สวัสดีครับ พบกันอีกครั้ง กับรีวิวดองเค็ม รอบนี้ดองมาจากพฤษภาคม 2019 ครับ
เชื่อว่าหลายๆคน เห็นชื่อกระทู้คงมีฟีลแบบ อิหยังวะ kuching คืออะไร ไม่เคยได้ยิน มีอะไรน่าเที่ยว
ถ้าคุณคิดว่ามาเลเซียมันแมสแล้ว ปีนงปีนัง กัวลาลัมเปอร์มันแบบเบสิคไป หรือคินาบาลูก็ไปมาแล้ว
เราขอเชิญชวนทุกท่าน ตามเราไปดูเมืองที่ชื่อกูชิงกันครับ
ปล. ในรูปอาจจะดูเงียบเหงามากนะครับ เพราะเราไปกันเดือนที่เขาถือศีลอดกันพอดี
หลายๆอย่าง แม้กระทั่งร้านคนจีนบางร้านเองก็ไม่ได้เปิดเยอะครับ
** รีวิวนี้ถ่ายภาพโดยเพื่อนร่วมทริปของผมเอง คำบรรยายส่วนใหญ่ก็เพื่อนผมนั้นแหละเขียน มีผมมาเสริมๆเติมๆให้ครับ **
=== กูชิ่ง อยู่ตรงไหน? ===
กูชิ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐซาราวัก มาเลเซียฝั่งตะวันออก
(ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งมีประเทศบรูไน และอินโดนิเซียด้วย)
ซึ่งเราจะคุ้นเคยกับฝั่งตะวันตกมากกว่า (เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง มะละกา ยะโฮร์บารู เป็นต้น)
การเดินทางครั้งนี้เราบิน Thai Airasia ออกจากหาดใหญ่ไปกัวลาลัมเปอร์ จากนั้นบินต่อโดยเปลี่ยนสายการบินเป็น Malaysia Airlines
(ตอนเปลี่ยน Terminal ลำบากพอควร งงกับการเดินรถของสนามบินนางมาก) บินจากกัวลาลัมเปอร์มากูชิง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที
(คล้ายหาดใหญ่-เชียงใหม่) ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เอา 737-800 มาบิน แต่ข้างในก็เป็น full service มีจอให้เล่น มีอาหารให้ 1 กล่อง
นั่งสบายมาก และคนก็เยอะด้วย (load factor น่าจะ 85%++) โดยเราสอยตั๋วผ่านทาง traveloka มาได้ในราคาเกือบๆ 1000 บาท
สำหรับตั๋วเที่ยวเดียวต่อ 1 ท่านเท่านั้น
สิ่งที่อาจจะทำให้ทุกท่าน culture shock คือเรื่องของการ stamp พาสปอร์ต
แม้ว่าจะปั๊มเข้าประเทศตั้งแต่กัวลาแล้ว หรือบินในประเทศ เมื่อเข้ารัฐนี้จะต้องผ่านศุลกากรอีกครั้งนึง โดยรัฐ Sabah ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
หากคุณบินไปลง tawau, kota kinabalu, sandakan จากรัฐอื่นๆในมาเลเซีย และ permission ก็จะต่างออกไปด้วย จนเราแซวกับเพื่อนว่า
ตั้งประเทศเหอะแบบนี้ 555 เท่าที่หามาอย่างหยาบ ๆ นั้นน่าจะเป็นข้อตกลงตั้งแต่สมัยรวมประเทศมาเลเซียแล้ว และที่นี่ก็ดูมีอะไรหลายอย่าง
ที่ดู autonomous ค่อนข้างสูงอยู่
เราถึงสนามบินกูชิงเกือบๆ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นแล้วครับ เลยรีบเรียก grab ไป ระยะทางจากสนามบินเข้าเมืองก็ไม่นานมากครับ
