สวัสดีครับ วันนี้จะมานำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวทริปใหญ่ที่สุดในชีวิต ที่ไปมาเมื่อ 2-3 ปีก่อนครับ
สำหรับรายละเอียดเส้นทางทั้งหมด สามารถดูได้ในกระทู้แรก (ตอนที่ 1) ครับ
ความเดิมตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 (Poland) https://ppantip.com/topic/36011428
ตอนที่ 2 (Poland เช่นกัน) https://ppantip.com/topic/36013624
ตอนที่ 3 (Georgia-Armenia) https://ppantip.com/topic/36031735
ตอนที่ 4 (Armenia) https://ppantip.com/topic/36037558
ตอนที่ 5 (Armenia-Georgia) https://ppantip.com/topic/36051816
ตอนที่ 6 (แคว้นซินเจียง) https://ppantip.com/topic/36070890
ตอนที่ 7 (แคว้นซินเจียง) https://ppantip.com/topic/36126905
รีวิวอีกชุดหนึ่ง ชุด 2015 เส้นทางสายไหมปากีสถานและเอเชียกลาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/36103384
ดังที่เกริ่นไว้แล้วว่าวันนี้จะเข้าเขตของเมืองจีนที่เป็นใจกลางของจีนแท้ๆ (China Proper)
ดังแผนที่นี้ครับ วงตัวแดงไว้ คือแคว้นกานซู่ 甘肃 Gansu หรือระเบียงเหอซี 河西走廊 Hexi Corridor ซึ่งเปรียบเสมือนคอหอยของเส้นทางสายไหมภายในประเทศจีนครับ เป็นแคว้น/เส้นทางที่ประกบด้วยที่ราบสูงทิเบตอันแห้งแล้งทางทิศใต้ และทะเลทรายโกบีทางทิศเหนือครับ ที่เรียกว่าเป็นคอหอยของเส้นทางสายไหมนั้น เพราะเป็นเส้นทางเดียวในจีนที่จะเดินทางไปยังทิศตะวันตกได้ โดยผ่านเมืองโอเอซิสในเส้นทางนี้ครับ
เมื่อเดินทางมาจากแคว้นซินเจียงทางทิศตะวันตก สถานที่แรกที่เราจะแวะก็คือเมืองตุนหวง 敦煌 โดยเมื่อนั่งรถไฟมาจากซินเจียง จะลงที่สถานีของเมืองหลิวหยวน 柳园 เมื่อมาถึงก็จะพบกับภาพวาดตามศิลปะแบบจีน แตกต่างกับรูปวาดในแคว้นซินเจียงอุยกูร์เมื่อกระทู้ที่แล้ว
หลังจากต่อรถมายังตุนหวง ก็สายแล้ว ได้เวลากิน Brunch นี่คือหมี่น้ำลาเมี่ยนที่ขึ้นชื่อของเมืองหลานโจว เมืองหลวงของแคว้นกานซู่ แน่นอนว่ามีขายที่ตุนหวงนี่ด้วย แต่นี่เป็นแบบไม่ใส่เนื้อ ถ้าใส่เนื้อจะคิดราคาเพิ่มอีก ผมเลือกกินกับไข่ต้มแทนครับ (จริงๆคือพูดไม่รู้เรื่อง ชี้ๆเอา)
หลังจากเข้า hostel แล้ว ก็ได้เวลาสำรวจตัวเมืองตุนหวง
เมื่อเป็นเมืองจีน จึงมีร้านน้ำชา ขาดคาเฟอีนมานานเลยแวะจิบชาสักหน่อยครับ
ตึกต่างๆในตัวเมืองตุนหวง
ไอ้นี่คล้ายๆ โอเด้งในแบบจีน เห็นหลายทีแล้วแต่ผมก็ยังไม่รู้สักทีว่าเรียกว่าอะไร ใครรู้ช่วยบอกเป็นวิทยาทานหน่อยเถอะ
