หมอกเมืองมาร ตอนที่ ๕
http://ppantip.com/topic/32867550
ตอนที่ ๖ ชายปริศนา
ฐานสิทธิ์รู้ว่ามันเป็นการเสี่ยงเหลือเกินที่เมฆาจะปองร้ายเขา หากเขายังอยู่ที่นั่น เขาอาจจะไม่ได้แค่ทุบหัวตนจนสลบเหมือนกับคราวที่แล้ว แม้ว่าฐานสิทธิ์จะไม่รู้เหตุจูงใจที่แท้จริงของเขาในการฆาตกรรมสมยศ แต่หากเขาพบกับเมฆา เขาจะบอกในทุกสิ่งที่ตนได้รับรู้ เพื่อหวังว่าเขาจะหยุดทุกอย่าง
ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ลงมาจนถึงตีนเขาที่ปกคลุมด้วยดงไม้รกทึบ หูของเขาได้ยินเสียงสายน้ำไหลเอื่อยๆ อยู่ทางซ้าย และเมื่อตัดสินใจเดินไปตามเสียงนั้นอย่างระมัดระวัง เขาก็ได้ยินเสียงสนทนากันเบาๆ ของคนสองคน
“พี่แน่ใจนะว่าเมื่อคืนพี่พบเขาที่นี่... ถ้าหากเมฆากลับมาแล้วจริงๆ แล้วทำไมเขาถึงไม่กลับบ้าน จะมาซ่อนตัวอยู่ในป่าทำไม” เฉิดฉวีถามด้วยอาการตื่นกลัว เบื้องหน้าหล่อนคือสุริยา นั่งอยู่บนก้อนหิน ใบหน้าเครียดขรึมจริงจัง
“มันรู้ว่าพ่อไปขอพิมพ์อัปสรให้กับฉันไง มันจงใจจะฆ่าฉันเมื่อคืน หมดฉันไปคนนึง พิมพ์อัปสรก็จะตกเป็นของมันคนเดียว” เมื่อพูดจบ แววตาของเฉิดฉวีก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงของความโกรธแค้น หากแต่หล่อนพยายามซ่อนมันไว้สุดกำลัง ในหัวใจของหล่อนตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว คือต้องยับยั้งไม่ให้สุริยาแต่งงานกับพิมพ์อัปสร
“แล้วพี่จะทำยังไงต่อไป...ไหนพี่บอกว่าไม่เห็นหน้าไงว่าใครเป็นคนทำร้ายพี่ เมฆาอาจจะตายไปแล้วจริงๆ ก็ได้”
“ถ้ามันตายไปแล้วก็ดี... แต่ถึงมันยังไม่ตาย ฉันก็จะทำให้มันเหมือนกับตายทั้งเป็น...” เขากัดฟันแน่น ใบหน้าเหี้ยมเกรียมหันมาจ้องหน้าเฉิดฉวี ชั่ววินาทีนั้นฐานสิทธิ์ที่แอบซุ่มดูอยู่ใจสั่นระรัว ชายหนุ่มลุกจากก้อนหิน เดินตรงเข้าไปหาหญิงสาว ส่งสายตาโหดเหี้ยมดุจปีศาจร้าย
“ฉันจะทำให้ทุกคนเกลียดมัน ถ้าเป็นยังไงถ้าหากว่ามันถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร จะเป็นยังไงถ้าพิมพ์อัปสรและท่านเหมันต์รู้ว่ามันเป็นคนฆ่าลุงสมยศ หล่อนจะยังอยากได้ผัวเป็นฆาตกรอยู่อีกรึเปล่า”
“นี่...นี่พี่หมายความว่า พี่จะป้ายความผิดให้กับเมฆางั้นเหรอ ? แต่... แต่เราไม่มีหลักฐานอะไรเลยนะ” เฉิดฉวีเอ่ยน้ำเสียงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เธออดประหวั่นพรั่นพรึงกับสีหน้าและท่าทางที่เปลี่ยนไปของสุริยาไม่ได้
“ใครว่า...” สุริยาลากเสียง ก่อนยิ้มเหยียดหยัน “คืนเกิดเหตุ...ตอนที่ลุงสมยศถูกฆ่าตาย ฉันแอบซุ่มดูอยู่ พอเจ้าฆาตกรมันจากไป ฉันก็เลยเข้าไปเก็บเอาบางอย่างออกมา...”
“อะไร...นี่หมายความว่าพี่เห็นเหตุการณ์คืนนั้นงั้นเหรอ ? แล้วพี่รู้รึเปล่าว่าฆาตกรคือใคร...” เฉิดฉวีเดินเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นจับท่อนแขนชายหนุ่มไว้แน่น ฐานสิทธิ์ที่รอฟังอยู่แทบจะหยุดหายใจ เขามองหน้าสุริยาอย่างไม่กระพริบ
สุริยาผ่อนลมหายใจยาว หรี่ตามองธารน้ำใสที่ไหลผ่านก้อนหินริมลำธารก่อนขบกรามแน่น ลักษณะของฆาตกรที่เขาเห็นเมื่อคืนนั้นพอจะเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร
“บอกฉันมาสิพี่...ใครที่ฆ่าลุงสมยศ” เฉิดฉวีถามย้ำด้วยอาการร้อนรน ก่อนที่สุริยาจะจุดยิ้มเยือกเย็น ก่อนจะเปล่งคำพูดเพียงสามคำที่ทำให้ฐานสิทธิ์หนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจ
“พวกบ้านใหญ่...”