เพียง 20 นาทีก็ถึงตัวเมือง บริเวณที่พักเรียบร้อย ครั้งนี้เราจองเป็น kuching waterfront lodge ไปครับ ทำเลดีมาก อยู่บริเวณ waterfront เลย
ราคาก็ไม่แพงมาก เถ้าแก่ที่ร้านก็ใจดีด้วยครับ
Kuching waterfront เป็นบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งก็อยู่ใกล้ที่พักเรา และจะอยู่กับเราไปอีกสองคืน
ในเวลากลางคืนก็จะเห็นแสงไฟตามทางเดิน รวมถึงแผงอาหารที่เปิดกันตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ตามแนวริมแม่น้ำครับ
ใครทุนทรัพย์หนาก็มี dinner cruise ล่องไปตามแม่น้ำซาราวักแห่งนี้ด้วยครับ (ซึ่งเราขอบายครับ)
=== DAY 1 ===
ขอเริ่มนับรุ่งเช้าวันถัดมาเป็นวันที่ 1 ละครับ คืนก่อนหน้านอนตายกันคาห้องเลย เดินทางจากหาดใหญ่ตั้งแต่ 13.00 น. ไหนจะเปลี่ยนเครื่องอีก
วันนี้เราแพลนว่าเราจะไป Mount Santubong กันครับ ถ้า Sabah มี Mt. Kinabalu ที่นี่ก็ Santubong นี่ละครับ
แต่อ๊ะๆ เราไม่ได้ปีนเขานะครับ จะไปทำอะไร ลองตามไปดูกันครับ
เดินออกมาจากที่พัก 50 เมตรก็จะมีอะไรประมาณนี้ครับ ตอนค่ำบรรยากาศจะครึกครื้นมากครับ คนมาดูพระอาทิตย์ตก มาวิ่งจ๊อกกิ้งกันเต็มเลย
เดินต่อมาเรื่อยๆครับ ตึกสูงๆที่เห็นด้านหลังคือห้างสรรพสินค้าครับ ปนกับโรงแรม เบื่อๆก็มาเดินเล่นได้ครับ
ห้างเป็นเหมือนๆกับที่หาดใหญ่เลย คือเปิดใหญ่มาก แต่ว่าแบรนด์เนมดังๆ ไม่ค่อยจะเยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นแผงให้เช่าครับ
แต่ก็มีคนเดินพลุกพล่าน + มีแบรนด์ดังๆเยอะเหมือนกันครับ
จากที่พักลองออกมาเดินเล่นแถว Carpenter st. ซึ่งแลดูเป็นไชน่าทาวน์ ซึ่งตั้งอยู่หลังที่พักของเรานี่เองครับ
ตึกราบ้านช่องตามถนน ไม่ต่างจากฝั่งตะวันตกนัก
เราเดินต่อกันมาเรื่อยๆ จนเดินมาถึง Jalan Masjid ซึ่งเป็นที่จอดรถบัสหลายสาย (ซึ่งก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่)
เราจะเห็นมัสยิดโดมทองๆ เด่นมาแต่ไกลครับ บริเวณนี้เราสามารถหารถบัสไปบริเวณอื่นๆได้ครับ เช่น serian, bau
หรือแม้กระทั่ง pontianak, indonesia (เห็นแวบๆ แต่คงออกไม่บ่อยนัก) ซึ่งก็พอมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอยู่บ้าง แต่อาจจะต้องไปแบบค้างคืน
เพราะรอบวิ่งก็ไม่ได้วิ่งถี่มากนัก บางวันไม่มีซะด้วยซ้ำ เดี๋ยวก่อนจบกระทู้ จะมาเล่าอีกที ว่าเมืองที่ว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
ส่วนพวกเราไม่ได้ไปครับ เราไม่มีแพลน one-day trip จาก kuching เลยครับ
หลังจากที่เราเดินดู Carpenter Street หรือไชน่าทาวน์ในช่วงเช้าซึ่งไม่มีอะไรเท่าไร นอกจากของกิน
