เมื่อเดือนที่แล้วครอบครัวของดิฉันเจอปัญหาวิกฤติมากค่ะ คือคุณพ่อถูกแมวที่เลี้ยงไว้ตะปบตาตอนนอนหรือยังไงไม่ทราบ ทำให้กระจกตามีแผลขนาดเท่าเม็ดถั่วตรงกลางตาดำพอดี ตอนนั้นก็พาคุณพ่อไปหาหมอตา ที่ รพ รัฐแห่งนึง ไม่ขอบอกที่ละกันนะคะ ซึ่งคุณหมอและพยาบาลต่างพูดเหมือนกันหมดว่า ทำใจ แผลใหญ่มาก อยู่กลางตาพอดี ไม่มีทางกลับมาเห็นได้ปกติอีก คือไม่ต่างจากตาบอด เพราะแผลหายก็จะเป็นแผลเป็นบนกระจกตา
พอคุณพ่อรู้แล้วเสียใจหนักมากๆ ค่ะ ทางบ้านเราก็จิตใจแย่ไปด้วย คิดว่าไม่มีทางหายอีกแล้ว ลองหาข้อมูลเรื่องกระจกตาจึงรู้ว่าขาดแคลนมาก
ดิฉันถึงกับทำเรื่องบริจาคดวงตาเลยจะได้ช่วยใครได้บ้าง เพราะเสียใจกับอาการคุณพ่อจริงๆ
แล้วในตอนนั้นที่คุณพ่อนอน รพ 13 คืน รักษาด้วยการหยอดยาอย่างเดียว ไม่มีความหวังอะไรเลย คุณหมอก็ไม่ค่อยใส่ใจ ตรวจตานับ 1ไม่ถึง10 ก็จะไปท่าเดียว ถามอะไรก็ไม่ค่อยบอก คุณพ่อเสียใจมากๆ จนไม่กินข้าวกินปลาเลยค่ะ แถมนับวันยิ่งมีอาการเหมือนคนเสียสติ เพ้อเจ้อ จำอะไรไม่ได้ จนทางบ้านตกใจมาก แต่คุณหมอไม่ใส่ใจอาการเหล่านี้เลย ตรวจแต่ตาอย่างเดียว พอเราเรียกร้องขอไปพบหมอคนอื่นใน รพ ว่าเขามีอาการผิดปกติแบบนี้เลยได้มีการเพิ่มตัวยาคลายเครียดกับให้น้ำเกลือขึ้นมา
คือที่เล่ามานี้ไม่ประทับใจคุณหมอตาที่รักษาคุณพ่อพอสมควรนะคะ เพราะความเอาใจใส่คนไข้น้อยมาก แต่พยาบาลก็โอเคดีค่ะช่วยดำเนินเรื่องจ่ายตรงให้เสร็จเร็วมากทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำไว้
ทีนี้พอออกจาก รพ
เนื่องจากตาคุณพ่อยังไม่หายดี แต่ คุณหมอแนะนำให้ออกไปพักที่บ้านเพราะกลัวติดเชื้อได้ง่าย
พอดีมีคนแนะนำให้ไปหาคุณหมออีกท่านอยู่ อ พระพุทธบาท สระบุรี ชื่อคุณหมอพนม เราก็ไป
ไปครั้งแรกรู้สึกลังเลมาก คลีนิคโบราณมาก คุณหมอสูงอายุมาก แถมคุณหมอให้กลับไปหาหมอท่านเดิมที่รักษาอยู่ด้วย
คือคุณหมอท่านบอกว่า ท่านไม่เห็นแผลตั้งแต่ทีแรก แต่เราก็ตื้อบอกเล่าความรู้สึกให้คุณหมอพนมฟัง
จนในที่สุดท่านก็รักษาให้ โดยวันแรกท่านล้างแผลในตาหยอดยาให้ แล้วก็ให้ยามากิน
แล้วแค่วันแรกที่ได้ทำการรักษา ก็ได้รู้ว่าเป็นบุญจริงๆ ค่ะ ที่ได้มาพบหมอพนม
เพื่อนๆ คะ มันอัศจรรย์มากค่ะ
เพียงวันแรกที่คุณหมอล้างแผลในตา หยอดหยุกยาให้คุณพ่อ ตาที่บวมแดงหรี่ลืมไม่ขึ้นลดการอับเสบชัดเจนมากๆ
