[CR] {A Little Girl in Wild World}#ประตูแดงแสลงใจ#Fushimi Inari Shrine#Kyoto#02


หลังจากตัดสินใจเปลี่ยนแผนมาเที่ยวที่เกียวโต
ก็กำหนดเป้าหมายและคำนวณเวลาเดินทางจากเที่ยวรถไฟ
ที่เช็คจากเว็บ HyperDia สรุปได้ว่า...
ช่วงเวลาครึ่งวันที่เหลือ เราจะไที่ยวได้ 2 ที่ด้วยกัน นั่นคือ...
ศาลเจ้าประตูแดง(Fushimi Inari Shrine)และเมืองอาราชิยามะ(Arashiyama)
สองที่นี้คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่จะรู้จักดีอยู่แล้วเนาะ
เราก็จะไม่ขอพูดมากความอะไรมากมายแล้วกัน
เน้นๆดูรูปแล้วกัน เผื่อใครขี้เกียจอ่านยาวๆ ^^


จากสถานีชินอิมามิยะ ต้องนั่งรถไฟมาลงที่สถานีโอซาก้า(Osaka Stn.)
เพื่อต่อรถไปยังสถานีเกียวโต(Kyoto) ก็อย่างที่บอกค่ะว่าวันนี้วันแรก
ก็มีเงอะงะบ้าง ก็ไปถามคนนู้นคนนี้ พยายามพูดถาษาอังกฤษ
บางคนก็ทำหน้างงๆ บางคนก็ตอบมาเป้นภาษาญี่ปุ่น
บางคนก็พยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ คนที่นี่น่ารักมากจริงๆ
วิวระหว่างทางก็จะเป็นทุ่งหน้าป่าเขา ให้บรรยากาศดีมากๆค่ะ


สุดท้ายก็หาชานชาลาเจอ แต่ป้าที่ยืนเข้าแถวข้างหน้าเรา เป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ
แต่เหมือนมาจากต่างเมือง เราถามป้าแกว่า "Go to เกียวโต เดสก๊ะ?"
(สกิลภาษาล้ำเลิศมากค่ะ ญี่ปุ่นคำ อังกฤษคำ 555)...แล้วเราก็ชี้ที่เลขชานชาลา
ป้าแกก็พยักหน้า แล้วรัวภาษาญี่ปุ่นใส่เราชุดใหญ่ ซักพักป้าเดินหนี(อ้าว!)
ป้าเดินไปถามแถวข้างๆว่าตรงแถวของเรากับป้าไปเกียวโตใช่มั๊ย?(ไม่จริงใช่มั๊ยป้าา!!!)
พี่ผู้ชายเขาก็มองป้าย แล้วพยักหน้า ป้าเลยเดินกลับมาเข้าแถวตามเดิม
แล้วหันมาพูดกับเราประมาณ "แถวนี้แหละ ถูกต้องแล้ว" แล้วบ่นๆพลางเช็ดหน้าไป
ซึ่งป้ายสถานีที่นี่จะไม่บอกสถานีที่เราจะลงนะคะ (แรกๆเรางงก็ตรงนี้แหละ)
แต่เขาจะบอกสถานีปลายทางของรถไฟสายนี้เลย เช่น เราจะไปสถานีเกียวโต
แต่รถไฟสายนี้สถานีปลายทางอยู่ที่สถานีโซโนเบะ ป้ายรถไฟก็จะขึ้นว่า Sonobe เป็นต้น
ซึ่งสถานีเกียวโตจะเป็นแค่สถานีทางผ่านของรถไฟขบวนนี้เท่านั้น ประมาณนี้อมยิ้ม01
นี่เป็นอีกอย่างที่ทำให้หลงขบวนได้ง่ายๆ ดังนั้นต้องเช็คกับเว็บและให้สังเกตที่เวลารถออก
สรุปเราเข้าแถวถูกแล้ว แต่ป้าสับขาหลอก...ใจหายแว้บเลยนะเนี่ย(ฮา)