แล้วก็แวะกินกลางวันมื้อที่สอง มารู้ทีหลังว่าเขาเรียก ลวี๋โร่ว หวงเมี่ยน บะหมี่เหลืองเนื้อลาครับ ตอนกินนึกว่าเนื้อวัว -*- แต่อร่อยผิดคาดครับ
อันนี้คล้ายๆแป้งมันอะไรสักอย่างทอด กินเป็นขนม
อันนี้คล้ายๆ Gözleme ของตุรกี
ยังคงมีแผงขายถั่วและผลไม้แห้งเหมือนในซินเจียงและในประเทศมุสลิมทั่วไป
ร้านค้าในเมืองตุนหวง
ผักแลดูมาตรฐานเมืองจีน มีดอกกุยช่ายกับมะระด้วย
ไม้แกะสลัก
หินและหยก
พอตกบ่ายแก่ๆหน่อย ก็นั่งรถเมล์ไปยังหมิงซาซาน 鸣沙山 ภูเขาทรายร้องได้
มีบริการให้ขี่อูฐ ไอ้ตัวผมเองก็อยากขี่ แต่ แต่... พกเงินสดไปไม่พอครับ โง่สิ้นดี พอดีตังค์ที่กดไว้รอบที่แล้วใกล้หมดพอดี เลยจ่ายได้แค่ค่าเข้าอุทยาน ส่วนอูฐก็อดไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ขี่อูฐก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอะไรทำครับ เพราะที่นี่ยังมีของน่าดูอีก คือ เยว่หยาเฉวียน ทะเลสาบจันทร์เสี้ยวอันงดงามครับ
ตัววิหารข้างทะเลสาบจันทร์เสี้ยว
หลังจากนั้นผมก็เดินตามคนจีน เพื่อเดินขึ้นเนินทรายครับ ขี่อูฐไม่ได้เดินเอาก็ได้ ไม่ง้อ
เดินยากกว่าที่คิดพอสมควรเลยครับ โชคดีที่มีบันไดไม้เป็นขั้นๆช่วยให้เดินง่ายขึ้น
พอขึ้นไปถึง ว่าจะถ่ายรูปเยว่หยาเฉวียนสวยๆ กับเดินเที่ยว ปรากฏว่า... พายุทรายเริ่มพัดมา -*-
แสงอาทิตย์เริ่มกระเจิงจากเม็ดทราย
แล้วก็กระเจิงหนักเข้าจนเห็นเป็นสีเทา มองดวงอาทิตย์แทบไม่เห็น -*-
ก็เลยจำใจต้องกลับครับ แปลกดีพอกลับลงมาแล้วกลับไม่เห็นพายุทรายปกคลุมหนาแน่นขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีครับ
แวะกินโยเกิร์ตก่อนกลับ
ไอ้นี่เป็นร้านเชนไก่ทอดของเมืองจีน ชื่อภาษาอังกฤษว่า dico's มีสาขาที่นี่ด้วย
กลับเข้าตัวเมืองตุนหวง ร้านอาหารเริ่มเปิดและคนเริ่มมานั่ง (ทั้งๆที่มีพายุทรายอ่อนๆ)
บรรยากาศร้านอาหารกลางแจ้งครับ
แล้วก็เลยจัดลวี๋โร่วหวงเมี่ยน บะหมี่เนื้อลาไปอีกจานเป็นอาหารเย็น แต่สู้ตอนกลางวันไม่ได้ครับ อันนั้นอร่อยกว่า
หม้อร้อน เปิดแก๊สแรงสมเป็นเมืองจีน
วันถัดมา นั่งรถไปยังถ้ำโม่เกา ถ้ำกว่าพันถ้ำที่มีศิลปะทางพุทธศาสนาอยู่ครับ นี่คือวิวทิวทัศน์ระหว่างทาง
อันนี้เป็นแบบจำลองในตัวพิพิธภัณฑ์ครับ ไม่ใช่ในตัวถ้ำจริง ในถ้ำจริงเขาห้ามเอากล้องถ่ายรูปเข้าครับ ถ่ายไม่ได้
เมื่อถ่ายรูปไม่ได้ ก็อยู่แป๊บเดียวครับ หมดอารมณ์ กลับด้วยความเซ็ง นี่รูปตัวถ้ำจากด้านนอกครับ
