากเลย โจทย์คือเรามีวันหยุดช่วงสงกรานต์ ไปไหนกันดีเอาใกล้ๆ ไม่แพงมาก และในทันทีความคิดในหัวมันแว่บขึ้นมาว่าเราอยากเห็นสัตว์ชนิดหนึ่งมากๆ ในธรรมชาติ (เอาว่านอกกรงสวนสัตว์) นั่นก็คืออุรังอุตัง และแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของมันก็อยู่ไม่ไกลบ้านเรา คือเกาะบอร์เนียวนั่นเอง จากการศึกษาหาข้อมูล เมืองที่สามารถเจออุรังอุตังได้และมีกิจกรรมหลากหลายให้ทำนั่นก็คือเมืองคูชิง ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลย์เซีย
ทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมด 6 วัน เที่ยวเต็มๆ 4 วันและเดินทาง 2 วัน
ทริปโดยสรุป
08/4/2017-เดินทาง เข้าที่พัก
09/4/2017-ดูอุรังอุตังที่ Semengoh และไป Fort Margherita
10/4/2017-ดูสัตว์ เดินเทรลที่ Bako National Park
11/4/2017-เดินเทรลที่ Santubong Mountain
12/4/2017-ไปสามถ้ำ (Fairy Cave, Buddha Cave and Wind Cave), Bau Gold Mine, Sarawak State Museum
13/4/2017-ไปสวนกล้วยไม้, Chinese Museum, Textile Museum เดินทางกลับ
- วันที่ 1: 08/4/2017 -
วันออกเดินทาง เราเดินทางด้วยสารการบินแอร์เอเชียราคาประมาณ 7,500 บาท รวมค่าอาหารและที่นั่งแถวหน้า ไฟลท์ 7 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงไป KL เพื่อไปต่อเครื่องเดินทางต่อไปยังกูชิง ซึ่งจาก KL ไปกูชิงใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที เราถึงกูชิงเวลาประมาณบ่ายสองโมง ผ่าน ต.ม. มาเรียบร้อยก็ไปหา Taxi เพื่อเข้าเมือง ที่สนามบินจะมีเค้าน์เตอร์ขายตั๋ว taxi เป็นราคากลางเข้าเมืองคือ 26 RM (1 RM ตอนนี้ประมาณเกือบ 8 บาท)
เราให้ Taxi ไปส่งที่โรงแรม The Waterfront Hotel ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า มองเห็นวิวแม่น้ำ เราพักที่นี่ห้อง Deluxe King 5 คืนคิดเป็นเงิน 8,550 บาท นอนได้สองคน
วันแรกไม่ได้ทำอะไรมาก แค่เดินไปถามทัวร์ตามที่ต่างๆ แล้วก็เดินเล่นริมแม่น้ำ ซาราวัก และแวะกินข้าวที่ Top Spot Food Court ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารทะเลสดๆ ไว้ให้เราเลือกจะกินอะไร เอาไปปรุงแบบไหน วันนี้เราสั่งมาสามอย่างเป็นปลาระพงนึ่งราดซอสเปรี้ยวหวาน กุ้งทะเลผัดไข่เค็มแล้วก็ใบเฟิร์นผัดน้ำมันหอย (หน้าตาคล้ายผักกูดแต่รสชาติไม่เหมือนนะ ไปเหมือนกระเจี๊ยบเขียว กรอบๆ และมีเมือก) ข้าวของถ้วย อาหารมื้อนี้หมดไปห้าร้อยกว่าบาท แล้วก็เดินหาเบียร์ดื่มก่อนกลับโรงแรม ร้านนั่งดื่มที่นี่ค่อนข้างน้อยนะ แถมราคาเอาเรื่องอยู่ เบียร์ขวดเล็กราคาเริ่มต้น 12 RM แล้ว
- วันที่ 2: 09/4/2017 -
วันนี้เราจะไปดูอุรังอุตังที่ศูนย์ฟื้นฟู Semengoh Orangutan Rehabilitation Center อยู่ห่างจากเมืองกูชิงไปประมาณ 20 กิโลเมตร เรานั่งรถประจำทางสาย K6 ขึ้นที่หน้า Masjid Bandaraya Kuching มีรถ 2 เที่ยวต่อวัน 7:20 น. และ 13:00 น. ขากลับจากศูนย์เวลา 11:00 น. และ 16:00 น. เราแนะนำให้ไปแต่เช้าเพราะที่นี่เค้าจะให้อาหารอุรังอุตัง 2 รอบ เช้าบ่าย หากตอนเช้าอุรังอุตังไม่ออกมาจากป่า เราก็ยังมีโอกาสเห็นรอบบ่าย ราคาอยู่ที่ 4 RM ต่อเที่ยว ท่ารถอยู่แถว Masjid Bandaraya Kuching ใกล้โรงแรมมาก
