สวัสดีครับ วันนี้จะมานำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวทริปใหญ่ที่สุดในชีวิต ที่ไปมาเมื่อ 2-3 ปีก่อนครับ
สำหรับรายละเอียดเส้นทางทั้งหมด สามารถดูได้ในกระทู้แรก (ตอนที่ 1) ครับ
หรือเส้นทางเฉพาะในจีน สามารถดูได้ในตอนที่ 6 ครับ
ความเดิมตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 (Poland) https://ppantip.com/topic/36011428
ตอนที่ 2 (Poland เช่นกัน) https://ppantip.com/topic/36013624
ตอนที่ 3 (Georgia-Armenia) https://ppantip.com/topic/36031735
ตอนที่ 4 (Armenia) https://ppantip.com/topic/36037558
ตอนที่ 5 (Armenia-Georgia) https://ppantip.com/topic/36051816
ตอนที่ 6 (แคว้นซินเจียง) https://ppantip.com/topic/36070890
รีวิวอีกชุดหนึ่ง ชุด 2015
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/36103384
ตอนที่แล้วเกริ่นไว้ว่า ตอนนี้จะพาไปดูดินแดนที่ใกล้เคียงนรกที่สุดแห่งหนึ่งบนผืนโลก
ถามว่าใกล้เคียงอย่างไร อยู่ที่อุณหภูมิและระดับความสูงครับ
Turpan 吐鲁番 ถูหลู่ฟาน ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่เรียกว่า geological depression กล่าวคือ เป็นภูมิภาคที่แผ่นดินอยู่ลึกกว่าแผ่นดินโดยรอบ และในกรณีของ Turpan คืออยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 150 เมตร ถือเป็นจุดที่ต่ำสุดอันดับ 4 บนผืนโลก ซึ่งส่งผลหลักๆสองอย่าง คือทำให้อุณหภูมิสูงกว่าที่อื่นๆที่ละติจูดเดียวกัน และอย่างที่สองคือ ทำให้เป็นภูมิภาคที่แห้งแล้งฝนเอามากๆครับ
ทะเลทรายระหว่าง Ürümqi และ Turpan เป็นบริเวณที่ไม่มีอะไรอยู่เลย ไม่มีแม้แต่เนินทรายสวยๆให้ถ่ายรูป ภูมิทัศน์เป็นอย่างรูปข้างล่างครับ (ถ่ายจากบนรถไฟ)
อย่างไรก็ตาม น้ำนั้นไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ และมนุษย์ก็ใช้ประโยชน์ตรงนี้ ขุดคลองใต้ดิน ให้น้ำใต้ดินรอบๆ ไหลมากลายเป็นน้ำบนดินในบริเวณนี้ ทำให้สามารถทำการเพาะปลูกได้ครับ และการที่เป็นคลองใต้ดิน ก็ทำให้น้ำไม่ระเหยไปกับความแห้งแล้งและร้อนระอุอีกด้วย ดังรูปด้านล่างนี้ครับ
เวิ่นพอแล้ว พาไปเที่ยวเลยนะครับ เริ่มจากแวะกินขนมปังที่สถานีรถไฟ Turpan กันเลย มีทั้งแบบขนมปังอุยกูร์มาตรฐาน และแบบสีเหลืองๆที่ผมเคยเห็นแถวเฉิงตู-ฉงชิ่ง แบบสีเหลืองน่ากินมากครับ อยากรู้มากๆว่าทำจากอะไร
แป้งสีเหลืองน่ากินมาก
