*** แดน อัจฉริยะวัย 5 ขวบ เพื่อนใหม่ของผม ตอนที่ 2 ***

*** แดน อัจฉริยะวัย 5 ขวบ เพื่อนใหม่ของผม (ผมอายุ 45 ปีครับ) (เขียนจากเรื่องจริง) ***

https://ppantip.com/topic/36126807



*** แดน อัจฉริยะวัย 5 ขวบ เพื่อนใหม่ของผม ตอนที่ 2 ***

จริงๆแล้วผมพบแดนครั้งที่สองมาได้สักพักแล้ว ความตื่นเต้นได้หายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความฉงนสงสัย แน่นอนว่าผมได้ตัดสินไปแล้วตั้งแต่ปลายกระทู้แรกว่าคงไม่เปิดเผยตัวตนของแดน แต่ก็อยากเข้ามาเขียนถึงเขาเหมือนเดิมโดยหวังว่าเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะได้เข้ามาอ่าน เข้ามาซึมซับว่าตอนเด็กๆหลายคนรู้สึกอย่างไรกับเขาบ้าง มันคงน่าตื่นเต้นดีนะครับเมื่อเขาโตแล้วได้มาอ่านงานชิ้นนี้

ยอมรับว่าผมคิดอยู่นานว่าจะเริ่มการสอนครั้งที่สองด้วยเรื่องอะไร ตอนแรกผมกะจะลุยชีวะต่อ แต่ก็มาเปลี่ยนใจด้วยเหตุผลที่ว่าแดนรู้ชีวะพอสมควรแล้ว เอาไว้ลุยต่อวันหลังก็ได้ สิ่งที่ผมอยากสอนเขาต่อจึงเป็นวิชาเคมี แต่แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นเคมีหรือฟิสิกส์ สิ่งที่สำคัญมากคือพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ผมจึงอยากรู้ว่าคณิตศาสตร์ของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ผมจึงวางแผนไว้แต่แรกว่าเมื่อเจอกันครั้งที่สอง สิ่งที่ต้องวัดกันก่อนคือคณิตศาสตร์

พอเจอแดนครั้งที่สอง ดูเขาเริ่มชินกับผมมากขึ้น ความสดใสจึงมีมากกว่าครั้งแรก แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือตอนเรียนก็จะมานั่งเรียนแบบมีความพร้อมมาก ไม่วอกแว่กเลย นี่ยังเป็นเรื่องน่าแปลกของเด็กผู้ชายวัยห้าขวบที่มีสมาธิในการเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม ตอนสอนคณิตศาสตร์น้อง ผมเองที่เบลอๆ เพราะผมต้องสอนเป็นภาษาอังกฤษ บวกกับลบไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่คูณกับหารนี่ ผมเบลอนะ แต่แดนไม่เบลอเลย

ผมเองแต่เล็กก็ท่องสูตรคูณเป็นภาษาไทยอะไร พอต้องมาสอนคูณเป็นภาษาอังกฤษ ผมเองก็มีสิทธิเบลอได้ แต่แดนนั้นไม่พลาดเลย บวกลบคูณหารนี่ผ่านตลอดครับ ผมไม่แน่ใจนะครับว่าสำหรับเด็กห้าขวบ บวกลบคูณหารโอเคนี่ถือว่าปกติหรือเกินปกติ เพราะผมเองไม่แน่ใจจริงๆ พอคณิตศาสตร์พื้นฐานผ่านไปได้ ผมเลยคิดว่าเรามาเริ่มเรียนเคมีกันเลยดีกว่า