ซึ่งเอาจริงๆ เรารู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่ยังสามารถหาโจ๊กหมูกินได้ในเมืองอิสลามแบบนี้ รวมไปถึงก๋วยเตี๋ยวหมูสับ ฯลฯ
ดูเหมือนว่าประชาชนจีน + มุสลิมในเมืองจะเคารพกันในระดับนึงเลย (เท่าที่เห็นนะครับ ใครทราบข้อมูลอื่นๆ แจ้งได้เลยครับ)
เราจึงตัดสินใจหารถบัสไป Mount Santubong ครับ เพื่อที่จะไป Sarawak Cultural Village ครับ
เค้าบอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ วัฒนธรรมอันหลากหลายของรัฐซาราวักที่คุ้มค่าแก่การไปมากครับ
แต่เราก็หารถประจำทางไม่ได้เลย สุดท้ายก็ใช้วิธีโบก Grab น่าจะคุ้มกว่า (แถมได้หารกับเพื่อนด้วย)
ก็เลยนั่งมาที่แรก Sarawak cultural village ซึ่งไกลจากเมืองมากกก ตอนมาคนขับบอกว่า
"ค่าเข้า 60RM นะยู"
"ครับ" ...(เวรละ โดนหลอกเอาตังค์รึเปล่า)
พอไปดูราคาหน้างานเท่านั้นแหละ คนละ 60 จริง(ซื้อทางเน็ต 50RM)
น่าจะติดอันดับแพงที่สุดในทริปไปด้วย
นี่ก็เป็นบรรยากาศข้างใน ใหญ่มาก พร้อมวิวภูเขา ซึ่งเอาจริงๆเราว่าคุ้มเหมือนกันครับ เดินเพลินๆ อย่างน้อยก็ 2 ชม ครับ
อย่างที่บอก มา cultural village ก็จะได้มาดูวัฒนธรรมที่นี่ สิ่งที่ได้มาก็คือ passport ไว้ stamp ตามจุดต่าง ๆ
จุดขายของรัฐนี้คือเขามีหลายชาติพันธุ์รวมกันถึง 7 กลุ่มด้วยกัน ก็คือ
ภายในจะมีการจัดการแสดงวัฒนธรรมของชนเผ่าดั้งเดิมทั้ง 7 ชนเผ่าของรัฐซาราวักครับ
ซึ่งมีทั้งการแสดงต่างๆ รวมถึงมีเจ้าหน้าที่มาแต่งตัวประจำบ้านแต่ละหลัง ซึ่งบ้านแต่ละหลังก็จะสื่อถึงความเป็นชนเผ่านั้นๆได้อย่างดีครับ
เนื่องจากราคา 60 ริงกิตนี้ได้รวมค่าชมการแสดงด้วย คือการดู Cultural show มีวันละสองรอบ 11.00 กับ 16.00
แถมลุงคนขับที่ยังรอเราอยู่ที่นี้ (เนื่องจากแกบอกว่าหาแท็กซี่กลับไม่ได้หรอก นางจะรอให้ เพิ่มตังนิดหน่อย) บอกว่ามาแล้วต้องดู ห้ามพลาดมากๆ
เราจึงตัดสินใจอยู่ต่อครับ แต่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ฝากท้องที่ร้านอาหารในพิพิธภัณฑ์นี้เลยละกันครับ (ซึ่งเอาจริงก็ไม่คิดว่าเป็นไอเดียที่ดี เพราะแอบแพง
แต่ก็กินๆไปก่อน) เราสั่งเป็นเมนูแนะนำของที่นี้ครับ หมี่ผัด santubong ไม่รู้อะไร มีคำว่า santubong ก็คือสั่งทันที
หน้าตาก็ประมาณก๋วยเตี๋ยวราดหน้าซอสพริกบ้านเราครับ อร่อยมั้ย ก็ 5/10 ละกันครับ กินได้ ปานกลาง ไม่อร่อยขนาดนั้น มาตรฐานมาเลเซีย
(ไม่ได้เหยียดนะ แต่เราก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าอาหารมาเลเซียไม่ค่อยอร่อยจริงๆ ยกเว้นใน sabah ที่ผมรู้สึกว่าอร่อยทุกที่)
ตอนแรกเข้าใจว่าก็เป็นโชว์สวย ๆ ให้ดูเฉย ๆ ...