แต่ไม่มีอารมณ์จะกินขนมปังครับ เลยไปกินวุ้นเส้นหม้อร้อน เป็นแบบนี้ คนจีนขาย เพราะดังที่บอกไว้ในกระทู้ที่แล้ว ตอนที่ไปเป็นช่วงรอมฎอนพอดีครับ
สถานีรถไฟ Turpan อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไป ต้องต่อแท็กซี่ (แบบนั่งหลายคน) ครับ และระหว่างทางนั้น เป็นความแห้งแล้งอ้างว้างที่ไม่มีอะไรอยู่เลย
และแม้จะแดดหุบ แต่อุณหภูมิขณะนั้น คือ 45 องศาเซลเซียสครับ รถไม่มีแอร์ ขณะลมโกรก สัมผัสได้เลยว่าเป็นลมที่ร้อนมากๆ ร้อนจนกังวลว่ากล้องถ่ายรูปจะเสียหรือเปล่า
แล้วแท็กซี่ก็พาไปส่งที่พักครับ เนื่องจากจองโฮสเทลไม่ได้ จึงได้นอนโรงแรมครับ ที่ Turpan Silk Road Lodges
ปกติผมไม่กินแตงโมเลย แต่ความร้อนวันนั้น ทำให้ซัดไป 3 ชิ้นโดยไม่รู้ตัว (เจ้าของโรงแรมยกมาให้ฟรีครับ)
ห้องใหญ่ครับ เปิดแอร์ได้เย็นฉ่ำคุ้มค่าเงิน
บริเวณรอบๆโรงแรม เป็นไร่องุ่น ถ่ายจากดาดฟ้าโรงแรมครับ
สินค้าขึ้นชื่อของ Turpan ก็คือองุ่นนี่เองครับ
หลังจากพักร้อนเสร็จจนเวลาเย็นสักหน่อย ก็ได้เวลาเดินสำรวจเมืองและสถานที่เที่ยว โดยเดินผ่านหมู่บ้าน Muna'ercun
นี่เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมของ Turpan ครับ (เด็กที่นั่นจะบ้ากล้องมาก เห็นเราถือกล้องก็จะโพสท่าทันที)
สิ่งแรกที่ไปดูใน Turpan คือ Emin Minaret 苏公塔 (ซูกงทา) ครับ เป็นมัสยิดใน Turpan
ผิดกับทะเลทรายที่คิด คือ มีเมฆ แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกครับ
รอบๆ minaret จะมีสิ่งที่ลักษณะคล้ายสุสาน และมีไร่องุ่นครับ
หอคอย
สินค้าที่วางขายที่ Emin Minaret อย่างหนึ่งก็คือลูกเกดครับ แบบยังไม่เด็ดจากก้านเลย
แล้วก็เดินผ่านหมู่บ้าน Muna'ercun กันต่อครับ เด็กคนนี้อยู่ดีๆก็อุ้มลูกแมวออกมาให้เราถ่ายรูป
ตึกรามบ้านช่องและถนนในหมู่บ้าน
ชาวบ้านเลี้ยงแพะ
และวัว
เด็กแถวนี้บ้ากล้องครับ
เดินผ่านหมู่บ้านก็เข้ามาในตัวเมือง อันนี้น่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์อะไรสักอย่าง
อันนี้เข้าใจว่าเป็นโรงเรียน
แล้วก็ถึงบริเวณ grand bazaar ของ Turpan ครับ
มีลิ้นจี่ขายด้วย
แล้วก็พวกยำต่างๆ อย่างที่บอกในกระทู้ที่แล้วว่าคนแถวนี้กระเพาะแข็งแรงจริงๆ กินของตากอากาศร้อนๆแบบนี้แล้วท้องไม่เสีย
ภายใน bazaar ก็คือผ้าและพวกเครื่องแก้ว
วันถัดมาครับ เริ่มต้นวันด้วย Pilaf (ตื่นเที่ยงอีกแล้วครับ ผิดมากๆ เพราะช่วงบ่ายจะร้อนกว่าตอนเช้า)
ระหว่างรอรถเมล์เพื่อไปยังเมืองโบราณเจียวเหอ 交河 Jiaohe
รถเมล์ครับ
แล้วก็ถึงเมืองโบราณเจียวเหอครับ
