วันศุกร์ที่ 7-4-17 ได้รับเชิญให้ไปกินดื่มชิลล์ ๆ ร่วมกับเพื่อนหลายคน

ที่โรงแรม Amara (อัมรา) Bangkok ซึ่งเป็นโรงแรมจากสิงคโปร์ โรงแรมตั้งอยู่ที่ถนนสุรวงศ์

ดูแผนที่แล้ว เย็นวันศุกร์แบบนี้ ไปด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสสะดวกที่สุด



นัดกันหกโมงเย็น แต่ไปเร็วสักนิดเพื่อดูสถานที่

17.18 น.ถึงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทรี



เป้าหมายอยู่ที่ถนนสุรวงศ์ สามารถออกได้ทั้งทางออกที่ 3 และทางออกที่ 4



แต่ออกทางด้านทางออกที่ 4 เพราะโรงแรมอยู่ทางหัวมุมฝั่งขวาของถนนสุรวงศ์



ข้ามแยกสีลม-นราธิวาส



17.29 น. ถึงสามแยกสุรวงศ์-นราธิวาส



จากหัวมุมถนน มองเห็น โรงแรม Amara Bangkok ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม



ห้องอาหารที่นัดกันวันนี้ ตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรม มีชื่อว่าห้อง Element

ซึ่งทุกวันศุกร์จะจัดรายการ "Hipster Night" เอาใจคนทำงานในย่านนี้และละแวกใกล้เคียง

ที่อยากมีสถานที่สังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานก่อนกลับบ้าน หลังการทำงานเหนื่อยเครียดมาทั้งอาทิตย์

ด้วยบรรยากาศแบบสบาย ๆ มีวงดูโอ้บรรเลงสด โดยมี Happy Hour สองช่วง

ช่วงแรกตั้งแต่ 18.30-20.30 น.รวมสองชั่วโมง ช่วงที่สองชั่วโมงเดียว ตั้งแต่ 22.00-23.00 น.

ซึ่งเหมาะสำหรับแขกที่มาพักที่โรงแรม ที่อยากหาอะไรดื่มก่อนกลับขึ้นห้องพัก



ห้องอาหาร Element แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นห้องปรับอากาศ

บรรยากาศโปร่งไม่มีเสาสะดุดสายตา มีครัวแบบเปิด ที่สามารถมองเห็นการทำอาหารของพ่อครัว



ตู้แช่ไวน์ ทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว



มุมเบียร์ไทยและเบียร์นอก สุราต่างประเทศ ค็อกเทลและม็อคเทล



แก้วเบียร์หลากยี่ห้อแช่เย็นรอในน้ำแข็งบด



วัตถุดิบบางส่วน สำหรับทำอาหาร คืน Hipster Night



พ่อครัวกำลังทำสเต็ก



อีกส่วนเป็นบรรยากาศสวนไผ่ไม่ปรับอากาศ



มีวงดูโอ้ขับกล่อมเวลาหนึ่งทุ่ม



แขกรับเชิญทั้งหมด 5 คน

แม้ว่าจะอยากนั่งในห้องปรับอากาศ เพราะอากาศร้อน

แต่ข้างนอกนั่งสบายผ่อนคลายกว่าด้านใน ที่ดูเป็นทางการไปหน่อย

มีคิวอาร์โค้ดให้สแกนเพื่อขอเพลงได้



รายการเครื่องดื่ม





รายการอาหารสำหรับคืน Hipster Night



เก็บภาพมาเพียงบางส่วน





โรงแรมอัมรา กรุงเทพ เป็นโรงแรมจากประเทศสิงคโปร์

จึงมีอาหารสิงคโปร์รวมถึงข้าวมันไก่ให้บริการด้วย

เสียดายที่ไม่ได้ลอง Tofu Goreng และปลากะพงอบซอสซัมบัล

ที่ไปสิงคโปร์ต้องกินแทบทุกครั้ง แต่เป็นปลากระเบน



มีถั่วทอดสี่ชนิดสำหรับทุกโต๊ะเมื่อสั่งเครื่องดื่ม



เริ่มกันด้วยบุฟเฟต์เบียร์สดจากสิงห์



เรียกน้ำย่อยด้วยเฟรนชฟรายส์ 100 บาท จิ้มกับซอสครีมและซอสมะเขือเทศ



Signature Mocktail : Honey Berry 180 บาท

มีส่วนผสมเป็นเบอรี่ น้ำผึ้งป่า น้ำมะนาว น้ำเชื่อม และเติมด้านบนจนเต็มด้วยน้ำโซดา



ไม่ได้สั่งไวน์ ซึ่งช่วง Happy Hour สั่ง 1 ขวดแถมอีก 1 ขวด



สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล 220 บาท รสจัดมาก



Grill U.S. Rib Eye Steak (300 กรัม) 699 บาท



เนื้อเกรดดี ย่างหอม เนื้อนุ่มแทบละลายในปาก อร่อยโดยไม่ต้องราดซอส



Mixed Grill ไส้กรอกรวมย่าง 399 บาท ไส้กรอกซีสอร่อย



แถมขาหมูเยอรมันหนังกรอบเนื้อนุ่ม มีมัสตาร์ดมาให้หนึ่งถ้วย



ซึ่โครงหมูอบน้ำผึ้ง 300 บาท



จานแรกเนื้อเปื่อยอร่อยมาก ในขณะที่จานที่สองสู้ไม่ได้ แต่ซอสเยี่ยมทั้งสองจาน



วงดูโอ้เล่นสดสองคน เริ่มเล่นตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึงห้าทุ่ม

