กองทัพสหรัฐได้แสดงแสนยานุภาพด้วยการทิ้งระเบิด
GBU-43/B Massive Ordnance Air Blast bomb (MOAB)
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ
เจ้าแม่ระเบิด Mother of all bombs
เป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่สุดที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์
แต่รัสเซียมีระเบิดที่ขนาดใหญ่กว่า/พลังการทำลายล้างมากกว่า
Aviation Thermobaric Bomb of Increased Power
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ
เจ้าพ่อระเบิด Father of all bombs (FOAB)
รัสเซียมีการวิจัยพัฒนาและสร้างขึ้นในปี 2007
ตามหลังสหรัฐอเมริกาที่สร้างเสร็จก่อนในปี 2003
แต่ของรัสเซียบดบังคู่แข่งสหรัฐในด้านอำนาจการทำลายล้าง/ประสิทธิภาพ
ระเบิดของรัสเซียขนาด 44 ตัน TNT มีน้ำหนักเพียง 7,100 กิโลกรัม
เทียบกับของสหรัฐ 11 ตัน TNT มีน้ำหนักถึง 8,200 กิโลกรัม
FOAB จะระเบิดกลางอากาศด้วยการผสมผสานกับก๊าซ Oxygen
เพื่อขยายรัศมีการทำลายล้างและแพร่กระจายระเบิดเป็นวงกว้างมากขึ้น
โดยจะทำลายพื้นที่เป้าหมายและโครงสร้างในที่กำบังต่าง ๆ
พร้อมกับก๊าซที่ถูกเผาไหม้จนลุกเป็นเปลวไฟนรก
ภายในรัศมีศูนย์กลางการทำลายล้างของระเบิดลูกนี้
ทั้งยังสามารถส่งคลื่นอากาศกระแทกอย่างรุนแรงในศูนย์กลางระเบิดได้
FOAB รัสเซียได้ถูกทิ้งระเบิดทดสอบในสถานที่ปิดลับทางการทหาร
โดยเครื่องบินทิ้งระเบิด Tupolev Tu-160
ผลการทดสอบการทิ้งระเบิด FOAB พื้นที่เป้าหมายที่ถูกทิ้งระเบิด
กลายเป็นแผ่นดินไหม้เกรียมและเป็นหลุมเป็นบ่อ
เหมือนพื้นผิวของดวงจันทร์
Alexander Rukshin รองหัวหน้าของกองกำลังติดอาวุธรัสเซีย
ให้สัมภาษณ์กับ Rossiyskaya Gazeta
" ประสิทธิภาพและความสามารถของมัน ไม่ต่างกับอาวุธนิวเคลียร์
ในขณะเดียวกันการใช้อาวุธชนิดนี้ จะไม่ทำให้เกิดความเสียหาย
หรือก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับอาวุธนิวเคลียร์ "
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า
" การพัฒนาอาวุธระเบิดชนิดนี้ ไม่ขัดแย้งกับข้อตกลงเรื่องอาวุธนานาชาติ
และขอยืนยันว่านี่ไม่ใช่เป็นการเริ่มต้นของการแข่งขันกันสร้างอาวุธชนิดใหม่
โดย FOAB จะเข้ามาประจำการแทนที่ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเล็กในคลังแสงของรัสเซีย
FOAB แตกต่างกับ MOAB อย่างมีนัยสำคัญ
และรัสเซียไม่เคยรู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้มันแต่อย่างใด "
" ทำไมสหรัฐจึงทิ้งระเบิดเจ้าแม่ระเบิด…
[ข้อเท็จจริง] คือ คณะบริหารของ Trump
ต้องการบอกอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า
การใช้อาวุธดังกล่าวมีเป้าหมายชัดเจน คือ
การส่งสัญญาณไปยังทุกฝ่ายว่า
เวลาเล่นสิ้นสุดลงแล้ว "
James Jay Carafano รองประธานมูลนิธิด้านการต่างประเทศและนโยบายป้องกันประเทศ