แต่จริงๆแล้วมีตั้งแต่วิธีที่ชนเผ่าต่างๆใช้จีบสาว เช่นการเป่าลูกดอกให้โดนเป้า ก็มีการเรียกผู้ชมขึ้นบนเวที จีบให้ดู (บทบาทสมมติ) สดๆเลยครับ
รวมถึงการละเล่นต่างๆ เช่น ลาวกระทบไม้ นึกถึงสมัยเด็ก ๆ กันเลยทีเดียว
มีโชว์ความสามารถด้วยนะเออ พอว้าวได้บ้าง ไม่สปอยล์เพิ่มละ มาดูเอง
ที่นี่ก็มีน้องมานอนเล่นรับแขกแบบไม่กลัวคนอยู่เหมือนกันครับ
จริงๆแล้วถ้าคนที่เรียนภาษามลายู หรือเป็นมุสลิม อาจจะพอทราบว่า กูชิง หรือ Kucing ภาษามลายูแปลว่าแมว
แล้วทำไม Kuching ต้องชื่อนี้นะ เกี่ยวอะไรกับแมว คำตอบคือเกี่ยวครับ (ตามสันนิษฐานที่เค้าเชื่อกันมากที่สุด มีหลายสันนิษฐานมากเว่อร์)
เค้าบอกว่าคนแรกที่มาเจอเมืองนี้ หรืออีตา brooke เนี่ย เห็นแมวกระโดดไปมา เลยถามคนท้องถิ่นว่านี่อะไร
คนท้องถิ่นเลยตอบว่า "Itu kucing" (นี่คือแมว this is a cat) นางก็เลยตีโพยตีพายว่าที่นี่ชื่อ kuching จบ 55555 ตลกดีนะครับ
จากนั้นเราก็เดินทางต่อครับ ไปต่อกันอีกที่ ที่สวนมิตรภาพจีน-มาเล
ซึ่งเราก็กลับมาในเมืองกันอีกครั้งครับ เราถึงที่นี่กันประมาณ 15.00 น.ครับ
แพนด้า-กูชิ่ง(แมว) เป็นมาสคอตที่สื่อได้ดี
ที่เห็นเป็นเรือนกลางน้ำใหญ่ๆนั่นเป็นคาเฟ่ครับ นั่งชิลๆ kaya toast อร่อยมาก อื่นๆเฉยๆครับ ร้อนๆเหนื่อยๆมานั่งพักกันได้
เสา 7 ต้น ซึ่งสื่อถึงชนกลุ่ม 7 กลุ่มในรัฐเดียว (ที่ตัวเสาจะมีลวดลายตัวแทนแต่ละกลุ่ม)
มีข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละรัฐให้อ่านกันด้วยครับ
ขอไว้แค่นี้ก่อน ตัวอักษรจะล้นแล้ว ยังไม่จบสำหรับ day 1 ครับ
เดี่ยวมาต่อนะครับ
[CR] Kuching Malaysia เมืองลับที่ใครได้ยินชื่อก็ต้องถามว่าอิหยังวะ
สวัสดีครับ พบกันอีกครั้ง กับรีวิวดองเค็ม รอบนี้ดองมาจากพฤษภาคม 2019 ครับ
เชื่อว่าหลายๆคน เห็นชื่อกระทู้คงมีฟีลแบบ อิหยังวะ kuching คืออะไร ไม่เคยได้ยิน มีอะไรน่าเที่ยว
ถ้าคุณคิดว่ามาเลเซียมันแมสแล้ว ปีนงปีนัง กัวลาลัมเปอร์มันแบบเบสิคไป หรือคินาบาลูก็ไปมาแล้ว
เราขอเชิญชวนทุกท่าน ตามเราไปดูเมืองที่ชื่อกูชิงกันครับ
ปล. ในรูปอาจจะดูเงียบเหงามากนะครับ เพราะเราไปกันเดือนที่เขาถือศีลอดกันพอดี
หลายๆอย่าง แม้กระทั่งร้านคนจีนบางร้านเองก็ไม่ได้เปิดเยอะครับ
** รีวิวนี้ถ่ายภาพโดยเพื่อนร่วมทริปของผมเอง คำบรรยายส่วนใหญ่ก็เพื่อนผมนั้นแหละเขียน มีผมมาเสริมๆเติมๆให้ครับ **
=== กูชิ่ง อยู่ตรงไหน? ===
กูชิ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐซาราวัก มาเลเซียฝั่งตะวันออก
(ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งมีประเทศบรูไน และอินโดนิเซียด้วย)
ซึ่งเราจะคุ้นเคยกับฝั่งตะวันตกมากกว่า (เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง มะละกา ยะโฮร์บารู เป็นต้น)