เข้าเรื่องทริปวันนี้ รถบัส K6 ที่เรานั่งไปศูนย์วิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ไม่รู้แต่ด้วยระยะทางเกือบยี่สิบกิโลเมตรใช้เวลาไปชั่วโมงนึง หวานเย็น สโลว์ไลฟ์ดี ถึงหน้าศูนย์เราก็ซื้อบัตรเข้าชมราคา 10 RM แล้วเดินเข้าไปสักพักนึง น่าจะประมาณ 1 กิโลเมตรได้ก็จะถึงศูนย์
ก่อนเข้าไปในป่าก็ฟังเจ้าหน้าที่บรีฟเรื่องความปลอดภัย การปฏิบัติตัว และทำความเข้าใจว่าอุรังอุตังอาจจะไม่ออกมาก็ได้นะ (ถ้าหน้าฝน ผลไม้ป่าเยอะ เขาจะไม่ค่อยออกมา) จากนั้นเราก็เดินเข้าไปในป่า บริเวณที่เค้าเอาผลไม้ไปวางให้อุรังอุตัง และตะโกนเรียกให้ออกมากิน
ระหว่างรอนั้นตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าเขาจะออกมาไหม สัก 20 นาทีที่ตั้งตารอด้วยความสงบ ก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้ไหว มาแล้วววววววว เห็นมาแต่ไกลเลยตัวสีน้ำตาลแดง คู่แม่ลูก เจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อแล้วพูดเหมือนชวนมากิน 555 แล้วเจ้าหน้าที่ก็ออกจากบริเวณ อุรังอุตังรออยู่ด้านบนสักพักก็ลงมาเอาผลไม้ไปกินและป้อนลูก หลังจากนั้นก็มีคู่แม่ลูกอีกคู่ คู่นี้ลูกโตขึ้นมาหน่อย ไม่ได้เกาะแม่ตลอด ดูซนดีทำท่าห้อยหัวกินผลไม้ ระหว่างที่เห็นพวกเขานั้น มันเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ของเรามาก เราเราชอบสัตว์ชนิดนี้ เป็นสัตว์โปรดที่เราชอบดูในสารคดีเพราะรู้สึกว่าเขามีอะไรคล้ายคนมาก เราได้ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็ให้เราออกจากป่า ปล่อยให้แม่ลูกเขากินกันต่อไป
เราเดินออกมารอรถบัสเพื่อกลับเข้ากูชิง มาจอดที่เดิมตอนที่มาส่งเพราะที่ศูนย์เป็นปลายสายรถพอดี
หลังจากหาอาหารเที่ยงกิน เราก็ไปเยี่ยมชมอีกสถานที่หนึ่ง เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่นำมาทำพิพิธภัณฑ์ชื่อ Fort Margherita (สร้างโดย ราชาคนที่ 2 ของราชวงศ์ Brooke) ต้องนั่งเรือข้ามมาจากฝั่งกูชิงคนละ 1 RM ค่าเข้าชมอีกคนละ 20 RM คือกูชิงนี่เป็นเมืองที่มีประวัติแปลกมาก เคยมีราชาเป็นคนขาวชาวอังกฤษ (ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการล่าอาณานิคมเลย) ชื่อ James Brooke ที่จับพลัดจับผลูมาช่วยสุลต่านบรูไนรบกับพวกกบฏ คนป่า ที่ไม่ยอมการปกครองของสุลต่าน ผลการต่อสู้คือ Brooke ชนะและสุลต่านบอกไม่มีเวลามาดูเมืองกูชิง เลยยกให้ Brooke ปกครอง การปกครองของ Brooke ที่ค่อนข้าง Liberal มากๆ ให้ความเท่าเทียมกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นชาวพื้นเมือง คนป่า คนจีน อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ท่านทำตัวเหมือนชาวกูชิงไม่ว่าจะเครื่องแต่งกายที่ท่านแต่ง บ้านที่ท่านอยู่ก็เป็นแบบกูชิง ราชวงศ์ Brooke นี่มีสืบทอดมาเรื่อยๆ มีราชาประมาณ 3 ท่านได้ แล้วก็ถูกรุกรานโดยอาณานิคมอังกฤษ ราชวงศ์นี้ก็หมดไป วันนี้เล่าเท่านี้ก่อน ค่อยมาต่อ
เที่ยว Kuching Malaysia ช่วงหยุดสงกรานต์ 2017
ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้คิดอะไรมากเลย โจทย์คือเรามีวันหยุดช่วงสงกรานต์ ไปไหนกันดีเอาใกล้ๆ ไม่แพงมาก และในทันทีความคิดในหัวมันแว่บขึ้นมาว่าเราอยากเห็นสัตว์ชนิดหนึ่งมากๆ ในธรรมชาติ (เอาว่านอกกรงสวนสัตว์) นั่นก็คืออุรังอุตัง และแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของมันก็อยู่ไม่ไกลบ้านเรา คือเกาะบอร์เนียวนั่นเอง จากการศึกษาหาข้อมูล เมืองที่สามารถเจออุรังอุตังได้และมีกิจกรรมหลากหลายให้ทำนั่นก็คือเมืองคูชิง ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลย์เซีย
ทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมด 6 วัน เที่ยวเต็มๆ 4 วันและเดินทาง 2 วัน
ทริปโดยสรุป
08/4/2017-เดินทาง เข้าที่พัก
09/4/2017-ดูอุรังอุตังที่ Semengoh และไป Fort Margherita
10/4/2017-ดูสัตว์ เดินเทรลที่ Bako National Park
11/4/2017-เดินเทรลที่ Santubong Mountain
12/4/2017-ไปสามถ้ำ (Fairy Cave, Buddha Cave and Wind Cave), Bau Gold Mine, Sarawak State Museum
13/4/2017-ไปสวนกล้วยไม้, Chinese Museum, Textile Museum เดินทางกลับ
- วันที่ 1: 08/4/2017 -
วันออกเดินทาง เราเดินทางด้วยสารการบินแอร์เอเชียราคาประมาณ 7,500 บาท รวมค่าอาหารและที่นั่งแถวหน้า ไฟลท์ 7 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงไป KL เพื่อไปต่อเครื่องเดินทางต่อไปยังกูชิง ซึ่งจาก KL ไปกูชิงใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที เราถึงกูชิงเวลาประมาณบ่ายสองโมง ผ่าน ต.ม. มาเรียบร้อยก็ไปหา Taxi เพื่อเข้าเมือง ที่สนามบินจะมีเค้าน์เตอร์ขายตั๋ว taxi เป็นราคากลางเข้าเมืองคือ 26 RM (1 RM ตอนนี้ประมาณเกือบ 8 บาท)
เราให้ Taxi ไปส่งที่โรงแรม The Waterfront Hotel ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า มองเห็นวิวแม่น้ำ เราพักที่นี่ห้อง Deluxe King 5 คืนคิดเป็นเงิน 8,550 บาท นอนได้สองคน
วันแรกไม่ได้ทำอะไรมาก แค่เดินไปถามทัวร์ตามที่ต่างๆ แล้วก็เดินเล่นริมแม่น้ำ ซาราวัก และแวะกินข้าวที่ Top Spot Food Court ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารทะเลสดๆ ไว้ให้เราเลือกจะกินอะไร เอาไปปรุงแบบไหน วันนี้เราสั่งมาสามอย่างเป็นปลาระพงนึ่งราดซอสเปรี้ยวหวาน กุ้งทะเลผัดไข่เค็มแล้วก็ใบเฟิร์นผัดน้ำมันหอย (หน้าตาคล้ายผักกูดแต่รสชาติไม่เหมือนนะ ไปเหมือนกระเจี๊ยบเขียว กรอบๆ และมีเมือก) ข้าวของถ้วย อาหารมื้อนี้หมดไปห้าร้อยกว่าบาท แล้วก็เดินหาเบียร์ดื่มก่อนกลับโรงแรม ร้านนั่งดื่มที่นี่ค่อนข้างน้อยนะ แถมราคาเอาเรื่องอยู่ เบียร์ขวดเล็กราคาเริ่มต้น 12 RM แล้ว
- วันที่ 2: 09/4/2017 -
วันนี้เราจะไปดูอุรังอุตังที่ศูนย์ฟื้นฟู Semengoh Orangutan Rehabilitation Center อยู่ห่างจากเมืองกูชิงไปประมาณ 20 กิโลเมตร เรานั่งรถประจำทางสาย K6 ขึ้นที่หน้า Masjid Bandaraya Kuching มีรถ 2 เที่ยวต่อวัน 7:20 น. และ 13:00 น. ขากลับจากศูนย์เวลา 11:00 น. และ 16:00 น. เราแนะนำให้ไปแต่เช้าเพราะที่นี่เค้าจะให้อาหารอุรังอุตัง 2 รอบ เช้าบ่าย หากตอนเช้าอุรังอุตังไม่ออกมาจากป่า เราก็ยังมีโอกาสเห็นรอบบ่าย ราคาอยู่ที่ 4 RM ต่อเที่ยว ท่ารถอยู่แถว Masjid Bandaraya Kuching ใกล้โรงแรมมาก
