สาวน้อยพระอาทิตย์
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องไปทั่วจนย้อมภูเขาเป็นสีทอง เสียงนกและใบไม้ดังจนชวนหงุดหงิด หันซ้ายขวาเจอป่าไม้ แหงนหน้าก็เจอพระอาทิตย์ลูกโตแขวนอยู่บนท้องฟ้า สรุปแล้วก็คือมันช่างเป็นวันที่ร้อนอบอ้าว
ในเวลาเช่นนี้ ฉันได้พบกับพี่ชายที่กำลังจะฆ่าตัวตายค่ะ
ถ้าได้อ่านตามหนังสือเล่มหนาๆ เขียนด้วยตัวอักษรยากๆ ละก็ ทุกคนคงจะเห็นศัพท์ที่เยอะมากๆ เหมือนปลาในน้ำทะเล ในนั้น ตอนที่ฉันเปิดดูศัพท์คำว่าฆ่าตัวตาย ประโยคอธิบาย “การกระทำที่จะคร่าชีวิตตนเอง” ก็ขึ้นมา แม้จะเข้าใจยาก แต่ฉันก็จำความรู้สึกอันหน่วงใจได้อย่างดีเยี่ยม
เพราะชีวิตมันมีค่าไม่ใช่เหรอ?
ฉันขยับหมวกฟางใบโปรดของตัวเองอย่างเคยชิน ชุดวันพีชสีขาวปลิวพลิ้วไหวเล็กน้อยไปตามแรงลม ภูเขาสีทองกับอากาศร้อนจัด ไม่มีอะไรผิดปกติยกเว้นคนที่ได้เห็นตรงหน้า
เขาคือเด็กหนุ่มที่มีอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปีกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ ที่คอผูกเชือกขนาดใหญ่ไว้ เป็นเชือกเก่าๆ เหมือนเวลาที่ฉันเห็นหญิงแก่มันเอาไปทิ้งจากห้องเก็บของตามหมู่บ้าน อีกด้านของเชือกผูกไว้กับกิ่งไม้ขนาดใหญ่ของต้นไม้สูง ถ้าจำไม่ผิด คงจะมีอายุราวร้อยสี่สิบเจ็ดปีได้ ในตอนนั้น ในตอนนี้ ที่ฉันเงยหน้ามองเขา ก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพวาดที่สวยงามมากๆ อยู่ ผมสีน้ำตาลทองที่ดูเหมือนถูกย้อมมาสะท้อนกับแสงแดดจนส่องประกายสวยงามจนรู้สึกว่าเขาต่างหากล่ะคือพระอาทิตย์
กว่าจะหลุดจากภวังค์ภาพวาดอันงดงามไปได้ ฉันก็รู้สึกกระดากแอบชอบกล
“กำลังจะฆ่าตัวตายอยู่เหรอคะ”
พี่ชายกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะยิ้มให้ฉันที่ซึ่งมาขัดจังหวะ
“อื้ม กำลังจะฆ่าตัวตายแหละ”
เป็นพี่ชายที่แปลกคน...หรือบางทีอาจจะไม่เคยเห็น ด้วยความที่ไม่ค่อยสนิทสนมกับผู้คนนัก ฉันจึงคิดในใจเงียบๆ พลางยิ้มตอบ “มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ”
พี่ชายผมสีทองเอาเชือกออกจากคอ แล้วลงมานั่งยองๆ บนเก้าอี้ เมื่อระดับสายตาของเราเท่ากัน เขาก็หัวเราะออกมา “เป็นเด็กที่แปลกจังเลยนะ”
ฉันเอียงคออย่างไม่เข้าใจ “พี่ชายต่างหากล่ะคะที่แปลก”
“ถ้างั้นพวกเราก็แปลกเหมือนกันสิเนี่ย”
ประโยคที่มีความหมายไม่ค่อยน่าพิสมัย แต่ความจริงที่ว่าตัวฉันมีอะไรเชื่อมโยงกับมนุษย์อีกคนนั้น ใจจริงแล้วรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
รอยยิ้มร่าเริงของพี่ชาย และการกระทำที่จะคร่าชีวิตตนเอง ฉันคิดว่ามันน่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าแต่เธอเนี่ย เป็นเด็กมาจากไหนเหรอ”