หมอกเมืองมาร ตอนที่ ๖
ฐานสิทธิ์รู้ว่ามันเป็นการเสี่ยงเหลือเกินที่เมฆาจะปองร้ายเขา หากเขายังอยู่ที่นั่น เขาอาจจะไม่ได้แค่ทุบหัวตนจนสลบเหมือนกับคราวที่แล้ว แม้ว่าฐานสิทธิ์จะไม่รู้เหตุจูงใจที่แท้จริงของเขาในการฆาตกรรมสมยศ แต่หากเขาพบกับเมฆา เขาจะบอกในทุกสิ่งที่ตนได้รับรู้ เพื่อหวังว่าเขาจะหยุดทุกอย่าง
ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ลงมาจนถึงตีนเขาที่ปกคลุมด้วยดงไม้รกทึบ หูของเขาได้ยินเสียงสายน้ำไหลเอื่อยๆ อยู่ทางซ้าย และเมื่อตัดสินใจเดินไปตามเสียงนั้นอย่างระมัดระวัง เขาก็ได้ยินเสียงสนทนากันเบาๆ ของคนสองคน
“พี่แน่ใจนะว่าเมื่อคืนพี่พบเขาที่นี่... ถ้าหากเมฆากลับมาแล้วจริงๆ แล้วทำไมเขาถึงไม่กลับบ้าน จะมาซ่อนตัวอยู่ในป่าทำไม” เฉิดฉวีถามด้วยอาการตื่นกลัว เบื้องหน้าหล่อนคือสุริยา นั่งอยู่บนก้อนหิน ใบหน้าเครียดขรึมจริงจัง
“มันรู้ว่าพ่อไปขอพิมพ์อัปสรให้กับฉันไง มันจงใจจะฆ่าฉันเมื่อคืน หมดฉันไปคนนึง พิมพ์อัปสรก็จะตกเป็นของมันคนเดียว” เมื่อพูดจบ แววตาของเฉิดฉวีก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงของความโกรธแค้น หากแต่หล่อนพยายามซ่อนมันไว้สุดกำลัง ในหัวใจของหล่อนตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว คือต้องยับยั้งไม่ให้สุริยาแต่งงานกับพิมพ์อัปสร
“แล้วพี่จะทำยังไงต่อไป...ไหนพี่บอกว่าไม่เห็นหน้าไงว่าใครเป็นคนทำร้ายพี่ เมฆาอาจจะตายไปแล้วจริงๆ ก็ได้”
“ถ้ามันตายไปแล้วก็ดี... แต่ถึงมันยังไม่ตาย ฉันก็จะทำให้มันเหมือนกับตายทั้งเป็น...” เขากัดฟันแน่น ใบหน้าเหี้ยมเกรียมหันมาจ้องหน้าเฉิดฉวี ชั่ววินาทีนั้นฐานสิทธิ์ที่แอบซุ่มดูอยู่ใจสั่นระรัว ชายหนุ่มลุกจากก้อนหิน เดินตรงเข้าไปหาหญิงสาว ส่งสายตาโหดเหี้ยมดุจปีศาจร้าย
“ฉันจะทำให้ทุกคนเกลียดมัน ถ้าเป็นยังไงถ้าหากว่ามันถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร จะเป็นยังไงถ้าพิมพ์อัปสรและท่านเหมันต์รู้ว่ามันเป็นคนฆ่าลุงสมยศ หล่อนจะยังอยากได้ผัวเป็นฆาตกรอยู่อีกรึเปล่า”
“นี่...นี่พี่หมายความว่า พี่จะป้ายความผิดให้กับเมฆางั้นเหรอ ? แต่... แต่เราไม่มีหลักฐานอะไรเลยนะ” เฉิดฉวีเอ่ยน้ำเสียงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เธออดประหวั่นพรั่นพรึงกับสีหน้าและท่าทางที่เปลี่ยนไปของสุริยาไม่ได้
“ใครว่า...” สุริยาลากเสียง ก่อนยิ้มเหยียดหยัน “คืนเกิดเหตุ...ตอนที่ลุงสมยศถูกฆ่าตาย ฉันแอบซุ่มดูอยู่ พอเจ้าฆาตกรมันจากไป ฉันก็เลยเข้าไปเก็บเอาบางอย่างออกมา...”
“อะไร...นี่หมายความว่าพี่เห็นเหตุการณ์คืนนั้นงั้นเหรอ ? แล้วพี่รู้รึเปล่าว่าฆาตกรคือใคร...” เฉิดฉวีเดินเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นจับท่อนแขนชายหนุ่มไว้แน่น ฐานสิทธิ์ที่รอฟังอยู่แทบจะหยุดหายใจ เขามองหน้าสุริยาอย่างไม่กระพริบ
สุริยาผ่อนลมหายใจยาว หรี่ตามองธารน้ำใสที่ไหลผ่านก้อนหินริมลำธารก่อนขบกรามแน่น ลักษณะของฆาตกรที่เขาเห็นเมื่อคืนนั้นพอจะเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร
“บอกฉันมาสิพี่...ใครที่ฆ่าลุงสมยศ” เฉิดฉวีถามย้ำด้วยอาการร้อนรน ก่อนที่สุริยาจะจุดยิ้มเยือกเย็น ก่อนจะเปล่งคำพูดเพียงสามคำที่ทำให้ฐานสิทธิ์หนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจ
“พวกบ้านใหญ่...”