[CR] บุกเขาคุรามะ ตามรอยมินาโมโตะ โยชิสึเนะ @เกี่ยวโต

สวัสดีค่าอันนี้เป็นกระทู้ที่2ของเซฟฟี่เองค่า โดยกระทู้นี้เน้นไปที่การท่องเที่ยวเขาคุรามะ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่นค่ะ ติดตามกระทู้เที่ยวญี่ปุ่นของเซฟฟี่ได้ตามนี้ค่ะ https://ppantip.com/topic/36651002/  ก่อนอื่นเซฟฟี่ขอเท้าความไปถึงประวัติของมินาโมโตะ โยชิสึเนะก่อนนะคะ ซึ่งหลายๆคนคงคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดีเพราะโยชิสึเนะเป็นหนึ่งในตำนานซามูไรของญี่ปุ่นมักจะมีการกล่าวถึงในทางวรรณกรรมและทางภาพยนตร์ โยชิสึเนะมีชีวิตในช่วงปลายยุคเฮย์อันถึงต้นยุคคามากุระค่ะ โยชิสึเนะเกิดปีค.ศ. 1159 ที่นครเฮอังเกียวหรือเมืองเกียวโตะในปัจจุบันเป็นบุตรชายคนที่เก้าของ มินาโมโตะ โยชิโตโมะซึ่งเป็นโทเรียวหรือประมุขตระกูลเซวะเง็นจิ เกิดกับนางโทกิวะโกเซ็นซึ่งเป็นภรรยาน้อยของโยชิโตโมะซึ่งในตอนแรกนั้น โยชิสึเนะได้ใช้ชื่อว่า อุชิวากะมารุ และด้วยเหตุผลทางการเมืองเมื่ออายุสิบเอ็ดปีอุชิวากะต้องไปบวชเป็นพระ และวัดที่อุชิวากะไปบวชนั้นก็คือวัดคุรามะ ที่เขาคุรามะนั่นเองค่ะ และอุชิวากะนั้นก็ได้รับชื่อใหม่ตอนเป็นพระว่า ชานาโอะ
การไปเที่ยวเกียวโตของเราในครั้งนี้(ซึ่งเป็นครั้งแรกด้วย55) เราเลยเลือกที่จะขึ้นเขาไปตามรอยโยชิสึเนะโดยการเดินทางนั้นเรานั่งรถไฟสาย Eizan Dentetsu-Kurama Line และลงที่สถานีคุรามะเลยค่ะ ภายในสถานีก็จะประดับรูปเรื่องราวต่างๆของโยชิสึเนะไว้มากมายค่ะ รูปที่เราแปะไว้ด้านบนเราก็ถ่ายจากสถานี พอเดินออกมาจากสถานีก็จะเจอกับน้องหงุ หรือเทนงุอันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเขาลูกนี้ค่ะ เทนงุก็เหมือนเทพเจ้าปีศาจที่เป็นนกของญี่ปุ่นค่ะถ้าพูดง่ายๆ บางตำนานก็ว่าดีบางตำนานก็ว่าเป็นนกร้ายกาจ แต่ตำนานของที่นี่เค้าว่ากันว่าโยชิสึเนะร่ำเรียนวิชาดาบมาจากเทนงุค่ะ โดนส่วนตัวแล้วเซฟฟี่คิดว่าที่คนคิดว่ามีเทนงุบนเขาคุรามะอาจจะเป็นเพราะเขาลูกนี้ค่อนข้างสูงและต้นไม้ก็สูงมากๆนกกาก็เยอะด้วย
