I Am Not Madame Bovary (Xiaogang Feng, 2016) คะแนน B+
By Form Corleone
" เสียดสีระบบราชการ เล่าเรื่องราวชวนตลกร้าย " ความพิเศษไม่ธรรมดาของหนังเรื่องนี้คือการจงใจใช้เฟรมภาพแบบวงกลมในการบรรยายเรื่องราวเกือบจะตลอดทั้งเรื่อง เสมือนเรากำลังส่องกล้องดูพฤติกรรมของตัวละครอยู่ตลอดเวลา แม้จะแปลกตาจนไม่คุ้นในช่วงแรกเริ่ม แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเมื่อหนังผ่านเรื่องราวไปได้ระยะเวลาหนึ่ง เราก็รู้สึกชอบขนาดของเฟรมภาพแบบนี้ เพราะเราจะได้รับสารที่หนังพยายามบอกได้ตรงไปตรงไปผนวกกับมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่ามันมีนัยแอบแฝงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ตัวหนังเริ่มต้นจากปัญหาเรื่องผัวเมียหย่าร้างกัน เป็นปัญหาระดับรากหญ้าหรือระดับปัญหาเล็กเท่ามดตัวเล็กมากจนมองไม่เห็น แต่เพราะการละเลยของข้าราชการทำให้เรื่องราวที่แสนจะเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาระดับประเทศจนชวนตลกขบขันในเนื้อหาสาระสำคัญที่แยบยล+พลิกผันไปมาแถมมาด้วยความซับซ้อน ประเด็นที่หนังหยิบมาสอดแทรกหรือพยายามสร้างแก่นขึ้นมาบังคับทิศทางคือการเสียดสีระบบราชการและจิกกัดความยุติธรรม รวมไปถึงปัญหาคอรัปชั่น การติดสินบนเจ้าพนักงาน ผนวกกับการเชิดชูพรรคคอมมิวนิสต์แบบมีนัยสำคัญมากจนคนนอกประเทศแบบเราๆไม่อินตามหรือไม่รู้สึกถึงความพิเศษของท่านผู้นำ อาจจะด้วยบริบทสังคมที่แตกต่างกัน แต่เนื้อแท้ของระบบราชการคงไม่ได้ต่างกันมากมายนัก ถือเป็นงานที่ดูเพลินๆและซึมซับข้อความได้อย่างแนบเนียนตลอดทั้งเรื่อง
‘ข้าราชการล้มเหลวเพราะละเลยเรื่องราวเพียงเล็กน้อย’ ชวนตลกร้ายแต่มันก็ขำไม่ออกเหมือนกัน เมื่อระยะเวลาของตัวละครในเรื่องกินเวลาถึงสิบปีในการต่อสู้ฟ้องร้องคดีความที่ชวนขันแต่ไม่ขำในตอนท้ายเมื่อทุกอย่างถูกเฉลย สะท้อนถึงห่วงโซ่ราชการที่เป็นพิษและถ่ายทอดกันไปเรื่อยๆ วิธีกระแทกกระทั้นถึงสถานะของเหล่าข้าราชการที่หนังแสดงออกนั้นมีคุณค่าในตัวของมันเองและให้คุณค่าในตัวของมันเองเช่นกัน ส่งผลให้เราฉุกคิดว่าแท้จริงแล้วข้าราชการนั้นรับใช้ประชาชนหรือกำลังปกป้องตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองกันแน่ ซึ่งตัวหนังได้ขมวดปมปัญหาและระเบิดข้อคิดได้อย่างสวยงามใน้ท้ายเรื่อง และมันลงตัวมากๆตามระยะเวลาของหนัง ช่วงเวลาทั้งหมดจึงคุ้มค่าในระดับที่น่าพอใจ ส่วนที่เราชอบมากๆคงเป็นจังหวะของหนังที่พอเหมาะพอดี สามารถคำนวณความหนักเบาได้สร้างสรรค์ ดนตรีประกอบช่วยกระตุ้นปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้เราคล้อยตามไปกับตัวละครหลักในเรื่องได้สนุกสนาน และส่วนที่ดีที่สุดจนน่ายกย่องคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวหนังมีบทภาพยนตร์ที่ทรงคุณค่าและสามารถเป็นงานขึ้นหิ้งที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีบทภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ยังคงเป็นสิ่งสอนใจหรือกลายเป็นคติสอนธรรมให้กับระบบราชการจากฐานรากขึ้นสู่จุดบนสุดได้ไม่ยาก
และถึงแม้ว่าตัวหนังจะขับเคลื่อนเรื่องราวค่อนข้างช้า ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนที่ไม่สันทัดวิธีการบรรยายแบบนี้จนอาจจะทำให้ง่วงนอนได้เป็นระยะๆ แน่นอนว่าถ้าเผลอหลับไปช่วงใดช่วงหนึ่งก็คงไม่ต้องดูต่อกันเลยทีเดียว เพราะความต่อเนื่องของเหตุการณ์ในหนังมีผลกระทบต่อเหตุการณ์ถัดๆไป และแน่นอนว่ามันเข้มข้น+ละมุนละไมเอามากๆเลยก็ว่าได้ ลักษณะของภาพอย่างที่บอกไปว่าเป็นเฟรมกลมเกือบตลอดทั้งเรื่องเมื่อกำลังเล่าเรื่องราวของตัวละครหลัก แต่อีกส่วนหนึ่งตัวหนังกลับใช้เฟรมแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเมื่อเหตุการณ์อยู่ในฝั่งของพรรคคอมมิวนิสต์หรือรัฐบาล จุดนั้นมีความหมายแอบแฝงได้สองนัยยะในความคิดเราคือ เฟรมกลมนั้นสะท้อนชีวิตของตัวบุคคลเพียงคนเดียว อาจมองว่าตัวละครนั้นเห็นแก่ตัวไปหน่อย ยึดเอาตัวเองเป็นหลักและเฟรมสี่เหลี่ยมจัตุรัสสะท้อนมุมมองโดยส่วนมากซึ่งคือตัวแทนของรัฐบาลจีนที่สามารถมองในมุมกว้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กลับไม่สนใจประชาชนจนเกิดปัญหาตามมา
ท้ายสุด 'I Am Not Madame Bovary' ถือเป็นงานที่มีลูกเล่นซับซ้อนแต่ถ่ายทอดได้เรียบง่าย การแสดงของ 'ฟ่าน ปิงปิง' ไม่ได้ใช้เสน่ห์ที่เธอมีแต่อย่างใดเพราะมันคือการแสดงล้วนๆ และมันเป็นการแสดงที่ดีมาก ภาพละมุมละไมสะท้อนวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตของคนจีนไปในตัว แง่มุมการเสียดสีจิกกัดระบบราชการหรือตัวข้าราชการเองนั้นทรงคุณค่าและสามารถหยิบยกมาเปรียบเทียบกับระบบราชการในประเทศเราได้สบายๆ แม้หนังจะเล่าเรื่องอย่างเนิบช้าก็ตาม แต่บทภาพยนตร์ที่ดีงามผนวกกับมุกตลกคำคมที่สอดประสานกันได้อย่างชาญฉลาด ดังนั้นแล้ว หนังเรื่องนี้จึงควรค่าแก่การรับชมแน่นอน และข้อคิดที่เราได้รับกลับมาไม่มากก็น้อยก็คือ 'จงอย่าละเลยปัญหาเพียงเล็กน้อย เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของหายนะ'
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: I Am Not Madame Bovary (Xiaogang Feng, 2016) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
" เสียดสีระบบราชการ เล่าเรื่องราวชวนตลกร้าย " ความพิเศษไม่ธรรมดาของหนังเรื่องนี้คือการจงใจใช้เฟรมภาพแบบวงกลมในการบรรยายเรื่องราวเกือบจะตลอดทั้งเรื่อง เสมือนเรากำลังส่องกล้องดูพฤติกรรมของตัวละครอยู่ตลอดเวลา แม้จะแปลกตาจนไม่คุ้นในช่วงแรกเริ่ม แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเมื่อหนังผ่านเรื่องราวไปได้ระยะเวลาหนึ่ง เราก็รู้สึกชอบขนาดของเฟรมภาพแบบนี้ เพราะเราจะได้รับสารที่หนังพยายามบอกได้ตรงไปตรงไปผนวกกับมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่ามันมีนัยแอบแฝงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ตัวหนังเริ่มต้นจากปัญหาเรื่องผัวเมียหย่าร้างกัน เป็นปัญหาระดับรากหญ้าหรือระดับปัญหาเล็กเท่ามดตัวเล็กมากจนมองไม่เห็น แต่เพราะการละเลยของข้าราชการทำให้เรื่องราวที่แสนจะเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาระดับประเทศจนชวนตลกขบขันในเนื้อหาสาระสำคัญที่แยบยล+พลิกผันไปมาแถมมาด้วยความซับซ้อน ประเด็นที่หนังหยิบมาสอดแทรกหรือพยายามสร้างแก่นขึ้นมาบังคับทิศทางคือการเสียดสีระบบราชการและจิกกัดความยุติธรรม รวมไปถึงปัญหาคอรัปชั่น การติดสินบนเจ้าพนักงาน ผนวกกับการเชิดชูพรรคคอมมิวนิสต์แบบมีนัยสำคัญมากจนคนนอกประเทศแบบเราๆไม่อินตามหรือไม่รู้สึกถึงความพิเศษของท่านผู้นำ อาจจะด้วยบริบทสังคมที่แตกต่างกัน แต่เนื้อแท้ของระบบราชการคงไม่ได้ต่างกันมากมายนัก ถือเป็นงานที่ดูเพลินๆและซึมซับข้อความได้อย่างแนบเนียนตลอดทั้งเรื่อง