Heritage Foundation เขียนสรุปรายงานให้กับ Daily Signal
Richard Weitz ผู้ติดตามข่าวสารอาวุโสและผู้อำนวยการศูนย์การวิเคราะห์ทางการเมืองและการทหาร
ของ Hudson Institute ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักงานข่าว Sputnik ว่า
" การแสดงแสนยานุภาพของกองทัพสหรัฐ
เพื่อแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของกองทัพสหรัฐ
ไปยังพวก Daesh(Isis) และเกาหลีเหนือ "
(กับเป็นการขู่สัมพันธมิตรรัสเซียทางอ้อม)
Franz Klintsevich วุฒิสมาชิกรัสเซีย
ให้สัมภาษณ์กับ RIA Novosti โดยเชื่อว่า
" การใช้ MOAB ใน Afghanistan ก็เหมือนกับการใช้ขีปนาวุธ Tomahawk ยิงใส่ Syria เมื่อเร็ว ๆ นี้
เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้กับรัสเซียว่า การใช้อาวุธพลังการทำลายล้างสูงที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์
แต่มีประสิทธิภาพสูงในอัฟกานิสถาน ในความคิดของผม ควรจะถูกมองในแง่บริบทยุทธศาสตร์ทางการทหารว่า
กองทัพสหรัฐต้องยอมรับ Donald Trump หลังจากที่ท่านเข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาว
ผมคิดว่าการระเบิดครั้งนี้ก็เช่นกัน มีแนวโน้มเช่นเดียวกับการใช้ขีปนาวุธโจมตีซีเรียในก่อนหน้านั้น
ความจริงทั้งสองกรณีเป็นแบบที่เรียกว่า
ส่งสาส์นอย่างตั้งใจถึงผู้รับ- รัสเซียเท่านั้น
แต่
ภาษาที่แรง จะเหมาะสมต่อรัสเซียหรือไม่ (การใช้อาวุธในการทำลายล้างทั้งสองประเทศ)
ถ้าสหรัฐ Washington เชื่อว่าการกระทำแบบนี้ จะชักจูงให้รัสเซียเปลี่ยนแปลงนโยบาย
ด้วยการใช้
สาส์นติดอาวุธ มันคือ การเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง
แน่นอน การใช้ระเบิด GBU-43/B ของกองทัพสหรัฐ Pentagon
ได้ทำให้รัสเซีย Moscow ไม่ประทับใจ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ เลย
รัสเซียมีอาวุธระเบิดที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ พลังมากกว่าเจ้าแม่ระเบิดของอเมริกัน
ทั้งในด้านอำนาจการทำลายล้างและรัศมีระเบิด "
" Russia's Aviation Thermobaric Bomb of Increased Power [ATBIP]
ในด้านกายภาพ/รูปร่างมีขนาดเล็กกว่า GBU-43/B
แต่มีประสิทธิภาพ/ประสิทธิผลมากว่าอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้โดยการอ้างอิงผลลัพธ์จากการระเบิดแบบ Thermobaric
หรือบางครั้งเรียกว่า เจ้าพ่อระเบิด Father of All Bombs' [FOAB]
มีพลังในการทำลายล้างเทียบเท่า TNT ประมาณ 88,000 ปอนด์ "
Dave Majumd จาก National Interest ให้สัมภาษณ์
การตัดสินใจทิ้งระเบิด MOAB ของสหรัฐในอัฟกานิสถาน
ไม่ได้ปรับเปลี่ยนสถานการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด - NGO
หนังสือพิมพ์ออนไลน์รัสเซีย Rossiyskaya Gazeta ระบุว่า
" ระเบิด GBU-43 (MOAB) แตกต่างจาก ATBIP (FOAB)
