จากที่พญามังกร "จีน" เร่งเครื่องพัฒนาเทคโนโลยีให้สอดรับกับสังคมอนาคต ดังนั้นจากที่เคยอยู่นอกสายตาของประเทศที่ก้าวล้ำด้านเทคโนโลยี มาวันนี้ประเทศเหล่านั้นคงต้องรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ โดยเฉพาะ "เกาหลีใต้" ซึ่งล่าสุดสถาบันประเมินผลด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (KITECH) ของเกาหลีใต้ จัดทำรายงานเกี่ยวกับการวัดช่องว่างการพัฒนาเทคโนโลยีของ 2 ประเทศใน 24 อุตสาหกรรมหลัก ปรากฏว่า พัฒนาการด้านเทคโนโลยีของจีนตามหลังเกาหลีใต้ เฉลี่ยอยู่ที่ 0.9 ปีเท่านั้น เรียกว่าถ้าเป็นในลู่วิ่ง จีนก็ตามหลังเกาหลีใต้เพียงไม่กี่ก้าว และพร้อมที่จะขึ้นมาแซงได้เสมอ
"เกาหลีใต้" ถือเป็นประเทศเจ้าแห่งเทคโนโลยีมาโดยตลอด และมีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งทางการเกาหลีใต้วางแผนจะประกาศแผนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เร็ว ๆ นี้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่นักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า แค่พึ่งพาแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวคงไม่พอที่จะวิ่งหนีจีน
ขณะที่บลูมเบิร์ก รายงานอ้างข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมและการค้า (KIET) เกาหลีใต้ ระบุว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ช่องว่างของเทคโนโลยีเกาหลีใต้และจีนจะเหลือน้อยมาก ๆ ในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ แก็ดเจตที่ใช้สวมใส่ เมมโมรีชิป ตลอดจนสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์
จากผลการวิจัยพบว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่ และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ออฟ ติงส์ (IoT) ของจีน ตามหลังเกาหลีใต้อยู่ 0.8 ปี อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 0.6 ปี ซอฟต์แวร์ 0.5 ปี ปัญญาประดิษฐ์ 0.4 ปี และเน็ตเวิร์กเพียง 0.2 ปี และมีเพียง 2 อุตสาหกรรมเท่านั้นที่เกาหลีใต้ล้ำหน้าชัด แต่ก็ไม่มาก ได้แก่ เทคโนโลยีด้านจอโทรทัศน์และอุปกรณ์ด้านสารกึ่งตัวนำ หรือเซมิคอนดักเตอร์ โดยก้าวหน้ากว่าจีน 1.2 ปี
"คิม ฮยอนวุค" นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยเอสเค ในกรุงโซล ให้ความเห็นว่า จากผลวิจัยที่มีเพียง 2 อุตสาหกรรมเท่านั้น ที่ยังเทคโนโลยีนำหน้าจีนอย่างเด่นชัด ดังนั้นรัฐบาลเกาหลีใต้ไม่ควรชะล่าใจ ควรออกพิมพ์เขียวแผนการพัฒนาที่ต่อเนื่องและชัดเจน และระบุการปฏิรูปที่จำเป็นเพื่อเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
และในวันที่ซัมซุง ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังแห่งเกาหลีใต้ ระส่ำระสายหนักจากการที่ รองประธานบริษัท "ลี แจ-ยอง" ถูกจับกุมข้อหาคอร์รัปชั่น ขณะที่เทคโนโลยีการต่อเรือที่เคยรุ่งเรืองและเป็นอุตสาหกรรมดั้งเดิมของเกาหลีใต้ซบเซา และบริษัทชิปปิ้งใหญ่ของเกาหลีใต้อย่างฮันจิน ก็เข้าสู่ภาวะล้มละลาย ขณะที่จีนก็ค่อย ๆ ผงาดขึ้นมาบนโลกเทคโนโลยี และสร้างจุดยืนใหม่ ไม่ใช่เป็นประเทศที่คอยแต่ลอกเลียนแบบสินค้าของชาติอื่นเช่นในอดีตแล้ว
จีนชูนโยบาย "เมด อิน ไชน่า 2025" ตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะผลักดันเศรษฐกิจจีนที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก ให้เปลี่ยนจากอุตสาหกรรมใช้แรงงานหนัก เป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และการบินและอวกาศ
ปัจจุบันมีบริษัทเทคโนโลยีจีนมากมายที่โดดเด่นในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนยี่ห้อ "หัวเหว่ย" ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยีการเงิน แอปพลิเคชั่นสนทนาจาก 2 ยักษ์แดนมังกร "อาลีบาบา" และ "เทนเซ็นต์" นอกจากนี้ จีนยังมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก นั่นหมายถึงกำลังผู้บริโภคที่พร้อมใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มความสามารถ
"การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมของจีนได้เปลี่ยนโครงสร้างของห่วงโซ่คุณค่าของเกาหลีใต้และจีนการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของสองประเทศใกล้เคียงกันมากขึ้นดังนั้นแทนที่เกาหลีใต้จะพัฒนาโครงสร้างในแนวตั้งแบบที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นสูง เกาหลีใต้จะต้องลงทุนมากขึ้นเพื่อที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถแข่งขันกับจีนได้" โช ชอล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยอุตสาหกรรมจีน KIET กล่าว