พอเดินออกจากสถานีมาตามทาง นิดเดียวเองค่ะเราก็จะเจอกับวัดที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาสวยงามค่ะ  แค่นึกว่าถ้ามาตอนใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยแค่ไหนก็อยากมาอีกรอบแล้ว เมื่อเราเข้ามาในวัดก็จะได้รับแผนที่การเดินป่าเดินเขา 55  คือเขามันใหญ่มากค่ะ คนส่วนใหญ่จะขึ้นแค่ชั้นที่มีวัดส่วนตัวเขาจะมีคนเดินบ้างแต่ส่วนใหญ่จะถอดใจเดินแค่ชั้นวัดก่อนค่ะ เพราะแค่วัดก็เกือบครึ่งนึงของเขาแล้ว และก็จะเจอกับหินที่มีพระเด็กๆเรียงกันใกล้ๆกับทางเดินขึ้นรถรางค่ะ เนื่องจากเวลาในการเดินเรามีจำกัดเราจึงนั่งรถรางขึ้นไปชั้นแรกของวัดก่อนค่ะ ค่าขึ้นรถรางไม่แพงค่ะเด็ก 100Y ผู้ใหญ่200Yขึ้นมาค่อนข้างสูงเลยค่ะ ดูได้จากรูป
ใช้เวลาเดินทงต่ออีกประมาณ 10-15นาทีเราก็จะถึงตัววัดค่ะ ระหว่างทางจะเจอคุณลุงคุณป้าจูงมือกันเดินเยอะแยะเลยค่ะ เดินไปหอบไปหัวเราะไป เป็นภาพที่น่ารักค่ะ ผู้สูงอายุของญี่ปุ่นค่อนข้างเเข็งแรงจนวัยรุ่นอย่างเราๆอายเลยล่ะ ระหว่างทางก็จะมีเสาและราวให้จับตลอดไม่ต้องกลัวว่าจะเดินไม่ไหวถ้าใจมันได้เราต้องขึ้นถึงค่ะ!! พอไหว้พระเสร็จเราก็เดินเข้าสู่โซนที่เป็นเขาค่ะ ซึ่งเราจะไปตามโยชิสึเนะกันหลังจากนี้ทางเดินเข้าสู่เขานั้นจะอยู่ทางซ้ายมือของตัววัดค่ะ เดินไปก็จะเจอประตูไม้สวยงามอยู่และ..ตรงประตูก็ติดป้ายแบบนี้!!!

โอ้โห ไอ้เราเป็นสาวน้อยเดินคนเดียวจ้า ยิ้มอ่อน55
เดินไปเรื่อยๆแรกๆไม่เหนื่อยนะ แต่พอเดินไปสูงขึ้นเริ่มเหนื่อยเหมือนกันแต่ก็ยังชิวๆค่ะ เดินๆวิ่งๆถ่ายรูปไปเรื่อยแถมเรายังซุกซนไปเคาะระฆังขอพรกลางเขามาด้วยค่ะ
พอเดินมาสักพักจะเจอกับหอสมุดค่ะด้านหลังหอสมุดจะเป็นก้อนหินเค้าบอกว่าเป็นหินเบงเคย์กับชานาโอะ แต่เราไม่รู้ว่ามันมีความสำคัญอะไรยังไงได้แต่ยืนงง จับๆหินแล้วถ่ายรูปมา
ทีเด็ดที่ทำให้เราฟินคือตรงนี้ค่ะ

Ikitsugi no mizu เป็นบ้านพักที่เค้าว่ากันว่าเป็นที่ๆชานาโอะมาดื่มน้ำ กลิ้งๆนอนๆนั่งๆพักเหนื่อยระหว่างฝึกวิชา เราก็ไปนั่งแล้วก็ฟินแต่ก็แอบขนลุกกลัวๆเหมือนกันเพราะมันไม่มีคนเดินมาเท่าไหร่มีแต่เรา เราก็กลัวชานาโอะโผล่ออกมาจริงๆ555 เดินมาอีกสักนิดก็เริ่มเจอคนค่ะ คนอื่นเค้ามาพักกันแถวนี้นี่เองตรงนี้มีจุดสำคัญของโยชิสึเนะถึง2แห่งคือ Sekurabe-ishi เป็นการเปรียบเทียบความสูงของหินออกจากวัดเป็นครั้งสุดท้ายของชานาโอะก่อนที่จะออกจากวัดคุรามะ เคยอ่านมังงะแล้วโยชิสึเนะโดนแซวเรื่องความสูงพอมาเจอก้อนหินแล้วเข้าใจเลยค่ะ เพราะชานาโอะของเราตัวสูงกว่าเรานิดเดียวเองน่าจะประมาณ 160ซม.นิดๆเองค่ะซึ่งถือว่าตัวจิ๋วมากในเทสของพวกนักรบ และในบริเวณใกล้เคียงกันคือเส้นทาง Ki-no Nemiti พวกรากไม้ตามแนวภูเขาหลายต้นโยชิสุเนะใช้เพื่อฝึกขา ตรงนี้จะเป็นรากไม้ที่ขึ้นมาหน้าตาแปลกๆเดินยาก ถ้าจะฝึกกล้ามขาให้แข็งแรงตรงนี้น่าจะตอบโจทย์มากเลย