พอจะเริ่มเรียนเคมี แดนก็ชวนผมคุยเรื่องชีวะอีก จนผมต้องหว่านล้อมว่าเรามาเรียนเรื่องเคมีกันก่อนแล้วค่อยมาคุยเรื่องชีวะกันภายหลัง เขาถึงโอเค ผมชวนคุยเรื่อง concept พื้นฐานก่อน พวกอะตอม โมเลกุล ธาตุและสารประกอบ แล้วก็ชวนคุยเรื่องตารางธาตุ ดูแดนจะคุ้นเคยกับตาครางธาตุมาเป็นอย่างดี เพียงแต่เวลาคุยเรื่องตารางธาตุ เขาอยากจะชวนผมคุยเรื่อง radioactive ทำให้ผมเริ่มสงสัยว่าทำไมเขาถึงสนใจเรื่อง radioactive เพิ่ง 5 ขวบเองนะ จะสนใจเรื่องพวกนี้ไปทำไม อีกเรื่องที่เขาพูดออกมาในตอนที่ผมชวนคุยเรื่องตารางธาตุคือเรื่อง Antihistamine ผมเองก็แปลกใจ ทำไมถึงอยากคุยเรื่องพวกนี้

ตอนทบทวนธาตุทั้ง 8 หมู่ มันทำให้ผมสงสัยอะไรบางอย่าง คือเวลาเราสอนเราจะนิยมเรียกหมู่ลิเทียมว่าหมู่ 1 แต่แดนยืนยันที่จะเรียกหมู่นี้ว่า Alkali metals ส่วนหมู่ของเบริลเลียม ก็ยืนยันว่ามันคือหมู่ Alkaline earth metals แต่ผมเองตอนทั้งเรียนเองและสอน มักจะให้จำแบบหมู่ 1-8 เพราะมันจะสะดวกในการทำความเข้าใจเรื่องอื่นด้วย เช่น เลขออกซิเดชั่น แต่แดนยืนยันว่าจะจำแบบ Alkali metals, Alkaline earth metals, boron group, carbon group, nitrogen group, chalcogens, halogens และ noble gases ผมก็พยายามจะเปลี่ยนความคิดเขาแต่เขาก็ไม่ยอม ก็เลยต้องปล่อย

ขณะที่ผมกำลังแปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงเลือกจำแบบนี้ ถึงจะมีใครมาสอนก่อนหน้านี้ ก็ไม่น่าจะชอบจำแบบนี้ เพราะเขาเพิ่งจะ 5 ขวบเองนะ จำแบบหมู่ 1-8 น่าจะง่ายกว่า แดนก็จะพูดถึงเรื่องของชีวะ radioactive และ Antihistamine ผมยังแปลกใจเลยว่าทำไมครั้งที่สองถึงมาหมกมุ่นเรื่องพวกนี้ เมื่อครั้งแรกยังพูดถึงระบบต่างๆ พูดถึงบีเซลล์ ทีเซลล์อยู่เลย แล้วทำไมวันนี้ถึงมาพูดถึงเรื่องพวกนี้ ทำไมถึงเลือกจำตารางธาตุแบบนั้น มันไม่ค่อย make sense สักเท่าไหร่

ในระหว่างให้เขาหา atomic weight ของธาตุและคำนวณหา molecular weight ของสารประกอบ ผมก็พยายามจะต่อจิ๊กซอร์บางอย่างในหัว พยายามคิดว่า radioactive, Antihistamine และการจำตารางธาตุแบบนั้นมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร เท่าที่พอจะนึกออกในตอนนั้น เอา radioactive ก่อน ถ้าพูดถึง radioactive chain เราจะนึกถึงพวก อนุกรมกัมมันตรังสีต่าง ๆ  เอ มันก็จะสอดคล้องกับ การเรียกหมู่ออกซิเจนว่า chalcogens เพราะมันหมายถึง  อนุกรมเคมีของธาตุในหมู่ที่ 16 ของตารางธาตุ แต่ต้องนับหมู่ของธาตุทรานซิชั่นเป็นหมู่ที่ 3-12 จึงมาเรียกหมู่โบรอนเป็นหมู่ที่ 13 หมู่ออกซิเจนจึงกลายเป็นหมู่ chalcogens เอ แต่เด็กไม่น่าจะต้องจำอะไรแบบนี้นะ



