{A Little Girl in Wild World}#เด็กสาวกับวัดทองและเทศกาลแห่งจิอน#Kyoto#06#

[CR] {A Little Girl in Wild World}#เด็กสาวกับวัดทองและเทศกาลแห่งจิอน#Kyoto#06#

กระทู้รีวิว

บันทึกนักเดินทาง Backpack เที่ยวต่างประเทศ ประเทศญี่ปุ่น เกียวโต

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน
ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยในความล่าช้าการอัพเดทกระทู้
หลังจากกลับจากทริปยาวฉายเดี่ยวที่ญี่ปุ่น 14 วัน
ก็เกิดเรื่องราวมากมายที่ทำให้เราไม่สามารถมาเขียนต่อได้ระยะหนึ่ง
มีคนส่งข้อความมาทางหลังไมค์เหมือนกัน ขอบคุณจากใจค่ะ
**************************************************
วันนี้เราจะไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมาย(เพราะรูปค่อนข้างเยอะ)
วันนี้เราขอนำเสนอเทศกาลต้นฤดูร้อนของญี่ปุ่นในแบบญี่ปุ่นแท้ๆ
นั่นคือเทศกาล Gion Matsuri เป็นเทศกาลที่มีขบวนแห่สวยงาม
เทศกาลนี้จะมี 2 ครั้ง ในช่วงวันที่ 17 และ 24 เดือนกรกฎาคมของทุกปี
ผ่านถนน 3 สายในเกียวโต คือ ถนนโออิเคะโดริ, ถนนคาวาระมาจิโดริ และถนนชิโจโดริ
จบด้วยการนำขบวนไปที่ศาลเจ้าซายากะและทำพิธีตามธรรมเนียม
ในรูปจุดที่เราถ่ายรูปคือถนนชิโจโดริค่ะ อากาศค่อนข้างครึ้มฟ้าครึ้มฝน
สาวๆญี่ปุ่นบ่นกันใหญ่ "Asui!" แปลว่า ร้อน(โว้ย) ....แล้วคนก็เบียดเสียดกันพอสมควร
ขบวนแห่จะเริ่มช่วง 10-11 โมงเช้า โดยใช้เวลาไม่นานมากเท่าไหร่
ก่อนเริ่มขบวนก็จะมีรถตำรวจมาเคลียร์ถนนหนทางก่อนค่ะ

ดูจากขนาดของรถ เราบอกเลยว่า "น่ารัก" มากกกกกกกกกกก ^^
หลังจากนั้นไม่นานก็มีขบวนจากร้านค้า ร้านรวง หรือตระกูลต่างๆเดินมาตามถนน
นี่แหละค่ะกลิ่นอายแบบนิปอนของแท้ ที่หวังว่าทุกคนจะได้มาสัมผัสกันในซักวันหนึ่งนะคะ

หนุ่มๆนำขบวนมากันก่อนเลยค่ะ ขอออกตัวว่าเราไม่ได้เรียงลำดับรูปตามรูปขบวนนะคะ
ลงสลับๆกันบ้าง แต่ความอลังการงานสร้าง ขอบอกว่าจุใจแน่นอนค่ะ

สาวๆมิโกะจากศาลเจ้าต่างๆก็มา

และนี่คือหนึ่งในรถลากคันสำคัญที่เราประทับใจเป็นพิเศษค่ะ
ฉากนี้คือฉากหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศญี่ปุ่น
การพบกันครั้งแรกระหว่างเบ็งเคย์(Benkei)และอุชิวากะมารุ(ต่อมาได้กลายเป็นมินาโมะโตะ โยชิทสึเนะ)
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสะพานโกโจในเกียวโตนี่เองค่ะ ทั้งคู่ได้ต่อสู้กันและอุชิวากะมารุก็ชนะ
ซึ่งต่อมาเบ็งเคย์ก็ได้กลายเป็นผู้ติดตามคนสนิทของโยชิทสึเนะนั่นเองค่ะ

