เพื่อให้เรื่องนี้เป็นที่กระจ่างเสียที
และข้าพเจ้า ได้พิจารณาแล้วว่า คงต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของข้าพเจ้า เนื่องจากเห็ว่ามีความเกี่ยวเนื่องกัน
และจำต้องยกมาประกอบ แต่ก้อจะยกเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ดังได้กล่าวแล้วในกระทู้ก่อน ว่าพื้นเพข้าพเจ้านั้น ศึกษาเรื่องราวทางโลกมาก่อน และศึกษามันตลอดเวลา ก้อไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
แต่ก้อเยี่ยงนั้น ศึกษา ศึกษาด้วยการอ่าน ค้นคว้า หากสนใจเรื่องใดก้อจะเข้าขั้น หมกมุ่น คือแทบจะไม่ต้องกินต้องนอน กินก้อยังอ่าน อ่านมันถึงเช้า
ยามนอนก้อเก็บไปฝันถึง ทุกที่ทุกเวลาจะมีหนังสือติดตัวไปด้วยเสมอแบบ ขาดเธอแล้วขาดใจ เรื่องที่หมกมุ่น ก้อจะเสาะแสวงหา เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ
หรือเกี่ยวกับบุคคลนั้นๆ มาจนหมด คือเจอเรื่องนั้น บุคคลนั้นเป็นไปได้ เป็นต้องเอามันหมด จะซื้อมันหมดตังค์ในกระเป๋า แบบไม่เกลี้ยงกลา
ก้อไม่เลิดลา เช่น เกี่ยวกับ วรรณกรรม เฮอร์มาน เฮสเส คือถ้าไปเจอชื่อนี้เป็นต้องขน และขนให้หมด ขนแบบที่ไม่ซ้ำกับที่มีอยู่ ขนมากองไว้
และ หมกมุ่น อย่างที่กล่าว และอีกหลายบุคคลก้อเช่นเดียวกัน แม้ปัจจุบันก้อยังเป็นเยี่ยงนั้น เพียงแต่ มันชักจะซ้ำๆกับที่กองสุมอยู่ และกระจายไปทั่ว
อาณาบริเวณ นิวาสสถานแห่งข้าพเจ้า จึงได้เพราๆลงไปบ้าง
ครับ และแน่นอนว่า ท่านพุทธทาส ก้อเป็นท่านนึงที่ข้าพเจ้าขนงานของท่านทั้งหมดเท่าที่จะเสาะแสวงหาได้ ขนมาสุมไว้ และหมกมุ่น ตั้งกะข้าพเจ้า
อยู่ในวัย ทีน โดยมี คู่มือมนุษย์ อันเป็นที่จุดประกาย
และครับ นอกจากหนังสือต่างๆที่ข้าพเจ้าพกติดข้างกายเสมอแล้ว
สมุดบันทึก
ก้อเป็นอีกสิ่งนึงที่อยู่ข้างกายข้าพเจ้า
หลายคราวที่ข้าพเจ้านั่ง ครุนคิด เรื่องราวต่างๆ เกิด ปิ้งแว๊บ ขึ้นมาในขณะนั้น ข้าพเจ้าก้อจะ ละเลงด้วยลายมือของข้าพเจ้า ลงในสมุดบันทึกนั้น
หรือ ครุนคิด ในบางเรื่องราวใดแล้ว เกิดในบางคำถาม ข้าพเจ้าก้อจะ บันทึกคำถามอันเกิดจากการครุนคิดในขณะนั้นลงใน สมุดบันทึกนั้นเช่นกัน
บันทึกในสมุดบันทึกส่วนตัวของข้าพเจ้า
แม้ในกาลผ่านมา ข้าพเจ้าได้รับคำตอบนั้นแล้ว จากคำถามที่ข้าพเจ้าได้เคยบันทึกไว้ในอดีต
แต่บันทึกนั้น ก้อยังคงอยู่ และก้อหลายครั้งที่ข้าพเจ้าได้ย้อนไปอ่านบันทึกนั้น
อ่านดังเสมือนเป็น เส้นทาง ประสบการณ์ที่ตนได้ผ่านมา
และสมุดบันทึกนั้นในบัดนี้ ก้อได้สุมกองรวมกับหนังสือที่ข้าพเจ้าสรรหามาสุมกองไว้
และ ยังได้สั่งเสียกับเจ้า ปลาปั๊กเป๋า และกระต่ายน้อยๆของข้าพเจ้าไว้ด้วยว่า
ทั้งหมดนั่นน่ะคือ มรดก ของบิดาที่จะมอบแด่เจ้า ในยามที่บิดาได้ตายจากพวกเจ้าไป
เพื่อให้เจ้าดอกไม้งามน้อยๆทั้งสอง ได้ตระหนักในสักวันนึงว่า ใยบิดาของข้า จึงบอกว่าสิ่งเหล่านั้นคือ มรดก มากกว่าข้าวของ อสังหาต่างๆ
เพื่อวันนึง ไม่แน่ เจ้าดอกไม้งามทั้งสอง อาจจะได้รู้จัก ภูมิปัญญา อันแท้จริง แล้วละทิ้ง สิ่งอันไร้สาระทางโลกนั้นเสียว่า ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่า สิ่งอันไร้