‘ข้าราชการล้มเหลวเพราะละเลยเรื่องราวเพียงเล็กน้อย’ ชวนตลกร้ายแต่มันก็ขำไม่ออกเหมือนกัน เมื่อระยะเวลาของตัวละครในเรื่องกินเวลาถึงสิบปีในการต่อสู้ฟ้องร้องคดีความที่ชวนขันแต่ไม่ขำในตอนท้ายเมื่อทุกอย่างถูกเฉลย สะท้อนถึงห่วงโซ่ราชการที่เป็นพิษและถ่ายทอดกันไปเรื่อยๆ วิธีกระแทกกระทั้นถึงสถานะของเหล่าข้าราชการที่หนังแสดงออกนั้นมีคุณค่าในตัวของมันเองและให้คุณค่าในตัวของมันเองเช่นกัน ส่งผลให้เราฉุกคิดว่าแท้จริงแล้วข้าราชการนั้นรับใช้ประชาชนหรือกำลังปกป้องตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองกันแน่ ซึ่งตัวหนังได้ขมวดปมปัญหาและระเบิดข้อคิดได้อย่างสวยงามใน้ท้ายเรื่อง และมันลงตัวมากๆตามระยะเวลาของหนัง ช่วงเวลาทั้งหมดจึงคุ้มค่าในระดับที่น่าพอใจ ส่วนที่เราชอบมากๆคงเป็นจังหวะของหนังที่พอเหมาะพอดี สามารถคำนวณความหนักเบาได้สร้างสรรค์ ดนตรีประกอบช่วยกระตุ้นปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้เราคล้อยตามไปกับตัวละครหลักในเรื่องได้สนุกสนาน และส่วนที่ดีที่สุดจนน่ายกย่องคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวหนังมีบทภาพยนตร์ที่ทรงคุณค่าและสามารถเป็นงานขึ้นหิ้งที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีบทภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ยังคงเป็นสิ่งสอนใจหรือกลายเป็นคติสอนธรรมให้กับระบบราชการจากฐานรากขึ้นสู่จุดบนสุดได้ไม่ยาก
และถึงแม้ว่าตัวหนังจะขับเคลื่อนเรื่องราวค่อนข้างช้า ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนที่ไม่สันทัดวิธีการบรรยายแบบนี้จนอาจจะทำให้ง่วงนอนได้เป็นระยะๆ แน่นอนว่าถ้าเผลอหลับไปช่วงใดช่วงหนึ่งก็คงไม่ต้องดูต่อกันเลยทีเดียว เพราะความต่อเนื่องของเหตุการณ์ในหนังมีผลกระทบต่อเหตุการณ์ถัดๆไป และแน่นอนว่ามันเข้มข้น+ละมุนละไมเอามากๆเลยก็ว่าได้ ลักษณะของภาพอย่างที่บอกไปว่าเป็นเฟรมกลมเกือบตลอดทั้งเรื่องเมื่อกำลังเล่าเรื่องราวของตัวละครหลัก แต่อีกส่วนหนึ่งตัวหนังกลับใช้เฟรมแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเมื่อเหตุการณ์อยู่ในฝั่งของพรรคคอมมิวนิสต์หรือรัฐบาล จุดนั้นมีความหมายแอบแฝงได้สองนัยยะในความคิดเราคือ เฟรมกลมนั้นสะท้อนชีวิตของตัวบุคคลเพียงคนเดียว อาจมองว่าตัวละครนั้นเห็นแก่ตัวไปหน่อย ยึดเอาตัวเองเป็นหลักและเฟรมสี่เหลี่ยมจัตุรัสสะท้อนมุมมองโดยส่วนมากซึ่งคือตัวแทนของรัฐบาลจีนที่สามารถมองในมุมกว้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กลับไม่สนใจประชาชนจนเกิดปัญหาตามมา
ท้ายสุด 'I Am Not Madame Bovary' ถือเป็นงานที่มีลูกเล่นซับซ้อนแต่ถ่ายทอดได้เรียบง่าย การแสดงของ 'ฟ่าน ปิงปิง' ไม่ได้ใช้เสน่ห์ที่เธอมีแต่อย่างใดเพราะมันคือการแสดงล้วนๆ และมันเป็นการแสดงที่ดีมาก ภาพละมุมละไมสะท้อนวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตของคนจีนไปในตัว แง่มุมการเสียดสีจิกกัดระบบราชการหรือตัวข้าราชการเองนั้นทรงคุณค่าและสามารถหยิบยกมาเปรียบเทียบกับระบบราชการในประเทศเราได้สบายๆ แม้หนังจะเล่าเรื่องอย่างเนิบช้าก็ตาม แต่บทภาพยนตร์ที่ดีงามผนวกกับมุกตลกคำคมที่สอดประสานกันได้อย่างชาญฉลาด ดังนั้นแล้ว หนังเรื่องนี้จึงควรค่าแก่การรับชมแน่นอน และข้อคิดที่เราได้รับกลับมาไม่มากก็น้อยก็คือ 'จงอย่าละเลยปัญหาเพียงเล็กน้อย เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของหายนะ'
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/