เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปแข่งไตรกีฬาในรายการ Samila triathlon fun เป็นการจัดแข่งไตรกีฬาครั้งแรกของจังหวัดสงขลา ซึ่งผลการแข่งขันเป็นดังนี้ครับ
การเขียนของผมบางทีอาจจะดูวกวนไปบ้างและไม่มีรูปภาพบรรยากาศตอนแข่งให้ดู เพราะเขียนสดจากความรู้สึกอยากเขียนอย่างชั่ววูป
((แต่ถ้าอยากดูจริงๆคอมเม้นมาน่ะครับ))
ก่อนจะเข้าเรื่องผมต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมเป็นเด็กบ้านนอกจากจังหวัดยะลาคนหนึ่ง ซึ่งชื่นชอบในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและแข่งขัน ผมเริ่มเล่นกีฬาอย่าง"จริงจัง"เมื่อตอนอายุ16ปี โดยเริ่มจากกีฬาจักรยานและมีโอกาสได้เข้าร่วมแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่30 "ศรีสะเกษเกมส์" อีกด้วย ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี2 วิศวกรรมไฟฟ้า ((ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับกีฬาเลย)) เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเดิมทีการเรียนวิศวะเนี๊ยะก็หนักมากพออยู่แล้ว ((เรียนสอบกันไม่ได้หลับไม่ได้นอน)) เวลาพักผ่อนมีน้อยมากยิ่งทำให้ต้องบริหารเวลาให้ดีพอเข้ามหาลัยผมก็เริ่มหยุดซ้อมปั่นจักรยานเพราะจักรยานเป็นกีฬาที่ใช้เวลาเยอะมากในการซ้อม บวกกับไม่มีเพื่อนปั่นไม่มีคู่ซ้อมบวกกับการเรียนที่หนักอึ้ง อีกทั้งกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยในตอนนั้นไม่มีกีฬาประเภทจักรยานด้วย ผมก็เลยเริ่มซ้อมวิ่งอย่างจริงจังเพื่อเป็นตัวแทนแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย เมื่อได้เข้าร่วมแข่งขันจักรยานและวิ่งตามงานต่างๆรางวัลต่างๆที่ได้ทำให้เรามีกำลังใจที่จะซ้อมและทำมันต่อไป ความท้าทายใหม่จึงบังเกิดคือการ"แข่งไตรกีฬา"
จุดอ่อนของผมจริงๆเลยก็คือการว่ายน้ำ ผมมีเวลาซ้อมเพียง3สัปดาห์หลังจากได้สมัครแข่งรายการนี้ ช่วงนั้นผมซุ่มซ้อมแต่กับการว่ายน้ำ เพราะผมไม่มันใจจริงๆว่าจะว่ายน้ำได้รอดมั้ยในตอนแข่ง จะยกเลิกซ้อมก็ไม่ได้เพราะสมัครไปแล้ว
จนในที่สุดวันแข่งก็มาถึง ผมแข่งในรุ่นอายุ18-29ปีชาย ในวันนั้นร่างกายของผมฟิตเต็มที่ทั้งการว่ายน้ำและวิ่ง ยกเว้นจักรยาน((ซ้อมจักรยานแค่3วัน)) ซ้อมไม่ทันจริงๆต้องขอยอมรับเลยอันนี้
วันแข่งในวันนั้นเป็นวันที่อากาศดีมาก พระอาทิตย์ขึ้นประกายแสงทองอร่ามฟุ้งตามขอบเมฆอย่างงดงาม คลื่นทะเลก็ไม่แรงมาก เมื่อปล่อยตัวว่ายน้ำ(ระยะทาง750m)ทุกคนต่างวิ่งกรูแย่งกันอยู่ข้างหน้าและพากันเบียดเพื่อจะได้ว่ายขอบใน ทำให้มือไม้แขนขาแต่ละคนชนกันไปหมดเลยจะเปลี่ยนเป็นว่ายท่ากบก็ไม่ได้เพราะจะทำให้ขาไปถีบหน้าคนข้างหลังเอา(ต้องขอโทดจริงๆตอนนั้นที่ผมไปถีบโดนหน้าใครเอา) ผมว่าการว่ายน้ำทะเลง่ายกว่าการว่ายน้ำในสระมากมันลอยตัวง่ายแถมกระแสน้ำพาไป แต่ปัญหาของผมคือพอว่ายท่าฟรีสไตล์ไปได้สักพักมันมีความรู้สึกเหมือนว่ายไม่ตรง(ไม่รู้คิดไปเองหรือป่าว) พอขึ้นบกเพื่อไปปั่นจักรยานต่อมันเป็นอะไรที่รู้สึกเหมือนกับว่าจะวิ่งไปไม่ค่อยรอด