“จากตรงนั้นแหละค่ะ” มือข้างหนึ่งของฉันจับหมวกฟาง แล้วเงยหน้าชี้ไปที่พระอาทิตย์กลมโตข้างบน
พี่ชายที่นอกจากจะแปลกคนแล้วยังเข้าใจยากหัวเราะ “แม่สาวน้อยจากท้องฟ้าเหรอ”
“ฉันน่ะ คือพระอาทิตย์ต่างหากค่ะ”
พอเห็นอีกฝ่ายเข้าใจผิด ฉันก็เลยอดย้ำเสียงดังๆ เข้าไปไม่ได้
“งั้นเหรอๆ...” พี่ชายยังคงทำหน้าแป้นต่อไป จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วถามว่า “พรุ่งนี้ถ้าฉันมา เธอจะยังอยู่ที่นี่หรือเปล่านะ”
ฉันยิ้มกว้าง “พระอาทิตย์จะอยู่กับพี่ชายเสมอแหละค่ะ”
หลังจากนั้น ฉันก็มองพี่ชายเดินจากไป
โดยที่เราไม่ได้แตะต้องตัวกัน
วันถัดมาที่เห็นพี่ชาย ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับกลายเป็นอะไรสักอย่าง
ที่บอกว่าอะไรสักอย่างก็เพราะว่าฉันเองก็ไม่รู้เช่นกัน หวนกลับไปนึกถึงใบหน้าของเมื่อวานแล้ว ก็ไม่สามารถจำได้ ราวกับว่ามีเงาดำก้อนหนาๆ มาทาบใบหน้าเอาไว้
'ถ้างั้นพวกเราก็แปลกเหมือนกันสิเนี่ย' เพราะพี่ชายที่พูดประโยคนั้นดูมีความสุขมาก และฉันเองก็มีความสุขมากเช่นกัน ในตอนนี้ที่เห็นความบิดเบี้ยวของหนังหน้า เงาสีดำๆ ในหัวของฉันก็ออกมาบดบังใบหน้าของอีกฝ่ายเสียใจหมด
ความจริงแล้วอาจจะเป็นเพราะแสงอาทิตย์แรงจนแยงตา หรืออาจจะเพราะเงาของต้นไม้มืดเกินไป ไม่ก็บางทีเพราะหยดน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนน้ำตาที่ฉันเห็นบ่อยๆ หล่นแปะๆ ลงบนพื้นดิน
ตัวฉัน ที่อ้างว่าตนเป็นพระอาทิตย์ รู้สึกว่าความมีพลังของตนเองควรจะมีไว้เพื่ออะไรเช่นนี้
มนุษย์เคยกล่าวว่าพระเจ้าใช้สงครามล้างมนุษย์ แต่ที่จริงแล้วพระเจ้าก็เป็นเพียงแค่คนที่มีเมตตามากคนหนึ่ง
“พี่ชายคะ พี่ชาย”
ฉันเรียกเขาด้วยรอยยิ้มเหมือนเมื่อวาน เป็นการปั้นสีหน้าอย่างที่เห็นว่าคนอื่นทำ เมื่อสมัยก่อนที่รู้จักเพียงการขยับเคลื่อนไหวและพูดจา ไร้สติปัญญาพอที่จะรู้ว่าสีหน้าความรู้สึกเป็นเช่นไร ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของผู้อื่นฉันรู้สึกมีความสุขมาก การฉีกยิ้มจึงถูกลอกเลียนแบบมาใช้เรื่อยมา
ก้อนสีดำข้างหน้าพ่นพรูเสียงบางอย่างออกมา ฉันไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงคลี่ยิ้มต่อไปเหมือนคนเขลา เชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายจักต้องได้รับความสุขอย่างที่ฉันได้มาเสมอ
ไม่รู้ว่าเพราะตนเองโง่เกินไป ตอนที่พี่ชายในก้อนสีดำขยับมือเร็วๆ มาที่แก้มจึงไม่สามารถหลบได้ทัน กลายเป็นอุบัติเหตุที่น่าอับอายเพราะตนเองเชื่องช้าเกินไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่..”
