สวัสดีค่ะ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าเรื่องทั้งหมดที่จะได้อ่านต่อไปนี้เป็นความจริง 100% ไม่มีใส่สีตีไข่เพิ่ม เป็นเรื่องราวของเราเองทั้งหมด ตั้งแต่จำความได้จนตอนนี้อายุ 23 ปีแล้ว
ที่เราออกมาเขียนเรื่องนี้เผยแพร่ไม่ได้มาเรียกร้องความสนใจหรือเห็นใจแต่อย่างใด เราเพียงแค่อยากจะมาเล่าถึงความจริงของสิ่งที่ผู้หญิงคนนึงต้องเผชิญเพียงลำพัง และต้องทนเก็บเป็นความลับมานานกว่า 23 ปี วันนี้เราคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะปล่อยมันไปให้เป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น
ตอนเราอายุประมาณ 5 ขวบ เราโดนลวนลามหลายครั้งโดยลุงข้างบ้านที่เป็นเพื่อนสนิทกับครอบครัวของเรา ตอนนั้นเราเด็กมากเลยไม่ได้คิดอะไร แต่พอโตขึ้นสักหน่อยเราเริ่มรู้ ก็เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวของเราย้ายบ้านพอดี ตอนนั้นเราสักประมาณ 7 ขวบ ครอบครัวของลุงข้างบ้านมาเยี่ยมเราที่บ้านใหม่ และมาค้างที่บ้านใหม่เรา เราโดนลวนลามจากลุงข้างบ้านอีกครั้ง ครั้งนี้เราพยายามขัดขืนและหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กันสองต่อสองแต่ในความเป็นเด็กที่กลัวและถูกขู่ไม่ให้บอกใครในความเป็นเด็กเราเลยเงียบและปล่อยให้มันผ่านไป ลุงข้างบ้านและครอบครัวมาพักที่บ้านเราแค่สองวันแล้วก็ไป จากวันนั้นเราก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย(นับเป็นความโชคดีเล็กๆของเรา)
จนเราอายุได้ประมาณ 9-10 ขวบ ตอนนั้นในความเป็นเด็กเรื่องของลุงข้างบ้านก็เป็นแค่เรื่องที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป เรามีความสุขมาก บ้านใหม่โรงเรียนใหม่ ทุกอย่างดีไปหมด โดยเฉพาะพี่สาวข้างบ้านที่อายุมากกว่าเรา 3 ปี เขาเป็นคนฉลาดสวยน่ารักใจดีมากในสายตาเรา เราตัวติดกันมาก ตอนพ่อแม่ไม่อยู่ไปทำงานนอกบ้านเราก็ได้พี่เขาเนี่ยแหละคอยเล่นด้วยคอยดูแลตลอด เรานอนด้วยกันอาบน้ำด้วยกัน จนวันนึงเราเริ่มรู้สึกว่าพี่สาวเริ่มแตะตัวเรามากขึ้นจับหน้าอกเราบ่อยมาก ตอนเล่นด้วยกันสองคนในห้องพี่สาวเริ่มทำบางอย่างที่เราก็โตพอที่จะรู้แล้วว่ามันคืออะไร นับวันมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงขนาดเกือบจะเรียกได้ว่ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สอดใส่(เพราะพี่เขาเป็นผู้หญิง และในวัยนั้นการทำจากภายนอกน่าจะเป็นอะไรที่มากที่สุดแล้วที่เด็กอายุแค่นั้นจะทำได้)เรื่องนี้ดำเนินอยู่เป็นปี เราไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าพูดให้ใครฟัง เราได้แต่ทนและปิดมันไว้เป็นความลับ เราอาย เรากลัว เรายังเด็กมากเด็กเกินไปที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ และเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงพี่สาวต้องย้ายบ้าน เราเลยไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน นานเข้าพี่สาวก็เริ่มโตเริ่มห่างออกไป และตอนนี้เราก็เหมือนเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันไปแล้ว