ห่างกันไปนิดเดียวเอง หุบเขาด้านล่างมีน้ำไหลผ่าน มีต้นไม้ขึ้นเขียวขจี ตัดกับเมืองบนเนินที่แห้งแล้งมากๆครับ
และวันที่สองนี้ ตามที่พยากรณ์อากาศบอก อุณหภูมิในร่ม ย้ำ ในร่มไม่ใช่กลางแดด 49 องศาเซลเซียสครับ
ตอนดูเมืองเสร็จแทบเป็นลม ดูไม่ทั่วด้วย สมองมันตื้อ รู้ตัวว่าต้องเดินกลับ
แดดโหดร้ายมากๆครับ
หลังจากเข้าไปตากแอร์ ซดน้ำไปไม่รู้กี่ขวด ก็กลับมาในเมืองครับ ผลไม้อีกอย่างที่ปลูกได้มากแถบทะเลทราย คือแตงครับ แตงโมเยอะแยะเลย
ูณ ร้านขายของชำในเมือง กับคุณป้าเจ้าของร้าน
ภาพวาดแบบท้องถิ่น ซึ่งจะต่างไปกับบริเวณประเทศจีนที่เป็นของคนจีนจริงๆครับ (แคว้นซินเจียงเป็นของอุยกูร์)
แล้วเย็นวันนั้น ผมก็ออกจาก Turpan เพื่อนั่งรถไฟนอน ไปยังจุดหมายถัดไป นั่นคือเมืองตุนหวง 敦煌 Dunhuang ครับ ซึ่งจะกล่าวถึงในกระทู้ถัดไป
ตัดสินใจอยู่ Turpan คืนเดียว เนื่องจากที่พักแพงกว่าที่อื่นครับ (ปกติผมนอน hostel)
ที่เที่ยวแถว Turpan ที่ไม่ได้ไปคือ ดูคลองใต้ดิน Qanat, ดูสวนองุ่น, หุบเขาเพลิง (ในเมืองก็ร้อนแย่แล้ว ใครจะบ้าไปหุบเขาเพลิง), ทะเลสาบเกลือ (ซึ่งได้ข่าวว่าแห้งไปแล้ว), และเมืองโบราณ Gaochang เกาชางครับ ใครมาแถวนี้แล้วมีเวลา ก็ลองแวะได้ครับ แต่ผมมีเวลาและเงินจำกัด เพราะต้องข้ามประเทศจีนทั้งประเทศอีก เลยตัดใจ แวะได้แค่นี้ครับ
กระทู้หน้า จะเข้าสู่เมืองจีนที่เป็นจีนแท้ๆแล้วครับ กับเมืองตุนหวง วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ
Grand Trip 2014 โปแลนด์-คอเคซัส-เส้นทางสายไหมจีน-ยูนนาน-หลวงพระบาง-เชียงใหม่ ตอนที่ 7 Turpan 吐鲁番 ถูหลู่ฟาน
สำหรับรายละเอียดเส้นทางทั้งหมด สามารถดูได้ในกระทู้แรก (ตอนที่ 1) ครับ
หรือเส้นทางเฉพาะในจีน สามารถดูได้ในตอนที่ 6 ครับ
ความเดิมตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รีวิวอีกชุดหนึ่ง ชุด 2015
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่แล้วเกริ่นไว้ว่า ตอนนี้จะพาไปดูดินแดนที่ใกล้เคียงนรกที่สุดแห่งหนึ่งบนผืนโลก
ถามว่าใกล้เคียงอย่างไร อยู่ที่อุณหภูมิและระดับความสูงครับ
Turpan 吐鲁番 ถูหลู่ฟาน ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่เรียกว่า geological depression กล่าวคือ เป็นภูมิภาคที่แผ่นดินอยู่ลึกกว่าแผ่นดินโดยรอบ และในกรณีของ Turpan คืออยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 150 เมตร ถือเป็นจุดที่ต่ำสุดอันดับ 4 บนผืนโลก ซึ่งส่งผลหลักๆสองอย่าง คือทำให้อุณหภูมิสูงกว่าที่อื่นๆที่ละติจูดเดียวกัน และอย่างที่สองคือ ทำให้เป็นภูมิภาคที่แห้งแล้งฝนเอามากๆครับ