แม้มันจะเป็นอาวุธที่เต็มเปี่ยมไปพลังระเบิดจำนวนมาก
แต่ FOAB ระเบิดแบบเดียวกันของรัสเซีย
ก็มีอำนาจในการทำลายล้างสูงถึง 4 เท่าของ MOAB
เมื่อ ATBIP ถูกทิ้งลงสู่เป้าหมาย เมฆฝุ่นก็จะถูกสร้างขึ้นด้วยระเบิด
ลงปกคลุมพื้นที่กำบัง/เป้าหมายสังหารทั้งหมด
โดยฝุ่นละออง(เศษโลหะอลูมีเนียม/สารเคมี)จะพร้อมกัน
ทำลายโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ต่าง ๆ
และเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ภายในรัศมี 300 เมตร (จากศูนย์กลางระเบิด)
แต่รัศมีการระเบิดของ GBU-43 มีเพียง 140 เมตร "
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/TSpGx3
https://goo.gl/DfHRd7
เรื่องเล่าไร้สาระ
การที่สหรัฐทิ้งระเบิด MOAB คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุ
1. อายุของระเบิดกับสารเคมีจะมีระยะเวลาจัดเก็บ
จะทิ้งก็เสียดาย จะปรับปรุงใหม่ก็ใช้เวลา
เอามาทดลองกับสนามรบจริงเลยดีกว่า
2. การทิ้งระเบิดครั้งนี้เป็นการข่มขวัญศัตรู
และส่งสัญญาณให้สัมพันธมิตรทราบว่า
สหรัฐพร้อมจะลงมือจริงตามคำขู่แล้ว
3. อาจจะเป็นการสมคบคิดกับรัสเซีย
เพื่อเร่งให้ชาติต่าง ๆ รีบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์
เพื่อป้องกันชาติตนเองให้มากขึ้น
ทั้งสองชาติต่างขายอาวุธได้มากขึ้น
น้ำมัน ทองคำ ที่มีการกักตุนไว้ก็ได้ราคาขายแพงขึ้น
ตลาดหุ้นที่ร้อนแรงเกินไปก็จะถูกทุบราคาลงมา
นักเก็งกำไรทั้งสองชาติต่างฟันกำไรจากเรื่องนี้
เพราะทราบข่าวล่วงหน้าในเรื่องนี้แล้ว
รัสเซียมักจะอ้างว่า
ถ้ารบกันในประเทศรัสเซีย
รัสเซียไม่เคยแพ้ใครเลย
ตัวอย่าง ฝรั่งเศส เยอรมันนี ญี่ปุ่น
แต่รัสเซียเคยพ่ายแพ้กองทัพมองโกล
เป็นเมืองขึ้นของพวกมองโกลนานกว่า 200 ปี
ทำให้ชาวรัสเซียมีหน้าตาแปลก ๆ
และได้รับการนิยาม/นินทาว่า
ใจดีเหมือนพวกชนเผ่าสลาฟ
เหี้ยมโหดเหมือนพวกมองโกล
เจ้าเล่ห์เหมือนชนเผ่าเร่ร่อน
อนึ่ง รัสเซียเคยติดหล่ม
ในการรบกับพวกชนเผ่าต่าง ๆ ในอัฟกานิสถาน
จนต้องยอมถอนทัพกลับประเทศและไม่ใช่ชาติแรก
เพราะ กรีก มองโกล ก็เคยพ่ายแพ้ในอัฟกานิสถาน
ดินแดนแห่งเทือกเขามากมาย
เป็นสถานที่กำบังเหมาะกับการทำสงครามกองโจร
หลักการสงครามกองโจร
ของสหายพรรคคอมมิวนิสต์ไทยที่ว่า
เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่
เอ็งแย่ ข้าตี เอ็งตี ข้าหนี เอ็งหนี ข้าตาม
รัสเซีย ยิว จีนแดง
จะประกาศเลยว่า
ถ้าคุณถูกจับเป็นตัวประกัน
ถ้าคุณรอดตายได้ถือว่าคุณโชคดี
ทั้งสามชาตินี้จะไม่ยอมรับเงื่อนไขใด ๆ
แม้ว่าจะจับตัวประกันจำนวนมากมาต่อรอง
อนึ่ง รัสเซียได้บทเรียนในการปราบกบฏเชเขน
กับเคยติดหล่มสงครามในอัฟกานิสถาน
จีนและยิว ต่างเรียนรู้หลักการเดียวกันด้วย
แบบความชั่วเรียนรู้กันง่าย ความดีต้องใช้เวลาฝึกฝน
ในการปราบปราบผู้ก่อการร้าย/ชนกลุ่มน้อยที่เป็นคนร้าย