พูดได้ยังไม่ทันจบประโยค คนที่โง่งมอย่างฉันก็สำนึกรู้ตัวว่าการขยับมือเช่นนั้นเป็นความตั้งใจ ถ้าจำไม่ผิด คำที่ใช้เรียกการกระทำนี้ คือการทำร้าย
พี่ชายทำร้ายฉัน เพื่อต้องการให้ฉันเจ็บ
ความเจ็บปวดเกิดจากอะไรนั้น ฉันก็ไม่ทราบ เพราะฉันยังโง่เกินไปที่จะเข้าใจมนุษย์ โง่เกินไปที่จะทำให้พี่ชายกลับมายิ้มแย้ม และแม้ว่าแก้มของฉันจะไม่เจ็บเลยเพราะแรงที่น้อยนิด แต่เมื่อสายตาฉันเห็นมืออันแห้งกร้านเหมือนคนชราไม่มีผิดแล้วความรู้สึกหน่วงที่อกก็พรั่งพรูขึ้นมา
ตัวฉันที่ไร้สติปัญญา ไม่แม้แต่จะสังเกตร่างกายที่คนที่คุยด้วย ไม่แม้แต่จะสังเกตว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องการฆ่าตัวตาย
คนตรงหน้าตอนนี้ก้มตัวคุดคู้เหมือนเด็กทารก อันที่จริงแล้วเป็นท่าที่เพิ่มความอบอุ่น แต่พอมองเห็นความสั่นสะท้านแล้วก้อนสีดำนั่น ฉันกลับรู้สึกถึงแต่ความหนาวยะเยือก เหมือนความเจ็บปวดที่ลึกลงไปถึงในวิญญาณ
“แต่พวกเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ พวกเรามีสิ่งที่เชื่อมโยงกันไม่ใช่เหรอคะ”
สาเหตุที่ว่าทำไมถึงเชื่อมโยง แต่ไม่สามารถเข้าใจกันได้นั้น ฉันไม่รู้ และคิดว่าคงจะไม่มีใครให้คำตอบกับตัวฉันเช่นกัน
ทว่า ที่จริงแล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกันได้ใช่ไหม ถ้าหากว่าฉัน ถ้าหากว่าคุณได้จับมือกัน ได้มองตากัน พวกเราจะสามารถแบ่งปันความเจ็บปวดของคุณและความสุขของฉันได้ใช่ไหม
ฉันเชื่อว่าที่เราเจอกันวันนี้ เป็นเพราะโชคชะตาที่ลิขิตเช่นนั้นมาอย่างแน่นอน
ดังนั้นเมื่อฉันเอื้อมมือไปจับแขนของเขา แม้ว่าควันจะฟุ้งขึ้น แม้ว่าผิวของพี่ชายจะกลายเป็นสีดำและจับตัวแข็งก่อนแหลกสลาย มันก็คงเป็นเพราะพระเจ้ากำหนดให้ฉันทำให้พี่ชายยิ้มได้
ความรู้สึกที่ฉันได้โอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้ ฉันรู้สึกถึงแรงดิ้นอย่างหนักหน่วง เห็นถึงหยดน้ำบนใบหน้าที่เพิ่มมากกว่าเดิม แต่รอยย่นของใบหน้าที่ขยับไปมาจากการอ้าปากส่งเสียงดัง...แม้ว่าในวินาทีต่อมาจะกลายเป็นเถ้าก็ตาม
ฉันจับ ‘ชิ้นส่วนสุดท้าย’ ที่เหลืออยู่ของพี่ชายเอาไว้ รอยยิ้มประดับใบหน้าเช่นเคย
ก้อนสีดำหายไปแล้ว เหลือเพียงร่างเก่าของพี่ชายสีดำ
“พระอาทิตย์จะอยู่กับพี่ชายตลอดไปเองค่ะ”
ฉันรู้สึกเหมือนเห็นพี่ชายยิ้มหัวเราะอยู่ในหัว แม้ว่าพื้นดินจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตาก็ตามที
---------------------------------------------------------------------------
จบแล้วค่ะ ที่จริงแล้วจะตั้งชื่อว่าสาวน้อยพระอาทิตย์กับพี่ชายที่จะฆ่าตัวตาย แต่ชื่อดูไม่ตรงประเด็น พอแต่งออกมาแล้วแอบดูเน้นที่สาวน้อยซะมากกว่า เลยเปลี่ยนชื่อค่ะ
สามารถติได้หรือให้ความเห็นได้เลยค่ะ เป็นเรื่องที่แต่งไว้นานมากไม่มีโอกาสได้จบ แต่ส่วนตัวชอบคอนเซ็ปสาวน้อยพระอาทิตย์ เลยต้องมาต่อให้จบให้ได้
ใครอ่านแล้วงงๆ บอกกันได้นะคะ
ส่วนตัวแล้วอยากแต่งให้คำดูซื่อๆ เหมือนเด็กมากกว่านี้ แต่ยังไร้ประสบการณ์ ถ้าเกิดเก่งขึ้นแล้วอาจจะเอามาเกลาต่อก็ได้ค่ะ
ขอบคุณที่มาอ่านกันนะคะ
สาวน้อยพระอาทิตย์
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องไปทั่วจนย้อมภูเขาเป็นสีทอง เสียงนกและใบไม้ดังจนชวนหงุดหงิด หันซ้ายขวาเจอป่าไม้ แหงนหน้าก็เจอพระอาทิตย์ลูกโตแขวนอยู่บนท้องฟ้า สรุปแล้วก็คือมันช่างเป็นวันที่ร้อนอบอ้าว
ในเวลาเช่นนี้ ฉันได้พบกับพี่ชายที่กำลังจะฆ่าตัวตายค่ะ
ถ้าได้อ่านตามหนังสือเล่มหนาๆ เขียนด้วยตัวอักษรยากๆ ละก็ ทุกคนคงจะเห็นศัพท์ที่เยอะมากๆ เหมือนปลาในน้ำทะเล ในนั้น ตอนที่ฉันเปิดดูศัพท์คำว่าฆ่าตัวตาย ประโยคอธิบาย “การกระทำที่จะคร่าชีวิตตนเอง” ก็ขึ้นมา แม้จะเข้าใจยาก แต่ฉันก็จำความรู้สึกอันหน่วงใจได้อย่างดีเยี่ยม
เพราะชีวิตมันมีค่าไม่ใช่เหรอ?