และอาหารเย็นวันที่สองนี้ก็คือหมี่เย็น ที่มีเส้นประมาณล้านแบบ มีทั้งแบบหนุบๆ แบบกรุบๆ แบบหยุ่นๆ รสสัมผัสหลายแบบเคี้ยวสนุกดีครับ มันอร่อยตรงนี้แหละ
อร่อยจนต้องเบิ้ลสอง (แต่เปลี่ยนเส้นจะได้ลองหลายๆแบบ)
ต่อในคอมเม้นนะครับ
Grand Trip 2014 โปแลนด์-คอเคซัส-เส้นทางสายไหมจีน-ยูนนาน-หลวงพระบาง-เชียงใหม่ ตอนที่ 8 แคว้นกานซู่ 甘肃 ระเบียงเหอซี 河西走廊
สำหรับรายละเอียดเส้นทางทั้งหมด สามารถดูได้ในกระทู้แรก (ตอนที่ 1) ครับ
ความเดิมตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รีวิวอีกชุดหนึ่ง ชุด 2015 เส้นทางสายไหมปากีสถานและเอเชียกลาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดังที่เกริ่นไว้แล้วว่าวันนี้จะเข้าเขตของเมืองจีนที่เป็นใจกลางของจีนแท้ๆ (China Proper)
ดังแผนที่นี้ครับ วงตัวแดงไว้ คือแคว้นกานซู่ 甘肃 Gansu หรือระเบียงเหอซี 河西走廊 Hexi Corridor ซึ่งเปรียบเสมือนคอหอยของเส้นทางสายไหมภายในประเทศจีนครับ เป็นแคว้น/เส้นทางที่ประกบด้วยที่ราบสูงทิเบตอันแห้งแล้งทางทิศใต้ และทะเลทรายโกบีทางทิศเหนือครับ ที่เรียกว่าเป็นคอหอยของเส้นทางสายไหมนั้น เพราะเป็นเส้นทางเดียวในจีนที่จะเดินทางไปยังทิศตะวันตกได้ โดยผ่านเมืองโอเอซิสในเส้นทางนี้ครับ
เมื่อเดินทางมาจากแคว้นซินเจียงทางทิศตะวันตก สถานที่แรกที่เราจะแวะก็คือเมืองตุนหวง 敦煌 โดยเมื่อนั่งรถไฟมาจากซินเจียง จะลงที่สถานีของเมืองหลิวหยวน 柳园 เมื่อมาถึงก็จะพบกับภาพวาดตามศิลปะแบบจีน แตกต่างกับรูปวาดในแคว้นซินเจียงอุยกูร์เมื่อกระทู้ที่แล้ว
หลังจากต่อรถมายังตุนหวง ก็สายแล้ว ได้เวลากิน Brunch นี่คือหมี่น้ำลาเมี่ยนที่ขึ้นชื่อของเมืองหลานโจว เมืองหลวงของแคว้นกานซู่ แน่นอนว่ามีขายที่ตุนหวงนี่ด้วย แต่นี่เป็นแบบไม่ใส่เนื้อ ถ้าใส่เนื้อจะคิดราคาเพิ่มอีก ผมเลือกกินกับไข่ต้มแทนครับ (จริงๆคือพูดไม่รู้เรื่อง ชี้ๆเอา)
หลังจากเข้า hostel แล้ว ก็ได้เวลาสำรวจตัวเมืองตุนหวง
เมื่อเป็นเมืองจีน จึงมีร้านน้ำชา ขาดคาเฟอีนมานานเลยแวะจิบชาสักหน่อยครับ
ตึกต่างๆในตัวเมืองตุนหวง
ไอ้นี่คล้ายๆ โอเด้งในแบบจีน เห็นหลายทีแล้วแต่ผมก็ยังไม่รู้สักทีว่าเรียกว่าอะไร ใครรู้ช่วยบอกเป็นวิทยาทานหน่อยเถอะ
แล้วก็แวะกินกลางวันมื้อที่สอง มารู้ทีหลังว่าเขาเรียก ลวี๋โร่ว หวงเมี่ยน บะหมี่เหลืองเนื้อลาครับ ตอนกินนึกว่าเนื้อวัว -*- แต่อร่อยผิดคาดครับ
อันนี้คล้ายๆแป้งมันอะไรสักอย่างทอด กินเป็นขนม