หายใจหอบแฮกๆ แต่ช่วงของการปั่นจักรยานทำให้ผมแซงคู่แข่งไปได้เยอะ(อาจเป็นเพราะเป็นนักปั่นเก่า) ในช่วงสุดท้ายที่ผมประทับใจที่สุดก็คือ "การวิ่ง" มันเหนื่อยมาก มันหมดจริงๆ หากพูดถึงการแข่งขันไตรกีฬาแล้ว หลายคนอาจคิดว่าส่วนที่เหนื่อยที่สุดคือส่วนของการว่ายน้ำ แต่ความจริงแล้วในความคิดผมมันไม่ใช่เลย ส่วนที่เหนื่อยที่สุดคือการวิ่งเสียมากกว่า เพราะเราได้ใช้แรงในส่วนของการว่ายน้ำและปั่นจักรยานไปจนหมดแล้ว แถมยังต้องวิ่งท่ามกลางแดดร้อนๆ คอแห้ง หายใจก็แทบไม่ทัน แถมงานนี้ยังต้องวิ่งบนชายหาดและมีกฎห้ามถอดรองเท้าอีก ยิ่งวิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่หากคิดในทางกลับกันคนอื่นเขาก็ประสบปัญหาเดียวกับเรา แดดเดียวกัน ชายหาดเดียวกัน เหนื่อยเหมือนกัน ร้อนเหมือนกัน
สรุปผลการแข่งแล้ว ผมได้อันดับที่36จากทั้งหมด196 และได้อันดับ10 ในรุ่นอายุ18-29 จากทั้งหมด31คน
จากการแข่งขันไตรกีฬาครั้งนี้ทำให้บทเรียนที่ต้องกลับไปแก้ไข ดังนี้
-การว่ายน้ำต้องไปฝึกว่ายให้ตรง ต้องว่ายให้เร็วกว่านี้อีกมากกก
-หากอยากไปแข่งที่รายการใหนควรสมัครไว้แต่เนิ่นๆ เพราะมันจะเป็นตัวบังคับให้เราต้องฝึกซ้อม
-ต้องเก็บตังค์ซื้อนาฬิกาที่สามารถวัดระยะทางตอนว่ายน้ำได้เพื่อใช้ฝึกซ้อมตอนว่ายน้ำในทะเล(มหาลัยอยู่ใกล้ทะเล)
-ควรเช็คอุปกรณ์ที่ใช้แข่งให้แน่ใจว่าครบแล้ว เพราะตอนปั่นจักรยานลืมใส่ไมล์
-ควรรักษาความฟิตกล้ามเนื้อในปั่นการจักรยานอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณครับ
ไตรกีฬาครั้งแรกของมือใหม่
การเขียนของผมบางทีอาจจะดูวกวนไปบ้างและไม่มีรูปภาพบรรยากาศตอนแข่งให้ดู เพราะเขียนสดจากความรู้สึกอยากเขียนอย่างชั่ววูป ((แต่ถ้าอยากดูจริงๆคอมเม้นมาน่ะครับ))
ก่อนจะเข้าเรื่องผมต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมเป็นเด็กบ้านนอกจากจังหวัดยะลาคนหนึ่ง ซึ่งชื่นชอบในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและแข่งขัน ผมเริ่มเล่นกีฬาอย่าง"จริงจัง"เมื่อตอนอายุ16ปี โดยเริ่มจากกีฬาจักรยานและมีโอกาสได้เข้าร่วมแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่30 "ศรีสะเกษเกมส์" อีกด้วย ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี2 วิศวกรรมไฟฟ้า ((ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับกีฬาเลย)) เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเดิมทีการเรียนวิศวะเนี๊ยะก็หนักมากพออยู่แล้ว ((เรียนสอบกันไม่ได้หลับไม่ได้นอน)) เวลาพักผ่อนมีน้อยมากยิ่งทำให้ต้องบริหารเวลาให้ดีพอเข้ามหาลัยผมก็เริ่มหยุดซ้อมปั่นจักรยานเพราะจักรยานเป็นกีฬาที่ใช้เวลาเยอะมากในการซ้อม บวกกับไม่มีเพื่อนปั่นไม่มีคู่ซ้อมบวกกับการเรียนที่หนักอึ้ง อีกทั้งกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยในตอนนั้นไม่มีกีฬาประเภทจักรยานด้วย ผมก็เลยเริ่มซ้อมวิ่งอย่างจริงจังเพื่อเป็นตัวแทนแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย เมื่อได้เข้าร่วมแข่งขันจักรยานและวิ่งตามงานต่างๆรางวัลต่างๆที่ได้ทำให้เรามีกำลังใจที่จะซ้อมและทำมันต่อไป ความท้าทายใหม่จึงบังเกิดคือการ"แข่งไตรกีฬา"