ฉันขยับหมวกฟางใบโปรดของตัวเองอย่างเคยชิน ชุดวันพีชสีขาวปลิวพลิ้วไหวเล็กน้อยไปตามแรงลม ภูเขาสีทองกับอากาศร้อนจัด ไม่มีอะไรผิดปกติยกเว้นคนที่ได้เห็นตรงหน้า
เขาคือเด็กหนุ่มที่มีอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปีกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ ที่คอผูกเชือกขนาดใหญ่ไว้ เป็นเชือกเก่าๆ เหมือนเวลาที่ฉันเห็นหญิงแก่มันเอาไปทิ้งจากห้องเก็บของตามหมู่บ้าน อีกด้านของเชือกผูกไว้กับกิ่งไม้ขนาดใหญ่ของต้นไม้สูง ถ้าจำไม่ผิด คงจะมีอายุราวร้อยสี่สิบเจ็ดปีได้ ในตอนนั้น ในตอนนี้ ที่ฉันเงยหน้ามองเขา ก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพวาดที่สวยงามมากๆ อยู่ ผมสีน้ำตาลทองที่ดูเหมือนถูกย้อมมาสะท้อนกับแสงแดดจนส่องประกายสวยงามจนรู้สึกว่าเขาต่างหากล่ะคือพระอาทิตย์
กว่าจะหลุดจากภวังค์ภาพวาดอันงดงามไปได้ ฉันก็รู้สึกกระดากแอบชอบกล
“กำลังจะฆ่าตัวตายอยู่เหรอคะ”
พี่ชายกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะยิ้มให้ฉันที่ซึ่งมาขัดจังหวะ
“อื้ม กำลังจะฆ่าตัวตายแหละ”
เป็นพี่ชายที่แปลกคน...หรือบางทีอาจจะไม่เคยเห็น ด้วยความที่ไม่ค่อยสนิทสนมกับผู้คนนัก ฉันจึงคิดในใจเงียบๆ พลางยิ้มตอบ “มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ”
พี่ชายผมสีทองเอาเชือกออกจากคอ แล้วลงมานั่งยองๆ บนเก้าอี้ เมื่อระดับสายตาของเราเท่ากัน เขาก็หัวเราะออกมา “เป็นเด็กที่แปลกจังเลยนะ”
ฉันเอียงคออย่างไม่เข้าใจ “พี่ชายต่างหากล่ะคะที่แปลก”
“ถ้างั้นพวกเราก็แปลกเหมือนกันสิเนี่ย”
ประโยคที่มีความหมายไม่ค่อยน่าพิสมัย แต่ความจริงที่ว่าตัวฉันมีอะไรเชื่อมโยงกับมนุษย์อีกคนนั้น ใจจริงแล้วรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
รอยยิ้มร่าเริงของพี่ชาย และการกระทำที่จะคร่าชีวิตตนเอง ฉันคิดว่ามันน่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าแต่เธอเนี่ย เป็นเด็กมาจากไหนเหรอ”
“จากตรงนั้นแหละค่ะ” มือข้างหนึ่งของฉันจับหมวกฟาง แล้วเงยหน้าชี้ไปที่พระอาทิตย์กลมโตข้างบน
พี่ชายที่นอกจากจะแปลกคนแล้วยังเข้าใจยากหัวเราะ “แม่สาวน้อยจากท้องฟ้าเหรอ”
“ฉันน่ะ คือพระอาทิตย์ต่างหากค่ะ”
พอเห็นอีกฝ่ายเข้าใจผิด ฉันก็เลยอดย้ำเสียงดังๆ เข้าไปไม่ได้