ที่มา :
http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1492597979
Made in China 2025 "จีน" ไล่บี้เทคโนโลยี "โสมขาว"
"เกาหลีใต้" ถือเป็นประเทศเจ้าแห่งเทคโนโลยีมาโดยตลอด และมีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งทางการเกาหลีใต้วางแผนจะประกาศแผนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เร็ว ๆ นี้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่นักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า แค่พึ่งพาแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวคงไม่พอที่จะวิ่งหนีจีน
ขณะที่บลูมเบิร์ก รายงานอ้างข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมและการค้า (KIET) เกาหลีใต้ ระบุว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ช่องว่างของเทคโนโลยีเกาหลีใต้และจีนจะเหลือน้อยมาก ๆ ในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ แก็ดเจตที่ใช้สวมใส่ เมมโมรีชิป ตลอดจนสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์
จากผลการวิจัยพบว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่ และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ออฟ ติงส์ (IoT) ของจีน ตามหลังเกาหลีใต้อยู่ 0.8 ปี อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 0.6 ปี ซอฟต์แวร์ 0.5 ปี ปัญญาประดิษฐ์ 0.4 ปี และเน็ตเวิร์กเพียง 0.2 ปี และมีเพียง 2 อุตสาหกรรมเท่านั้นที่เกาหลีใต้ล้ำหน้าชัด แต่ก็ไม่มาก ได้แก่ เทคโนโลยีด้านจอโทรทัศน์และอุปกรณ์ด้านสารกึ่งตัวนำ หรือเซมิคอนดักเตอร์ โดยก้าวหน้ากว่าจีน 1.2 ปี
"คิม ฮยอนวุค" นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยเอสเค ในกรุงโซล ให้ความเห็นว่า จากผลวิจัยที่มีเพียง 2 อุตสาหกรรมเท่านั้น ที่ยังเทคโนโลยีนำหน้าจีนอย่างเด่นชัด ดังนั้นรัฐบาลเกาหลีใต้ไม่ควรชะล่าใจ ควรออกพิมพ์เขียวแผนการพัฒนาที่ต่อเนื่องและชัดเจน และระบุการปฏิรูปที่จำเป็นเพื่อเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
และในวันที่ซัมซุง ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังแห่งเกาหลีใต้ ระส่ำระสายหนักจากการที่ รองประธานบริษัท "ลี แจ-ยอง" ถูกจับกุมข้อหาคอร์รัปชั่น ขณะที่เทคโนโลยีการต่อเรือที่เคยรุ่งเรืองและเป็นอุตสาหกรรมดั้งเดิมของเกาหลีใต้ซบเซา และบริษัทชิปปิ้งใหญ่ของเกาหลีใต้อย่างฮันจิน ก็เข้าสู่ภาวะล้มละลาย ขณะที่จีนก็ค่อย ๆ ผงาดขึ้นมาบนโลกเทคโนโลยี และสร้างจุดยืนใหม่ ไม่ใช่เป็นประเทศที่คอยแต่ลอกเลียนแบบสินค้าของชาติอื่นเช่นในอดีตแล้ว
จีนชูนโยบาย "เมด อิน ไชน่า 2025" ตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะผลักดันเศรษฐกิจจีนที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก ให้เปลี่ยนจากอุตสาหกรรมใช้แรงงานหนัก เป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และการบินและอวกาศ
ปัจจุบันมีบริษัทเทคโนโลยีจีนมากมายที่โดดเด่นในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนยี่ห้อ "หัวเหว่ย" ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยีการเงิน แอปพลิเคชั่นสนทนาจาก 2 ยักษ์แดนมังกร "อาลีบาบา" และ "เทนเซ็นต์" นอกจากนี้ จีนยังมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก นั่นหมายถึงกำลังผู้บริโภคที่พร้อมใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มความสามารถ
"การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมของจีนได้เปลี่ยนโครงสร้างของห่วงโซ่คุณค่าของเกาหลีใต้และจีนการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของสองประเทศใกล้เคียงกันมากขึ้นดังนั้นแทนที่เกาหลีใต้จะพัฒนาโครงสร้างในแนวตั้งแบบที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นสูง เกาหลีใต้จะต้องลงทุนมากขึ้นเพื่อที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถแข่งขันกับจีนได้" โช ชอล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยอุตสาหกรรมจีน KIET กล่าว
ที่มา : http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1492597979