เงินที่เก็บเข้า ฮาลาล นั้น ไม่ใช่เงินที่กาเฟรตั้งใจบริจาค อย่างที่มุสลิมอ้าง

ขอตอบกระทู้นี้ด้วยการตั้งกระทู้ใหม่ เพราะเข้าไปตอบกระทู้นั้นไม่ได้
https://ppantip.com/topic/36218933

อิสลาม นั้นมีการค้าขายกับกาเฟร เอเซียมาตั้งแต่มีเส้นทางสายใหมทั้งทางบกและทางทะเลแล้ว แต่ไม่เคยมีการเรียกร้องให้กาเฟรต้องประทับตราฮาลาล ให้กับสินค้าของตัวเอง

ส่วน สยาม ก็มีการค้าขาย กับ มุสลิม มาตั้งแต่สมัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ จวบจึงสมัยรัชกาลที่ 9 ก็ยังไม่มีตราฮาลาล

เพราะ "ฮาลาล" ในความหมายเดิม ๆ นั้น มีความหมายแคบ ๆ เพียงแค่อาหารที่กินได้ หรือไม่ได้ ซึ่งจะบังคับการเลือกกินเนื้อสัตว์เป็นหลัก ว่าอะไร กินได้ อะไร กินไม่ได้ แล้วต้องเชือดแบบไหน เท่านั้น ดังนั้น อาหาร"ฮาลาล" จึงไม่มีอะไรแตกต่างไปจาก อาหาร "โคเชอร์" ของชาวยิว เพราะมีกรรมวิธีการเชือด และรำลึกถึงพระเจ้าองค์เดียวกัน

แต่ "ฮาลาล" ในทุกวันนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาหารที่เป็นแบบดั้งเดิม เหมือนที่ชาวยิวยังกินอาหารโคเชอร์ แต่ "ฮาลาล" หรือที่แปลว่า "อนุมัติ" ในทุกวันนี้ ได้ถูกตีความไปกว้างไกลกว่าเดิมมาก เป็นเครื่องมือรับใช้อิสลามที่มีจุดมุ่งหมาย ที่อิสลามจะยึดครองโลก ด้วยการค่อย ๆ เปลี่ยนประเทศกาเฟรให้กลายเป็นอิสลามให้หมด

อิสลาม ไม่แค่ศาสนา แต่เป็นทุกอย่างของชีวิตมุสลิม รวมทั้ง อิสลาม เป็นการเมือง การปกครองด้วย ในประเทศที่ปกครองเป็นรัฐอิสลามอย่างซาอุดิอารเบียนั้น กฎหมายสุงสุดของประเทศ คือ คัมภีร์อัลกรุอ่าน ซึ่งมีฐานะเทียบเท่าได้กับรัฐธรรมนูญของประเทศ อื่น ๆ ที่ไม่ใช่รัฐอิสลาม "อัลกรุอ่าน" นั้น เป็นโองการที่ออกมาจากพระเจ้า แต่รัฐธรรมนูญของรัฐโลกวิสัยทั่วไปนั้น มนุษย์ เป็นผู้ร่างขึ้นมา

ด้วยเหตุที่ อิสลามนั้น เป็นการเมืองด้วยนั้นเอง การพยายามต้องการบังคับใช้กฎหมายชาริอะห์ ซึ่ง"ฮาลาล" ก็เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายชาริอะห์ ในประเทศการเฟรนั้น ทำให้องค์กรของอิสลาม ได้สร้างรัฐอิสลาม ซ้อนขึ้นมา อยู่ในรัฐกาเฟรนั้นอีกที แล้วรัฐธรรมนูญของประเทศไทย ก็เข้ากันไม่ได้ กับ คัมภีร์อัลกรุอ่านของอิสลาม ดูได้จากไทยตอนนี้แตกต่างจากประเทศที่ปกครองแบบรัฐอิสลามอย่างซาอุดิอารเบียมาก