พอมาถึงสถานีเกียวโต เราก็ต้องเปลี่ยนขบวนไปขึ้นสาย Local ไปลงที่สถานีอินาริ(Inari Stn.)
เนื่องจากเป็น Local Line ระยะเวลาแต่ละขบวนเลยห่างกันมาก วิ่งก็ช้ามาก หวานเย็นสุดๆ
คนใจร้อนต้องทำใจนะคะ วันที่เราไปก็ครึ้มๆ อากาศร้อนอบอ้าวมาก แต่ขอแค่ฝนอย่าตกพอ
และแล้วรถไฟก็มาถึงค่ะ โชคดีว่ารถไฟที่นี่ติดแอร์ทุกขบวน รถบัสก็เช่นกัน ^^


ถึงแล้วค่ะ สถานอินาริ


มองจากทางเข้าศาลเจ้า จะเห็นสถานีที่กลมกลืนกับบ้านคนจนไม่รู้ว่าเป็นสถานีรถไฟ


เดินออกจากสถานีก็จะพบทางเข้าเลย มีโทริอิอันใหญ่สีแด๊งแดงโดดเด่นเป็นสง่าตั้งอยู่


ระหว่างทางเดินเข้ามาตามทางจะมีการประดับไฟเพื่อวันเทศกาลของศาลเจ้าค่ะ


ก่อนเข้าศาลเจ้าก็จะมีน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ดื่มชำระล้าง วิธีการปฏิบัติมีป้ายบอก ให้จดจำดีๆค่ะ
เพราะวัดหรือศาลเจ้าอื่นที่เราไปไม่มีป้ายบอกแบบนี้ และวิธีตักน้ำนี้ต้องใช้ทุกวัดทุกศาลเจ้าค่ะ
วิธีตักน้ำ ใช้มือด้านขวาถือก้านกระบวยจับรองน้ำไว้ แล้วล้างมือซ้ายก่อนหลังจากนั้นใช้มือซ้ายจับก้านกระบวย
แล้วล้างมือขวา หลังจากนั้นเปลี่ยนมาจับด้ามกระบวยด้วยมือขวา แล้วรินน้ำนิดหน่อยใส่มือซ้าย
และใช้ปากจิบน้ำเล็กน้อย ห้ามจิบจากกระบวยโดยตรงนะคะ! จิบจากมือเท่านั้นค่ะ
หลังจากนั้นยกด้ามกระบวยตั้งฉากกับพื้นโดยมือทั้งสองข้างจบด้ามกระบวย เพื่อให้น้ำเทลงมาโดนมือทั้งสอง



ตามภาพ คือ ให้อ่านจากขวาไปซ้าย ตามแบบญี่ปุ่นนะคะ


ทางเข้าแบบเป็นทางการ แต่จะมีอีกทางที่เดินอ้อมๆไปเข้าด้านข้างได้


ด้านข้างๆทางเข้าจะมีตลาดนัดขายของกินเล็กๆและร้านค้าขายของที่ระลึกเยอะแยะเลยค่ะ
แต่คนเดินเยอะเบียดเสียด แถมเรามีเวลาจำกัด เลยต้องตัดใจถอยทัพเพื่อไปเดินเที่ยวก่อน



เราจะพบศาลาต้อนรับด้านหน้า แต่เราจะเดินไปที่ศาลเจ้าหลักค่ะ เดินต่อๆ


จิ้งจอกเฝ้าทรัพย์


นี่คือศาลหลักค่ะ แต่ตอนเราไปเขากำลังทำพิธีอะไรกันซักอย่าง เลยได้แค่โยนเหรียญด้านนอก
ไม่ได้เดินเข้าไปชมด้านใน เลยได้ถ่ายรูปแค่นี้ ไปตามหาประดูแดงแสลงใจกันต่อดีกว่าเนอะ


เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ...อย่าถามสาระจากกระทู้นี้นะคะ เราเน้นเดิน กิน เที่ยวค่ะ


โอ้ว!แม่สาวน้อย!!! มิโกะผู้น่ารักและเครื่องรางของเธอ อุดหนุนไปหนึ่งชิ้น ราคาเอาเรื่องอยู่นะ


เดินหาทางเข้าประตูแดงต่อค่ะ ตอนนี้เริ่มร้อนละ เหงื่อเริ่มเหนียว เหอๆ


ใกล้ละ เดินไปอีกนิด


ถึงแล้วค่ะ ทางเข้าด่านแรก...เราต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกสเต็ปนะคะ


เดินขึ้นมาก็จะเจอศาลเล็กๆและทางเข้าไปลอดซุ้มโทริอิพันต้นค่ะ แต่ระดับเราแล้ว
มันต้องไม่เหมือนชาวบ้านค่ะ เราเดินผ่านจุดนั้น ลัดเลาะออกไปทางด้านหลัง ข้ามสะพานไป
ถูกต้องค่ะ เราจะพาท่านไปเข้าตรงทางออกนั่นเอง(ความจริงคือเป็นความโง่ส่วนบุคคลนะคะ เหอะๆ)


ติสๆค่ะ เดินไปเข้าอีกทางนึง ทางนี้ค่อนข้างร่มรื่นและไม่ต้องขึ้นบันไดหรือขึ้นเนินชันมาก
สรุปคือความขี้เกียจผสมความบ้าๆบอๆด้วย เอาเถอะค่ะ...เราบอกแล้วกระทู้นี้หาสาระไม่ค่อยได้ ฮะๆ





พอเดินขึ้นเนินเขามาเรื่อยๆบวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวทรมานกว่าร้อนแดดบ้านเราอีก
พอเดินขึ้นมาซักพัก ก็เจอจุดพัก เราก็กดน้ำนั่งดื่มซักพัก ด้วยความหง่าวก็คิดในใจว่ามันจะสิ้นสุดตรงไหน
เลยไปถามลุงคนขายขนม แกขี้ขึ้นไปบนภูเขาอย่างเลื่อนลอย เราพยายามถามภาษาอังกฤษช้าๆ
ณ จุดๆนี้แกเหมือนจะเข้าใจว่าเราไม่ใช่คนญี่ปุ่นแล้ว แกตอบมาสั้นๆ "The end on top of Mountain"
หือ?.....เรามองขึ้นไป ภูเขามันก็ไม่ใช่ลูกเล็กๆนะ เราถามใช้เวลานานมั้ยกว่าจะถึงยอดเขา?
เขาบอกเดินขึ้น 1 ชั่วโมง เดินลงอีก 1 ชั่วโมง...จึ๊ๆๆนั่นมันเวลาที่ลุงเดินค่ะ แต่ถ้าเราเดิน....
ต้องคูณสามเท่าเข้าไป มองๆดูแถวนี้ไม่มีลูกหาบซะด้วย ไม่ต้องคิดไรมากค่ะ....กลับสิคะ!


เดินกลับออกมาเตร็ดเตร่ชมบ้านเรือนผู้คนแถวนั้น บ้านเก่าก็เยอะ บรรยากาศก็เงียบๆวังเวงๆ


พอมองนาฬิกาก็ถึงเวลาไปต่อค่ะ ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว นั่งพักกินน้ำกินขนมแล้วเดินไปสถานี
เพื่อเดินทางไปสถานนีเกียวโต และเดินทางต่อไปทีสถานีซางะอาราชิยามะ(Saga-Arashiyama)
เราจะไปเที่ยวเมืองริมแม่น้ำและป่าไผ่กัน แล้วพบกันกระทู้หน้านะคะ มั๊วะ! จุ๊บๆ


ตอนที่#03#http://ppantip.com/topic/35535806

ตอนที่#01#http://ppantip.com/topic/35533465
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น เกียวโต
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่