“งั้นเหรอๆ...” พี่ชายยังคงทำหน้าแป้นต่อไป จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วถามว่า “พรุ่งนี้ถ้าฉันมา เธอจะยังอยู่ที่นี่หรือเปล่านะ”
ฉันยิ้มกว้าง “พระอาทิตย์จะอยู่กับพี่ชายเสมอแหละค่ะ”
หลังจากนั้น ฉันก็มองพี่ชายเดินจากไป
โดยที่เราไม่ได้แตะต้องตัวกัน
วันถัดมาที่เห็นพี่ชาย ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับกลายเป็นอะไรสักอย่าง
ที่บอกว่าอะไรสักอย่างก็เพราะว่าฉันเองก็ไม่รู้เช่นกัน หวนกลับไปนึกถึงใบหน้าของเมื่อวานแล้ว ก็ไม่สามารถจำได้ ราวกับว่ามีเงาดำก้อนหนาๆ มาทาบใบหน้าเอาไว้
'ถ้างั้นพวกเราก็แปลกเหมือนกันสิเนี่ย' เพราะพี่ชายที่พูดประโยคนั้นดูมีความสุขมาก และฉันเองก็มีความสุขมากเช่นกัน ในตอนนี้ที่เห็นความบิดเบี้ยวของหนังหน้า เงาสีดำๆ ในหัวของฉันก็ออกมาบดบังใบหน้าของอีกฝ่ายเสียใจหมด
ความจริงแล้วอาจจะเป็นเพราะแสงอาทิตย์แรงจนแยงตา หรืออาจจะเพราะเงาของต้นไม้มืดเกินไป ไม่ก็บางทีเพราะหยดน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนน้ำตาที่ฉันเห็นบ่อยๆ หล่นแปะๆ ลงบนพื้นดิน
ตัวฉัน ที่อ้างว่าตนเป็นพระอาทิตย์ รู้สึกว่าความมีพลังของตนเองควรจะมีไว้เพื่ออะไรเช่นนี้
มนุษย์เคยกล่าวว่าพระเจ้าใช้สงครามล้างมนุษย์ แต่ที่จริงแล้วพระเจ้าก็เป็นเพียงแค่คนที่มีเมตตามากคนหนึ่ง
“พี่ชายคะ พี่ชาย”
ฉันเรียกเขาด้วยรอยยิ้มเหมือนเมื่อวาน เป็นการปั้นสีหน้าอย่างที่เห็นว่าคนอื่นทำ เมื่อสมัยก่อนที่รู้จักเพียงการขยับเคลื่อนไหวและพูดจา ไร้สติปัญญาพอที่จะรู้ว่าสีหน้าความรู้สึกเป็นเช่นไร ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของผู้อื่นฉันรู้สึกมีความสุขมาก การฉีกยิ้มจึงถูกลอกเลียนแบบมาใช้เรื่อยมา
ก้อนสีดำข้างหน้าพ่นพรูเสียงบางอย่างออกมา ฉันไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงคลี่ยิ้มต่อไปเหมือนคนเขลา เชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายจักต้องได้รับความสุขอย่างที่ฉันได้มาเสมอ
ไม่รู้ว่าเพราะตนเองโง่เกินไป ตอนที่พี่ชายในก้อนสีดำขยับมือเร็วๆ มาที่แก้มจึงไม่สามารถหลบได้ทัน กลายเป็นอุบัติเหตุที่น่าอับอายเพราะตนเองเชื่องช้าเกินไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่..”