ทั้งสามชาติจึงมีการออกกฎหมายใหม่ว่า
ถ้ารู้ว่ามีคนร้าย/ผู้ก่อการร้ายมาหลบซ่อนตัวที่บ้านใคร
หรือรู้ว่าใครให้ข้าวให้น้ำกับคนร้ายที่ทางการต้องการตัว
แล้วไม่แจ้งทางการ จะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน
ทำให้คนร้าย/ผู้ก่อการร้ายไร้ที่หลบซ่อน
เพราะชาวบ้านต่างกลัวว่าต้องรับโทษเท่ากับคนร้าย
หมายเหตุ
ซางหยางตอนหลบหนีการล้างแค้นของจักรพรรดิ์จีน
เขาไม่มีหนังสือเดินทางติดตัว แม้ว่ามีเงินทองติดตัวไปมากมาย
ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าเสี่ยงชีวิตให้ที่หลบซ่อนหรือให้น้ำให้ข้าว
ชาวบ้านต่างรีบแจ้งทางการให้พ้นผิดทันที
เพราะกลัวโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร
สุดท้าย ซางหยางถูกจับตัวได้นำไปประหารชีวิต
ด้วยการมัดติดกับเชือกที่แขนและขาข้างละเส้นรวมสี่เส้น
แล้วโบยแซ่ให้ม้าทั้งสี่ตัววิ่งเตลิดออกไปดึงแยกร่างเป็นสี่ส่วน
บางตำนานเล่าว่าเป็นการแยกร่างศพซางหยาง
คงไม่ต่างจากอังกฤษที่เอาศพและกระดูก
Oliver Сromwell มาแขวนคอแล้วตัดหัวภายหลัง Cr :
https://goo.gl/sQG7r1
กฎหมายของซางหยาง Cr :
https://ppantip.com/topic/33853277
1. ครัวเรือนใดทำผิดกฏหมาย 9 ครัวเรือนไม่ตักเตือนหรือห้ามปราม
ต้องรับโทษร่วมกัน คือ ฟันเอวขาดเป็นสองท่อน
(10 ครัวเรือนเป็นหมู่หนึ่งเพื่อการเก็บภาษี/เกณฑ์ทหาร)
2. ผู้ที่สามารถจับหัวหน้าผู้ร้ายได้ รางวัลเท่ากับชนะศึก
3. แจ้งความคนทุจริต ได้ยศ 1 ขั้น
4. ผู้ที่ให้นักโทษหลบซ่อน มีความผิดเท่ากับนักโทษ
5. โรงแรมที่พัก จะต้องพิสูจน์หนังสือรับรองจากราชการออกให้
ผู้ใดไม่มีหนังสือ ห้ามผ่อนปรน ครอบครัวทั้งหมดจะถูกริบเป็นบ่าวไพร่
6. คำสั่งของราชการเมื่อออกเป็นกฏหมายแล้วต้องปฏิบัติ
ไม่ว่าจะชนชั้นไหน ผู้ใดไม่ปฏิบัติประหาร
ไทยเคยมี กฎหมาย 3 เส้น 15 วา (180 เมตร)
ถ้ามีโจรผู้ร้ายภายในระยะทางนี้
ชาวบ้านต้องร่วมกันปราบ/จับกุม
มิฉะนั้นจะมีโทษปรับหรือถือว่าร่วมมือกับโจร
ทำให้ภาคเหนือ อิสาน มักจะปลูกบ้านเป็นชุมชน
แต่ภาคกลาง ภาคใต้มักจะปลูกบ้านห่าง ๆ กัน
ตามระยะทางที่กฎหมายกำหนด
2 เมตร=1 วา 20 วา=1 เส้น 400 เส้น=1 โยชน์
การลงมือปราบคนร้าย/ผู้ก่อการร้าย
ทั่งสามชาติจะไม่สนใจว่าข้างในบ้านมีเด็ก สตรี คนชรา อยู่หรือไม่
เพราะถือว่าการอยู่ร่วมกับคนร้ายแล้วไม่ยอมมอบตัว
หรือหลบหลีกออกมา คือ ผู้ร่วมมือกับคนร้ายทุกกรณี
จะลงมือลุยแหลกบู้ล้างผลาญ ไม่สนใจว่าใครจะเป็นใครจะตาย
เช่นที่ โรงเรียนเด็กเล็กในรัสเซีย
ที่ชาวบ้านร้องเรียนองค์การต่างขาติ
โจรก่อการร้ายจับครูและนักเรียนเป็นตัวประกันกว่า 400 คน
ผลคือ รัสเซียลุยแหลกเด็กนักเรียนตายกว่า 200 คน
กบฎที่บุกยึดรัฐสภารัสเซีย
มีการใช้รถถังและ RPG ยิงถล่มทันที
หลังเลยเวลากำหนดให้มอบตัว
แม้ว่าข้างในจะมีตัวประกันเป็น สส. สว.