การเดินทางครั้งนี้เราบิน Thai Airasia ออกจากหาดใหญ่ไปกัวลาลัมเปอร์ จากนั้นบินต่อโดยเปลี่ยนสายการบินเป็น Malaysia Airlines
(ตอนเปลี่ยน Terminal ลำบากพอควร งงกับการเดินรถของสนามบินนางมาก) บินจากกัวลาลัมเปอร์มากูชิง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที
(คล้ายหาดใหญ่-เชียงใหม่) ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เอา 737-800 มาบิน แต่ข้างในก็เป็น full service มีจอให้เล่น มีอาหารให้ 1 กล่อง
นั่งสบายมาก และคนก็เยอะด้วย (load factor น่าจะ 85%++) โดยเราสอยตั๋วผ่านทาง traveloka มาได้ในราคาเกือบๆ 1000 บาท
สำหรับตั๋วเที่ยวเดียวต่อ 1 ท่านเท่านั้น
สิ่งที่อาจจะทำให้ทุกท่าน culture shock คือเรื่องของการ stamp พาสปอร์ต
แม้ว่าจะปั๊มเข้าประเทศตั้งแต่กัวลาแล้ว หรือบินในประเทศ เมื่อเข้ารัฐนี้จะต้องผ่านศุลกากรอีกครั้งนึง โดยรัฐ Sabah ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
หากคุณบินไปลง tawau, kota kinabalu, sandakan จากรัฐอื่นๆในมาเลเซีย และ permission ก็จะต่างออกไปด้วย จนเราแซวกับเพื่อนว่า
ตั้งประเทศเหอะแบบนี้ 555 เท่าที่หามาอย่างหยาบ ๆ นั้นน่าจะเป็นข้อตกลงตั้งแต่สมัยรวมประเทศมาเลเซียแล้ว และที่นี่ก็ดูมีอะไรหลายอย่าง
ที่ดู autonomous ค่อนข้างสูงอยู่
เราถึงสนามบินกูชิงเกือบๆ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นแล้วครับ เลยรีบเรียก grab ไป ระยะทางจากสนามบินเข้าเมืองก็ไม่นานมากครับ
เพียง 20 นาทีก็ถึงตัวเมือง บริเวณที่พักเรียบร้อย ครั้งนี้เราจองเป็น kuching waterfront lodge ไปครับ ทำเลดีมาก อยู่บริเวณ waterfront เลย
ราคาก็ไม่แพงมาก เถ้าแก่ที่ร้านก็ใจดีด้วยครับ
Kuching waterfront เป็นบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งก็อยู่ใกล้ที่พักเรา และจะอยู่กับเราไปอีกสองคืน
ในเวลากลางคืนก็จะเห็นแสงไฟตามทางเดิน รวมถึงแผงอาหารที่เปิดกันตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ตามแนวริมแม่น้ำครับ
ใครทุนทรัพย์หนาก็มี dinner cruise ล่องไปตามแม่น้ำซาราวักแห่งนี้ด้วยครับ (ซึ่งเราขอบายครับ)
=== DAY 1 ===
ขอเริ่มนับรุ่งเช้าวันถัดมาเป็นวันที่ 1 ละครับ คืนก่อนหน้านอนตายกันคาห้องเลย เดินทางจากหาดใหญ่ตั้งแต่ 13.00 น. ไหนจะเปลี่ยนเครื่องอีก
วันนี้เราแพลนว่าเราจะไป Mount Santubong กันครับ ถ้า Sabah มี Mt. Kinabalu ที่นี่ก็ Santubong นี่ละครับ
แต่อ๊ะๆ เราไม่ได้ปีนเขานะครับ จะไปทำอะไร ลองตามไปดูกันครับ
เดินออกมาจากที่พัก 50 เมตรก็จะมีอะไรประมาณนี้ครับ ตอนค่ำบรรยากาศจะครึกครื้นมากครับ คนมาดูพระอาทิตย์ตก มาวิ่งจ๊อกกิ้งกันเต็มเลย
เดินต่อมาเรื่อยๆครับ ตึกสูงๆที่เห็นด้านหลังคือห้างสรรพสินค้าครับ ปนกับโรงแรม เบื่อๆก็มาเดินเล่นได้ครับ
