ชั้นมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันตาย

ชีวิตชั้นคนอื่นอ่านอาจคิดว่ามีคนเจออะไรในชีวิตมากมายกว่าชั้นอีก

เราเเค่อยากระบาย เรารู้ว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ก็ตาม

ชั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เเปลก มีคนเกลียด คนไม่ชอบ ได้ตลอด ตั้งเเต่จำความได้ ชีวิตพบเจอเเต่สิ่งที่เจ็บปวดทุกช่วงวัยก็ว่าได้

ตั้งเเต่อนุบาลถึงประถมต้น

ชั้นเป็นคนสุขภาพไม่ดีตั้งเเต่เกิด เจ็บป่วยบ่อย
บ้านเราอยู่บนเขา ต้องตื่นตี่สี่นั่งรถมาเรียนในอำเภอให้ทันเเปดโมงทุกวัน ตอนเย็นก็ต้องรีบกลับเพราะกว่าจะถึงมันมืด
ตอนเรียนอนุบาล ชั้นเล่นอะไรไม่ได้มากเท่าคนอื่น เพราะเเค่ไปยืนตากแดดเคารพธงชาติ ชั้นก็เป็นลม บางทีก็อวก เกือบทุกวัน พ่อเเม่ก็รับกลับบ้านบ่อยๆบ้าง
ที่บ้านตั้งเเต่จำความได้ก็นับว่าลำบาก ไม่ได้มีเงินซื้อขนมเเละของเล่นมากนัก ส่วนใหญ่เล่นกับต้นไม้ใบหญ้า  
พอขึ้นประถมต้น ชั้นก็ยังคงไม่สบายเเละหยุดเรียนบ่อยๆ คุณครูก็ชอบมาพูดเหน็บเเนบเราเสมอ ว่าผู้ดีตีนเเดงไม่เรียนก็ได้สิน่ะ พ่อเเม่เธอนี่น่ะ  เเละจ้องจับผิดเรา เเค่ทำดินสอตกเเล้วก้มไปเก็บเงยหน้ามา โดนด่าหาว่าไม่ตั้งใจเรียน เพื่อนทำผิดก็หาว่าเราทำด้วย เเละโดนทำโทษตลอด ทั้งที่ชั้นไม่เคยมีเพื่อนคุยเพื่อนเล่นเลย เพราะอ่อนเเอหยุดเรียนบ่อยด้วย พละก็ได้เเต่นั่งเฉยๆเพราะครูกลัวเราเป็นลมไม่อยากรับผิดชอบ เพราะเราเป็นลมบ่อย มีเเต่เพื่อนผู้หญิงแกล้ง เพราะเราไม่ค่อยพูดเเละไม่กล้าฟ้องอาจารย์ มีอยู่คร้งนึงกลุ่มเพื่อนผู้หญิงตัวโตกว่าคนนึงมาล็อคคอเรา ส่วนที่เหลือใช้เล็บหยิกเราทั้งตัวเป็นเเผล เเละเราเกือบหายใจไม่ออก เราได้เเต่ดิ้นๆๆๆๆ ร้องไห้ เเละเก็บเรื่องนั้นไว้ ไม่บอกเเม้เเต่พ่อเเม่ เเต่เค้าก็เห็นเเผลเต็มตัวเเหละ เป็นรอยหยิกเเบบเลือดออกเนื้อหลุด บางจุด (โตมายังย้อนคิดเลยทำไมเด็กประถมถึงทำร้ายคนอื่นได้ขนาดนั้น) เราก็บอกว่าเพื่อนเเกล้ง พ่อเเม่เราก็เลยไปคุยกับอาจารย์ที่โรงเรียน เเต่ผลกลับกลายเป็นว่าอาจารย์ยิ่งหมั่นไส้เรา ยิ่งเมินเรา เเละชอบพูดลอยๆใส่เรา เค้าคงคิดว่าเป็นเด็กพูดอะไรไปก็ได้ ประมาณว่าโถ่ ไอ้ผู้ดีตีนเเดง ออกเเดดก็ไม่ได้ เล่นกับเพื่อนก็ไม่ได้ เราเจ็บน่ะ เราไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไม ทำไมครูชอบพูดกับเราเเบบนั้น พอป.3 ก็มีเพื่อนผู้หญิงสองคน อยู่ก็บอกว่าเราเป็นเพื่อนกันมั้ย เราดีใจมาก เเล้วก็บอกให้เราทำนู้นนี่น่ะ จะได้เป็นเพื่อนกัน เค้ากลับหลอกเราไปขังในห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา พอเราออกมาก็เเกล้งทำเป็นว่าไม่รู้ บอกให้ทำเวรคนเดียว บอกให้ไปเอานู้นนี่ให้หน่อย บอกว่าจะกินข้าวด้วย จะเล่นด้วย เเล้วก็มาเฉลยอาทิตย์ถัดมาว่า หลอกความสบายดีจังหลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ชั้นเจ็บปวดมาก เพราะชั้นอยากมีเพื่อน เเล้วก็เจอเรื่องประมาณนี้มาจนจบป.3

พอประถมปลาย เราย้ายโรงเรียน ไปโรงเรียนที่ถูกๆกว่าที่เรียนมา
เรากะจะเริ่มต้นใหม่ ไปเจอเพื่อใหม่ๆชั้นรู้เเระว่าอืมชั้นต้องมีเพื่อนได้บ้างเเหละ
พอเค้าไปเรียน อาทิตย์เเรกก็ดีหลอก ทุกคนอยากรู้จักเรา เราได้นั่งข้างเพื่อนคนนึง ซึ่งมารู้ตอนเรียนไปได้สักสองอาทิตย์ว่าทุกคนในห้อง ในระดับชั้นก็ว่าได้เค้ามองเพื่อนคนนี้ว่าเป็นเสนียด เคยใช้กันมั้ยคะ ตอนเด็กๆคำนี้อะ เราเห็นคนนี้ถูกทกคนเมิณ ทุกคนรังเกียจมาก เเต่เรากลับสงสาร ทุกคนบอกเราว่าถ้าเราไปเป็นเพื่อนกับคนนี้ เราจะเป็นเสนียดไปด้วย เเต่เราเห็นเเล้วนึกถึงว่าเราเหมือนโดนคนทำเเบบนี้มาจากโรงเรียนเก่า เราควรจะเป็นเพื่อนกับเค้า อย่างน้อยเราก็จะได้มีเพื่อนคนนึง เเละเค้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกเเบบเรา ไม่นานชั้นก็กลายเป็นเสนียดไปด้วย ชีวิตบัดซบมั้ย ถูกคนเกลียดทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร พอเปลี่ยนชั้นเรียนชั้นก็ไปอยู่คนละห้องกับคนนั้น ไปเจอสังคมใหม่ ที่เเปลกเข้าไปอีก เนื่องด้วยที่บ้านฐานะยากจน พ่อเเม่ให้เงินมาเเค่ข้าวกลางวัน เเบบสั่งกับข้าวได้อย่างเดียวกับค่าน้ำหวานที่ต้องเเบ่งให้น้องชายครึ่งเเก้วด้วย 5555555555 เเบบพอดีตัวมาก ห้องเรียนใหม่นี้ ดันมีเเต่ลูกคนมีเงินหน่อย บ้านอยู่ในตลาด ไอ้เราก็อยู่หลังเขาด้วย   เเบบว่าถ้าอยากเป็นเพื่อนกับทุกคนได้ คือตอนกลางวันต้องเเบ่งขนมและน้ำอัดลมกัน น้ำอัดลมจะผัดเวรกันเอามา
เราไม่มีไง เลยถูกเมิน เราก็โอเคอยู่ของเราไป จับกลุ่มอะไรก็รอเศษเหลือตลอดมาตั้งเเต่ไหนเเต่ไรเเละ โอเคมีชีวิตอยู่ไป เเล้วดันมีเด็กผู้ชายมาชอบเราเว้ย เราบอกเลยว่าเราโง่มากไม่รู้หลอกไอ้เรื่องเเบบนั้น เเล้วมันก็ไปบอกเพื่อนๆในห้องไง ความซวยมาถึงเราเพราะไอ้ผู้หญิงหัวหน้าห้องมันชอบของมันอยู่ก่อนมั้ง ที่นี่เเหละ โดนเเกล้งตั้งเเต่เอาลิควิดบีบใส่เก้าอี้ ให้นั่นทับกระโปรงเปื้อน เเอบมาเอาน้ำที่เรากรอกมาจากบ้านไปเททิ้ง บางทีก็เเอบมาเปิดขวดน้ำเราพอเรามานั่งมันก็ลม เเอบเปิดซิปกระเป๋าเป้ตอนเราเดิน พอของหล่นก็หัวเราะกันใหญ่ ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมเค้าถึงทำกับเราเเบบนั้น ก็โดนมาตลอดน่ะจนจบป.6 นั่นเเหละ ที่บ้านเราทำสวนเเต่ว่าด้วยบนเขาน้ำไม่มี ทำสวนไม่ได้ผล หมดหนทางไม่มีเงินบางทีทั้งบ้านมีเงินอยู่ 5 บาท ซื้อผักได้กำนึง ก็ผัดกินเเบ่งกัน ไปขอคนเเถวบ้านกินก็มี หยิบยืมญาติก็ไม่ค่อยให้ ได้มาพันนึงก็เบียดเสียดมาก ต้นไม้ที่ปลูกไว้ก็จะตายบ้างไม่ออกผลเลยด้วย ปลากระป๋องประป๋องนึงเเบ่งกันทั้งบ้าน บางทีเรากับน้องก็กินนมข้นละลายน้ำ ก็ดิ้นรนหยิบยืม ขายผัก ไปตัดผักจากสวนในอำเภอไปขายที่ตลาดไท ซึ่งขับรถข้ามคืนกว่าจะถึงนั่งตากเเดด ขายกว่าจะเสร็จก็เช้ามืด ตีรถกลับบ้านที่ภูเขา ลืมบอกว่าบ้านเราอยู่จังหวัดติดกับภาคเหนือ ก็ได้เรียนบ้างเพราะไม่ค่อยมีค่าเทอม

พอเข้าม. 1 เราก็เข้ามาอยู่ที่จังหวัดเเถบปริมณฑล เพราะพ่อเเม่กลัวว่าเราจะไม่มีโอกาสในการเรียน ก็ขายบ้านเเล้วย้ายมา
เราเป็นเด็กบ้านนอกมากๆ อยู่เเต่กับเขามาตลอด มาเรียนไม่เข้าใจไม่รู้จักอะไรเลย ก็นิดนุงถูกหาว่าบ้านนอกก็น้อยใจบ้างเเหละ  
มาเปิดร้านขายของชำเล็กๆในหมู่บ้าน พอเริ่มมีเพื่อนมันก็โอเค เเต่มันก็ไม่นาน เคยมั้ยที่เเบบว่าเออ มาเกลียดคนนี้กันเถอะ เเล้วพออาทิตย์ถัดมาทุกคนก็เกลียดเราเว้ย เมินเรา ไม่คุยกับเรา เรางงเเละโมโหมากทำไมเป็นเเบบนี้อีกเเล้ว เราเลยพยายามถามเพื่อนๆในห้อง ก็บอกว่า เพื่อนชื่อ...บอกให้เกลียด เพราะเราเดินเเอ่นนม มันเเรด เราคิดในใจ อีเชี่ย!!!!!! กูมีนมเร็วนี่ผิดหรอว่า เเม้เเต่เพื่อนผู้ชายก็ล้อ  เพื่อนผู้หญิงก็ไม่เอาเรา   เราไม่มีเพื่อนกินข้าวมาตลอด ม.1-ม.2  เพราะม.2 เราเองก็ย้ายห้อง ไปอยู่ห้องอื่นยิ่งไม่รู้จักใครเเล้วทุกคนก็มีกลุ่มเพื่อนเดิมกันอยู่เเล้ว เราก็ได้ไปเป็นเพื่อนกับคนนึง เค้าก็เอาจริงๆมันก็เเต่งตัวเเต่งหน้าทำอะไรผิดระเบียบไปหมด เเละมันก็บอกว่าตัวเองเเรด เเต่มันดีกับเรามาก คอยปกป้องเรา เเต่มันเองก็มีกลุ่มเพื่อนมันเนอะเเบบประมาณเดียวกัน มันก็บอกว่าไม่อยากให้มาคลุกคลีกับเพื่อนๆมันน่ะ เดี๋ยวโดนรังเเก เเละคนอื่นจะมองไม่ดี โอเค เราก็จะอยู่คนเดียวเวลามันอยู่กับกลุ่มเพื่อน
พอม.3 เรามาอยู่ห้องคิงจร้า สังคมยิ้มเเข่งขันอย่างมากให้ตายเลย เรียนพิเศษกันเเบบอัดเต็มอาจารย์ก็สอนเเบบว่าเหมือนทุกคนเรียนพิเศษจร้า เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะคนอื่นเรียนพิเศษกับอาจารย์ในโรงเรียนกันไง บางทีมาสอนต่อจากที่เรียนพิเศษไปเมื่อวาน  อ๊ะ อย่าลืมว่าเราจนมาก เราไม่ได้เรียนพิเศษความวิบัติเกิดขึ้นคะเเนนกลางภาคออกมาตกอยู่คนเดียวจร้า