เป็นนักร้องนักดนตรีจากเวที The Voice Thailand คือ Pingpong (ซ้าย) และTitle (ขวา)

สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อส่งขอเพลงถึงนักร้องได้โดยตรง



ดื่มค็อกเทลกันบ้าง Long Island Iced Tea 200 บาท ยกมาที่แรกนึกว่าชาดำเย็น

แต่ไม่มีส่วนผสมของชาแม้แต่น้อย สีที่เหมือนชามาจากสีโค้ก

ที่สีเจือจางลง ด้วยเหล้า Gin, Rum, Vodka, เหล้าTriple Sec ที่ทำจากเปลือกส้มคูราโซแห้งและน้ำเชื่อม



อีกหนึ่ง Mocktail Signaure : Passion Fruit Refreshing 180 บาท

มีส่วนผสมเป็นเสวรส น้ำเสาวรสเข้มข้น น้ำเชื่อมและสไปรท์



Calamari Con Salsa Tartura 200 บาท

หมึกหั่นเป็นวงชุบแป้งทอดกรอบ กินอร่อยแม้ไม่ต้องจิ้มซอสซัลซ่า



ยำแซลม่อนสด ไม่เผ็ดมาก



Mini Burger with Cheese 280 บาท



เนื้อฉ่ำหวาน ขนมปังนุ่มหอมอร่อยมาก



จานนี้ยกมาวาง ทุกคนนึกว่าหมูหยอง แต่เป็นปูนิ่มชุปแป้งทอดกับพริกเกลือ



เริ่มเปลี่ยนจากเบียร์สดสิงห์เป็นเบียร์ขวด ขวดแรก Hitachino Nest  

หรือ ที่นิยมเรียกกันว่าเบียร์นกฮูก 280 บาท เป็นเบียร์ญี่ปุ่น ติดขมนิด ๆ



ขวดที่สอง เป็นเบียร์จากเบลเยี่ยม Hoegaarden ฮูการ์เดน 280 บาท

หอมกลิ่นซิตรัส ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น



พีอาร์ยกเครื่องดื่มแก้วใหญ่มาให้

ทำให้นึกถึงสมัยเรียน ที่เทเหล้าลงในขันเงิน ผสมโซดา หรือ น้ำดำ

ปักหลอดแล้วเวียนกันดื่ม เรียกกันเล่น ๆ ว่า "ดื่มน้ำร่วมสาบาน"



แต่แก้วยักษ์นี้ คือ Grand Mojito 500 บาท ดื่มได้ 3-4 คน

ตัวน้ำผลไม้มีให้เลือก 3 ชนิด คือ แอ๊ปเปิ้ล ลิ้นจี่และสตรอเบอรี่

ผสมกับเหล้ารัม น้ำมะนาวสดและเติมด้านบนจนเต็มด้วยน้ำโซดา



แบ่งได้สี่แก้วพอดี น้ำผลไม้เป็นน้ำแอ๊ปเปิ้ล



ต่อด้วยเบียร์เบลเยี่ยมอีกตัว Leffe Brown เบียร์เลฟน้ำตาล 280 บาท



สีออกไปทางเบียร์ดำ หวานติดปลายลิ้นนิด ๆ



ไอศครีมราดลูกชิดในกะลามะพร้าวของแหม่มโต๊ะข้าง ๆ



Hoegaarden ฮูการ์เดน 280 บาท อีกขวด



Deep Fried Buffalo Wing น่องปีกไก่ทอดซอสพริก 150 บาท

เนื้อไก่นุ่มหนังกรอบ และเผ็ดเล็กน้อย



22.42 น.ปิดท้ายด้วย Hoegaarden Rose 280 บาท เป็นเบียร์รสหวาน

หยุดแค่ขวดนี้ เพราะต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าบีที่เอส ที่สถานีช่องนนทรีกลับบ้าน

ราคาอาหารและเครื่องดื่ม ยังไม่รวมภาษีและค่าบริการ ยกเว้นบุฟเฟต์เบียร์ ที่รวมทุกอย่างแล้ว

ถ้าวันศุกร์ไม่รู้จะไปนั่งดื่มกินที่ไหนกับเพื่อน ๆ Hipster Night ที่ห้อง Element @ Amara Bangkok Hotel

นับได้ว่า เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ หรือ เล่นสงกรานต์ที่ถนนสีลมเสร็จแล้ว

แวะมากินมาดื่มมาฟังเพลงก่อนกลับบ้านก็ได้ ถ้ามีโอกาส อยากพาแฟนมาลองอาหารสิงคโปร์สักมื้อ

เพราะดูจากราคาแล้ว ไม่ต่างจากบินไปกินร้านริมทางที่สิงคโปร์ และน่าจะมีหลักซาที่ชอบมาก



ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ "เที่ยวไปกินไป by laser"

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://th-th.facebook.com/เที่ยวไปกินไป-by-laser-458383970993701

ที่เอาไว้รวบรวมเรื่องเที่ยวเรื่องกิน ที่สั้นเกินกว่าจะนำมาลงเป็นบทความ

หรือ อยู่ระหว่างรวบรวมเป็นบทความที่สมบูรณ์