อันนี้คล้ายๆ Gözleme ของตุรกี
ยังคงมีแผงขายถั่วและผลไม้แห้งเหมือนในซินเจียงและในประเทศมุสลิมทั่วไป
ร้านค้าในเมืองตุนหวง
ผักแลดูมาตรฐานเมืองจีน มีดอกกุยช่ายกับมะระด้วย
ไม้แกะสลัก
หินและหยก
พอตกบ่ายแก่ๆหน่อย ก็นั่งรถเมล์ไปยังหมิงซาซาน 鸣沙山 ภูเขาทรายร้องได้
มีบริการให้ขี่อูฐ ไอ้ตัวผมเองก็อยากขี่ แต่ แต่... พกเงินสดไปไม่พอครับ โง่สิ้นดี พอดีตังค์ที่กดไว้รอบที่แล้วใกล้หมดพอดี เลยจ่ายได้แค่ค่าเข้าอุทยาน ส่วนอูฐก็อดไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ขี่อูฐก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอะไรทำครับ เพราะที่นี่ยังมีของน่าดูอีก คือ เยว่หยาเฉวียน ทะเลสาบจันทร์เสี้ยวอันงดงามครับ
ตัววิหารข้างทะเลสาบจันทร์เสี้ยว
หลังจากนั้นผมก็เดินตามคนจีน เพื่อเดินขึ้นเนินทรายครับ ขี่อูฐไม่ได้เดินเอาก็ได้ ไม่ง้อ
เดินยากกว่าที่คิดพอสมควรเลยครับ โชคดีที่มีบันไดไม้เป็นขั้นๆช่วยให้เดินง่ายขึ้น
พอขึ้นไปถึง ว่าจะถ่ายรูปเยว่หยาเฉวียนสวยๆ กับเดินเที่ยว ปรากฏว่า... พายุทรายเริ่มพัดมา -*-
แสงอาทิตย์เริ่มกระเจิงจากเม็ดทราย
แล้วก็กระเจิงหนักเข้าจนเห็นเป็นสีเทา มองดวงอาทิตย์แทบไม่เห็น -*-
ก็เลยจำใจต้องกลับครับ แปลกดีพอกลับลงมาแล้วกลับไม่เห็นพายุทรายปกคลุมหนาแน่นขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีครับ
แวะกินโยเกิร์ตก่อนกลับ
ไอ้นี่เป็นร้านเชนไก่ทอดของเมืองจีน ชื่อภาษาอังกฤษว่า dico's มีสาขาที่นี่ด้วย
กลับเข้าตัวเมืองตุนหวง ร้านอาหารเริ่มเปิดและคนเริ่มมานั่ง (ทั้งๆที่มีพายุทรายอ่อนๆ)
บรรยากาศร้านอาหารกลางแจ้งครับ
แล้วก็เลยจัดลวี๋โร่วหวงเมี่ยน บะหมี่เนื้อลาไปอีกจานเป็นอาหารเย็น แต่สู้ตอนกลางวันไม่ได้ครับ อันนั้นอร่อยกว่า
หม้อร้อน เปิดแก๊สแรงสมเป็นเมืองจีน
วันถัดมา นั่งรถไปยังถ้ำโม่เกา ถ้ำกว่าพันถ้ำที่มีศิลปะทางพุทธศาสนาอยู่ครับ นี่คือวิวทิวทัศน์ระหว่างทาง
อันนี้เป็นแบบจำลองในตัวพิพิธภัณฑ์ครับ ไม่ใช่ในตัวถ้ำจริง ในถ้ำจริงเขาห้ามเอากล้องถ่ายรูปเข้าครับ ถ่ายไม่ได้
เมื่อถ่ายรูปไม่ได้ ก็อยู่แป๊บเดียวครับ หมดอารมณ์ กลับด้วยความเซ็ง นี่รูปตัวถ้ำจากด้านนอกครับ
และอาหารเย็นวันที่สองนี้ก็คือหมี่เย็น ที่มีเส้นประมาณล้านแบบ มีทั้งแบบหนุบๆ แบบกรุบๆ แบบหยุ่นๆ รสสัมผัสหลายแบบเคี้ยวสนุกดีครับ มันอร่อยตรงนี้แหละ
อร่อยจนต้องเบิ้ลสอง (แต่เปลี่ยนเส้นจะได้ลองหลายๆแบบ)
ต่อในคอมเม้นนะครับ