เวลาผ่านไปเราอายุมากขึ้น เริ่มขึ้น ม.ต้น พ่อเราเสีย เราเลยต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ไปอยู่กับยายที่เป็นน้องสาวของยายแท้ๆของเราอีกที(ยายกับตาเราเสียไปแล้ว) ครอบครัวของยายที่เราไปอยู่ด้วยมีตาและป้า(ลูกสาวของตากับยาย)อยู่ด้วยกัน แม่เราต้องไปทำงานที่อีกจังหวัดนึงเราเลยต้องย้ายมาอยู่ที่นี้ เพียงลำพัง ทั้งๆที่เราไม่เคยเจอญาติฝ่ายนี้มาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต แต่เราก็เข้าใจในความจำเป็นของแม่ ครึ่งปีแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเริ่มชินกับโรงเรียนใหม่เพื่อนใหม่สังคมใหม่ และเริ่มสนิทใจกับครอบครัวใหม่มากขึ้น จนมาวันนึงยายก็ไปบวชชีที่วัดเหมือนปกติ ยายมักจะไปนอนค้างที่วัดอยู่เป็นประจำ ไปทีก็หลายวันถึงจะกลับมา ส่วนป้าก็อยู่บ้านอีกหลังนึงที่สร้างเชื่อมกัน วันนั้นเราอยู่กับตาสองคน และมันก็เป็นอีกวันที่เราได้เจอเรื่องเลวร้ายอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอมาหลายปี เราเกือบโดนตาข่มขืน แต่เรารอดมาได้เพราะของตาใส่ไม่เข้า แรงเขาเยอะมากเราขัดขืนอะไรเขาไม่ได้เลย เขาเป็นคนร่างใหญ่ ถึงจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังดูไม่แก่ เขาขู่เราสารพัด ทุกเรื่องที่จะเอามาขู่ได้เขาก็ขุดออกมาขู่ ทั้งเรื่องแม่เราเรื่องที่ว่าระหว่างเขากับเราคนอื่นๆจะเชื่อใคร เรากลัว ครั้งนี้เรากลัวมาก เขาน่ากลัวมากสำหรับเรา และหลังจากวันนั้นในตอนที่ยายไม่อยู่บ้าน ทุกครั้งเขาจะมาหาเราและพยายามจะทำอย่างว่ากับเรา เราขัดขืนบ้าง หนีไปนอนบ้านป้าบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง แต่มันก็ไม่กี่ครั้งหรอกที่เราจะหาข้ออ้างเลี่ยงได้ทุกครั้ง นับวันเขาก็ยิ่งรุกหนักขึ้นและบ่อยขึ้น ทำเหมือนกับว่าเราเป็นแค่ตุ๊กตาให้เขาทำเลวๆใส่ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำเหมือนกับว่าเราไม่มีหัวใจ เราทนอยู่แบบนั้นเกือบปี สุดท้ายเราก็เริ่มคิดแผนหนี เราเริ่มบอกแม่ว่าเราไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าบอกเหตุผลที่แท้จริง ตอนแรกๆแม่บอกว่าเราไม่มีเหตุผลเลยไม่ยอมทำตามใจเรา เราเลยคิดแผนขึ้น เราเริ่มกลับบ้านดึก ไปนอนบ้านเพื่อนโดยไม่บอก วันๆออกจากบ้านไม่เคยได้กลับ เราทำตัวแย่ โดนแม่โทรมาด่า โดนป้าด่า โดนยายด่า แต่แม่ก็ยังไม่อยากให้เราไปอยู่ด้วย เราเลยลองทำอะไรที่ใหญ่ขึ้นเช่นเริ่มขโมยเงิน ทำเลวทุกอย่างให้เขาไล่เราไปให้พ้นๆจากขุมนรกแบบนั้น เราขโมยเงินตามา เขาโกรธมากเกือบตีเราและเขาก็ไล่เราออกจากบ้าน ในเมื่อเขาไม่อยากให้เราอยู่ ทุกคนก็ขัดไม่ได้ แม่เราก็ขัดไม่ได้ ในที่สุดเราก็ได้ออกจากขุมนรกสักที