ผมลองเปิดยูทูปดู เขาก็มักจะสอนแบบนี้กันทั้งนั้น เรียกหมู่ออกซิเจนว่าหมู่ 6 เช่น https://www.youtube.com/watch?v=JKFK1Nd_2H4
เอ ทำไมแดนถึงมาอินกับเรื่องของอนุกรมเคมีแบบนี้ล่ะ

แล้วที่ชอบพูดถึง Antihistamine แต่มันก็คือยาแก้แพ้นี่ ผมพยายามนึกว่า Antihistamine มันเป็นอย่างไร เท่าที่พอจะนึกออก มันเป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารฮิสตามีน สารฮีสตามีน จะถูกสร้างและเก็บอยู่ใน Mast cells และเซลเม็ดเลือดขาวชนิดเบโซฟิล ซึ่งเมื่อถูกกระตุ้นจาก Allergen แล้ว Mast cells และเบโซฟิล ก็จะหลั่งสารฮีสตามีนออกมา

ผมนึกในใจว่า “ยาเหรอ” ผมอยากค้นเรื่องที่เกี่ยวกับยารักษาโรคเอดส์

ผมค้นจาก Google จนพบเพจนี้ http://www.voathai.com/a/hiv-possible-cure-tk/3267965.html (นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ กำลังพัฒนาวิธีรักษาโรคเอดส์ด้วยยีนตกแต่งพันธุกรรม)

ผมเน้นตรงข้อความนี้เป็นพิเศษ

“แต่แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจพบเชื้อเอชไอวีในร่างกายผู้ติดเชื้อ เชื้อไวรัสยังคงหลงเหลืออยู่ภายในตัวทีเซลล์ของคนเรา ซึ่งเป็นเซลล์ระบบภูมิต้านทานในร่างกาย ที่เป็นเป้าหมายโจมตีของเชื้อไวรัสเอชไอวี ยีนของเชื้อไวรัสที่หลงเหลืออยู่ในทีเซลล์ของผู้ติดเชื้อนี้ จะกลับมาทำงานและเพิ่มปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายผู้ติดเชื้อได้ทันที หากผู้ติดเชื้อหยุดรับประทานยาต้านไวรัสเอดส์”

กับอีกข้อความหนึ่งคือ

“ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ทำพันธุวิศวกรรมยีนตัวหนึ่งให้สามารถกำจัดดีเอ็นเอของตัวเชื้อไวรัสออกจากเซลล์ ซึ่งมีผลให้ผู้ติดเชื้อหายจากโรค ... คุณ Khalili เชื่อว่าเทคโนโลยียีนตกแต่งพันธุกรรมที่ทำหน้าที่กำจัดเชื้อไวรัสเอชไอวีในเซลล์นี้ มีศักยภาพสูงในการรักษาโรคเอดส์ เขากล่าวว่าน่าตื่นเต้นมากเนื่องจากปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีตกแต่งพันธุกรรม วิธีการที่ใช้และนักวิจัยมีความรู้มากขึ้น

เขาหวังว่าหากมีเงินทุนสนับสนุน งานวิจัยนี้จะสามารถเดินหน้าต่อไปจนพัฒนาให้เป็นวิธีรักษาโรคเอดส์ได้ในที่สุด และคุณ Khalili คาดการณ์ว่าการทดสอบทางคลีนิคในคนน่าจะทำได้ภายในอีก 2 – 3 ปี หลังจากที่ทีมนักวิจัยพัฒนาการรักษานี้ให้สมบูรณ์แบบเสียก่อน”

ใจจริงผมไม่อยากคิดอะไรที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลยนะครับ แต่ก็อดไม่ได้

พอถึงบ้าน ผมต่อสายหาเพื่อนที่ชื่อว่า กษิดิ์เดชทันที

“เฮ้ย ช่วยหาข้อมูลอะไรให้หน่อยดิ”

“ข้อมูลอะไรเหรอพี่”

“เมื่อ 5-6 ปีก่อน นักคิดสร้างยารักษาโรคเอดส์แบบตัดต่อพันธุกรรมที่เป็นฝรั่ง มีใครเสียชีวิตบ้างวะ”

โปรดติดตามตอนต่อไป

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่