เป็นไงล่ะคะ...กระทู้ดีมีสาระ(หลังจากที่ค่อนข้างไร้สาระมาพอสมควร) ฮ่าาาาา

หลังจากนั้นก็มีพิธีกรรมจบขบวนก่อนจะนำขบวนรถไปยังศาลเจ้าซายากะ
ซึ่งหลังจากนี้เราไม่สามารถติดตามเก็บฝากมาฝากท่านผู้ชมได้ครยถ้วน
เพราะจำนวนผู้คนที่เบียดชนิดเดินเบียดแทบจะขบติ่งหูกันได้(ประชิดตัวมากค่ะ)
เราเลยรอให้ฝูงชนค่อยๆสลายตัวแล้วก็เดินไปยังศาลเจ้าซายากะ
และแน่นอนว่าคนก็ไปอัดกันตรงนั้นเช่นเดิม บวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว
นึกถึงความอบอ้าวก่อนฝนจะตกค่ะ แต่ที่นี่ฝนไม่ตกนะ มันคืออากาศหน้าร้อนของญี่ป่นค่ะ

บรรยากาศภายในศาลเจ้าตอนที่ขบวนไปถึงศาลเจ้าแล้ว
ก็มีสาวน้อย สาวใหญ่ เกอิชา มาร่ายรำ สวยงามมากค่ะ
แต่เราเบียดผู้คนเข้าไปด้านหน้าไม่ไหวจริงๆ เลยได้ภาพมาเท่าที่เห็น

กลับกันมาเข้าสู่สภาวะทิ้งตัว พักเบรกการดมกลิ่นตัวสูดกลิ่นไอของเหงื่อกันและกัน
ออกมาสู่การเดินทางไปวัดทอง วัดยอดฮิตติดทุกกระทู้ มีทุกโปสเตอร์ท่องเที่ยว
อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ คือ เราเล็งที่จะไปวัดคินคะคุจิหรือวัดทอง วัดในตำนานนี้...
ตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กนั่งกินนมชมการ์ตูนอิคคิวซังแล้วค่ะ
แหม...ได้มาทั้งทีก็ให้เค้าเห่อหน่อยนะตะเอง อิอิ ^__^

รถบัสที่จะใช้เดินทางนั้น ให้เพื่อนๆเดินมาขึ้นป้ายที่มีคำว่า Kinkaku-ji ตรงชานชาลาตรงกลาง
รถบัสสาย 101 หรือ 205 ก็ได้ค่ะ ส่วนค่าโดยสาร เราใช้ Icoca จ่ายค่ะ
ส่วนใครที่ต้องการไปหลายที่ด้วยรถบัส เขาก็มี Kyoto bus one day pass ราคา 500 เยน
ขอบอกก่อนว่าที่เที่ยวสำคัญๆ ไม่มีรถไฟไปถึงนะคะในเมืองเกียวโต ถ้าไม่อยากเดินก็รถบัสค่ะ
แต่เราใช้ IC จ่ายเพราะเราไปแค่ที่เดียวและส่วนใหญ่เราเดินเที่ยวเอามากกว่า
ทว่าจะให้เดินไปวัดทองในสภาพอากาศแบบนี้ มันคงเทียบให้เห็นภาพง่ายๆว่า...
..หนีฝูงซอมบี้แล้วไปวิ่งเล่นในทะเลทรายต่อ เราไม่ใช่อลิสแห่งอัมเบลล่าเนอะ อย่าซ่าค่ะ ฮ่าๆๆๆ
ขึ้นรถบัสก็แตะ ที่เกียวโตรถบัสจะขึ้นประตูกลางลงประตูหน้า(แต่บางเมืองขึ้นหน้าลงตรงกลาง)
ค่ารถโดยประมาณ 210 เยน/เที่ยวค่ะ เราขึ้นที่สถานีเกียวโตคนเลยไม่ค่อยแน่น

พอรถวิ่งมาจอดที่ป้าย Kinkaku-ji mae ก็ลงแล้วเดินต่อไปอีกนิดนึง
ถ้าถามว่าจะรู้ได้ไงว่าเดินไปทางไหน...ไม่ต้องสงสัยค่ะ คนเยอะมากกกกกกกกกกกกก
รู้แน่นอนว่าทางไปวัดคือทางไหน มีร้านรวงนำทาง ไม่ต่างจากบ้านเราเลยค่ะ