ตอนนี้ในซีเรีย กลุ่มต่อต้านออกมาโวยเลยว่า
มีการทิ้งระเบิด/ยิงปืนใหญ่ถล่ม
บ้านพลเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล มัศยิส
แต่รัสเซียอ้างว่า แจ้งเตือนแล้วและให้เวลาพอสมควรแล้ว
พวกมันอาศัยแอบอิงเอาชาวบ้านเป็นตัวประกัน
พวกที่อยู่ร่วมกับฝ่ายต่อต้านถือว่าเป็นพวกฝ่ายต่อต้าน
สามารถจัดการได้ทันทีไม่ต้องลังเลใจ
ลืม MOAB เจ้าแม่ระเบิดมารู้จัก FOAB เจ้าพ่อระเบิดของร้สเซีย
Russia tests world's most powerful bomb
FOAB รัสเซียมีอำนาจการทำลายล้างเป็น 4 เท่าของ MOAB สหรัฐ ใน Afghanistan © Reuters / Reuters
กองทัพสหรัฐได้แสดงแสนยานุภาพด้วยการทิ้งระเบิด
GBU-43/B Massive Ordnance Air Blast bomb (MOAB)
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เจ้าแม่ระเบิด Mother of all bombs
เป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่สุดที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์
แต่รัสเซียมีระเบิดที่ขนาดใหญ่กว่า/พลังการทำลายล้างมากกว่า
Aviation Thermobaric Bomb of Increased Power
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เจ้าพ่อระเบิด Father of all bombs (FOAB)
รัสเซียมีการวิจัยพัฒนาและสร้างขึ้นในปี 2007
ตามหลังสหรัฐอเมริกาที่สร้างเสร็จก่อนในปี 2003
แต่ของรัสเซียบดบังคู่แข่งสหรัฐในด้านอำนาจการทำลายล้าง/ประสิทธิภาพ
ระเบิดของรัสเซียขนาด 44 ตัน TNT มีน้ำหนักเพียง 7,100 กิโลกรัม
เทียบกับของสหรัฐ 11 ตัน TNT มีน้ำหนักถึง 8,200 กิโลกรัม
FOAB จะระเบิดกลางอากาศด้วยการผสมผสานกับก๊าซ Oxygen
เพื่อขยายรัศมีการทำลายล้างและแพร่กระจายระเบิดเป็นวงกว้างมากขึ้น
โดยจะทำลายพื้นที่เป้าหมายและโครงสร้างในที่กำบังต่าง ๆ
พร้อมกับก๊าซที่ถูกเผาไหม้จนลุกเป็นเปลวไฟนรก
ภายในรัศมีศูนย์กลางการทำลายล้างของระเบิดลูกนี้
ทั้งยังสามารถส่งคลื่นอากาศกระแทกอย่างรุนแรงในศูนย์กลางระเบิดได้
FOAB รัสเซียได้ถูกทิ้งระเบิดทดสอบในสถานที่ปิดลับทางการทหาร
โดยเครื่องบินทิ้งระเบิด Tupolev Tu-160
ผลการทดสอบการทิ้งระเบิด FOAB พื้นที่เป้าหมายที่ถูกทิ้งระเบิด
กลายเป็นแผ่นดินไหม้เกรียมและเป็นหลุมเป็นบ่อ เหมือนพื้นผิวของดวงจันทร์
Alexander Rukshin รองหัวหน้าของกองกำลังติดอาวุธรัสเซีย
ให้สัมภาษณ์กับ Rossiyskaya Gazeta
" ประสิทธิภาพและความสามารถของมัน ไม่ต่างกับอาวุธนิวเคลียร์
ในขณะเดียวกันการใช้อาวุธชนิดนี้ จะไม่ทำให้เกิดความเสียหาย
หรือก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับอาวุธนิวเคลียร์ "
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า
" การพัฒนาอาวุธระเบิดชนิดนี้ ไม่ขัดแย้งกับข้อตกลงเรื่องอาวุธนานาชาติ
และขอยืนยันว่านี่ไม่ใช่เป็นการเริ่มต้นของการแข่งขันกันสร้างอาวุธชนิดใหม่
โดย FOAB จะเข้ามาประจำการแทนที่ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเล็กในคลังแสงของรัสเซีย
FOAB แตกต่างกับ MOAB อย่างมีนัยสำคัญ
และรัสเซียไม่เคยรู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้มันแต่อย่างใด "
