สวัสดีค่ะ มีเรื่องจะมาเตือนให้คนที่จองทัวร์ส่วนตัวไปอิตาลี (และอาจจะประเทศอื่นๆ ด้วย) ให้ระวังตัวกันค่ะ เรื่องนี้เป็นไม่ได้เกิดขึ้นกับเราโดยตรงนะคะ แต่เกิดกับคุณพี่ที่ทำงาน แล้วเขาฝากมาช่วยตั้งกระทู้เล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์ในพันทิปด้วยเลย
เรื่องของเรื่องคือ ช่วงวันหยุดสงกรานต์ คุณพี่คนนี้กับครอบครัวได้จองทัวร์ส่วนตัวไปเที่ยวอิตาลีผ่านเอเจนซี่แห่งหนึ่งค่ะ (ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อนะคะ) ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ไปกัน 5 คน ตกหัวละแสนกว่า (ไม่รวมอาหาร ค่าเครื่องบิน) โดยมีไกด์ส่วนตัวเป็นคนไทย ขับรถตู้พาเที่ยวให้ ซึ่งด้วยราคาระดับนี้จึงค่อนข้างไว้ใจในคุณภาพและทีมงานค่อนข้างมาก
เรื่องมาเกิดในวันสุดท้ายค่ะ ก่อนจะไปสนามบิน เป็นช่วงที่เก็บสัมภาระใส่รถไปหมดแล้ว มีตอนหนึ่งที่ทางคุณพี่และครอบครัวขอแวะเที่ยวโบสถ์ก่อนกลับ โดยให้ไกด์ปล่อยลงหน้าโบสถ์เป็นเวลาประมาณ 30 นาที แล้วให้ไกด์กับรถไปหาที่จอดรอ
ปรากฏว่าพอถึงเวลานัด ไกด์กับรถตู้มาช้าไป 15 นาที และพอขึ้นรถมาดูพบว่าของหาย (ไอแพด 4 เครื่อง + โน๊ตบุ๊ค พร้อมประเป๋าเป้ 1 ใบ) ซึ่งของทั้งหมดกระจายอยู่ในกระเป๋าสัมภาระคนละใบ และรถไม่มีรอยงัดแงะใดๆ เลย
ตอนแรกทุกคนก็คิดกันว่าเป็นพวก Pickpocket เพราะอิตาลีขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่พอมาคิดดูแล้วคนที่น่าสงสัยหรือมีเอี่ยวด้วยอาจจะเป็นไกด์ค่ะ เพราะมีเรื่องน่าสงสัยดังนี้
1.กระเป๋าไม่ได้โดนคุ้ยแบบกระจุยกระจาย แต่เปิดหยิบของแล้วรูดกลับเก็บที่เดิม รวมถึงมีการเลือกของที่ขโมยด้วย เพราะในกระเป๋ามีทั้งไอแพดและ Kindle วางคู่กันใส่ปลอกมีฝาปิดซึ่งถ้าไม่เปิดดูก็คงแยกไม่ออก แต่กลับขโมยไปเฉพาะไอแพด ซึ่งก็เก็บแยกกันในกระเป๋า 4 ใบอีก ฟังดูแล้วต้องใช้เวลามาก
2. ไกด์บอกว่าเฝ้ารถอยู่ตลอด ยกเว้นเวลาแค่ไม่กี่นาทีที่เดินไปแลกบัตรจอดรถ ซึ่งเวลาสั้นๆ แค่น้ันโจรไม่น่าพิถีพิถันกับของที่ขโมยได้ขนาดนั้น
3. ไกด์คนนี้ไม่ได้กลับเมืองไทยด้วย แต่มาประจำอยู่ที่อิตาลี (ส่งกรุ๊ปนี้แค่ที่สนามบิน ก็รับกรุ๊ปใหม่พาเที่ยวต่อ) จึงเป็นไปได้ที่จะรู้จักกับคนในท้องที่
4. เที่ยวมา 9 วันก่อนหน้าไม่มีเรื่องแนวนี้เลย แต่มาเกิดวันสุดท้ายตอนที่จะกลับสนามบินแล้ว ซึ่งเดี๋ยวไม่ได้เจอกันอีก