เมื่อเดินเข้ามาในวัด ท่านก็จะพบกับความร่มรื่นและกลิ่นไอจากทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวผสมกัน
คนเยอะ ร้อน เหงื่อออก....ถือเป็นสเน่ห์ในการเที่ยวหน้าร้อนค่ะ พยายามเข้านะคะ(ดิฉันเนี่ยแหละ)

ที่เห็นคนไม่หนาแน่นมาก เพราะยืนรอให้คนดูน้อยๆค่ะค่อยกดถ่าย
แล้วก็ไปช่วงเย็นๆด้วย บ่ายแก่ๆ แต่ท้องฟ้าครึ้มก็เลยแดดไม่เปรี้ยงเท่าไหร่
พอมาถึงก็ต้องจ่ายส่วยค่ะ ค่าผ่านประตูอยู่ประมาณคนละ 400 เยน ค่ะ
เข้าคืวรอไม่นานก็ผ่านประตูค่ะ ไปคนเดียวก็คล่องตัวหน่อย แต่พอผ่านประตูไป..แม่เจ้า!!
หามุมถ่ายยากมาก ต้องไปต่อคิวถ่ายมุมสวยๆ คนเยอะมาก กล้องเราก็แค่ Fuji XT10 + KIT
ขอนำเสนอภาพที่อาจจะไม่ได้เลิศเลอแก่สายตาท่านผู้ชม ณ บัดนีค่ะ แท๊นนนนน!!!

มุมนี้เลย โปสเตอร์ที่เคยซื้อมาติดบอร์ดที่โรงเรียนสมัยจัดนิทรรศการญี่ปุ่น
ในที่สุดก็ได้มาเห็นกับตาตัวเอง เป็นบุญเหลือเกินค่ะ น้ำตาซึมเลย.....#แสบตา

ยืนตรงนั้นได้ไม่นานก็ต้องจากลากันไปค่ะ คนรอคิวเยอะ เราขี้เกรงใจด้วย ตามมารยาทค่ะ
ก็เดินชมนู่นนี่ในวัดไปตามทางที่เขาจัดไว้ให้ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปิดนนิดนึง
ทำให้ถ่ายภาพออกมาติดท้องฟ้าสีครามบ้าง พอให้ใจชื้นค่ะ ภาพคงจะสวยขึ้นมาบ้าง
และของแถมก็ตามมา......แดดค่ะ แดดแล้วแดดเลย แดดเปรี้ยงๆตอนบ่ายๆ (-.,-")

เดินตามทางก็มาถึงบ่อนกกระเรียน...ที่ไหนมีวัดทองที่นั่นมีนกกระเรียน
เธอก็อยู่ในที่ของเธอ ฉันก็อยู่นอกไม้กั้นของฉัน (กล้องซูมไม่ถึงค่ะ ถ่ายมาได้เท่านี้จริงๆ)

และเมื่อมองกลับไปยังวัดทอง เราก็จะพบมุมเล็กๆที่ทำให้รู้สึกว่า "ยังไงของจริงก็ดีกว่าในโปสเตอร์"

มาถึงช่วงใกล้ทางออก ก็ถึงเทศกาลจับจ่าย ไหว้ศาล บนบานขอหวยกันล่ะค่ะ

คนก็จะออกันอยู่ตรงนี้เยอะพอสมควร แต่เราต้องนั่งรถไฟกลับโอซาก้า
เลยไม่ได้มีเวลาแจ๊าะแจ๊ะนาน ก็ได้เครื่องรางมาสองชิ้น แล้วเผ่นกลับโรงแรมค่ะ
โชคดีที่รถบัสขากลับว่าง....โชคร้ายคือลืมพกยาดมมาด้วย เกือบละลายกลายเป็นไอแดดค่ะ
..........เราคงต้องบอกลากันเพียงเท่านี้นะคะ สำหรับกระทู้นี้ ขออภัยหากหาสาระไม่ค่อยเจอ(ฮา)
ฝากติดตามกระทู้เก่าๆด้วยนะคะ กดบวกกดไฟต์ เอ้ย! กดบวกน้อยๆแต่กดให้กันนนานๆนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ มิตรรักแฟนกระทู้ พบกันใหม่กระทู้หน้า #รักเสมอเมื่อเธอรักฉัน ^_______^