Cr : https://goo.gl/16VxFp
" ทำไมสหรัฐจึงทิ้งระเบิดเจ้าแม่ระเบิด…
[ข้อเท็จจริง] คือ คณะบริหารของ Trump
ต้องการบอกอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า
การใช้อาวุธดังกล่าวมีเป้าหมายชัดเจน คือ
การส่งสัญญาณไปยังทุกฝ่ายว่า เวลาเล่นสิ้นสุดลงแล้ว "
James Jay Carafano รองประธานมูลนิธิด้านการต่างประเทศและนโยบายป้องกันประเทศ
Heritage Foundation เขียนสรุปรายงานให้กับ Daily Signal
Richard Weitz ผู้ติดตามข่าวสารอาวุโสและผู้อำนวยการศูนย์การวิเคราะห์ทางการเมืองและการทหาร
ของ Hudson Institute ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักงานข่าว Sputnik ว่า
" การแสดงแสนยานุภาพของกองทัพสหรัฐ
เพื่อแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของกองทัพสหรัฐ
ไปยังพวก Daesh(Isis) และเกาหลีเหนือ "
(กับเป็นการขู่สัมพันธมิตรรัสเซียทางอ้อม)
Franz Klintsevich วุฒิสมาชิกรัสเซีย
ให้สัมภาษณ์กับ RIA Novosti โดยเชื่อว่า
" การใช้ MOAB ใน Afghanistan ก็เหมือนกับการใช้ขีปนาวุธ Tomahawk ยิงใส่ Syria เมื่อเร็ว ๆ นี้
เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้กับรัสเซียว่า การใช้อาวุธพลังการทำลายล้างสูงที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์
แต่มีประสิทธิภาพสูงในอัฟกานิสถาน ในความคิดของผม ควรจะถูกมองในแง่บริบทยุทธศาสตร์ทางการทหารว่า
กองทัพสหรัฐต้องยอมรับ Donald Trump หลังจากที่ท่านเข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาว
ผมคิดว่าการระเบิดครั้งนี้ก็เช่นกัน มีแนวโน้มเช่นเดียวกับการใช้ขีปนาวุธโจมตีซีเรียในก่อนหน้านั้น
ความจริงทั้งสองกรณีเป็นแบบที่เรียกว่า ส่งสาส์นอย่างตั้งใจถึงผู้รับ- รัสเซียเท่านั้น
แต่ ภาษาที่แรง จะเหมาะสมต่อรัสเซียหรือไม่ (การใช้อาวุธในการทำลายล้างทั้งสองประเทศ)
ถ้าสหรัฐ Washington เชื่อว่าการกระทำแบบนี้ จะชักจูงให้รัสเซียเปลี่ยนแปลงนโยบาย
ด้วยการใช้ สาส์นติดอาวุธ มันคือ การเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง
แน่นอน การใช้ระเบิด GBU-43/B ของกองทัพสหรัฐ Pentagon
ได้ทำให้รัสเซีย Moscow ไม่ประทับใจ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ เลย
รัสเซียมีอาวุธระเบิดที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ พลังมากกว่าเจ้าแม่ระเบิดของอเมริกัน
ทั้งในด้านอำนาจการทำลายล้างและรัศมีระเบิด "
" Russia's Aviation Thermobaric Bomb of Increased Power [ATBIP]
ในด้านกายภาพ/รูปร่างมีขนาดเล็กกว่า GBU-43/B
แต่มีประสิทธิภาพ/ประสิทธิผลมากว่าอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้โดยการอ้างอิงผลลัพธ์จากการระเบิดแบบ Thermobaric
หรือบางครั้งเรียกว่า เจ้าพ่อระเบิด Father of All Bombs' [FOAB]
มีพลังในการทำลายล้างเทียบเท่า TNT ประมาณ 88,000 ปอนด์ "
Dave Majumd จาก National Interest ให้สัมภาษณ์
การตัดสินใจทิ้งระเบิด MOAB ของสหรัฐในอัฟกานิสถาน
ไม่ได้ปรับเปลี่ยนสถานการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด - NGO