จุดอ่อนของผมจริงๆเลยก็คือการว่ายน้ำ ผมมีเวลาซ้อมเพียง3สัปดาห์หลังจากได้สมัครแข่งรายการนี้ ช่วงนั้นผมซุ่มซ้อมแต่กับการว่ายน้ำ เพราะผมไม่มันใจจริงๆว่าจะว่ายน้ำได้รอดมั้ยในตอนแข่ง จะยกเลิกซ้อมก็ไม่ได้เพราะสมัครไปแล้ว
จนในที่สุดวันแข่งก็มาถึง ผมแข่งในรุ่นอายุ18-29ปีชาย ในวันนั้นร่างกายของผมฟิตเต็มที่ทั้งการว่ายน้ำและวิ่ง ยกเว้นจักรยาน((ซ้อมจักรยานแค่3วัน)) ซ้อมไม่ทันจริงๆต้องขอยอมรับเลยอันนี้
วันแข่งในวันนั้นเป็นวันที่อากาศดีมาก พระอาทิตย์ขึ้นประกายแสงทองอร่ามฟุ้งตามขอบเมฆอย่างงดงาม คลื่นทะเลก็ไม่แรงมาก เมื่อปล่อยตัวว่ายน้ำ(ระยะทาง750m)ทุกคนต่างวิ่งกรูแย่งกันอยู่ข้างหน้าและพากันเบียดเพื่อจะได้ว่ายขอบใน ทำให้มือไม้แขนขาแต่ละคนชนกันไปหมดเลยจะเปลี่ยนเป็นว่ายท่ากบก็ไม่ได้เพราะจะทำให้ขาไปถีบหน้าคนข้างหลังเอา(ต้องขอโทดจริงๆตอนนั้นที่ผมไปถีบโดนหน้าใครเอา) ผมว่าการว่ายน้ำทะเลง่ายกว่าการว่ายน้ำในสระมากมันลอยตัวง่ายแถมกระแสน้ำพาไป แต่ปัญหาของผมคือพอว่ายท่าฟรีสไตล์ไปได้สักพักมันมีความรู้สึกเหมือนว่ายไม่ตรง(ไม่รู้คิดไปเองหรือป่าว) พอขึ้นบกเพื่อไปปั่นจักรยานต่อมันเป็นอะไรที่รู้สึกเหมือนกับว่าจะวิ่งไปไม่ค่อยรอด หายใจหอบแฮกๆ แต่ช่วงของการปั่นจักรยานทำให้ผมแซงคู่แข่งไปได้เยอะ(อาจเป็นเพราะเป็นนักปั่นเก่า) ในช่วงสุดท้ายที่ผมประทับใจที่สุดก็คือ "การวิ่ง" มันเหนื่อยมาก มันหมดจริงๆ หากพูดถึงการแข่งขันไตรกีฬาแล้ว หลายคนอาจคิดว่าส่วนที่เหนื่อยที่สุดคือส่วนของการว่ายน้ำ แต่ความจริงแล้วในความคิดผมมันไม่ใช่เลย ส่วนที่เหนื่อยที่สุดคือการวิ่งเสียมากกว่า เพราะเราได้ใช้แรงในส่วนของการว่ายน้ำและปั่นจักรยานไปจนหมดแล้ว แถมยังต้องวิ่งท่ามกลางแดดร้อนๆ คอแห้ง หายใจก็แทบไม่ทัน แถมงานนี้ยังต้องวิ่งบนชายหาดและมีกฎห้ามถอดรองเท้าอีก ยิ่งวิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่หากคิดในทางกลับกันคนอื่นเขาก็ประสบปัญหาเดียวกับเรา แดดเดียวกัน ชายหาดเดียวกัน เหนื่อยเหมือนกัน ร้อนเหมือนกัน
สรุปผลการแข่งแล้ว ผมได้อันดับที่36จากทั้งหมด196 และได้อันดับ10 ในรุ่นอายุ18-29 จากทั้งหมด31คน
จากการแข่งขันไตรกีฬาครั้งนี้ทำให้บทเรียนที่ต้องกลับไปแก้ไข ดังนี้
-การว่ายน้ำต้องไปฝึกว่ายให้ตรง ต้องว่ายให้เร็วกว่านี้อีกมากกก
-หากอยากไปแข่งที่รายการใหนควรสมัครไว้แต่เนิ่นๆ เพราะมันจะเป็นตัวบังคับให้เราต้องฝึกซ้อม
-ต้องเก็บตังค์ซื้อนาฬิกาที่สามารถวัดระยะทางตอนว่ายน้ำได้เพื่อใช้ฝึกซ้อมตอนว่ายน้ำในทะเล(มหาลัยอยู่ใกล้ทะเล)
-ควรเช็คอุปกรณ์ที่ใช้แข่งให้แน่ใจว่าครบแล้ว เพราะตอนปั่นจักรยานลืมใส่ไมล์
-ควรรักษาความฟิตกล้ามเนื้อในปั่นการจักรยานอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณครับ