การจัดทำโครงงานนั้น ก็คือการทำวิจัยนั่นเอง
การทำวิจัยก็คือทำให้บุคคลผู้นั้น ได้เกิดความรู้ที่แท้จริง ฝังแน่น และ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ดีที่สุด
ในการจัดการเรียนการสอน แน่นอน เด็กต้องเรียนรู้หลักการต่าง ๆ ทักษะกระบวนการทดลอง ทฤษฏี การคำนวณต่างๆ
ผ่านครูผู้สอน โดยในระหว่างนั้นครูผู้สอนอาจนำกระบวนการวิจัยเล็กๆ แทรกในการจัดการเรียนการสอนคาบนั้นๆ
หลายคนเกรงว่า จะได้เนื้อหาไม่ครบ (แต่ในความเป็นจริงผมว่า เรายอมที่จะเสียสละเวลาเพื่อที่จะทำอะไรให้เด็กได้เรียนรู้
และจดจำสิ่งนั้นได้ดี ดีกว่าเนื้อหาครบแต่เด็กไม่ได้อะไรเลย คือยอมได้นิดเดียว หรือไม่ได้เลยต่างหาก)
จากนั้นก็ให้เด็กหาค้นคว้า สังเกต ปัญหาที่พบเจอ ตั้งสมมติฐาน ที่จะสร้างเครื่องอะไรสักอย่างที่อาศัยหลักการที่เรียนมา
มาสร้าง แล้วมีการทดสอบ ปรับเปลี่ยนตัวแปร วิเคราะห์ และนำไปปรับปรุง กลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ใช้งานได้จริง โดยอาศัย
หลักการความรู้ที่เรียนมา โดยสิ่งที่นักเรียนสร้าง หรือ ประดิษฐ์ การออกแบบ เป็นสิ่งที่นักเรียนจะต้องค้นคว้า คิดเอง ไม่ได้ทำตามอาจารย์
แสดงให้เห็นว่า สอนจับปลา แต่ไม่ได้ให้ปลา เพราะในอนาคต นร.ก็จะสามารถทำแบบนี้ต่อไปเองได้ เมื่อไม่ได้เรียนกับเรา เป็นต้น
จากนั้นเมื่อทำเสร็จแล้ว ผมคิดว่าการนำเสนอ มันเป็นยุคปัจจุบัน ก็ควรทำการนำเสนอ โดยการทำเป็นวีดิทัศน์ เล่าเรื่องราว การทดสอบ การทำงาน
การอธิบายหน้ากล้อง การอธิบายผล ทำเป็นวีดิทัศน์ เพราะสื่อปัจจุบัน เป็นสื่อออนไลน์ การส่งงาน ก็สามารถดูได้โดยง่าย และนักเรียน
หลายคนที่สังเกต ไม่กล้าพูดหน้ากล้อง นี่จะเป็นการฝึกทักษะการพูดนี้ด้วย (ครูก็ควรฝึกด้วย)
หมายเหตุ ที่สำคัญ ห้ามก๊อป งานวิจัยคนอื่นมาเด็ดขาด ทุกคนย่อมหวงงานวิจัยของตน สิ่งประดิษฐ์ของตน ก๊อปในหลักการยังพอได้ แต่ถ้าก๊อปมาเปะๆ
คงไม่ไหว และเมื่อนำคำพูดงานวิจัยคืนอื่นมาก็ต้องมีการอ้างอิงให้เกียรติเขาด้วย
การจัดการเรียนการสอนด้วยโครงงานสิ่งประดิษฐ์+นำเสนอ เป็น vdo
การทำวิจัยก็คือทำให้บุคคลผู้นั้น ได้เกิดความรู้ที่แท้จริง ฝังแน่น และ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ดีที่สุด
ในการจัดการเรียนการสอน แน่นอน เด็กต้องเรียนรู้หลักการต่าง ๆ ทักษะกระบวนการทดลอง ทฤษฏี การคำนวณต่างๆ
ผ่านครูผู้สอน โดยในระหว่างนั้นครูผู้สอนอาจนำกระบวนการวิจัยเล็กๆ แทรกในการจัดการเรียนการสอนคาบนั้นๆ
หลายคนเกรงว่า จะได้เนื้อหาไม่ครบ (แต่ในความเป็นจริงผมว่า เรายอมที่จะเสียสละเวลาเพื่อที่จะทำอะไรให้เด็กได้เรียนรู้
และจดจำสิ่งนั้นได้ดี ดีกว่าเนื้อหาครบแต่เด็กไม่ได้อะไรเลย คือยอมได้นิดเดียว หรือไม่ได้เลยต่างหาก)
จากนั้นก็ให้เด็กหาค้นคว้า สังเกต ปัญหาที่พบเจอ ตั้งสมมติฐาน ที่จะสร้างเครื่องอะไรสักอย่างที่อาศัยหลักการที่เรียนมา
มาสร้าง แล้วมีการทดสอบ ปรับเปลี่ยนตัวแปร วิเคราะห์ และนำไปปรับปรุง กลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ใช้งานได้จริง โดยอาศัย
หลักการความรู้ที่เรียนมา โดยสิ่งที่นักเรียนสร้าง หรือ ประดิษฐ์ การออกแบบ เป็นสิ่งที่นักเรียนจะต้องค้นคว้า คิดเอง ไม่ได้ทำตามอาจารย์
แสดงให้เห็นว่า สอนจับปลา แต่ไม่ได้ให้ปลา เพราะในอนาคต นร.ก็จะสามารถทำแบบนี้ต่อไปเองได้ เมื่อไม่ได้เรียนกับเรา เป็นต้น
จากนั้นเมื่อทำเสร็จแล้ว ผมคิดว่าการนำเสนอ มันเป็นยุคปัจจุบัน ก็ควรทำการนำเสนอ โดยการทำเป็นวีดิทัศน์ เล่าเรื่องราว การทดสอบ การทำงาน
การอธิบายหน้ากล้อง การอธิบายผล ทำเป็นวีดิทัศน์ เพราะสื่อปัจจุบัน เป็นสื่อออนไลน์ การส่งงาน ก็สามารถดูได้โดยง่าย และนักเรียน
หลายคนที่สังเกต ไม่กล้าพูดหน้ากล้อง นี่จะเป็นการฝึกทักษะการพูดนี้ด้วย (ครูก็ควรฝึกด้วย)
หมายเหตุ ที่สำคัญ ห้ามก๊อป งานวิจัยคนอื่นมาเด็ดขาด ทุกคนย่อมหวงงานวิจัยของตน สิ่งประดิษฐ์ของตน ก๊อปในหลักการยังพอได้ แต่ถ้าก๊อปมาเปะๆ
คงไม่ไหว และเมื่อนำคำพูดงานวิจัยคืนอื่นมาก็ต้องมีการอ้างอิงให้เกียรติเขาด้วย