หนังสือพิมพ์ออนไลน์รัสเซีย Rossiyskaya Gazeta ระบุว่า
" ระเบิด GBU-43 (MOAB) แตกต่างจาก ATBIP (FOAB)
แม้มันจะเป็นอาวุธที่เต็มเปี่ยมไปพลังระเบิดจำนวนมาก
แต่ FOAB ระเบิดแบบเดียวกันของรัสเซีย
ก็มีอำนาจในการทำลายล้างสูงถึง 4 เท่าของ MOAB
เมื่อ ATBIP ถูกทิ้งลงสู่เป้าหมาย เมฆฝุ่นก็จะถูกสร้างขึ้นด้วยระเบิด
ลงปกคลุมพื้นที่กำบัง/เป้าหมายสังหารทั้งหมด
โดยฝุ่นละออง(เศษโลหะอลูมีเนียม/สารเคมี)จะพร้อมกัน
ทำลายโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ต่าง ๆ
และเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ภายในรัศมี 300 เมตร (จากศูนย์กลางระเบิด)
แต่รัศมีการระเบิดของ GBU-43 มีเพียง 140 เมตร "
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/TSpGx3
https://goo.gl/DfHRd7
เรื่องเดิม
MOAB เจ้าแม่ระเบิด
เรื่องเล่าไร้สาระ
การที่สหรัฐทิ้งระเบิด MOAB คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุ
1. อายุของระเบิดกับสารเคมีจะมีระยะเวลาจัดเก็บ
จะทิ้งก็เสียดาย จะปรับปรุงใหม่ก็ใช้เวลา
เอามาทดลองกับสนามรบจริงเลยดีกว่า
2. การทิ้งระเบิดครั้งนี้เป็นการข่มขวัญศัตรู
และส่งสัญญาณให้สัมพันธมิตรทราบว่า
สหรัฐพร้อมจะลงมือจริงตามคำขู่แล้ว
3. อาจจะเป็นการสมคบคิดกับรัสเซีย
เพื่อเร่งให้ชาติต่าง ๆ รีบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์
เพื่อป้องกันชาติตนเองให้มากขึ้น
ทั้งสองชาติต่างขายอาวุธได้มากขึ้น
น้ำมัน ทองคำ ที่มีการกักตุนไว้ก็ได้ราคาขายแพงขึ้น
ตลาดหุ้นที่ร้อนแรงเกินไปก็จะถูกทุบราคาลงมา
นักเก็งกำไรทั้งสองชาติต่างฟันกำไรจากเรื่องนี้
เพราะทราบข่าวล่วงหน้าในเรื่องนี้แล้ว
รัสเซียมักจะอ้างว่า
ถ้ารบกันในประเทศรัสเซีย
รัสเซียไม่เคยแพ้ใครเลย
ตัวอย่าง ฝรั่งเศส เยอรมันนี ญี่ปุ่น
แต่รัสเซียเคยพ่ายแพ้กองทัพมองโกล
เป็นเมืองขึ้นของพวกมองโกลนานกว่า 200 ปี
ทำให้ชาวรัสเซียมีหน้าตาแปลก ๆ
และได้รับการนิยาม/นินทาว่า
ใจดีเหมือนพวกชนเผ่าสลาฟ
เหี้ยมโหดเหมือนพวกมองโกล
เจ้าเล่ห์เหมือนชนเผ่าเร่ร่อน
อนึ่ง รัสเซียเคยติดหล่ม
ในการรบกับพวกชนเผ่าต่าง ๆ ในอัฟกานิสถาน
จนต้องยอมถอนทัพกลับประเทศและไม่ใช่ชาติแรก
เพราะ กรีก มองโกล ก็เคยพ่ายแพ้ในอัฟกานิสถาน
ดินแดนแห่งเทือกเขามากมาย
เป็นสถานที่กำบังเหมาะกับการทำสงครามกองโจร
หลักการสงครามกองโจร
ของสหายพรรคคอมมิวนิสต์ไทยที่ว่า
เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่
เอ็งแย่ ข้าตี เอ็งตี ข้าหนี เอ็งหนี ข้าตาม
รัสเซีย ยิว จีนแดง
จะประกาศเลยว่า
ถ้าคุณถูกจับเป็นตัวประกัน
ถ้าคุณรอดตายได้ถือว่าคุณโชคดี
ทั้งสามชาตินี้จะไม่ยอมรับเงื่อนไขใด ๆ
แม้ว่าจะจับตัวประกันจำนวนมากมาต่อรอง
อนึ่ง รัสเซียได้บทเรียนในการปราบกบฏเชเขน
กับเคยติดหล่มสงครามในอัฟกานิสถาน
จีนและยิว ต่างเรียนรู้หลักการเดียวกันด้วย
แบบความชั่วเรียนรู้กันง่าย ความดีต้องใช้เวลาฝึกฝน
ในการปราบปราบผู้ก่อการร้าย/ชนกลุ่มน้อยที่เป็นคนร้าย
ทั้งสามชาติจึงมีการออกกฎหมายใหม่ว่า
ถ้ารู้ว่ามีคนร้าย/ผู้ก่อการร้ายมาหลบซ่อนตัวที่บ้านใคร