แม่เราเอาเราไปฝากไว้กับญาติฝั่งพ่อ คู่สามีภรรยาและลูกชายวัยอนุบาลอีก 1 คน เรารู้จักครอบครัวนี้ เขาเป็นคนดี เรามาอยู่กับเขา ตอนนั้นเราอายุ 14 ปี แรกๆชีวิตดีมาก แต่พอนานเข้าเราก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ คนที่เรานับถือเป็นพ่อคนที่สองที่เรานับถือเขามากพยายามเข้าหาเราแบบแปลกๆ ซึ่งเรารู้ได้ทันทีเลยว่ามันคืออะไร จากประสบการณ์ที่เจอมาตลอด เขาเข้าหาเราในเชิงชู้สาว แต่เราโตแล้วเริ่มหาทางหนีทีไล่ได้เลยไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ผ่านมาตอนอายุ 16 เราขอแม่เช่าห้องอยู่เองดูแลตัวเอง ชีวิตเริ่มดีขึ้นทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเราสนุกมาก เริ่มคุยกับผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้าง เพราะเพื่อนยุมให้มีแฟน เราก็คบก็คุย แต่เราให้ได้มากสุดแค่จับมือ คนที่คุยด้วยเลยหนีหายไปหมด เรารู้สึกดีนะไม่มีแฟนไม่ต้องระแวงอยู่คนเดียวชีวิตดี มีความสุข
จนผ่านไปหลายปีเราอายุ 20 ปี เคยโดนญาติห่างๆจับนมครั้งนึง และเคยเกือบโดนพี่เขยสามีพี่สาวเรา(เรามีพี่สาวแต่งงามมีลูกแล้ว)ข่มขืนจับทำเมียน้อยครั้งนึง โดยเราขัดขืนสุดชีวิตพร้อมด่าเปิงเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น(ปัจจุบันพี่สาวเราเลิกกับพี่เขยคนนี้แล้วเพราะมันไปมีเมียน้อยพี่เราจับได้เลยเลิกไป)
เคยลองคบแฟนตอนอายุ 22 ครั้งนึง โดนแฟนขอมีอะไรด้วยแต่เรากลัวไม่พร้อม เราไม่ยอมมีอะไรกับแฟนสักที เขาเลยเลิกไป
ตอนนี้เราอายุ 23 โสด เรากลัวทุกคน ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือใครก็ตามเราก็ระแวงไปหมด คนเดียวที่เราเชื่อใจและไว้ใจมากที่สุดคือแม่และพี่สาว เราอยู่ตัวคนเดียวมีความสุขดี จะมีก็แต่ปมในใจเรื่องการไว้ใจคน เปิดใจให้คน และเหมือนเราจะเข้าหาคนอื่นยากมาก
การที่เราออกมาเล่าเรื่องนี้ก็แค่อยากให้เรื่องของเราเป็นอุทาหรณ์สอนผู้หญิงหรือผู้ชาย และคนที่มีลูกให้ดูแลตัวเอง และคนรอบข้างคนที่คุณรักให้ดี อย่าคิดไว้ใจใครง่ายๆ คนดีๆที่ไว้ใจได้มี แต่เราอาจจะไม่ใช่คนที่โชคดีที่เจอ เพราะฉนั้นอย่าประมาท
เรื่องของเราที่เราได้พบเจอมาทั้งหมด หลายครั้งเลยนะที่เราก็คิดว่าทำไมคนบนโลกมีตั้งกี่ล้านคน แล้วทำไมถึงจะต้องเป็นเราที่มาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เราก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้สักที
เรามันก็แค่ผู้หญิงขี้ขลาดที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวบอกเรื่องนี้กับแม่และพี่สาว ไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีอะไรเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง
กว่าที่เราจะมาตั้งกระทู้เราก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะตั้งดีรึเปล่า แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจมาเล่าความลับ 23 ปี ของเราให้คนอื่นรับรู้ ตอนนี้เรารู้สึกโล่งมาก ภูเขาลูกโตที่เราอดทนแบกมันมาตลอดเราจะพยามค่อยๆว่างมันลงที่ละนิด และเราหวังว่าสักวันเราจะมีความกล้าพอที่จะเล่าเรื่องของเราให้แม่และพี่สาวครอบครัวแสนรักของเราฟัง ในสักวัน🙄
เล่าเรื่องชีวิตของผู้หญิงธรรมดาคนนึง กับคำว่า #ล่วงละเมิดทางเพศ
ที่เราออกมาเขียนเรื่องนี้เผยแพร่ไม่ได้มาเรียกร้องความสนใจหรือเห็นใจแต่อย่างใด เราเพียงแค่อยากจะมาเล่าถึงความจริงของสิ่งที่ผู้หญิงคนนึงต้องเผชิญเพียงลำพัง และต้องทนเก็บเป็นความลับมานานกว่า 23 ปี วันนี้เราคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะปล่อยมันไปให้เป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น
ตอนเราอายุประมาณ 5 ขวบ เราโดนลวนลามหลายครั้งโดยลุงข้างบ้านที่เป็นเพื่อนสนิทกับครอบครัวของเรา ตอนนั้นเราเด็กมากเลยไม่ได้คิดอะไร แต่พอโตขึ้นสักหน่อยเราเริ่มรู้ ก็เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวของเราย้ายบ้านพอดี ตอนนั้นเราสักประมาณ 7 ขวบ ครอบครัวของลุงข้างบ้านมาเยี่ยมเราที่บ้านใหม่ และมาค้างที่บ้านใหม่เรา เราโดนลวนลามจากลุงข้างบ้านอีกครั้ง ครั้งนี้เราพยายามขัดขืนและหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กันสองต่อสองแต่ในความเป็นเด็กที่กลัวและถูกขู่ไม่ให้บอกใครในความเป็นเด็กเราเลยเงียบและปล่อยให้มันผ่านไป ลุงข้างบ้านและครอบครัวมาพักที่บ้านเราแค่สองวันแล้วก็ไป จากวันนั้นเราก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย(นับเป็นความโชคดีเล็กๆของเรา)
จนเราอายุได้ประมาณ 9-10 ขวบ ตอนนั้นในความเป็นเด็กเรื่องของลุงข้างบ้านก็เป็นแค่เรื่องที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป เรามีความสุขมาก บ้านใหม่โรงเรียนใหม่ ทุกอย่างดีไปหมด โดยเฉพาะพี่สาวข้างบ้านที่อายุมากกว่าเรา 3 ปี เขาเป็นคนฉลาดสวยน่ารักใจดีมากในสายตาเรา เราตัวติดกันมาก ตอนพ่อแม่ไม่อยู่ไปทำงานนอกบ้านเราก็ได้พี่เขาเนี่ยแหละคอยเล่นด้วยคอยดูแลตลอด เรานอนด้วยกันอาบน้ำด้วยกัน จนวันนึงเราเริ่มรู้สึกว่าพี่สาวเริ่มแตะตัวเรามากขึ้นจับหน้าอกเราบ่อยมาก ตอนเล่นด้วยกันสองคนในห้องพี่สาวเริ่มทำบางอย่างที่เราก็โตพอที่จะรู้แล้วว่ามันคืออะไร นับวันมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงขนาดเกือบจะเรียกได้ว่ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สอดใส่(เพราะพี่เขาเป็นผู้หญิง และในวัยนั้นการทำจากภายนอกน่าจะเป็นอะไรที่มากที่สุดแล้วที่เด็กอายุแค่นั้นจะทำได้)เรื่องนี้ดำเนินอยู่เป็นปี เราไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าพูดให้ใครฟัง เราได้แต่ทนและปิดมันไว้เป็นความลับ เราอาย เรากลัว เรายังเด็กมากเด็กเกินไปที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ และเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงพี่สาวต้องย้ายบ้าน เราเลยไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน นานเข้าพี่สาวก็เริ่มโตเริ่มห่างออกไป และตอนนี้เราก็เหมือนเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันไปแล้ว