พูดได้ยังไม่ทันจบประโยค คนที่โง่งมอย่างฉันก็สำนึกรู้ตัวว่าการขยับมือเช่นนั้นเป็นความตั้งใจ ถ้าจำไม่ผิด คำที่ใช้เรียกการกระทำนี้ คือการทำร้าย
พี่ชายทำร้ายฉัน เพื่อต้องการให้ฉันเจ็บ
ความเจ็บปวดเกิดจากอะไรนั้น ฉันก็ไม่ทราบ เพราะฉันยังโง่เกินไปที่จะเข้าใจมนุษย์ โง่เกินไปที่จะทำให้พี่ชายกลับมายิ้มแย้ม และแม้ว่าแก้มของฉันจะไม่เจ็บเลยเพราะแรงที่น้อยนิด แต่เมื่อสายตาฉันเห็นมืออันแห้งกร้านเหมือนคนชราไม่มีผิดแล้วความรู้สึกหน่วงที่อกก็พรั่งพรูขึ้นมา
ตัวฉันที่ไร้สติปัญญา ไม่แม้แต่จะสังเกตร่างกายที่คนที่คุยด้วย ไม่แม้แต่จะสังเกตว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องการฆ่าตัวตาย
คนตรงหน้าตอนนี้ก้มตัวคุดคู้เหมือนเด็กทารก อันที่จริงแล้วเป็นท่าที่เพิ่มความอบอุ่น แต่พอมองเห็นความสั่นสะท้านแล้วก้อนสีดำนั่น ฉันกลับรู้สึกถึงแต่ความหนาวยะเยือก เหมือนความเจ็บปวดที่ลึกลงไปถึงในวิญญาณ
“แต่พวกเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ พวกเรามีสิ่งที่เชื่อมโยงกันไม่ใช่เหรอคะ”
สาเหตุที่ว่าทำไมถึงเชื่อมโยง แต่ไม่สามารถเข้าใจกันได้นั้น ฉันไม่รู้ และคิดว่าคงจะไม่มีใครให้คำตอบกับตัวฉันเช่นกัน
ทว่า ที่จริงแล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกันได้ใช่ไหม ถ้าหากว่าฉัน ถ้าหากว่าคุณได้จับมือกัน ได้มองตากัน พวกเราจะสามารถแบ่งปันความเจ็บปวดของคุณและความสุขของฉันได้ใช่ไหม
ฉันเชื่อว่าที่เราเจอกันวันนี้ เป็นเพราะโชคชะตาที่ลิขิตเช่นนั้นมาอย่างแน่นอน
ดังนั้นเมื่อฉันเอื้อมมือไปจับแขนของเขา แม้ว่าควันจะฟุ้งขึ้น แม้ว่าผิวของพี่ชายจะกลายเป็นสีดำและจับตัวแข็งก่อนแหลกสลาย มันก็คงเป็นเพราะพระเจ้ากำหนดให้ฉันทำให้พี่ชายยิ้มได้
ความรู้สึกที่ฉันได้โอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้ ฉันรู้สึกถึงแรงดิ้นอย่างหนักหน่วง เห็นถึงหยดน้ำบนใบหน้าที่เพิ่มมากกว่าเดิม แต่รอยย่นของใบหน้าที่ขยับไปมาจากการอ้าปากส่งเสียงดัง...แม้ว่าในวินาทีต่อมาจะกลายเป็นเถ้าก็ตาม
ฉันจับ ‘ชิ้นส่วนสุดท้าย’ ที่เหลืออยู่ของพี่ชายเอาไว้ รอยยิ้มประดับใบหน้าเช่นเคย
ก้อนสีดำหายไปแล้ว เหลือเพียงร่างเก่าของพี่ชายสีดำ
“พระอาทิตย์จะอยู่กับพี่ชายตลอดไปเองค่ะ”
ฉันรู้สึกเหมือนเห็นพี่ชายยิ้มหัวเราะอยู่ในหัว แม้ว่าพื้นดินจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตาก็ตามที
---------------------------------------------------------------------------
จบแล้วค่ะ ที่จริงแล้วจะตั้งชื่อว่าสาวน้อยพระอาทิตย์กับพี่ชายที่จะฆ่าตัวตาย แต่ชื่อดูไม่ตรงประเด็น พอแต่งออกมาแล้วแอบดูเน้นที่สาวน้อยซะมากกว่า เลยเปลี่ยนชื่อค่ะ
สามารถติได้หรือให้ความเห็นได้เลยค่ะ เป็นเรื่องที่แต่งไว้นานมากไม่มีโอกาสได้จบ แต่ส่วนตัวชอบคอนเซ็ปสาวน้อยพระอาทิตย์ เลยต้องมาต่อให้จบให้ได้ ใครอ่านแล้วงงๆ บอกกันได้นะคะ
ส่วนตัวแล้วอยากแต่งให้คำดูซื่อๆ เหมือนเด็กมากกว่านี้ แต่ยังไร้ประสบการณ์ ถ้าเกิดเก่งขึ้นแล้วอาจจะเอามาเกลาต่อก็ได้ค่ะ
ขอบคุณที่มาอ่านกันนะคะ