ดังนั้นเงินที่เก็บเข้าฮาลาล จึงมีลักษณะเป็นเงินภาษีที่เก็บเข้ารัฐอิสลาม ในลักษณะมัดมือชก โดยที่กาเฟรนั้นไม่ได้มีความต้องการตรา"อาลาล" แต่อย่างใด แล้วกาเฟรก็ไม่ได้ต้องการบริจาคเงินให้อิสลามด้วย เพราะไม่มีเหตุผลจะไปบริจาคเพราะตัวเองไม่ได้นับถือ ถ้าตั้งใจจะบริจาคเพื่อสาธารณกุศล นั้น ก็สามารถบริจาคผ่านศาสนาที่ตัวเองนับถือได้ ไม่จำเป็นต้องไปบริจาคผ่าน "ฮาลาล" ขององค์กรอิสลาม แล้วให้องค์กรอิสลามเอาไปอ้างเอาหน้าว่าตัวเองเอาไปทำประโยชน์อย่างนั้น อย่างนี้ อย่างที่มุสลิมอ้างขึ้นมา

ส่วนที่อ้างว่า อาหารฮาลาล ได้ถุกขายไปยังประเทศอิสลาม คิดเป็นจำนวนเงินถึง 213,500 ล้าน นั้น เป็นการพูดเกินความจริง และพูดไม่หมด เพราะอาหารที่คนกินนั้น มีทั้งสัตว์และพืช สำหรับพืช อย่าง ข้าว น้ำตาลทราย ผลไม้ นั้นเป็น "ฮาลาล" โดยธรรมชาติของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นฮาลาลเพราะมีตราฮาลาล  แล้วสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าทีเรียกว่า คอมมิตี้ ซึ่งแทบไม่มีความแตกต่างกัน สามารถซื้อหาได้จากหลายเจ้า ไม่มีใครสามารถผูกขาดได้ เหตุผลที่มุสลิมซื้ออาหารเหล่านี้ เนื่องจากผลิตไม่พอกับความต้องการในประเทศ เพราะบางประเทศแม้ร่ำรวยจากน้ำมันแต่พื้นที่ก็เป็นทะเลทราย ไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก บางประเทศแม้พื้นที่เหมาะแก่เพาะปลูก แต่ประชากรก็มีจำนวนมากเกินไป จนผลิตได้ไม่พอแก่การบริโภคในประเทศ

ดังนั้นการแข่งขันในสินค้าเกษตรเหล่านี้ จึงอยู่ที่ราคาของคู่แข่งขัน รวมทั้งการขาดแคลนของประเทศมุสลิมผู้นำเข้า ถ้าประเทศมุสลิมผู้นำเข้าไม่ขาดแคลน ต่อให้มีตราฮาลาล ก็ขายไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้มีความต้องการ

สำหรับอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์นั้น ประเทศไทยไม่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกในด้าน วัว แพะ แกะ แต่ที่สามารถแข่งขันได้คืออาหารทะเล ซึ่งก็เป็นฮาลาลโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะปลาทะเลตายตั้งแต่ยังไม่ขึ้นบกไม่จำเป็นต้องให้ใครฆ่าแบบอิสลาม ส่วนสัตว์อีกอย่างคือ ไก่ นั้น เป็นสิ่งเดียวที่จำเป็นต้องได้รับตราฮาลาล ว่าเป็นการเชือดโดยถูกต้องตามหลักอิสลาม

จากลิงค์นี้ http://www.thaihalalfoods.com/EN/industry-thai.php?id=13
ให้ดูสินค้าที่อ้างว่าฮาลาล แล้วถูกส่งออกไปยังประเทศมุสลิมนั้น จะพบว่าเป็น ข้าว น้ำตาล ทุน่ากระป๋อง แป้งมันสำปะหลัง ผลไม้สด มอลต์สกัด สัปปะรดกระป๋อง น้ำผลไม้ ผักสด ข้าวโพดกระป๋อง กุ้ง ปลาซาร์ดินกระป๋อง เครื่องปรุงอาหาร และเนื้อไก่ แล้วจะเห็นว่าทีส่งออกหลัก ๆ นั้นก็เป็นพืช ซึ่งเป็นฮาลาล ในตัวของมันเองอยู่แล้ว