5. ตอนที่รู้ตัวว่าของหายลองเปิด find my ipad หา พบตำแหน่งอยู่ห่างไปแค่ 300 เมตรกำลังเคลื่อนที่อยู่ แต่ไกด์กลับบอกไม่ให้ตาม ให้ไปแจ้งความที่ป้อมตำรวจที่อยู่ห่างออกไปคนละทางแทน แต่ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายโลเคชั่นไปหยุดอยู่ในอาคารแห่งหนึ่ง ถึงได้ขับรถตามไปดู ปรากฎเป็นอพาตเมนต์ ไกด์บอกให้โทรเรียกตำรวจมาหาที่นี่(อ่าว แล้วทำไมไม่โทรเรียกตั้งแต่แรก จะพาไปแจ้งความที่สถานีทำไม) ซึ่งตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้อีกเช่นกันเพราะอพาตเมนต์มี 20 กว่าห้อง เข้าไปค้นไม่ได้
สุดท้ายก็กลับมามือเปล่าค่ะ หลักจากส่งที่สนามบินไกด์คนนั้นก็อยู่ที่อิตาลีต่อ เรื่องนี้ก็ยังไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร จะเป็นโจรท้องถิ่นจริงๆ ไกด์มีเอี่ยวด้วย หรือไกด์แค่ประมาทที่ไม่เฝ้ารถ แต่ของก็ไม่ได้คืน และตอนนี้ที่ทำอยู่คือติดต่อไปคุยกับเอเจนซี่เรื่องไกด์คนนี้เท่านั้น
ส่วนสิ่งที่อยากฝากมาเตือนจริงๆ คือให้ระมัดระวังสิ่งของค่ะ อันนี้ขนาดเก็บในรถมีคนเฝ้ายังถูกขโมยไปได้เลย รวมถึงระวังคนด้วย ไกด์เอง ไม่ว่าจะคนไทยหรือคนท้องถิ่น แต่เราเจอกันไม่กี่วันจบ ก็ไม่ควรไว้ใจค่ะ เพราะเมื่อของหายไปนอกจากจะหมดสนุกแล้วนั้น ความสูญเสียที่มากกว่ามูลค่าสิ่งของ คือ รูปถ่าย ไฟล์งาน ความทรงจำต่างๆ ที่ไม่สามารถคืนกลับมาได้ค่ะ
ฝากไว้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
เตือนคนไปเที่ยวอิตาลี(และจองทัวร์ส่วนตัวไป)
เรื่องของเรื่องคือ ช่วงวันหยุดสงกรานต์ คุณพี่คนนี้กับครอบครัวได้จองทัวร์ส่วนตัวไปเที่ยวอิตาลีผ่านเอเจนซี่แห่งหนึ่งค่ะ (ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อนะคะ) ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ไปกัน 5 คน ตกหัวละแสนกว่า (ไม่รวมอาหาร ค่าเครื่องบิน) โดยมีไกด์ส่วนตัวเป็นคนไทย ขับรถตู้พาเที่ยวให้ ซึ่งด้วยราคาระดับนี้จึงค่อนข้างไว้ใจในคุณภาพและทีมงานค่อนข้างมาก
เรื่องมาเกิดในวันสุดท้ายค่ะ ก่อนจะไปสนามบิน เป็นช่วงที่เก็บสัมภาระใส่รถไปหมดแล้ว มีตอนหนึ่งที่ทางคุณพี่และครอบครัวขอแวะเที่ยวโบสถ์ก่อนกลับ โดยให้ไกด์ปล่อยลงหน้าโบสถ์เป็นเวลาประมาณ 30 นาที แล้วให้ไกด์กับรถไปหาที่จอดรอ
ปรากฏว่าพอถึงเวลานัด ไกด์กับรถตู้มาช้าไป 15 นาที และพอขึ้นรถมาดูพบว่าของหาย (ไอแพด 4 เครื่อง + โน๊ตบุ๊ค พร้อมประเป๋าเป้ 1 ใบ) ซึ่งของทั้งหมดกระจายอยู่ในกระเป๋าสัมภาระคนละใบ และรถไม่มีรอยงัดแงะใดๆ เลย
