ศาลชี้ไม่หมิ่น “สุเทพ” ระบุแกนนำแดงเผาเมือง-เอี่ยวเพื่อไทย และ ได้พูดถึงสถานี ว๊อยซ์ทีวี ดังนี้...(โจ ขิง)

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9600000031440




MGR Online - ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ให้สัมภาษณ์ปี 54 ระบุแกนนำ นปช.เอี่ยวเผาบ้านเผาเมืองและเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ไม่หมิ่นประมาท และไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ชี้จากข้อเท็จจริงพรรคเพื่อไทยส่งแกนนำเสื้อแดงลงสมัคร ส.ส.ลำดับต้นๆ กรณีการเผาห้าง-ศาลากลาง เป็นไปตามผลสอบสวนของดีเอสไอ จำเลยไม่ได้กล่าวข้อความเท็จ
       
       ที่ห้องพิจารณา 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (28 มี.ค.) ศาลนัดพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1878/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และกระทำการใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53, 137
       
       โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2558 จากกรณีที่นายสุเทพให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันที่ 22 พ.ค. 2554 ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เขตหลักสี่ กทม.ในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2554 พาดพิง นพ.เหวง โตจิราการ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ทำนองว่า เป็นผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้ทั้งสามเเละพรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งนายสุเทพ จำเลยให้การปฏิเสธและคดีนี้ศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังได้ ขณะที่วันนี้ นายสุเทพ จำเลยสีหน้ายิ้มแย้ม เดินทางมาศาลพร้อมทนายความและบุคคลใกล้ชิดจำนวนหนึ่ง
       
       ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า การที่นายสุเทพ จำเลย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนระบุว่าผู้เสียหายทั้งสามมีส่วนร่วมในการเผาบ้านเผาเมืองนั้น ก็ปรากฏว่าขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และได้รับข้อมูลจากรายงานการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมของ นปช.ในปี 2553 มีการเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์และศาลากลางจังหวัด 3 แห่ง ซึ่งการกระทำนั้นเป็นขบวนการที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำ นปช.อยู่เบื้องหลัง กระทั่ง ศอฉ.ได้สั่งให้ยุติการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 และวันเดียวกันแกนนำ นปช.ก็ได้เข้ามอบตัว ดังนั้นจึงมีเหตุให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจ ไม่มีเหตุว่าเป็นการกล่าวเท็จ และต่อมายังปรากฏว่าดีเอสไอได้สรุปสำนวนส่งอัยการยื่นฟ้องแกนนำ นปช.ในคดีก่อการร้ายต่อศาล ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. ขอเลื่อนคดี ดังนั้นสิ่งที่จำเลยกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่และเป็นการกล่าวถึงข้อเท็จจริงตามกรอบกฎหมาย ไม่ได้เป็นการสร้างข้อเท็จจริงขึ้นมาเอง
       
       ส่วนที่จำเลยกล่าวว่า นปช.เกี่ยวพันกับพรรคเพื่อไทยนั้น พบว่านอกจากผู้เสียหายเป็นแกนนำ นปช. แล้ว ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยได้ส่งผู้เสียหายทั้งสามรายลงสมัครเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยนายจตุพรอยู่ลำดับที่ 8 นายณัฐวุฒิลำดับที่ 9 และ นพ.เหวง ลำดับที่ 19 ซึ่งถือเป็นรายชื่อในลำดับต้นๆ  แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญ และผู้เสียหายทั้งสามรายยังได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ส. การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ
       
       ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นความเท็จ เป็นการตอบคำถามโดยอาศัยข้อเท็จจริงตามที่ได้ความมา และเป็นการรายงานสถานการณ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบในฐานะที่จำเลยเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จึงไม่เป็นความผิดตามคำฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
       
       ภายหลังนายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้เป็นเหตุการณ์ที่ตนตอบคำถามสื่อมวลชน เมื่อปี 2554 ในช่วงที่กำลังมีการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งมีข้อความที่มีความหมายว่า จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนพ.เหวง โตจิราการ เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ตามผลการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษและอัยการก็ได้สั่งฟ้องเป็นคดีก่อการร้ายแล้ว เพราะฉะนั้น ตนก็ให้ความเห็นว่า การที่พรรคเพื่อไทยส่งแกนนำนปช.ทั้ง 3 คนดังกล่าวลงสมัครรับเลือกตั้งในแบบบัญชีรายชื่ออยู่ในลำดับต้นๆ ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าต้องการที่จะให้คนเหล่านี้ได้เป็น ส.ส.เพื่อที่จะได้อาศัยเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง ไม่ต้องถูกดำเนินคดีในระหว่างที่อยู่ในสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนได้สู้คดีมานาน 1 ปีกว่า จนวันนี้ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าตนได้กล่าวตามข้อเท็จจริงที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งข้อความดังกล่าวที่ตนพูด สื่อมวลชนหรือสาธารณชนสามารถหาได้ด้วยตนเอง
       
       เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง ความคิดเห็นกรณี กสทช.มีคำสั่งให้สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีระงับการออกอากาศชั่วคราว
       
     นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่เคยดูช่องวอยซ์ทีวีเลย เพราะเขาพูดจาอะไรที่ตนไม่ชอบฟัง ตนเชื่อว่าวันนี้ คสช.เขามีอำนาจที่จะสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย อันนี้เป็นความจำเป็นซึ่งเขาเป็นรัฏฐาธิปัตย์ก็ต้องให้ความร่วมมือ คงไม่ไปวิจารณ์ว่าใครทำหน้าที่อย่างไร ...

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

คนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้  ครับ     นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง

แต่คนไม่ดี เช่น โกตี๋  ทักษิณ  และ แดงดำดิน  ทั้งหลาย    ตกน้ำก็หายไปกับสายน้ำ    ตกไฟก็ไหม้วอดวาย  

คนดี  ไม่ต้องหนีใคร   ยืนหยัดสู้ความจริง   ดังเช่น คุณสุเทพ  เทือกสุบรรณ   วีรบุรุษแห่ง กปปส.

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3

สงบ สว่าง สะอาด อริยมรรค
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่