เข้าเรื่องทริปวันนี้ รถบัส K6 ที่เรานั่งไปศูนย์วิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ไม่รู้แต่ด้วยระยะทางเกือบยี่สิบกิโลเมตรใช้เวลาไปชั่วโมงนึง หวานเย็น สโลว์ไลฟ์ดี ถึงหน้าศูนย์เราก็ซื้อบัตรเข้าชมราคา 10 RM แล้วเดินเข้าไปสักพักนึง น่าจะประมาณ 1 กิโลเมตรได้ก็จะถึงศูนย์
ก่อนเข้าไปในป่าก็ฟังเจ้าหน้าที่บรีฟเรื่องความปลอดภัย การปฏิบัติตัว และทำความเข้าใจว่าอุรังอุตังอาจจะไม่ออกมาก็ได้นะ (ถ้าหน้าฝน ผลไม้ป่าเยอะ เขาจะไม่ค่อยออกมา) จากนั้นเราก็เดินเข้าไปในป่า บริเวณที่เค้าเอาผลไม้ไปวางให้อุรังอุตัง และตะโกนเรียกให้ออกมากิน
ระหว่างรอนั้นตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าเขาจะออกมาไหม สัก 20 นาทีที่ตั้งตารอด้วยความสงบ ก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้ไหว มาแล้วววววววว เห็นมาแต่ไกลเลยตัวสีน้ำตาลแดง คู่แม่ลูก เจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อแล้วพูดเหมือนชวนมากิน 555 แล้วเจ้าหน้าที่ก็ออกจากบริเวณ อุรังอุตังรออยู่ด้านบนสักพักก็ลงมาเอาผลไม้ไปกินและป้อนลูก หลังจากนั้นก็มีคู่แม่ลูกอีกคู่ คู่นี้ลูกโตขึ้นมาหน่อย ไม่ได้เกาะแม่ตลอด ดูซนดีทำท่าห้อยหัวกินผลไม้ ระหว่างที่เห็นพวกเขานั้น มันเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ของเรามาก เราเราชอบสัตว์ชนิดนี้ เป็นสัตว์โปรดที่เราชอบดูในสารคดีเพราะรู้สึกว่าเขามีอะไรคล้ายคนมาก เราได้ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็ให้เราออกจากป่า ปล่อยให้แม่ลูกเขากินกันต่อไป
เราเดินออกมารอรถบัสเพื่อกลับเข้ากูชิง มาจอดที่เดิมตอนที่มาส่งเพราะที่ศูนย์เป็นปลายสายรถพอดี
หลังจากหาอาหารเที่ยงกิน เราก็ไปเยี่ยมชมอีกสถานที่หนึ่ง เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่นำมาทำพิพิธภัณฑ์ชื่อ Fort Margherita (สร้างโดย ราชาคนที่ 2 ของราชวงศ์ Brooke) ต้องนั่งเรือข้ามมาจากฝั่งกูชิงคนละ 1 RM ค่าเข้าชมอีกคนละ 20 RM คือกูชิงนี่เป็นเมืองที่มีประวัติแปลกมาก เคยมีราชาเป็นคนขาวชาวอังกฤษ (ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการล่าอาณานิคมเลย) ชื่อ James Brooke ที่จับพลัดจับผลูมาช่วยสุลต่านบรูไนรบกับพวกกบฏ คนป่า ที่ไม่ยอมการปกครองของสุลต่าน ผลการต่อสู้คือ Brooke ชนะและสุลต่านบอกไม่มีเวลามาดูเมืองกูชิง เลยยกให้ Brooke ปกครอง การปกครองของ Brooke ที่ค่อนข้าง Liberal มากๆ ให้ความเท่าเทียมกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นชาวพื้นเมือง คนป่า คนจีน อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ท่านทำตัวเหมือนชาวกูชิงไม่ว่าจะเครื่องแต่งกายที่ท่านแต่ง บ้านที่ท่านอยู่ก็เป็นแบบกูชิง ราชวงศ์ Brooke นี่มีสืบทอดมาเรื่อยๆ มีราชาประมาณ 3 ท่านได้ แล้วก็ถูกรุกรานโดยอาณานิคมอังกฤษ ราชวงศ์นี้ก็หมดไป วันนี้เล่าเท่านี้ก่อน ค่อยมาต่อ