ทะเลทรายระหว่าง Ürümqi และ Turpan เป็นบริเวณที่ไม่มีอะไรอยู่เลย ไม่มีแม้แต่เนินทรายสวยๆให้ถ่ายรูป ภูมิทัศน์เป็นอย่างรูปข้างล่างครับ (ถ่ายจากบนรถไฟ)
อย่างไรก็ตาม น้ำนั้นไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ และมนุษย์ก็ใช้ประโยชน์ตรงนี้ ขุดคลองใต้ดิน ให้น้ำใต้ดินรอบๆ ไหลมากลายเป็นน้ำบนดินในบริเวณนี้ ทำให้สามารถทำการเพาะปลูกได้ครับ และการที่เป็นคลองใต้ดิน ก็ทำให้น้ำไม่ระเหยไปกับความแห้งแล้งและร้อนระอุอีกด้วย ดังรูปด้านล่างนี้ครับ
เวิ่นพอแล้ว พาไปเที่ยวเลยนะครับ เริ่มจากแวะกินขนมปังที่สถานีรถไฟ Turpan กันเลย มีทั้งแบบขนมปังอุยกูร์มาตรฐาน และแบบสีเหลืองๆที่ผมเคยเห็นแถวเฉิงตู-ฉงชิ่ง แบบสีเหลืองน่ากินมากครับ อยากรู้มากๆว่าทำจากอะไร
แป้งสีเหลืองน่ากินมาก
แต่ไม่มีอารมณ์จะกินขนมปังครับ เลยไปกินวุ้นเส้นหม้อร้อน เป็นแบบนี้ คนจีนขาย เพราะดังที่บอกไว้ในกระทู้ที่แล้ว ตอนที่ไปเป็นช่วงรอมฎอนพอดีครับ
สถานีรถไฟ Turpan อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไป ต้องต่อแท็กซี่ (แบบนั่งหลายคน) ครับ และระหว่างทางนั้น เป็นความแห้งแล้งอ้างว้างที่ไม่มีอะไรอยู่เลย
และแม้จะแดดหุบ แต่อุณหภูมิขณะนั้น คือ 45 องศาเซลเซียสครับ รถไม่มีแอร์ ขณะลมโกรก สัมผัสได้เลยว่าเป็นลมที่ร้อนมากๆ ร้อนจนกังวลว่ากล้องถ่ายรูปจะเสียหรือเปล่า
แล้วแท็กซี่ก็พาไปส่งที่พักครับ เนื่องจากจองโฮสเทลไม่ได้ จึงได้นอนโรงแรมครับ ที่ Turpan Silk Road Lodges
ปกติผมไม่กินแตงโมเลย แต่ความร้อนวันนั้น ทำให้ซัดไป 3 ชิ้นโดยไม่รู้ตัว (เจ้าของโรงแรมยกมาให้ฟรีครับ)
ห้องใหญ่ครับ เปิดแอร์ได้เย็นฉ่ำคุ้มค่าเงิน
บริเวณรอบๆโรงแรม เป็นไร่องุ่น ถ่ายจากดาดฟ้าโรงแรมครับ
สินค้าขึ้นชื่อของ Turpan ก็คือองุ่นนี่เองครับ
หลังจากพักร้อนเสร็จจนเวลาเย็นสักหน่อย ก็ได้เวลาเดินสำรวจเมืองและสถานที่เที่ยว โดยเดินผ่านหมู่บ้าน Muna'ercun
นี่เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมของ Turpan ครับ (เด็กที่นั่นจะบ้ากล้องมาก เห็นเราถือกล้องก็จะโพสท่าทันที)
สิ่งแรกที่ไปดูใน Turpan คือ Emin Minaret 苏公塔 (ซูกงทา) ครับ เป็นมัสยิดใน Turpan
ผิดกับทะเลทรายที่คิด คือ มีเมฆ แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกครับ
รอบๆ minaret จะมีสิ่งที่ลักษณะคล้ายสุสาน และมีไร่องุ่นครับ