ห้างเป็นเหมือนๆกับที่หาดใหญ่เลย คือเปิดใหญ่มาก แต่ว่าแบรนด์เนมดังๆ ไม่ค่อยจะเยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นแผงให้เช่าครับ
แต่ก็มีคนเดินพลุกพล่าน + มีแบรนด์ดังๆเยอะเหมือนกันครับ
จากที่พักลองออกมาเดินเล่นแถว Carpenter st. ซึ่งแลดูเป็นไชน่าทาวน์ ซึ่งตั้งอยู่หลังที่พักของเรานี่เองครับ
ตึกราบ้านช่องตามถนน ไม่ต่างจากฝั่งตะวันตกนัก
เราเดินต่อกันมาเรื่อยๆ จนเดินมาถึง Jalan Masjid ซึ่งเป็นที่จอดรถบัสหลายสาย (ซึ่งก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่)
เราจะเห็นมัสยิดโดมทองๆ เด่นมาแต่ไกลครับ บริเวณนี้เราสามารถหารถบัสไปบริเวณอื่นๆได้ครับ เช่น serian, bau
หรือแม้กระทั่ง pontianak, indonesia (เห็นแวบๆ แต่คงออกไม่บ่อยนัก) ซึ่งก็พอมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอยู่บ้าง แต่อาจจะต้องไปแบบค้างคืน
เพราะรอบวิ่งก็ไม่ได้วิ่งถี่มากนัก บางวันไม่มีซะด้วยซ้ำ เดี๋ยวก่อนจบกระทู้ จะมาเล่าอีกที ว่าเมืองที่ว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
ส่วนพวกเราไม่ได้ไปครับ เราไม่มีแพลน one-day trip จาก kuching เลยครับ
หลังจากที่เราเดินดู Carpenter Street หรือไชน่าทาวน์ในช่วงเช้าซึ่งไม่มีอะไรเท่าไร นอกจากของกิน
ซึ่งเอาจริงๆ เรารู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่ยังสามารถหาโจ๊กหมูกินได้ในเมืองอิสลามแบบนี้ รวมไปถึงก๋วยเตี๋ยวหมูสับ ฯลฯ
ดูเหมือนว่าประชาชนจีน + มุสลิมในเมืองจะเคารพกันในระดับนึงเลย (เท่าที่เห็นนะครับ ใครทราบข้อมูลอื่นๆ แจ้งได้เลยครับ)
เราจึงตัดสินใจหารถบัสไป Mount Santubong ครับ เพื่อที่จะไป Sarawak Cultural Village ครับ
เค้าบอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ วัฒนธรรมอันหลากหลายของรัฐซาราวักที่คุ้มค่าแก่การไปมากครับ
แต่เราก็หารถประจำทางไม่ได้เลย สุดท้ายก็ใช้วิธีโบก Grab น่าจะคุ้มกว่า (แถมได้หารกับเพื่อนด้วย)
ก็เลยนั่งมาที่แรก Sarawak cultural village ซึ่งไกลจากเมืองมากกก ตอนมาคนขับบอกว่า
"ค่าเข้า 60RM นะยู"
"ครับ" ...(เวรละ โดนหลอกเอาตังค์รึเปล่า)
พอไปดูราคาหน้างานเท่านั้นแหละ คนละ 60 จริง(ซื้อทางเน็ต 50RM)
น่าจะติดอันดับแพงที่สุดในทริปไปด้วย
นี่ก็เป็นบรรยากาศข้างใน ใหญ่มาก พร้อมวิวภูเขา ซึ่งเอาจริงๆเราว่าคุ้มเหมือนกันครับ เดินเพลินๆ อย่างน้อยก็ 2 ชม ครับ
อย่างที่บอก มา cultural village ก็จะได้มาดูวัฒนธรรมที่นี่ สิ่งที่ได้มาก็คือ passport ไว้ stamp ตามจุดต่าง ๆ
จุดขายของรัฐนี้คือเขามีหลายชาติพันธุ์รวมกันถึง 7 กลุ่มด้วยกัน ก็คือ
ภายในจะมีการจัดการแสดงวัฒนธรรมของชนเผ่าดั้งเดิมทั้ง 7 ชนเผ่าของรัฐซาราวักครับ