สาระเหล่านั้น นั่นคือ ในทางจิตวิญญาณ และหาทางปล่อยปล่อยความเป็นทาสจากสิ่งทั้งหลายนั้นเสีย
และหากต่อมา เมื่อข้าพเจ้าตายไปแล้ว มีผู้ได้อ่านบันทึกส่วนตัวของข้าพเจ้าในอดีต
แล้วตัดสินข้าพเจ้า จากบันทึกส่วนตัวนั้น
โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่า ก่อนหน้าและหลัง บันทึกส่วนตัวนั้น ข้าพเจ้าเป็นอย่างไร ในทั้งชีวิต
เพียงตัดสินข้าพเจ้าแค่จาก บันทึกส่วนตัวนั้น
นี่น่ะหรือ นับเป็นผู้มีสติปัญญา
นั่นมันข้าพเจ้า ผู้กระจอกงอกง่อย และเป็นใครก้อไม่รู้
คงไม่มีผลกระทบกับใคร ในสังคมเป็นวงกว้าง
แต่ไมิใช่ กับท่านพุทธทาส
หลังจากลายลิขิตนั้น ข้าพเจ้าก้อมิทราบว่า ท่านมีทิฎฐิ และได้คำตอบจากการตั้งข้อสังเกตุในครั้งนั้นหรือไม่
ท่านพุทธทาส ทาสพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่ มีผู้ใดบ้างที่ศึกษา ปฎิบัติมาในทางพุทธเถรวาทไทย ที่ไม่เคยได้ยินนามท่าน
เพียงแค่ลายมือในสมุดบันทึกส่วนตัว
ทำให้รู้จักท่านอย่างท่องแท้แล้วหรือ และสร้างเป็นประเด็นซะใหญ่โต
โดยมิได้คำนึงถึง วิถีชีวิตด้านอื่นๆของท่านเลย
ถูกพวกที่ก้อมิได้สำรวจภูมิแห่งตน และสำรวจว่าตนได้สร้างคุณูประการอันใดบ้างให้แก่ บวรพระพุทธศาสนา ไว้บ้าง
มาวิพากษ์ท่าน เยี่ยงผู้ ทุรชน มากกว่าวิพากษ์ท่านเยี่ยงปัญญาชน ดังเช่นท่าน
ความเห็นเล็กน้อยๆ ที่อยากจะฝากไว้
ฝากไว้ให้ได้พิจารณา และสังวรกันไว้บ้าง
กรณี ลายลิขิตท่านพุทธทาส
และข้าพเจ้า ได้พิจารณาแล้วว่า คงต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของข้าพเจ้า เนื่องจากเห็ว่ามีความเกี่ยวเนื่องกัน
และจำต้องยกมาประกอบ แต่ก้อจะยกเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ดังได้กล่าวแล้วในกระทู้ก่อน ว่าพื้นเพข้าพเจ้านั้น ศึกษาเรื่องราวทางโลกมาก่อน และศึกษามันตลอดเวลา ก้อไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
แต่ก้อเยี่ยงนั้น ศึกษา ศึกษาด้วยการอ่าน ค้นคว้า หากสนใจเรื่องใดก้อจะเข้าขั้น หมกมุ่น คือแทบจะไม่ต้องกินต้องนอน กินก้อยังอ่าน อ่านมันถึงเช้า
ยามนอนก้อเก็บไปฝันถึง ทุกที่ทุกเวลาจะมีหนังสือติดตัวไปด้วยเสมอแบบ ขาดเธอแล้วขาดใจ เรื่องที่หมกมุ่น ก้อจะเสาะแสวงหา เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ
หรือเกี่ยวกับบุคคลนั้นๆ มาจนหมด คือเจอเรื่องนั้น บุคคลนั้นเป็นไปได้ เป็นต้องเอามันหมด จะซื้อมันหมดตังค์ในกระเป๋า แบบไม่เกลี้ยงกลา
ก้อไม่เลิดลา เช่น เกี่ยวกับ วรรณกรรม เฮอร์มาน เฮสเส คือถ้าไปเจอชื่อนี้เป็นต้องขน และขนให้หมด ขนแบบที่ไม่ซ้ำกับที่มีอยู่ ขนมากองไว้
และ หมกมุ่น อย่างที่กล่าว และอีกหลายบุคคลก้อเช่นเดียวกัน แม้ปัจจุบันก้อยังเป็นเยี่ยงนั้น เพียงแต่ มันชักจะซ้ำๆกับที่กองสุมอยู่ และกระจายไปทั่ว
อาณาบริเวณ นิวาสสถานแห่งข้าพเจ้า จึงได้เพราๆลงไปบ้าง