เวลาผ่านไปเราอายุมากขึ้น เริ่มขึ้น ม.ต้น พ่อเราเสีย เราเลยต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ไปอยู่กับยายที่เป็นน้องสาวของยายแท้ๆของเราอีกที(ยายกับตาเราเสียไปแล้ว) ครอบครัวของยายที่เราไปอยู่ด้วยมีตาและป้า(ลูกสาวของตากับยาย)อยู่ด้วยกัน แม่เราต้องไปทำงานที่อีกจังหวัดนึงเราเลยต้องย้ายมาอยู่ที่นี้ เพียงลำพัง ทั้งๆที่เราไม่เคยเจอญาติฝ่ายนี้มาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต แต่เราก็เข้าใจในความจำเป็นของแม่ ครึ่งปีแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเริ่มชินกับโรงเรียนใหม่เพื่อนใหม่สังคมใหม่ และเริ่มสนิทใจกับครอบครัวใหม่มากขึ้น จนมาวันนึงยายก็ไปบวชชีที่วัดเหมือนปกติ ยายมักจะไปนอนค้างที่วัดอยู่เป็นประจำ ไปทีก็หลายวันถึงจะกลับมา ส่วนป้าก็อยู่บ้านอีกหลังนึงที่สร้างเชื่อมกัน วันนั้นเราอยู่กับตาสองคน และมันก็เป็นอีกวันที่เราได้เจอเรื่องเลวร้ายอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอมาหลายปี เราเกือบโดนตาข่มขืน แต่เรารอดมาได้เพราะของตาใส่ไม่เข้า แรงเขาเยอะมากเราขัดขืนอะไรเขาไม่ได้เลย เขาเป็นคนร่างใหญ่ ถึงจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังดูไม่แก่ เขาขู่เราสารพัด ทุกเรื่องที่จะเอามาขู่ได้เขาก็ขุดออกมาขู่ ทั้งเรื่องแม่เราเรื่องที่ว่าระหว่างเขากับเราคนอื่นๆจะเชื่อใคร เรากลัว ครั้งนี้เรากลัวมาก เขาน่ากลัวมากสำหรับเรา และหลังจากวันนั้นในตอนที่ยายไม่อยู่บ้าน ทุกครั้งเขาจะมาหาเราและพยายามจะทำอย่างว่ากับเรา เราขัดขืนบ้าง หนีไปนอนบ้านป้าบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง แต่มันก็ไม่กี่ครั้งหรอกที่เราจะหาข้ออ้างเลี่ยงได้ทุกครั้ง นับวันเขาก็ยิ่งรุกหนักขึ้นและบ่อยขึ้น ทำเหมือนกับว่าเราเป็นแค่ตุ๊กตาให้เขาทำเลวๆใส่ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำเหมือนกับว่าเราไม่มีหัวใจ เราทนอยู่แบบนั้นเกือบปี สุดท้ายเราก็เริ่มคิดแผนหนี เราเริ่มบอกแม่ว่าเราไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าบอกเหตุผลที่แท้จริง ตอนแรกๆแม่บอกว่าเราไม่มีเหตุผลเลยไม่ยอมทำตามใจเรา เราเลยคิดแผนขึ้น เราเริ่มกลับบ้านดึก ไปนอนบ้านเพื่อนโดยไม่บอก วันๆออกจากบ้านไม่เคยได้กลับ เราทำตัวแย่ โดนแม่โทรมาด่า โดนป้าด่า โดนยายด่า แต่แม่ก็ยังไม่อยากให้เราไปอยู่ด้วย เราเลยลองทำอะไรที่ใหญ่ขึ้นเช่นเริ่มขโมยเงิน ทำเลวทุกอย่างให้เขาไล่เราไปให้พ้นๆจากขุมนรกแบบนั้น เราขโมยเงินตามา เขาโกรธมากเกือบตีเราและเขาก็ไล่เราออกจากบ้าน ในเมื่อเขาไม่อยากให้เราอยู่ ทุกคนก็ขัดไม่ได้ แม่เราก็ขัดไม่ได้ ในที่สุดเราก็ได้ออกจากขุมนรกสักที
