JJNY : “ทักษิณ” ลุยอุทธรณ์-จ่อฟ้อง157 ยัน ไม่มีภาระภาษีตามกฎหมายแต่ต้น

เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่ รร.เอสซีปาร์ค นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ในฐานะหนึ่งในทีมกฎหมายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงข่าวภายหลังเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ได้ปิดเอกสารการประเมินเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณเกี่ยวกับหุ้นชินคอร์ปฯ ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทในวันนี้ว่า ทีมกฎหมายเห็นว่านายทักษิณไม่มีภาระภาษีตามกฎหมายมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นนายทักษิณผู้ถูกประเมินจะใช้สิทธิ์อุทธรณ์เรื่องนี้ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายในเวลา 30 วัน และจะสามารถจัดทำรวมทั้งยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งขณะนี้ได้ฟอร์มทีมนักกฎหมายขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าจะสามารถอุทธรณ์และชี้แจงได้ทุกประเด็น ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการเรียกประเมินภาษี ทั้งนี้ นายทักษิณไม่มีภาระและความรับผิดที่จะต้องชำระภาษี เนื่องจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายประเด็น อาทิ เคยมีคำพิพากษาสรุปความตอนหนึ่งได้ว่าหุ้นที่นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ซื้อมาจากแอมเพิลริช เป็นหุ้นของนายทักษิณและภริยา นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทาถือหุ้นไว้แทนมิใช่เจ้าของแท้จริงของหุ้น ดังนั้นตนเห็นว่าเจ้าหน้าที่จะสรุปว่ามีการซื้อขายหุ้นดังกล่าวระหว่างแอมเพิลริชกับนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทาเพื่อประเมินภาษีได้อย่างไรในเมื่อหุ้นเป็นกรรมสิทธิ์ ของนายทักษิณและภรรยามาตั้งแต่ต้นทุรกรรมซื้อขายดังกล่าวจึงถือเสมือนว่าไม่ได้เกิดขึ้น จึงไม่มีเงินได้และภาระภาษี

นายนพดล กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นการขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กกระทำผ่านตลาดหลักทรัพย์จึงไม่มีภาระภาษีที่สำคัญเรื่องภาษีนี้จบไปนานแล้ว ขาดอายุความไปแล้ว ไม่สามารถขยายเวลาเพื่อประเมินภาษีได้ ทั้งนี้ เรื่องภาษีเกี่ยวกับหุ้นชินคอร์ปผ่านมาร่วม 10 ปีและหลายรัฐบาล แต่ทำไมยังมีความพยายามที่จะประเมินภาษีอีก แม้แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็ให้สัมภาษณ์เองว่ากรมสรรพากรระบุว่าเรื่องนี้ดำเนินการไม่ได้ แต่ทำไมวันนี้ยังติดประกาศประเมินภาษีอีก จึงมีคำถามว่าการดำเนินการในเรื่องนี้เป็นการดำเนินการที่เท่าเทียม เสมอภาค สอดคล้องกับหลักนิติธรรมแล้วหรือไม่ ดังนั้นในกรณีที่มีการดำเนินการใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและหลักนิติธรรม มีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อนายทักษิณ ท่านขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการฟ้องร้องตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นๆ และดำเนินการอื่นๆ ที่จำเป็นตามกระบวนการยุติธรรมในเวลาต่อไป เพื่อรักษาสิทธิ์ของตนและเพื่อรักษาระบบกฎหมายและหลักนิติธรรม เนื่องจากหลักนิติธรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและของประเทศเป็นอย่างยิ่งท่านจะอยู่ในต่างประเทศท่านก็ยังอยากเห็นประเทศมีหลักนิติธรรมที่จะนำไปสู่ความปรองดอง
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เรื่องนี้  เมื่อถึงศาล  ก็จบตรงที่  ไม่สามารถเรียกเก็บภาษีได้

ในแง่ที่ว่า  จะเก็บจากเงินก้อนไหนนี่   ก็ปวดหมองแล้วครับ

ตอนนี้  บอกว่า   ต้องเรียกเก็บภาษีเพราะมีรายได้จากการขายหุ้น  มีกำไรจากการขายหุ้น
แล้วตอนนี้  รายได้ หรือ กำไรที่ว่านั้นอยู่ไหน ?



ต่อให้อภินิหารอย่างไร  ก็ไม่มีเงินให้เก็บ  เพราะเงินโดนยึดไปแล้ว
จะไปเก็บจากอะไร




รัฐจะเก็บภาษีจากประชาชนได้  ก็ต่อเมื่อมีรายได้
เมื่อรายได้โดนรัฐยึดไปหมดแล้ว  จะไปเก็บภาษีจากอะไร ?

ไม่มีรายได้  จะมีภาษีได้อย่างไร




ก็แค่เรื่องให้สลิ่มฟินไปงั้นแหละ
เรียกว่า  ดึงแฟนไว้ไม่ให้ลืม   ซึ่งสลิ่มขอแค่ได้ฟิน  ก็เชียร์ไม่ลืมหูลืมตาแล้ว

ความจริง  ความเป็นธรรม  อยู่ไหน  หลิ่มไม่เคยสนใจ
ฟินอย่างเดียว
ถีบขาคู่



zzz
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่