และก็มาถึงจุดสุดท้ายที่เราไปตามรอยโยชิสึเนะคือ  Yoshitsne-do (ห้องโถงของ Yoshitsune)
ว่ากันว่าวิญญาณของเขาถูกประดิษฐานไว้ในรูปปั้นที่เรียกว่า Sanaouเอาไว้ค่ะ แต่ส่วนตัวเราไม่ค่อยน่ใจว่าที่เราถ่ายมานั้นใช่ตรงนี้จริงหรือไม่ ถามลุงญี่ปุ่นข้างๆลุงก็บอกผมไม่รู้ครับ เราก็เลยมโนว่าเป็นตรงนี้ละกัน555
พอเดินจนครบเขาทั้งลูกแล้ว ทางออกของเขาคุรามะก็จะมาออกตรงใกล้ๆกับศาลเจ้า kibune jinja  ซึ่งอยู่ถัดมาอีกสถานี นับๆคร่าวๆแล้วเราเดินทั้งสิ้น 3ชั่วโมงระยะทางประมาณ 7-8 กิโลเลย โอ้วววว ข้ามเขาทั้งลูกมันสนุกแบบนี้นี่เอง
พอติ่งนอกเมืองเสร็จแล้วเราก็นั่งรถไฟกลับมาที่สถานีเดิมและต่อรถมายังสถานี Kiyomizu gojo Station กันเพราะเราจะมาสะพานโกโจซึ่งสะพานนี้เป็นสะพานที่ชานาโอะหรือโยชิสึเนะต่อสู้กับโอนิวากะ เบงเคย์
สมัยก่อนเบงเคย์เป็นพระนอกรีดยืนกบดานอยู่ที่สะพานโกโจในเพื่อรวบรวมดาบจากพวกซามูไรที่ข้ามสะพานนี้ให้ได้ 1000เล่มและเล่มที่ 1000ของเขาคือต้นเหตุที่ทำให้เขาได้สู้กับโยชิสึเนะ  เบงเคย์ก็ไปท้าโยชิสึเนะต่อสู้เพื่อที่จะยึดดาบของโยชิสึเนะเป็นเล่มที่1000 แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้แก่โยชิสึเนะ หลังจากนั้นเบงเคย์ขอเป็นผู้ติดตามโยชิสึเนะมาตลอดและได้สละชีวิตของจนเพื่อปกป้องโยชิสึเนะ
ว่ากันว่าท่าตายของเบงเคย์นั้นเป็นที่กล่าวขานกันมาก เบ็งเคย์ได้ต่อสู้และถูกธนูจำนวนมากยิงเข้าใส่ แต่ถึงอย่างนั้นเบ็งเคย์ก็ยังคงยืนเฝ้าจนวินาทีสุดท้าย ก่อนจะสิ้นใจไปในท่ายืนเฝ้าแบบนั้น TT เราชอบเบงเคย์กับโยชิสึเนะมากเลย
พอถ่ายรูปเสร็จเราก็ข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อกินอุด้ง ชื่อร้านว่าเบงเคย์อุด้ง ติ่งแบบสุดร้านอาหารยังเป็นเบงเคย์5555  ราคาไม่แพง รสชาติดีงามและโคตรเยอะ กินคนเดียวไม่หมดนี่สาวน้อยนะไม่ใช่เบงเคย์5555
แถมท้ายด้วยการเซลฟี่กับโยชิสึเนะและเบงเคย์ ฟินมากค่ะ
ชื่อสินค้า:   เขาคุรามะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่