ครับ และแน่นอนว่า ท่านพุทธทาส ก้อเป็นท่านนึงที่ข้าพเจ้าขนงานของท่านทั้งหมดเท่าที่จะเสาะแสวงหาได้ ขนมาสุมไว้ และหมกมุ่น ตั้งกะข้าพเจ้า
อยู่ในวัย ทีน โดยมี คู่มือมนุษย์ อันเป็นที่จุดประกาย
และครับ นอกจากหนังสือต่างๆที่ข้าพเจ้าพกติดข้างกายเสมอแล้ว
สมุดบันทึก
ก้อเป็นอีกสิ่งนึงที่อยู่ข้างกายข้าพเจ้า
หลายคราวที่ข้าพเจ้านั่ง ครุนคิด เรื่องราวต่างๆ เกิด ปิ้งแว๊บ ขึ้นมาในขณะนั้น ข้าพเจ้าก้อจะ ละเลงด้วยลายมือของข้าพเจ้า ลงในสมุดบันทึกนั้น
หรือ ครุนคิด ในบางเรื่องราวใดแล้ว เกิดในบางคำถาม ข้าพเจ้าก้อจะ บันทึกคำถามอันเกิดจากการครุนคิดในขณะนั้นลงใน สมุดบันทึกนั้นเช่นกัน
บันทึกในสมุดบันทึกส่วนตัวของข้าพเจ้า
แม้ในกาลผ่านมา ข้าพเจ้าได้รับคำตอบนั้นแล้ว จากคำถามที่ข้าพเจ้าได้เคยบันทึกไว้ในอดีต
แต่บันทึกนั้น ก้อยังคงอยู่ และก้อหลายครั้งที่ข้าพเจ้าได้ย้อนไปอ่านบันทึกนั้น
อ่านดังเสมือนเป็น เส้นทาง ประสบการณ์ที่ตนได้ผ่านมา
และสมุดบันทึกนั้นในบัดนี้ ก้อได้สุมกองรวมกับหนังสือที่ข้าพเจ้าสรรหามาสุมกองไว้
และ ยังได้สั่งเสียกับเจ้า ปลาปั๊กเป๋า และกระต่ายน้อยๆของข้าพเจ้าไว้ด้วยว่า
ทั้งหมดนั่นน่ะคือ มรดก ของบิดาที่จะมอบแด่เจ้า ในยามที่บิดาได้ตายจากพวกเจ้าไป
เพื่อให้เจ้าดอกไม้งามน้อยๆทั้งสอง ได้ตระหนักในสักวันนึงว่า ใยบิดาของข้า จึงบอกว่าสิ่งเหล่านั้นคือ มรดก มากกว่าข้าวของ อสังหาต่างๆ
เพื่อวันนึง ไม่แน่ เจ้าดอกไม้งามทั้งสอง อาจจะได้รู้จัก ภูมิปัญญา อันแท้จริง แล้วละทิ้ง สิ่งอันไร้สาระทางโลกนั้นเสียว่า ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่า สิ่งอันไร้
สาระเหล่านั้น นั่นคือ ในทางจิตวิญญาณ และหาทางปล่อยปล่อยความเป็นทาสจากสิ่งทั้งหลายนั้นเสีย
และหากต่อมา เมื่อข้าพเจ้าตายไปแล้ว มีผู้ได้อ่านบันทึกส่วนตัวของข้าพเจ้าในอดีต
แล้วตัดสินข้าพเจ้า จากบันทึกส่วนตัวนั้น
โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่า ก่อนหน้าและหลัง บันทึกส่วนตัวนั้น ข้าพเจ้าเป็นอย่างไร ในทั้งชีวิต
เพียงตัดสินข้าพเจ้าแค่จาก บันทึกส่วนตัวนั้น
นี่น่ะหรือ นับเป็นผู้มีสติปัญญา
นั่นมันข้าพเจ้า ผู้กระจอกงอกง่อย และเป็นใครก้อไม่รู้
คงไม่มีผลกระทบกับใคร ในสังคมเป็นวงกว้าง
แต่ไมิใช่ กับท่านพุทธทาส
หลังจากลายลิขิตนั้น ข้าพเจ้าก้อมิทราบว่า ท่านมีทิฎฐิ และได้คำตอบจากการตั้งข้อสังเกตุในครั้งนั้นหรือไม่
ท่านพุทธทาส ทาสพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่ มีผู้ใดบ้างที่ศึกษา ปฎิบัติมาในทางพุทธเถรวาทไทย ที่ไม่เคยได้ยินนามท่าน
เพียงแค่ลายมือในสมุดบันทึกส่วนตัว
ทำให้รู้จักท่านอย่างท่องแท้แล้วหรือ และสร้างเป็นประเด็นซะใหญ่โต
โดยมิได้คำนึงถึง วิถีชีวิตด้านอื่นๆของท่านเลย
ถูกพวกที่ก้อมิได้สำรวจภูมิแห่งตน และสำรวจว่าตนได้สร้างคุณูประการอันใดบ้างให้แก่ บวรพระพุทธศาสนา ไว้บ้าง
มาวิพากษ์ท่าน เยี่ยงผู้ ทุรชน มากกว่าวิพากษ์ท่านเยี่ยงปัญญาชน ดังเช่นท่าน
ความเห็นเล็กน้อยๆ ที่อยากจะฝากไว้
ฝากไว้ให้ได้พิจารณา และสังวรกันไว้บ้าง