ซึ่งมีทั้งการแสดงต่างๆ รวมถึงมีเจ้าหน้าที่มาแต่งตัวประจำบ้านแต่ละหลัง ซึ่งบ้านแต่ละหลังก็จะสื่อถึงความเป็นชนเผ่านั้นๆได้อย่างดีครับ
เนื่องจากราคา 60 ริงกิตนี้ได้รวมค่าชมการแสดงด้วย คือการดู Cultural show มีวันละสองรอบ 11.00 กับ 16.00
แถมลุงคนขับที่ยังรอเราอยู่ที่นี้ (เนื่องจากแกบอกว่าหาแท็กซี่กลับไม่ได้หรอก นางจะรอให้ เพิ่มตังนิดหน่อย) บอกว่ามาแล้วต้องดู ห้ามพลาดมากๆ
เราจึงตัดสินใจอยู่ต่อครับ แต่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ฝากท้องที่ร้านอาหารในพิพิธภัณฑ์นี้เลยละกันครับ (ซึ่งเอาจริงก็ไม่คิดว่าเป็นไอเดียที่ดี เพราะแอบแพง
แต่ก็กินๆไปก่อน) เราสั่งเป็นเมนูแนะนำของที่นี้ครับ หมี่ผัด santubong ไม่รู้อะไร มีคำว่า santubong ก็คือสั่งทันที
หน้าตาก็ประมาณก๋วยเตี๋ยวราดหน้าซอสพริกบ้านเราครับ อร่อยมั้ย ก็ 5/10 ละกันครับ กินได้ ปานกลาง ไม่อร่อยขนาดนั้น มาตรฐานมาเลเซีย
(ไม่ได้เหยียดนะ แต่เราก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าอาหารมาเลเซียไม่ค่อยอร่อยจริงๆ ยกเว้นใน sabah ที่ผมรู้สึกว่าอร่อยทุกที่)
ตอนแรกเข้าใจว่าก็เป็นโชว์สวย ๆ ให้ดูเฉย ๆ ...
แต่จริงๆแล้วมีตั้งแต่วิธีที่ชนเผ่าต่างๆใช้จีบสาว เช่นการเป่าลูกดอกให้โดนเป้า ก็มีการเรียกผู้ชมขึ้นบนเวที จีบให้ดู (บทบาทสมมติ) สดๆเลยครับ
รวมถึงการละเล่นต่างๆ เช่น ลาวกระทบไม้ นึกถึงสมัยเด็ก ๆ กันเลยทีเดียว
มีโชว์ความสามารถด้วยนะเออ พอว้าวได้บ้าง ไม่สปอยล์เพิ่มละ มาดูเอง
ที่นี่ก็มีน้องมานอนเล่นรับแขกแบบไม่กลัวคนอยู่เหมือนกันครับ
จริงๆแล้วถ้าคนที่เรียนภาษามลายู หรือเป็นมุสลิม อาจจะพอทราบว่า กูชิง หรือ Kucing ภาษามลายูแปลว่าแมว
แล้วทำไม Kuching ต้องชื่อนี้นะ เกี่ยวอะไรกับแมว คำตอบคือเกี่ยวครับ (ตามสันนิษฐานที่เค้าเชื่อกันมากที่สุด มีหลายสันนิษฐานมากเว่อร์)
เค้าบอกว่าคนแรกที่มาเจอเมืองนี้ หรืออีตา brooke เนี่ย เห็นแมวกระโดดไปมา เลยถามคนท้องถิ่นว่านี่อะไร
คนท้องถิ่นเลยตอบว่า "Itu kucing" (นี่คือแมว this is a cat) นางก็เลยตีโพยตีพายว่าที่นี่ชื่อ kuching จบ 55555 ตลกดีนะครับ
จากนั้นเราก็เดินทางต่อครับ ไปต่อกันอีกที่ ที่สวนมิตรภาพจีน-มาเล
ซึ่งเราก็กลับมาในเมืองกันอีกครั้งครับ เราถึงที่นี่กันประมาณ 15.00 น.ครับ
แพนด้า-กูชิ่ง(แมว) เป็นมาสคอตที่สื่อได้ดี
ที่เห็นเป็นเรือนกลางน้ำใหญ่ๆนั่นเป็นคาเฟ่ครับ นั่งชิลๆ kaya toast อร่อยมาก อื่นๆเฉยๆครับ ร้อนๆเหนื่อยๆมานั่งพักกันได้
เสา 7 ต้น ซึ่งสื่อถึงชนกลุ่ม 7 กลุ่มในรัฐเดียว (ที่ตัวเสาจะมีลวดลายตัวแทนแต่ละกลุ่ม)
มีข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละรัฐให้อ่านกันด้วยครับ
ขอไว้แค่นี้ก่อน ตัวอักษรจะล้นแล้ว ยังไม่จบสำหรับ day 1 ครับ
เดี่ยวมาต่อนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น