ส่วนที่อ้างว่า ประชากรมุสลิมโลกมีถึง 1,600 ล้านคน จะเป็นตลาดฮาลาล อันใหญ่โตนั้น จริง ๆ แล้วประเทศมุสลิมที่ร่ำรวยมีเพียงประชากรของเศษฐีน้ำมันในประเทศ GCC ซึ่งมีเพียง 50 ล้านคน แต่ประชากรมุสลิมส่วนใหญ่นั้นอยู่ในเอเซียใต้ยังยากจนขาดกำลังซื้อ ดูได้จากตลาดเอเซียใต้นั้น มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 3.9 % เท่านั้นเอง

==============================
ทีนี่มาดูการค้าขายระหว่างประเทศมุสลิมในอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย และมาเลเซีย กับ ประเทศมุสลิมใหญ่ร่ำรวยในตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอารเบียบ้าง

การค้าระหว่าง อินโดและซาอุในปี 2016 อยู่ที่ US$ 4.06 billion ลดลง 25.98 % เมื่อเทียบกับปี 2015  โดยซาอุเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ทีสุดของอินโดในตะวันออกกลาง โดยส่งออกไป US$ 1.33 billion แต่อินโดนำเข้าจากซาอุ US$ 2.73 billion  ทำให้อินโดขาดดุลการค้า US$ 1.39 billion ในปี 2016 ซึ่งส่วนมากเป็นผลจากการนำเข้าน้ำมันและแก๊ส  ในทางกลับกัน อินโด ได้เปรียบดุลการค้าในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซ เป็นจำนวน US$ 627.5 million

สินค้าส่งออกหลัก ของอินโดไปซาอุ คือ รถยนต์ น้ำมันพืช ทูน่า ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ไม้อัด(plywood) กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เยื่อกกระดาษ ถ่านไม้ สิ่งทอและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ปลาแปรรูป

สำหรับมาเลเซีย ในปี 2016 มูลค่าการค้ากับซาอุดิอารเบียรวม RM 14 billion(US$ 3.15 billion) เพิ่มขึ้น 27.8% จากปีก่อนหน้า มาเลย์ส่งออก RM 3.4 billion(US$ 0.77 billion) มาเลย์เซียนำเข้า RM 10.6 billion( US$ 2.38 billion)
http://www.nst.com.my/news/2017/02/216045/malaysia-saudi-arabia-firms-sign-over-rm974b-worth-deals
สินค้าที่มาเลเซียส่งออกไปยังซาอุดิอารเบีย ได้แก่ อิเลคทรอนิคส์ (โทรศัพท์ จอภาพ คอมพิวเตอร์) เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำมันพืช ไม้อัด ไฟเบอร์บอร์ด ยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกล เครื่องกำเหนิดไฟฟ้า แอร์ หมีกพิมพ์ เนื้อปรุงแต่ง อาหารที่เป็นแป้งอบ  เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า(24%)จอภาพ(10%) น้ำมันปาล์มและน้ำมันพืช(13.5%) โทรศัพท์(4.3%)ทองแดง(6.5%) ผลิตภัณฑ์ เหล็ก สังกะสี อลุมิเนียม (6%) ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้(5.6%) ยางและผลิตภัณฑ์ยาง(4%) ชิ้นส่วนยานยนต์(2%) เนื้อปรุงแต่ง(1.4%) อาหารที่เป็นแป้งอบ(0.8%) ชาและกาแฟ(0.7%)
http://atlas.media.mit.edu/en/visualize/tree_map/hs92/export/mys/sau/show/2014/

===============================
ทีนี มาดูการค้าระหว่างไทย กับ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในปี 2016 บ้าง

ปี 2016 มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับอินโดนีเซียมีจำนวน US$ 14.4 billion โดยที่ไทยส่งออก US$ 8 billion และ นำเข้า US$ 6.4 billion
ส่วนมาเลเซีย ปี 2016 มีมูลค่าการค้ารวม US$ 20.5 billion โดยไทยส่งออก US$ 9.5 billion และนำเข้า US$ 11 billion