ดิฉันซึ้งกับคำว่า ฝีมือเลยค่ะ มันเป็นเรื่องของคำว่าฝีมือจริงๆ เพราะพยาบาลที่ รพ ก็ทำความสะอาดดวงตาหยอดยาแบบเดียวกันนี้ให้คุณพ่อทุกวันตลอด 13 วันที่นอน รพ แต่ทำไมอ่ะคะ ผลลัพธ์แตกต่างกันมากๆ ลืมบอก คุณหมอพนมดูอายุมากแล้วนะคะ น่าจะเลย 60 แล้ว เวลาคุณหมอท่านทำการรักษา ใช้เวลามากเกินครึ่ง ชม ทุกครั้ง ต่างจาก พยาบาลที่ รพ คนละเรื่องเลยค่ะ ท่านส่องตานานมาก เจออะไรในตาก็เขี่ยออก เอาหนองออก ศลฯ
คุณพ่อรู้สึกดีมาก จนเราต้องเดินทางมาหาคุณหมอแบบข้ามจังหวัดทุกวันๆ
แล้วมันช่างน่าอัศจรรย์กับฝีมือคุณหมอมากๆ จริงๆ
เพราะรักษามาได้ ประมาณ 10 กว่าวันแล้ว ตาดีขึ้นมากๆ พ่อมองเห็นแล้ว มีอยู่นิดดดเดียวที่เคืองๆ ตาอยู่
เมื่อวานนี้คุณหมอก็บอกว่า แผลใกล้หายหมดแล้ว ไม่ทิ้งแผลเป็นเลย เริ่มมองเห็นต้อหินแล้วที่ต้องผ่าออกต่อไป (เป็นไปได้ไง ทั้งที่หมออีกท่านบอกให้เราทำใจแล้วว่าแผลเป็นกลางตาดำต้องมีแน่นอนคือบังการมองเห็นแบบสนิทเลยแน่ๆ)
สุดอัศจรรย์ใจค่ะ อยากเล่ารายละเอียดอีก แต่ตอนนี้ไม่สะดวก พิมพ์จากมือถือ
ก็ขอเล่าไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ใครอยู่ใกล้สระบุรี มีปัญหาเรื่องตา ลองไปปรึกษาคุณหมอพนมนะคะ เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคุณหมอเลยค่ะ คุณหมอเก่งมากจนอยากบอกต่อเอาบุญจริงๆ
เจอจักษุแพทย์ท่านนึงเก่งมาก อยากบอกต่อค่ะ
พอคุณพ่อรู้แล้วเสียใจหนักมากๆ ค่ะ ทางบ้านเราก็จิตใจแย่ไปด้วย คิดว่าไม่มีทางหายอีกแล้ว ลองหาข้อมูลเรื่องกระจกตาจึงรู้ว่าขาดแคลนมาก
ดิฉันถึงกับทำเรื่องบริจาคดวงตาเลยจะได้ช่วยใครได้บ้าง เพราะเสียใจกับอาการคุณพ่อจริงๆ
แล้วในตอนนั้นที่คุณพ่อนอน รพ 13 คืน รักษาด้วยการหยอดยาอย่างเดียว ไม่มีความหวังอะไรเลย คุณหมอก็ไม่ค่อยใส่ใจ ตรวจตานับ 1ไม่ถึง10 ก็จะไปท่าเดียว ถามอะไรก็ไม่ค่อยบอก คุณพ่อเสียใจมากๆ จนไม่กินข้าวกินปลาเลยค่ะ แถมนับวันยิ่งมีอาการเหมือนคนเสียสติ เพ้อเจ้อ จำอะไรไม่ได้ จนทางบ้านตกใจมาก แต่คุณหมอไม่ใส่ใจอาการเหล่านี้เลย ตรวจแต่ตาอย่างเดียว พอเราเรียกร้องขอไปพบหมอคนอื่นใน รพ ว่าเขามีอาการผิดปกติแบบนี้เลยได้มีการเพิ่มตัวยาคลายเครียดกับให้น้ำเกลือขึ้นมา
คือที่เล่ามานี้ไม่ประทับใจคุณหมอตาที่รักษาคุณพ่อพอสมควรนะคะ เพราะความเอาใจใส่คนไข้น้อยมาก แต่พยาบาลก็โอเคดีค่ะช่วยดำเนินเรื่องจ่ายตรงให้เสร็จเร็วมากทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำไว้
ทีนี้พอออกจาก รพ
เนื่องจากตาคุณพ่อยังไม่หายดี แต่ คุณหมอแนะนำให้ออกไปพักที่บ้านเพราะกลัวติดเชื้อได้ง่าย
พอดีมีคนแนะนำให้ไปหาคุณหมออีกท่านอยู่ อ พระพุทธบาท สระบุรี ชื่อคุณหมอพนม เราก็ไป
ไปครั้งแรกรู้สึกลังเลมาก คลีนิคโบราณมาก คุณหมอสูงอายุมาก แถมคุณหมอให้กลับไปหาหมอท่านเดิมที่รักษาอยู่ด้วย
คือคุณหมอท่านบอกว่า ท่านไม่เห็นแผลตั้งแต่ทีแรก แต่เราก็ตื้อบอกเล่าความรู้สึกให้คุณหมอพนมฟัง
จนในที่สุดท่านก็รักษาให้ โดยวันแรกท่านล้างแผลในตาหยอดยาให้ แล้วก็ให้ยามากิน
แล้วแค่วันแรกที่ได้ทำการรักษา ก็ได้รู้ว่าเป็นบุญจริงๆ ค่ะ ที่ได้มาพบหมอพนม
เพื่อนๆ คะ มันอัศจรรย์มากค่ะ
เพียงวันแรกที่คุณหมอล้างแผลในตา หยอดหยุกยาให้คุณพ่อ ตาที่บวมแดงหรี่ลืมไม่ขึ้นลดการอับเสบชัดเจนมากๆ
ดิฉันซึ้งกับคำว่า ฝีมือเลยค่ะ มันเป็นเรื่องของคำว่าฝีมือจริงๆ เพราะพยาบาลที่ รพ ก็ทำความสะอาดดวงตาหยอดยาแบบเดียวกันนี้ให้คุณพ่อทุกวันตลอด 13 วันที่นอน รพ แต่ทำไมอ่ะคะ ผลลัพธ์แตกต่างกันมากๆ ลืมบอก คุณหมอพนมดูอายุมากแล้วนะคะ น่าจะเลย 60 แล้ว เวลาคุณหมอท่านทำการรักษา ใช้เวลามากเกินครึ่ง ชม ทุกครั้ง ต่างจาก พยาบาลที่ รพ คนละเรื่องเลยค่ะ ท่านส่องตานานมาก เจออะไรในตาก็เขี่ยออก เอาหนองออก ศลฯ
คุณพ่อรู้สึกดีมาก จนเราต้องเดินทางมาหาคุณหมอแบบข้ามจังหวัดทุกวันๆ
แล้วมันช่างน่าอัศจรรย์กับฝีมือคุณหมอมากๆ จริงๆ
เพราะรักษามาได้ ประมาณ 10 กว่าวันแล้ว ตาดีขึ้นมากๆ พ่อมองเห็นแล้ว มีอยู่นิดดดเดียวที่เคืองๆ ตาอยู่
เมื่อวานนี้คุณหมอก็บอกว่า แผลใกล้หายหมดแล้ว ไม่ทิ้งแผลเป็นเลย เริ่มมองเห็นต้อหินแล้วที่ต้องผ่าออกต่อไป (เป็นไปได้ไง ทั้งที่หมออีกท่านบอกให้เราทำใจแล้วว่าแผลเป็นกลางตาดำต้องมีแน่นอนคือบังการมองเห็นแบบสนิทเลยแน่ๆ)
สุดอัศจรรย์ใจค่ะ อยากเล่ารายละเอียดอีก แต่ตอนนี้ไม่สะดวก พิมพ์จากมือถือ
ก็ขอเล่าไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ใครอยู่ใกล้สระบุรี มีปัญหาเรื่องตา ลองไปปรึกษาคุณหมอพนมนะคะ เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคุณหมอเลยค่ะ คุณหมอเก่งมากจนอยากบอกต่อเอาบุญจริงๆ