...ตายโหง ตายห่า...ประเภทการตายมีหลายอย่าง...
ความตายมีหลายอย่าง ดังนี้
จำแนกโดยเหตุ มี ๔ อย่างคือ
๑.ความตายเพราะสิ้นกรรม
๒.ความตายเพราะสิ้นอายุ
๓.ความตายเพราะสิ้นทั้งกรรมและอายุ
๔.ความตายเพราะอุปัจเฉทกกรรมตัดรอน
จำแนกโดยกาลมี ๒ อย่างคือ
๑.กาลมรณะ ความตายในกาลอันควร ได้แก่ความตายเพราะสิ้นกรรม ตายเพราะสิ้นอายุ
และตายเพราะสิ้นทั้งกรรมและอายุ
๒.อกาลมรณะ ความตายในกาลอันไม่ควร ได้แก่ความตายเพราะอุปัจเฉทกกรรมตัดรอน
เช่น ประสบอุบัติเหตุต่างๆเป็นต้น
จำแนกโดยซากมี ๒ อย่างคือ
๑.ความตายที่เหลือซาก คือหลังจากจุติจิตดับไปแล้วซึ่งเรียกว่าตาย ร่างกายก็ยังเหลืออยู่
เป็นซากศพที่ค่อยๆดับไปสลายไปตามกาลเวลา ได้แก่ความตายของมนุษย์และสัตว์ดิรัจฉาน
๒.ความตายที่ไม่เหลือซาก คือทั้งร่างกายและจิตใจดับลงพร้อมกันเมื่อตาย ไม่เหลือซากศพ
เอาไว้ เหมือนไฟฟ้าดับแสงสว่างก็ดับหมดไม่มีอะไรเหลือ ได้แก่ความตายของเทวดา พรหม
สัตว์นรก เปรต และอสุรกาย
จำแนกโดยบุคคลมี ๓ อย่างคือ
๑.ความตายของปุถุชน เป็นความตายที่ยังเป็นปัจจัยแก่การเกิดใหม่ แต่ไม่แน่นอนว่าจะเกิด
ในสุคติหรือทุคติ
๒.ความตายของพระเสกขบุคคล ได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็น
ความตายที่ยังเป็นปัจจัยแก่การเกิดใหม่ แต่จะเกิดในสุคติเท่านั้น
๓.ความตายของพระอรหันต์ เป็นความตายที่ไม่เป็นปัจจัยแก่การเกิดใหม่อีกต่อไป
จำแนกโดยปัจจัยมี ๒ อย่างคือ
๑.ความตายที่เป็นปัจจัยแก่การเกิด ได้แก่ ความตายของปุถุชน และพระเสกขบุคคล
๒.ความตายที่ไม่เป็นปัจจัยแก่การเกิด ได้แก่ความตายของพระอรหันต์
http://oknation.nationtv.tv/blog/praputtamon/2015/04/10/entry-3
ตายห่า ตายโหง...ประเภทการตาย
ความตายมีหลายอย่าง ดังนี้
จำแนกโดยเหตุ มี ๔ อย่างคือ
๑.ความตายเพราะสิ้นกรรม
๒.ความตายเพราะสิ้นอายุ
๓.ความตายเพราะสิ้นทั้งกรรมและอายุ
๔.ความตายเพราะอุปัจเฉทกกรรมตัดรอน
จำแนกโดยกาลมี ๒ อย่างคือ
๑.กาลมรณะ ความตายในกาลอันควร ได้แก่ความตายเพราะสิ้นกรรม ตายเพราะสิ้นอายุ
และตายเพราะสิ้นทั้งกรรมและอายุ
๒.อกาลมรณะ ความตายในกาลอันไม่ควร ได้แก่ความตายเพราะอุปัจเฉทกกรรมตัดรอน
เช่น ประสบอุบัติเหตุต่างๆเป็นต้น
จำแนกโดยซากมี ๒ อย่างคือ
๑.ความตายที่เหลือซาก คือหลังจากจุติจิตดับไปแล้วซึ่งเรียกว่าตาย ร่างกายก็ยังเหลืออยู่
เป็นซากศพที่ค่อยๆดับไปสลายไปตามกาลเวลา ได้แก่ความตายของมนุษย์และสัตว์ดิรัจฉาน
๒.ความตายที่ไม่เหลือซาก คือทั้งร่างกายและจิตใจดับลงพร้อมกันเมื่อตาย ไม่เหลือซากศพ
เอาไว้ เหมือนไฟฟ้าดับแสงสว่างก็ดับหมดไม่มีอะไรเหลือ ได้แก่ความตายของเทวดา พรหม
สัตว์นรก เปรต และอสุรกาย
จำแนกโดยบุคคลมี ๓ อย่างคือ
๑.ความตายของปุถุชน เป็นความตายที่ยังเป็นปัจจัยแก่การเกิดใหม่ แต่ไม่แน่นอนว่าจะเกิด
ในสุคติหรือทุคติ
๒.ความตายของพระเสกขบุคคล ได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็น
ความตายที่ยังเป็นปัจจัยแก่การเกิดใหม่ แต่จะเกิดในสุคติเท่านั้น
๓.ความตายของพระอรหันต์ เป็นความตายที่ไม่เป็นปัจจัยแก่การเกิดใหม่อีกต่อไป
จำแนกโดยปัจจัยมี ๒ อย่างคือ
๑.ความตายที่เป็นปัจจัยแก่การเกิด ได้แก่ ความตายของปุถุชน และพระเสกขบุคคล
๒.ความตายที่ไม่เป็นปัจจัยแก่การเกิด ได้แก่ความตายของพระอรหันต์
http://oknation.nationtv.tv/blog/praputtamon/2015/04/10/entry-3