ให้ลองเปรียบมูลค่าการค้าของประเทศมุสลิมด้วยกัน ระหว่าง อินโดนีเซีย กับซาอุดิอารเบีย และ มาเลเซีย กับ ซาอุดิอารเบีย แล้วมาเปรียบที่มุสลิมในอาเซียนอย่างมาเลเซีย กับ อินโดนีเซีย มาค้าขายกับไทยดู จะพบว่ามูลค่า มันต่างกันลิบลับ ถ้าฮาลาล มันช่วยให้ขายของให้ประเทศมุสลิมได้จริง ทำไมมูลค่าการค้าของมุสลิมด้วย ถึง ต่างกันค้าขายกับกาเฟรไทย อย่างมาก
http://www.thaiwebsites.com/imports-exports.asp

================================
ทีนีลองมาดูรายละเอียดสินค้าที่ไทยส่งไปขายยัง อินโดนีเซีย ในปี 2014 บ้างว่าเป็นอย่างไร
http://atlas.media.mit.edu/en/visualize/tree_map/hs92/export/tha/idn/show/2014/
จะเห็นได้ว่า อาหารที่ส่งไปขายส่วนใหญ่นั้น เป็นพืช หรือ ผลิตภัณฑ์พืช เช่น น้ำตาล ข้าว แป้งมัน ผลไม้ เป็นต้น ซึ่งพวกนี้ มันเป็นฮาลาลโดยธรรมชาติของมันเองอยู่แล้ว ไทยส่งออกในส่วนที่เกี่ยวกับสัตว์ (Animal Product) เพียงแค่ 0.19% หรือ US$ 18.3 ล้าน เท่านั้น นี่คือสิ่งที่จำเป็นต้องมีฮาลาลจริง ๆ ซึงมุลค่ามันห่างไกลจาก 213,500 ล้านบาท ที่ ดร.วินัย  ดะห์ลัน เอามาอ้างมาก

แล้วลองมาดูสินค้าที่ไทยส่งไปขายยังมาเลเซียในปี 2014 บ้าง
http://atlas.media.mit.edu/en/visualize/tree_map/hs92/export/tha/idn/show/2014/
พบว่าสินค้าส่งออกแบ่งเป็น Machines 24% Transportation 22% Plastic and rubber 13% Chemical products 9.0% Foodstuff 8.4% metal 5.7% Vetbable product 4.4% Textile 3.9% Mineral 2.5% Paper goods 1.7% Instrument 1.2% stone and glass 0.81% Animal Hides 0.78% wood product 0.54% Animal product 0.19% Precious metals 0.14% Footwear and Headwear 0.065% anima and vetgetable bi-product 0.52% milk 0.14%

แล้วลองมาแยกสิ่งที่เป็น food stuff ดู จะพบว่าส่วนใหญ่ คือ น้ำตาล ข้าว แป้งมันสำปะหลัง  อาหารสัตว์ ผลไม้ ซึ่งพืชเหล่านี้มันฮาลาลในธรรมชาติของมันเองอยู่แล้ว ส่วนที่เกี่ยวข้องกับฮาลาลจริง ๆ คือส่วนที่เกี่ยวกับสัตว์ มี 4 สามกลุ่ม ซึ่งรวมแล้วได้ 1.6% เท่านั้น ซึ่งมูลค่าห่างไกลสุดกู่กับตัวเลข   213,500 ล้านบาท ที่ ดร.วินัย  ดะห์ลัน เอามาอ้างมาก

==================================

สรุป ได้ว่า ตัวเลขอาหาร ฮาลาล  213,500 ล้านบาท ที่เอามาอ้างนั้น เป็นการอ้างตัวเลขที่เกินจริง เพื่อตบตาผู้ที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้จริง ๆ ทำให้ดูเหมือนว่า ตราฮาลาลนั้น มันจำเป็นต่อตลาดส่งออกมาก ๆ  ทั้งที่ความจริงแล้ว สินค้าอาหารส่งออกจากไทยไปยังประเทศมุสลิมนั้น มันเป็นพืช ซึ่ง เป็นฮาลาล ในตัวมันเองอยู่แล้ว มีเพียงเล็กน้อยที่เป็นสัตว์ที่จำเป็นต้องการได้รับรองตราฮาลาลจริง ๆ

