ถ้า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งขึ้นเพื่อเอาผิดนักการเมืองทุจริต ขี้โกงโดยเฉพาะ ศาลฎีกาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ก็ตั้งขึ้นเพื่อเอาผิดโดยตรงข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทุจริตคอรัปชั่น
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นศาลยุติธรรมชั้นต้นของประเทศไทยที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 เปิดทำการครั้งแรก 3 ตุลาคม 2559
ประเดิมคดีแรกด้วยการพิพากษาจำคุก นางประไพศรี เผ่าพันธุ์ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวม 49 กระทง ๆ ละ 5 ปี เป็นเวลาทั้งสิ้น 245 ปี ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล)พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ที่เป็นบทหนักที่สุด และลงโทษข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับเอกชนผู้เสนองาน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดสมยอมราคา อีกรวม 13 รายให้จำคุก คนละ 30 - 40 กระทง รวมจำคุกตั้งแต่ 100 - 205 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไว้คนละ 50ปี
คดีทุจริตที่ขึ้นศาลนี้จะสิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์ หากจะมีการยื่นฎีกาคดีต้องได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาศาลฎีกาก่อน
อย่างคดี บ.ไร่ส้ม โกงค่าโฆษณา อสมท. หลังศาลอาญามีคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำคุก สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรข่าวคนดังกับพวก ในชั้นอุทธรณ์คดีถูกส่งมาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายืน แม้ สรยุทธ์ จะยื่นขอประกันตัว ฎีกาคดี แต่ก็ทำไม่ได้ทันที ต้องรอผู้พิพากษาศาลฎีกาพิจารณาคำร้องและมีคำสั่งก่อนตามเงื่อนไขก่อน นั่นก็เลยส่งผลให้ สรยุทธ์ นอนเรือนจำอยู่ร่วมสัปดาห์
อีกคดีที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตกเป็นจำเลย ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อครั้งเป็นรองปลัดมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดมหาดไทยเมื่อปี 2544 เพราะไปรับรองจดทะเบียนโอนมรดกและโอนสิทธิขายที่ดินสนามกอล์ฟ อัลไพน์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมิชอบ ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่เพราะยังเป็นคดีศาลชั้นต้น จึงได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี
ล่าสุดคดี “เบญจา หลุยเจริญ” อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร พร้อมพวกสำนักกฎหมายกรมสรรพากรอีก 3คน และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา ทักษิณ ชินวัตร เจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีตอบข้อหารือการคำนวณภาษีของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ในการซื้อหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น จาก บ.แอมเพิลริช แล้วไม่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2549 เพื่อชำระภาษี ซึ่งศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 3 ปี และจำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา กว่าที่ศาลฎีกาจะพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกาคดี ทั้งหมดนอกเรือนจำคนละ 1 คืน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะมีคำสั่งศาลให้ปล่อยตัว
ทำความรู้จัก ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ผ่านคดีทุจริต จัดให้ข้าราชการทุจริตโดยเฉพาะ
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นศาลยุติธรรมชั้นต้นของประเทศไทยที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 เปิดทำการครั้งแรก 3 ตุลาคม 2559
ประเดิมคดีแรกด้วยการพิพากษาจำคุก นางประไพศรี เผ่าพันธุ์ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวม 49 กระทง ๆ ละ 5 ปี เป็นเวลาทั้งสิ้น 245 ปี ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล)พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ที่เป็นบทหนักที่สุด และลงโทษข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับเอกชนผู้เสนองาน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดสมยอมราคา อีกรวม 13 รายให้จำคุก คนละ 30 - 40 กระทง รวมจำคุกตั้งแต่ 100 - 205 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไว้คนละ 50ปี
คดีทุจริตที่ขึ้นศาลนี้จะสิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์ หากจะมีการยื่นฎีกาคดีต้องได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาศาลฎีกาก่อน
อย่างคดี บ.ไร่ส้ม โกงค่าโฆษณา อสมท. หลังศาลอาญามีคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำคุก สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรข่าวคนดังกับพวก ในชั้นอุทธรณ์คดีถูกส่งมาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายืน แม้ สรยุทธ์ จะยื่นขอประกันตัว ฎีกาคดี แต่ก็ทำไม่ได้ทันที ต้องรอผู้พิพากษาศาลฎีกาพิจารณาคำร้องและมีคำสั่งก่อนตามเงื่อนไขก่อน นั่นก็เลยส่งผลให้ สรยุทธ์ นอนเรือนจำอยู่ร่วมสัปดาห์
อีกคดีที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตกเป็นจำเลย ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อครั้งเป็นรองปลัดมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดมหาดไทยเมื่อปี 2544 เพราะไปรับรองจดทะเบียนโอนมรดกและโอนสิทธิขายที่ดินสนามกอล์ฟ อัลไพน์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมิชอบ ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่เพราะยังเป็นคดีศาลชั้นต้น จึงได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี
ล่าสุดคดี “เบญจา หลุยเจริญ” อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร พร้อมพวกสำนักกฎหมายกรมสรรพากรอีก 3คน และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา ทักษิณ ชินวัตร เจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีตอบข้อหารือการคำนวณภาษีของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ในการซื้อหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น จาก บ.แอมเพิลริช แล้วไม่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2549 เพื่อชำระภาษี ซึ่งศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 3 ปี และจำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา กว่าที่ศาลฎีกาจะพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกาคดี ทั้งหมดนอกเรือนจำคนละ 1 คืน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะมีคำสั่งศาลให้ปล่อยตัว