หอคอย
สินค้าที่วางขายที่ Emin Minaret อย่างหนึ่งก็คือลูกเกดครับ แบบยังไม่เด็ดจากก้านเลย
แล้วก็เดินผ่านหมู่บ้าน Muna'ercun กันต่อครับ เด็กคนนี้อยู่ดีๆก็อุ้มลูกแมวออกมาให้เราถ่ายรูป
ตึกรามบ้านช่องและถนนในหมู่บ้าน
ชาวบ้านเลี้ยงแพะ
และวัว
เด็กแถวนี้บ้ากล้องครับ
เดินผ่านหมู่บ้านก็เข้ามาในตัวเมือง อันนี้น่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์อะไรสักอย่าง
อันนี้เข้าใจว่าเป็นโรงเรียน
แล้วก็ถึงบริเวณ grand bazaar ของ Turpan ครับ
มีลิ้นจี่ขายด้วย
แล้วก็พวกยำต่างๆ อย่างที่บอกในกระทู้ที่แล้วว่าคนแถวนี้กระเพาะแข็งแรงจริงๆ กินของตากอากาศร้อนๆแบบนี้แล้วท้องไม่เสีย
ภายใน bazaar ก็คือผ้าและพวกเครื่องแก้ว
วันถัดมาครับ เริ่มต้นวันด้วย Pilaf (ตื่นเที่ยงอีกแล้วครับ ผิดมากๆ เพราะช่วงบ่ายจะร้อนกว่าตอนเช้า)
ระหว่างรอรถเมล์เพื่อไปยังเมืองโบราณเจียวเหอ 交河 Jiaohe
รถเมล์ครับ
แล้วก็ถึงเมืองโบราณเจียวเหอครับ
ห่างกันไปนิดเดียวเอง หุบเขาด้านล่างมีน้ำไหลผ่าน มีต้นไม้ขึ้นเขียวขจี ตัดกับเมืองบนเนินที่แห้งแล้งมากๆครับ
และวันที่สองนี้ ตามที่พยากรณ์อากาศบอก อุณหภูมิในร่ม ย้ำ ในร่มไม่ใช่กลางแดด 49 องศาเซลเซียสครับ
ตอนดูเมืองเสร็จแทบเป็นลม ดูไม่ทั่วด้วย สมองมันตื้อ รู้ตัวว่าต้องเดินกลับ
แดดโหดร้ายมากๆครับ
หลังจากเข้าไปตากแอร์ ซดน้ำไปไม่รู้กี่ขวด ก็กลับมาในเมืองครับ ผลไม้อีกอย่างที่ปลูกได้มากแถบทะเลทราย คือแตงครับ แตงโมเยอะแยะเลย
ูณ ร้านขายของชำในเมือง กับคุณป้าเจ้าของร้าน
ภาพวาดแบบท้องถิ่น ซึ่งจะต่างไปกับบริเวณประเทศจีนที่เป็นของคนจีนจริงๆครับ (แคว้นซินเจียงเป็นของอุยกูร์)
แล้วเย็นวันนั้น ผมก็ออกจาก Turpan เพื่อนั่งรถไฟนอน ไปยังจุดหมายถัดไป นั่นคือเมืองตุนหวง 敦煌 Dunhuang ครับ ซึ่งจะกล่าวถึงในกระทู้ถัดไป
ตัดสินใจอยู่ Turpan คืนเดียว เนื่องจากที่พักแพงกว่าที่อื่นครับ (ปกติผมนอน hostel)
ที่เที่ยวแถว Turpan ที่ไม่ได้ไปคือ ดูคลองใต้ดิน Qanat, ดูสวนองุ่น, หุบเขาเพลิง (ในเมืองก็ร้อนแย่แล้ว ใครจะบ้าไปหุบเขาเพลิง), ทะเลสาบเกลือ (ซึ่งได้ข่าวว่าแห้งไปแล้ว), และเมืองโบราณ Gaochang เกาชางครับ ใครมาแถวนี้แล้วมีเวลา ก็ลองแวะได้ครับ แต่ผมมีเวลาและเงินจำกัด เพราะต้องข้ามประเทศจีนทั้งประเทศอีก เลยตัดใจ แวะได้แค่นี้ครับ
กระทู้หน้า จะเข้าสู่เมืองจีนที่เป็นจีนแท้ๆแล้วครับ กับเมืองตุนหวง วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