แม่เราเอาเราไปฝากไว้กับญาติฝั่งพ่อ คู่สามีภรรยาและลูกชายวัยอนุบาลอีก 1 คน เรารู้จักครอบครัวนี้ เขาเป็นคนดี เรามาอยู่กับเขา ตอนนั้นเราอายุ 14 ปี แรกๆชีวิตดีมาก แต่พอนานเข้าเราก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ คนที่เรานับถือเป็นพ่อคนที่สองที่เรานับถือเขามากพยายามเข้าหาเราแบบแปลกๆ ซึ่งเรารู้ได้ทันทีเลยว่ามันคืออะไร จากประสบการณ์ที่เจอมาตลอด เขาเข้าหาเราในเชิงชู้สาว แต่เราโตแล้วเริ่มหาทางหนีทีไล่ได้เลยไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ผ่านมาตอนอายุ 16 เราขอแม่เช่าห้องอยู่เองดูแลตัวเอง ชีวิตเริ่มดีขึ้นทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเราสนุกมาก เริ่มคุยกับผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้าง เพราะเพื่อนยุมให้มีแฟน เราก็คบก็คุย แต่เราให้ได้มากสุดแค่จับมือ คนที่คุยด้วยเลยหนีหายไปหมด เรารู้สึกดีนะไม่มีแฟนไม่ต้องระแวงอยู่คนเดียวชีวิตดี มีความสุข
จนผ่านไปหลายปีเราอายุ 20 ปี เคยโดนญาติห่างๆจับนมครั้งนึง และเคยเกือบโดนพี่เขยสามีพี่สาวเรา(เรามีพี่สาวแต่งงามมีลูกแล้ว)ข่มขืนจับทำเมียน้อยครั้งนึง โดยเราขัดขืนสุดชีวิตพร้อมด่าเปิงเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น(ปัจจุบันพี่สาวเราเลิกกับพี่เขยคนนี้แล้วเพราะมันไปมีเมียน้อยพี่เราจับได้เลยเลิกไป)
เคยลองคบแฟนตอนอายุ 22 ครั้งนึง โดนแฟนขอมีอะไรด้วยแต่เรากลัวไม่พร้อม เราไม่ยอมมีอะไรกับแฟนสักที เขาเลยเลิกไป
ตอนนี้เราอายุ 23 โสด เรากลัวทุกคน ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือใครก็ตามเราก็ระแวงไปหมด คนเดียวที่เราเชื่อใจและไว้ใจมากที่สุดคือแม่และพี่สาว เราอยู่ตัวคนเดียวมีความสุขดี จะมีก็แต่ปมในใจเรื่องการไว้ใจคน เปิดใจให้คน และเหมือนเราจะเข้าหาคนอื่นยากมาก
การที่เราออกมาเล่าเรื่องนี้ก็แค่อยากให้เรื่องของเราเป็นอุทาหรณ์สอนผู้หญิงหรือผู้ชาย และคนที่มีลูกให้ดูแลตัวเอง และคนรอบข้างคนที่คุณรักให้ดี อย่าคิดไว้ใจใครง่ายๆ คนดีๆที่ไว้ใจได้มี แต่เราอาจจะไม่ใช่คนที่โชคดีที่เจอ เพราะฉนั้นอย่าประมาท
เรื่องของเราที่เราได้พบเจอมาทั้งหมด หลายครั้งเลยนะที่เราก็คิดว่าทำไมคนบนโลกมีตั้งกี่ล้านคน แล้วทำไมถึงจะต้องเป็นเราที่มาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เราก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้สักที
เรามันก็แค่ผู้หญิงขี้ขลาดที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวบอกเรื่องนี้กับแม่และพี่สาว ไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีอะไรเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง
กว่าที่เราจะมาตั้งกระทู้เราก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะตั้งดีรึเปล่า แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจมาเล่าความลับ 23 ปี ของเราให้คนอื่นรับรู้ ตอนนี้เรารู้สึกโล่งมาก ภูเขาลูกโตที่เราอดทนแบกมันมาตลอดเราจะพยามค่อยๆว่างมันลงที่ละนิด และเราหวังว่าสักวันเราจะมีความกล้าพอที่จะเล่าเรื่องของเราให้แม่และพี่สาวครอบครัวแสนรักของเราฟัง ในสักวัน🙄