ในที่สุด ตราฮาลาล ที่ติดอยู่ตามป้ายสินค้าที่คนไทยพุทธ หรือ ศาสนาอื่น ๆ ซื้อมาบริโภคนั้น สินค้าเหล่านี้มันแทบไม่ได้ส่งออกไปต่างประเทศเลย แต่ออกตราฮาลาลมาแล้วเก็บเงินจากคนพุทธและศาสนาอื่นถึง 94% ซึ่งเงินส่วนนี้ คนพุทธหรือศาสนาอื่น เขาไม่ได้เต็มใจบริจาคให้แต่อย่างใด แต่มุสลิมกระทำโดยพลการด้วยเอง ล่วงละเมิดสิทธิของศาสนาอื่น ด้วยเข้าใจว่า ขณะนี้ไทยเป็นรัฐอิสลาม การที่องค์กรมุสลิมเลือกผู้นำ ชั้นต่าง ๆ มาถึงระดับสูงสุดนั้น ไม่ได้เป็นเหตุให้ อิสลาม มีสิทธิ มาเก็บเงินในลักษณะ เหมือนเก็บภาษี เช่นนี้ได้ เพราะมีรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญของไทยที่ต้องทำหน้าที่นี้อยู่

ถึงเแม้เงิน 70 ล้านจะดูน้อย ในตอนแรก แต่หากปล่อยมี "รัฐอิสลาม" ซ้อนรัฐไทยเป็นเช่นนี้ต่อไป อิสลามจะครอบงำ ทั้ง ธุรุกิจ และ การเมือง ไทย จนศาสนา อื่น ๆ ไม่สามาารถอยู่อย่างปกติสุขได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ระวังคนบางพวกเข้ามาดิ้นนะครับ คนพวกนี้เขาห้ามแตะต้องห้ามวิจารณ์ความเชื่ออันแรงกล้าของเขา
ความคิดเห็นที่ 33
" ฮาล้าล ก็เหมือน มอก. เหมือน iso  haacp "ผมคิดว่าไม่เหมือนนะครับ เพราะ HALAL นั้นเป็นมาตรฐานที่อ้างอิงตามความเชื่อ ไม่ได้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือชีวิตหรือความปลอดภัยใดๆ มีไหมละครับใครกินของไม่มี HALAL แล้วตาย
ความคิดเห็นที่ 64
ศาสนานี่ดูวุ่นวายจัง ทั้งชอบทำตัวเป็นผู้ก่อการร้าย

แม้แต่เรื่องอาหาายังเรื่องเยอะอีก
ความคิดเห็นที่ 85
ฮาลาล ถือว่า  ซื้อความสบายใจ เป็นโฆษณาการตลาดแล้วกัน  
ผมคนใต้แท้รู้ดี  เขาเน้นส่งออกเลยติด  อิสลามกินแพะจมูกบานเกือบทุกวัน
ลองดู   แคปซูลยา เจลลาตินทั้งหมด  สารอิลมัลติไฟร์เออร์   ช็อคแล็ตเกือบหมด  เนยเทียมที่ทอดโรตี  
สารเคมีอาหารจากจีน ทำจาก.......ทั้งนั้น  เพื่อนผมทำเคมีอาหารรู้ดี
ความคิดเห็นที่ 83
สมัยก่อนเป็นร้อยๆปี ก่อนมีการสร้างสัญลักษณ์ฮาลาล ก็เห็นชาวมุสลิมอยู่กันได้ดีมีความสุข ค้าขายกันได้กับคนนอกศาสนา

สมัยนี้ต้องยอมรับเลยว่า "มุสลิมบางคน สมัยนี้ ข้อแม้เยอะขึ้น"

เช่นพอเริ่มมีการคิดค้น "สัญลักษณ์" ขึ้นมาเท่านั้นแหละ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่คอขาดบาดตายขึ้นมาซะอย่างนั้น ของที่เคยกินได้ใช้ได้ ก็กลายเป็นกินไม่ได้ใช้ไม่ได้ ไม่สบายใจจากกฎที่ควรจะอำนวยความสะดวกให้แก่ศาสนิกของตัวเองแท้ๆ

เอะหรือว่ามีช่องทางตักตวกผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มจากเรื่องตราฮาลาล ในประเทศไทยกันแน่นะ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่