เราเลยเอาว่ะ ปลายภาคไม่เข้าใจอะไรจะถามอาจารย์เเระ พอไปถามอาจารย์บอกทำไมไม่เข้าใจในเมื่อคนอื่นเข้าใจกันหมด ไปถามเพื่อนเอา พอไปถามเพื่อน เพื่อนมีรึจะบอก เรามาจากเด็กห้องท้ายที่ถีบตัวเองขึ้นมาเป็นห้องคิง เเน่นอนว่าเค้าไม่ยอมรับเราอยู่เเล้ว ทำทีท่ารำคาญเราสุดฤทธิ์ เเน่นอนว่าเราไม่ยอมเเพ้ เราอ่านหนังสือห้องสมุด เเละไปถามอะไรที่ไม่เข้าใจกับอาจารย์ที่สอนห้องอื่น ถีบตัวเองอยู่เลย เพราะอยากเอาชนะทั้งเพื่อนทั้งครู พอขึ้นม.ปลาย เราก็ยังอย่ห้องคิงกับไอ้พวกเพื่อนพวกเดิม เราไม่มีปัญญาเรียนพิเศษชีวิตยิ้มดิ้นรนสุดฤทธิ์ เเล้ววันนึงเเม่มาบอกว่าไม่มีเงินส่งเรียนเเล้ว  เรานี่มืดเลยในหัว เราเลยไปปรึกษาครูเเนะเเนว ครูเค้าก็ให้สมัครทุน เราก็ไปเดินสายสัมภาษณ์ทุกต่างๆมากมาย บางทีไม่ได้เข้าเรียน ก็มีได้ทุนการศึกษามาบ้าง เเต่ก็มีข้อเเรกเปลี่ยนที่ต้องทำงานเล็กๆน้อยๆให้กับโรงเรียน เราก็เก็บเงินไว้ส่วนนึงด้วย เราเป็นคนพยายามที่จะมีชีวิตอย่างมาก จนอะไรเริ่มเข้าที่เข้าทาง เเม่มาป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้น ตอนนั้นเราอยู่ม.5 ชีวิตที่ลำบากเเล้ว เจ็บปวดเพิ่มไปอีก ก็เงินไม่มีรักษา เเม่บอกพร้อมตาย เป็นอะไรที่เจ็บปวด หมอบอกว่าถ้าคนไข้ไม่รับการผ่าออกโรงบาลไปจะไม่มีโอกาสกลับมาน่ะ คือตายนั้นเอง
หมอก็พยายามหาทางช่วยน่ะ ก็พาเข้าโครงการสามสิบบาท เเต่ก็มีรายจ่ายที่ไม่สามารถใชสิทธิสามสิบบาทได้อีกเยอะเเยะ ตอนนั้นบอกเลย รีดไปหมดทั้งบ้าน ไม่เหลือเเม้เงินจะทอนที่ร้านค้า เราก็ยังคงหน้าด้านหาทุนเรียนต่อไปจนจบม.6 สอบตรงเเละโค้วต้าได้ 6 ที่ เก่งมะ เราพยายามมากจริงๆเราท้อมากด้วยที่เพื่อนมีเงินเรียนพิเศษ เเต่เราอยากทำให้พ่อเเม่ภูมิใจเราอ่านหนังสือยิ้มเกือบทุกวินาทีที่ตื่นอยู่ เเต่เราก็ไปเเอดมิดชั่นเค้า ม.เกษตร วิศวะ
ค่าเทอมเทอมเเรกก็คือเงินเก็บทั้งหมดที่เก็บมาตอนมัธยม  ชั้นภูมิใจมากที่มาถึงจุดนี้ ชีวิตมหาลัยที่วาดฝันต้องเเต่ชุดสวยๆเดินงามๆในมหาลัยหมดสิ้นลง 555555555555555 เพราะเงินไม่มีเรียน ทำงานทุนเเหลกเลยจร้า ทำมันสองที่เลย ดีหน่อยที่มหาลัยมีเพื่อนคนนึง ที่เข้าใจ คอยเก็บชีทเก็บงานให้เวลาเราเข้าสายบ้างเพราะเลิกงานช้า เราก็บากบั่นมาก ไอ้ชีวิตที่เเบบเลิกเรียนไปช็อปปิ้ง ดูหนัง ซื้อเสื้อผ้าสวยๆไม่มีมีโคจรมาในชีวิตเลยจร้า ทำงาน เรียน กลับหอ นอน ตื่น เรียน ทำงาน กลับหอ 55555555555 ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตสมวัยเลย จนเรียนจบ จะบอกให้เป็นกำลังใจแก่คนเเนวชีวิตเเบบเราน่ะ ว่าเราเเบ่งเวลามาก เวลาเรียนเราตั้งใจเรียนมาก เก็บมันทุกเม็ด จนยิ้มทุกอย่าง กลับหออ่านทบทวนทุกวัน จนเป็นนิสัย เราเรียนได้เหรียญเรียนดี รางวัลอื่นๆอีก เเละจบเกียรตินิยมอันดับสองน่ะ  เราไม่ได้อยากอวดน่ะ เเค่ว่าถ้าเด็กที่พื้นฐานทางบ้านไม่ดีเเบบเรามันคือทางเลือกหนึ่งในชีวิตที่เราจะเรียนมหาลัยได้จนจบเเบบเกรดไม่เเย่   เเต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราเเทบไม่ค่อยมีเพื่อน เราไม่ได้ใช้ชีวิต เราไม่ได้มีความสุขกับชีวิตเลย ไม่มีเเฟน มีเพื่อนเเค่คนสองคนก็ดีใจเเล้ว ไม่มีซื้อผ้า เครื่องสำอางค์อะไรมากมาย    
เราได้ทุนต่อโท เราก็เรียนโท เเต่ทุนมันไม่ได้ออกให้ทุกอย่าง เราได้ไปทำวิจัยที่มหาลัยสีชมพู เราไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์ทำเเลป ไม่มีเงินค่าหอ ไม่มีเงินซื้อวัตถุดิบ ก็โชคดีที่นักวิจัยที่เราเรียกว่าอาจารย์เค้าช่วยเหลือ คอยปันเงินโครงการมาช่วยเรา เราซึ้งใจมากที่อย่างน้อยเรายังได้มีโอกาศเจอคนดีๆมาช่วย
จนเราเรียนจบ
มาทำงาน ที่เเรก ไกลบ้านมาก เดินทางสองชั่วโมง เราเหนื่อยมาก ไม่มีเเรงไม่มีสมาธิ เเถมสังคมเเบบอะไรไม่รู้ คือกินข้าวต้องไปพร้อมกันทั้งหมด ถ้าไม่พร้อมเอาเเระ ยิ้มมีปัญหา ถามงานมากก็ไม่ได้เหวี่ยงใส่ เเถมทำไปทำมาอยู่ดีให้เราเซ็นต์ใบลาออกเฉยเเล้วบอกพรุ่งนี้ไม่ต้องมาเเล้ว ช็อคเลย ก่อนหน้านี้ไม่มีใครว่างสอนงานเรา ใช้เเต่ให้เราไปถ่ายเอกสาร เย็บเล่ม ปริ้นงาน  เเล้วมาบอกว่าเราไม่มีความสามารถ พอเราออกมาเพิ่งเข้าใจว่าเออ เค้าจะเอาคนเค้าเข้ามา  
ตกงาน ยาววววววววววววววว
พอมาทำที่ใหม่ เเบบจ้างฟรี้เเล้ว ก็เจอคนใส่อารมณ์คือโมโหเรื่องอื่นไปทะเราะกับคนอื่นมา มาพาลเรา ด้วยอารมณ์ชั่ววูบเค้าทำลายอนาคตการงานเรา เเบบประมาณว่าไปบอกบริษัทที่เค้าอยากได้เราไปทำงานว่าไม่ต้องไปจ้างมัน มันอย่างนู้นอย่างนี้ อันนี้มารู้จากปากเค้าเองเลย ตอนเค้าอารมณ์เย็นลงเเล้วมาบอกเราเอง  เออ เจริญ

ตกงานยาวๆอีก มาทำที่ใหม่เป็นงานสายวิจัย รับเราไปใช้อย่างกับเเรงงาน ขนของ ยกของ คือเราเป็นผู้หญิงไง ยกของจนหลังเจ็บไม่เคยหยุดงาน ลากสังขารดามหลังมาทำงานไม่เคยหยุดเสาร์ทิตย์บางทีก็มาทำ  เค้าก็บอกว่าเราอ่อนเเอ ไม่เอาให้ออกไป อยากได้ผู้ชาย เราอดทนมาตลอด เพราะเราอยากทำงานที่นี่มาก เเต่ผลสุดท้าย เราไม่สามารถเปลี่ยนเเปลงหัวหน้าเราได้ เค้าก็ให้ออก  ตอนนี้ตกงานนนนนอีกเเล้ว ยาวๆๆๆๆๆๆๆไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่