หรือรู้ว่าใครให้ข้าวให้น้ำกับคนร้ายที่ทางการต้องการตัว
แล้วไม่แจ้งทางการ จะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน
ทำให้คนร้าย/ผู้ก่อการร้ายไร้ที่หลบซ่อน
เพราะชาวบ้านต่างกลัวว่าต้องรับโทษเท่ากับคนร้าย
หมายเหตุ
ซางหยางตอนหลบหนีการล้างแค้นของจักรพรรดิ์จีน
เขาไม่มีหนังสือเดินทางติดตัว แม้ว่ามีเงินทองติดตัวไปมากมาย
ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าเสี่ยงชีวิตให้ที่หลบซ่อนหรือให้น้ำให้ข้าว
ชาวบ้านต่างรีบแจ้งทางการให้พ้นผิดทันที
เพราะกลัวโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร
สุดท้าย ซางหยางถูกจับตัวได้นำไปประหารชีวิต
ด้วยการมัดติดกับเชือกที่แขนและขาข้างละเส้นรวมสี่เส้น
แล้วโบยแซ่ให้ม้าทั้งสี่ตัววิ่งเตลิดออกไปดึงแยกร่างเป็นสี่ส่วน
บางตำนานเล่าว่าเป็นการแยกร่างศพซางหยาง
คงไม่ต่างจากอังกฤษที่เอาศพและกระดูก
Oliver Сromwell มาแขวนคอแล้วตัดหัวภายหลัง Cr : https://goo.gl/sQG7r1
กฎหมายของซางหยาง Cr : https://ppantip.com/topic/33853277
1. ครัวเรือนใดทำผิดกฏหมาย 9 ครัวเรือนไม่ตักเตือนหรือห้ามปราม
ต้องรับโทษร่วมกัน คือ ฟันเอวขาดเป็นสองท่อน
(10 ครัวเรือนเป็นหมู่หนึ่งเพื่อการเก็บภาษี/เกณฑ์ทหาร)
2. ผู้ที่สามารถจับหัวหน้าผู้ร้ายได้ รางวัลเท่ากับชนะศึก
3. แจ้งความคนทุจริต ได้ยศ 1 ขั้น
4. ผู้ที่ให้นักโทษหลบซ่อน มีความผิดเท่ากับนักโทษ
5. โรงแรมที่พัก จะต้องพิสูจน์หนังสือรับรองจากราชการออกให้
ผู้ใดไม่มีหนังสือ ห้ามผ่อนปรน ครอบครัวทั้งหมดจะถูกริบเป็นบ่าวไพร่
6. คำสั่งของราชการเมื่อออกเป็นกฏหมายแล้วต้องปฏิบัติ
ไม่ว่าจะชนชั้นไหน ผู้ใดไม่ปฏิบัติประหาร
ไทยเคยมี กฎหมาย 3 เส้น 15 วา (180 เมตร)
ถ้ามีโจรผู้ร้ายภายในระยะทางนี้
ชาวบ้านต้องร่วมกันปราบ/จับกุม
มิฉะนั้นจะมีโทษปรับหรือถือว่าร่วมมือกับโจร
ทำให้ภาคเหนือ อิสาน มักจะปลูกบ้านเป็นชุมชน
แต่ภาคกลาง ภาคใต้มักจะปลูกบ้านห่าง ๆ กัน
ตามระยะทางที่กฎหมายกำหนด
2 เมตร=1 วา 20 วา=1 เส้น 400 เส้น=1 โยชน์
การลงมือปราบคนร้าย/ผู้ก่อการร้าย
ทั่งสามชาติจะไม่สนใจว่าข้างในบ้านมีเด็ก สตรี คนชรา อยู่หรือไม่
เพราะถือว่าการอยู่ร่วมกับคนร้ายแล้วไม่ยอมมอบตัว
หรือหลบหลีกออกมา คือ ผู้ร่วมมือกับคนร้ายทุกกรณี
จะลงมือลุยแหลกบู้ล้างผลาญ ไม่สนใจว่าใครจะเป็นใครจะตาย
เช่นที่ โรงเรียนเด็กเล็กในรัสเซีย
ที่ชาวบ้านร้องเรียนองค์การต่างขาติ
โจรก่อการร้ายจับครูและนักเรียนเป็นตัวประกันกว่า 400 คน
ผลคือ รัสเซียลุยแหลกเด็กนักเรียนตายกว่า 200 คน
กบฎที่บุกยึดรัฐสภารัสเซีย
มีการใช้รถถังและ RPG ยิงถล่มทันที
หลังเลยเวลากำหนดให้มอบตัว
แม้ว่าข้างในจะมีตัวประกันเป็น สส. สว.
ตอนนี้ในซีเรีย กลุ่มต่อต้านออกมาโวยเลยว่า
มีการทิ้งระเบิด/ยิงปืนใหญ่ถล่ม
บ้านพลเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล มัศยิส
แต่รัสเซียอ้างว่า แจ้งเตือนแล้วและให้เวลาพอสมควรแล้ว
พวกมันอาศัยแอบอิงเอาชาวบ้านเป็นตัวประกัน
พวกที่อยู่ร่วมกับฝ่ายต่อต้านถือว่าเป็นพวกฝ่ายต่อต้าน
สามารถจัดการได้ทันทีไม่ต้องลังเลใจ