"หนังสือพิมพ์จุงอัง อิลโบ ของเกาหลีใต้ รายงานว่า หน่วยซีล ทีม 6 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ หรือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ปลิดชีพโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัล ไกดา ถูกระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการฝึกในเกาหลีใต้ เพื่อเตรียมปลิดชีพ คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นรายต่อไป"
"กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่า มีการฝึกปฏิบัติการทั้งกองทัพบก,กองทัพอากาศ, กองทัพเรือ และหน่วยปฏิบัติการสงครามพิเศษ ที่มีบุคคลากรทางทหารเข้าร่วม 17,000 นาย ขณะที่รายงานข่าวเรื่องทีม 6 เกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯจะชิงลงมือโจมตีเกาหลีเหนือก่อน หลังจากโจมตีซีเรียด้วยจรวดโทมาฮอว์คไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สถานการณ์ที่ตึงเครียดสร้างความวิตกให้ชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก จนรัฐบาลและกองทัพต้องแถลงย้ำหลายครั้งว่า ถ้าสหรัฐฯจะเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก็จะแจ้งต่อเกาหลีใต้ก่อน และการโจมตีใดๆ จะต้องเป็นปฏิบัติการร่วมระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ที่อยู่ภายใต้ห่วงโซ่การบัญชาการร่วมที่ประกอบด้วยประธานาธิบดี, รัฐมนตรีกลาโหมและประธานเสนาธิการทหารร่วมของสองประเทศ หรือถ้าเครื่องบินรบจากเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ที่กำลังลอยลำอยู่ในน่านน้ำบริเวณคาบสมุทรเกาหลี หรือ เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์จากเกาะกวม ที่มาจากฐานทัพบนเกาะกวม จะเปิดฉากโจมตี ก็ต้องขออนุญาตใช้น่านฟ้าของเกาหลีใต้เช่นกัน
ถ้อยแถลง ระบุอีกว่า การโจมตีซีเรียกับเกาหลีเหนือนั้นต่างกัน สหรัฐฯ สามารถโจมตีซีเรีย โดยไม่ต้องห่วงว่า สงครามจะขยายลุกลามหรือต้องสูญเสียชีวิตชาวอเมริกันและพันธมิตร แต่สำหรับเกาหลีเหนือ เป็นที่ทราบดีว่า มีศักยภาพที่จะโจมตีฐานทัพของกองทัพสหรัฐฯในเกาหลีใต้ หรือ USFK ที่อยู่ใกล้กรุงโซลและพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของเกาหลีใต้ด้วยขีปนาวุธสกั๊ด หรือ โรดอง ที่มีพิสัยยิงไกล 1,000 กิโลเมตร ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ USFK ยังไม่อาจป้องกันตัวเองจากการโจมตีตอบโต้ของเกาหลีเหนือได้ และต้องอาศัยปืนใหญ่และขีปนาวุธของเกาหลีใต้
การเคลื่อนไหวใดๅ เช่นการอพยพครอบครัวของทหารสหรัฐฯและพลเมืองชาวอเมริกันมากกว่า 2 แสนคนเท่านั้น จึงจะเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า จะมีการชิงลงมือโจมตีเกาหลีเหนือก่อนในเวลาอันใกล้ และในขณะที่โลกโซเชียล มีเดีย มีข่าวลือสะพัดว่า สหรัฐฯอาจโจมตีเกาหลีเหนือด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ต้องสยบข่าวลือด้วยการบอกว่า นี่คือการยั่วยุให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบบนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ ชี่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์คงจะไม่บุ่มบ่ามพอที่จะทำโดยไม่ยั้งคิดเช่นกัน
ที่มา
http://www.nationtv.tv/main/content/foreign/378542748/
"ซีล ทีม 6" เตรียมปลิดชีพ "คิม จอง-อึน"
"กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่า มีการฝึกปฏิบัติการทั้งกองทัพบก,กองทัพอากาศ, กองทัพเรือ และหน่วยปฏิบัติการสงครามพิเศษ ที่มีบุคคลากรทางทหารเข้าร่วม 17,000 นาย ขณะที่รายงานข่าวเรื่องทีม 6 เกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯจะชิงลงมือโจมตีเกาหลีเหนือก่อน หลังจากโจมตีซีเรียด้วยจรวดโทมาฮอว์คไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สถานการณ์ที่ตึงเครียดสร้างความวิตกให้ชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก จนรัฐบาลและกองทัพต้องแถลงย้ำหลายครั้งว่า ถ้าสหรัฐฯจะเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก็จะแจ้งต่อเกาหลีใต้ก่อน และการโจมตีใดๆ จะต้องเป็นปฏิบัติการร่วมระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ที่อยู่ภายใต้ห่วงโซ่การบัญชาการร่วมที่ประกอบด้วยประธานาธิบดี, รัฐมนตรีกลาโหมและประธานเสนาธิการทหารร่วมของสองประเทศ หรือถ้าเครื่องบินรบจากเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ที่กำลังลอยลำอยู่ในน่านน้ำบริเวณคาบสมุทรเกาหลี หรือ เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์จากเกาะกวม ที่มาจากฐานทัพบนเกาะกวม จะเปิดฉากโจมตี ก็ต้องขออนุญาตใช้น่านฟ้าของเกาหลีใต้เช่นกัน
ถ้อยแถลง ระบุอีกว่า การโจมตีซีเรียกับเกาหลีเหนือนั้นต่างกัน สหรัฐฯ สามารถโจมตีซีเรีย โดยไม่ต้องห่วงว่า สงครามจะขยายลุกลามหรือต้องสูญเสียชีวิตชาวอเมริกันและพันธมิตร แต่สำหรับเกาหลีเหนือ เป็นที่ทราบดีว่า มีศักยภาพที่จะโจมตีฐานทัพของกองทัพสหรัฐฯในเกาหลีใต้ หรือ USFK ที่อยู่ใกล้กรุงโซลและพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของเกาหลีใต้ด้วยขีปนาวุธสกั๊ด หรือ โรดอง ที่มีพิสัยยิงไกล 1,000 กิโลเมตร ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ USFK ยังไม่อาจป้องกันตัวเองจากการโจมตีตอบโต้ของเกาหลีเหนือได้ และต้องอาศัยปืนใหญ่และขีปนาวุธของเกาหลีใต้
การเคลื่อนไหวใดๅ เช่นการอพยพครอบครัวของทหารสหรัฐฯและพลเมืองชาวอเมริกันมากกว่า 2 แสนคนเท่านั้น จึงจะเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า จะมีการชิงลงมือโจมตีเกาหลีเหนือก่อนในเวลาอันใกล้ และในขณะที่โลกโซเชียล มีเดีย มีข่าวลือสะพัดว่า สหรัฐฯอาจโจมตีเกาหลีเหนือด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ต้องสยบข่าวลือด้วยการบอกว่า นี่คือการยั่วยุให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบบนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ ชี่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์คงจะไม่บุ่มบ่ามพอที่จะทำโดยไม่ยั้งคิดเช่นกัน
ที่มา http://www.nationtv.tv/main/content/foreign/378542748/