ชิตังเม!....งานนี้ใครเฮ?



ข่าวล่า...จากมติที่ประชุม มส. ที่ประกาศยังไม่มีมติ “สึก” ธัมมชโย และพร้อมไปกับการแถลงข่าวยุติการค้นหาหลวงพ่อที่ หายากที่สุดในประเทศ รวมทั้งการเตรียมยกเลิกมาตรา 44 ในเวลาอันใกล้นี้ ถือเป็นข่าวเฮที่บรรดาสาวกต่างพากันสาธุ ..ชิตังเมสามโป้งราวกับประกาศชนะสงคราม

เป็นไงล่ะ....เห็นอิทธิปาฎิหารย์ในความบริสุทธิ์ผุดผ่องของหลวงพ่อกันหรือยังจ๊ะ!

การสิ้นสุดปฎิบัติการค้นเพื่อจับ “พระหายากที่สุด” แม้นจะไม่สะใจบรรดาผู้ติดตามที่อยากเห็นเกมนี้จบลงแบบตรงๆ  ชั๊วะช๊ะ ๆ  และดูผาด ๆ ของเกมนี้ดูเหมือนภาพจะไปฉายบารมีให้แก่ฝ่ายวัดพระธรรมกายว่าเป็นองค์กรพิเศษที่รัฐบาลและกฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้.และ เป็นฝ่ายกุมชัยชนะได้ในที่สุด เพราะรัฐฯ ยอมถอยทั้งคนทั้งมาตรา 44!..............

แต่! .......................

แต่ในกึ๋นวิเคราะห์ของเหล่าเกจิการเมืองรุ่นเก๋า..และเจนสงคราม ต่างมองในภาพของปฎิบัติการยื้อที่ใช้เวลากว่า 20 วันที่ผ่านมาว่าได้เดินทางมาถึงเป้าหมายที่ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจแล้ว

เพราะแม้น DSI จะพอรู้ว่า ธัมมชโย ทุกวันนี้ ก็ยังเล่นล่อเอาเถิด ปิดตาซ่อนหาวนไปมาอยู่ในบริเวณวัด ..แต่การเข้าไปค้นแบบปูพรม บนอาณาเขตกว้างขวาง และพร้อมๆ กับการต้องเผชิญหน้ากับเหล่าสาวกที่พร้อมจะปกป้องและช่วยเหลือหลวงพ่อทุกด้านนั้น ไม่คุ้มค่าถ้าจะยื้อเกมต่อไป เพราะเป้าหมายหลักสำคัญๆที่ฝ่ายรัฐฯ ต้องการให้เกิดและถือว่าประสบผลสัมฤทธิ์แล้วคือ

1.    พิสูจน์ให้คนไทยที่ยังให้การสนับสนุนธัมมชโย และวัดแห่งนี้ ได้เห็นเป็นประจักษ์ชัดแล้ว ถึงการโกหกพกลมของทั้งตัวธัมมชโยและเหล่าบริวารทั้งที่เป็นฆราวาสและห่มเหลืองคลุมว่า แท้จริงก่อนหน้าที่ออกมาแถลงกันสลอนตลอดว่า หลวงพ่อชรา,อาพาธหนัก เคลื่อนย้ายไม่ได้จะต้องตาย..อ้างวิชาการแพทย์โน่นนี่สารพัด  บัดนี้ ชัดความว่า  นอกจากจะเคลื่อนย้ายได้แล้ว..ยังแถมเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าที่คิด!

2.    การใช้ผลทางกฎหมายเพื่อตัดแข้งขาสำคัญของเหล่าระดับขุนพลธรรมกาย ไม่ว่าจะเป็นการที่มีพระราชโองการปลดสมณศักดิ์, การมีหมายเรียกระดับขุนพลของวัดให้มารายงานตัวเพื่อเตรียมไว้ใช้สำหรับการควบคุมมิให้สามารถสร้างอำนาจบารมีหรือกระทำสิ่งใดที่ฝ่าฝืนไปจากข้อตกลงในการรายงานตัว ถือเป็นความสำเร็จในการควบคุมวัดพระธรรมกายในอนาคต และการบริหารจัดการวัดแห่งนี้ในอนาคตให้เป็นไปในรูปแบบของวัดในพุทธศาสนาตามปกติ จะทำได้ง่ายขึ้นแล้ว

3.    มาตรการจัดการกระบอกเสียงของวัดอย่าง หลวงพี่หนิด...หรือรุ่นเล็กอย่างพระปลัดเสกสรรค์  ด้วยการมอบคดีต่าง ๆ ไว้เพื่อเตือนใจและให้เข้าถึงผลของการฝ่าฝืนกฎหมายตามเหตุปัจจัยนั้น จะได้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับรุ่นต่อไปที่อยากจะขึ้นมา ที่ต้องคิดแล้วคิดอีกถึงผลที่จะตามมา หลังธัมมชโยสิ้นฤทธิ์นั้น มันไม่คุ้มค่าควรเสี่ยงกับอนาคตทั้งชีวิต!

4.    การส่งเรื่องเพื่อให้ มส.มีมติให้ใช้มาตรา 21 ของ พ.ร.บ สงฆ์ฯ ถือเป็นเกมลงทัณฑ์ธัมมชโยแบบเด็ดสะระตี่ เพราะเมื่อหมายเรียก,หมายจับของกฎหมายทำอะไรไม่ได้ .. ก็ต้องใช้หมายเรียกทางสงฆ์ให้มาชี้แจง ซึ่งแน่นอนว่ารายนี้ไม่มีโผล่แน่นอน  ผลในอนาคตที่มหาเถรฯ ไม่สามารถเลี่ยงกฎหมายได้คือต้องมีมติ  “สึก” ลับหลังร้อยเปอร์เซนต์!  

5.    การประกาศจะขอเข้าสังเกตการณ์ของ UN กับกรณีมาตรา 44 ที่ฝ่ายวัดพระธรรมกายวางไว้นั้น ถือเป็นเกมที่รัฐฯ อ่านเกมขาด  เพราะต้องไม่ลืมว่า UN คือโอสถชนิดเดียวที่ธัมมชโยรอคอยที่จะเปลี่ยนชีวิตพลิกวิกฤตตัวเองที่ต้องหลบลี้หนีแบบไม่สามารถโผล่หน้าที่ไปที่ใดๆได้  

    การที่เหล่าสาวกระดับบิ๊กๆ มีการประสานไปทาง UN เพื่อให้ทำทีมาดู ๆ เหตุการณ์แล้วกลับไปเพื่อทำประเมินสรุปไปในทางที่ว่า มาตรา 44 คือ กฎหมายเผด็จการทหารที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนำมาใช้กับพระชรา ก็เท่ากับธัมมชโยจะมีคุณสมบัติที่จะสามารถหลบหนีเข้าไปอยู่ในสหรัฐหรือประเทศใด ๆ ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองได้แบบสบาย  แทนที่จะเป็นคดีทีต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาปกติ

        ดังนั้นปฎิบัติการณ์ยุติแบบสายฟ้าแลบของ DSI   ..จริง ๆ มันมิใช่ชัยชนะของธัมมชโย  ...แต่กลับเป็นเกมประหารแบบ “เชือดโคตรนิ่ม” อย่างน่าเห็นใจไม่น้อย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่