ตอนแรกทุกคนก็คิดกันว่าเป็นพวก Pickpocket เพราะอิตาลีขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่พอมาคิดดูแล้วคนที่น่าสงสัยหรือมีเอี่ยวด้วยอาจจะเป็นไกด์ค่ะ เพราะมีเรื่องน่าสงสัยดังนี้
1.กระเป๋าไม่ได้โดนคุ้ยแบบกระจุยกระจาย แต่เปิดหยิบของแล้วรูดกลับเก็บที่เดิม รวมถึงมีการเลือกของที่ขโมยด้วย เพราะในกระเป๋ามีทั้งไอแพดและ Kindle วางคู่กันใส่ปลอกมีฝาปิดซึ่งถ้าไม่เปิดดูก็คงแยกไม่ออก แต่กลับขโมยไปเฉพาะไอแพด ซึ่งก็เก็บแยกกันในกระเป๋า 4 ใบอีก ฟังดูแล้วต้องใช้เวลามาก
2. ไกด์บอกว่าเฝ้ารถอยู่ตลอด ยกเว้นเวลาแค่ไม่กี่นาทีที่เดินไปแลกบัตรจอดรถ ซึ่งเวลาสั้นๆ แค่น้ันโจรไม่น่าพิถีพิถันกับของที่ขโมยได้ขนาดนั้น
3. ไกด์คนนี้ไม่ได้กลับเมืองไทยด้วย แต่มาประจำอยู่ที่อิตาลี (ส่งกรุ๊ปนี้แค่ที่สนามบิน ก็รับกรุ๊ปใหม่พาเที่ยวต่อ) จึงเป็นไปได้ที่จะรู้จักกับคนในท้องที่
4. เที่ยวมา 9 วันก่อนหน้าไม่มีเรื่องแนวนี้เลย แต่มาเกิดวันสุดท้ายตอนที่จะกลับสนามบินแล้ว ซึ่งเดี๋ยวไม่ได้เจอกันอีก
5. ตอนที่รู้ตัวว่าของหายลองเปิด find my ipad หา พบตำแหน่งอยู่ห่างไปแค่ 300 เมตรกำลังเคลื่อนที่อยู่ แต่ไกด์กลับบอกไม่ให้ตาม ให้ไปแจ้งความที่ป้อมตำรวจที่อยู่ห่างออกไปคนละทางแทน แต่ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายโลเคชั่นไปหยุดอยู่ในอาคารแห่งหนึ่ง ถึงได้ขับรถตามไปดู ปรากฎเป็นอพาตเมนต์ ไกด์บอกให้โทรเรียกตำรวจมาหาที่นี่(อ่าว แล้วทำไมไม่โทรเรียกตั้งแต่แรก จะพาไปแจ้งความที่สถานีทำไม) ซึ่งตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้อีกเช่นกันเพราะอพาตเมนต์มี 20 กว่าห้อง เข้าไปค้นไม่ได้
สุดท้ายก็กลับมามือเปล่าค่ะ หลักจากส่งที่สนามบินไกด์คนนั้นก็อยู่ที่อิตาลีต่อ เรื่องนี้ก็ยังไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร จะเป็นโจรท้องถิ่นจริงๆ ไกด์มีเอี่ยวด้วย หรือไกด์แค่ประมาทที่ไม่เฝ้ารถ แต่ของก็ไม่ได้คืน และตอนนี้ที่ทำอยู่คือติดต่อไปคุยกับเอเจนซี่เรื่องไกด์คนนี้เท่านั้น
ส่วนสิ่งที่อยากฝากมาเตือนจริงๆ คือให้ระมัดระวังสิ่งของค่ะ อันนี้ขนาดเก็บในรถมีคนเฝ้ายังถูกขโมยไปได้เลย รวมถึงระวังคนด้วย ไกด์เอง ไม่ว่าจะคนไทยหรือคนท้องถิ่น แต่เราเจอกันไม่กี่วันจบ ก็ไม่ควรไว้ใจค่ะ เพราะเมื่อของหายไปนอกจากจะหมดสนุกแล้วนั้น ความสูญเสียที่มากกว่ามูลค่าสิ่งของ คือ รูปถ่าย ไฟล์งาน ความทรงจำต่างๆ ที่ไม่สามารถคืนกลับมาได้ค่ะ
ฝากไว้นะคะ
ขอบคุณค่ะ