ในช่วงเริ่มแรกนั้น ไม่มีใครรู้จักชื่อของอุซามะฮ์ บิน ลาดินแห่งองค์กรอัลเคด้า ในแถบอาหรับนั้น ก็มีการตั้งฐานที่มั่นหรือฐานทัพในการฝึกซ้อม ก่อนหน้านี้อัลเคด้ามีความเชื่อมโยงกับนายทหารต่างชาติหลายคนที่ได้เข้าร่วมรบกับ Afghan Mujahadeen ในสงครามศักดิ์สิทธิ์กับสหภาพโซเวียต ครอบครัวของอุซามะฮ์ บิน ลาดินก็มีบริษัทก่อสร้างที่อยู่ในประเทศซาอุ โดยให้วิศวกรหลายคนได้สร้างอุโมงค์ยักษ์ใหญ่สำหรับนักรบ Khost พร้อมกับเก็บเงินค่าเช่าให้กับอเมริกา ในปี 1986 ทาง CIA ก็ได้ยกระดับการทำสงครามกับคอมมิวนิสต์มากขึ้น
ความเชื่อผิดๆ
อย่างไรก็ดี จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมทั้งฝ่ายอาหรับกับมุสลิมถึงไม่ยอมลดละเลิกในการระดมผู้คนและนำไปสู่การยุติการทำสงคราม คุณจะต้องขุดคุ้ยเบื้องลึกให้ลึกขึ้นไปอีก ในช่วงที่มีการฟื้นฟูแนวคิดอิสลามสุดโต่งในช่วงปลายปี 1970 นั้น ผู้นำฝ่ายอาหรับอัฟกันหลายคนก็อยู่ในกลุ่มของอิสลามสุดต่างที่ปลุกระดมให้เกิดการปฎิวัติโลกอาหรับในปี 1970 มีองค์กรใหม่ๆที่บ่อยครั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์และมีความขัดแย้งกับกลุ่มอื่นๆอย่างเช่นกลุ่มภราดรภาพมุสลิมและได้รับแรงบันดาลใจจากการสอนโดย Sayyid Qutb ซึ่งเป็นปัญญาชนอิสลามที่ได้ถูกจับแขวนคอโดย Gamal Abdel Nasser ในปี 1966 โดย Qutb เชื่อว่ารัฐกับสังคมจะกลับเข้าสู่ยุคเริ่มแรกของอิสลาม เป็นแบบบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือเป็นยุคที่ไม่สนโลกอะไรทั้งนั้น เขาได้เรียกร้องให้ชาวมุสลิมต่อต้านผู้นำโลกอาหรับอย่างสุดความสามารถ Qutb พบว่าผู้ฟังได้ถูกปลูกฝังความเชื่อผิดๆไปในทางชาตินิยมและทางพรรคคอมมิวนิสต์ก็มีความพยายามที่จะประนีประนอมกับฝ่ายรัฐ
เป็นที่น่าแปลกใจ ในประเทศอียิปต์ผู้นำอย่างอันวา ซาดัตเป็นคนที่เปิดกว้างในเรื่องการฟื้นฟูแนวคิดของอิสลาม โดยหวังว่ากลุ่มนักศึกษาชาวมุสลิมรุ่นใหม่จะหมดไป แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ซาดัตจึงอยู่ในสถานะที่กดดันและก็ถูกหมายหัวจะเอาชีวิต ในวันที่ 6 ตุลาคม ปี 1981 เขาก็ถูกลอบสังหาร เป็นฝ่ายกลุ่มนักรบญิฮาดอิสลามที่เป็นผู้ลงมือ โดยหวังว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นการจุดชนวนสู่การลุกฮือปฎิวัติขึ้นมา
การปฎิวัติอิสลามในประเทศอียิปต์ก็ไม่เคยเกิดขึ้น มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติให้กับฮอสนี มูบารัก ท่ามกลางผู้คนหลายคนถูกจับกุมหลังจากที่มีการลอบสังหารแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Ayman Al Zawahiri ที่ต่อมาก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้กับกลุ่มอัลเคด้า ภายหลังจากที่ได้ปล่อยตัวแล้ว เขาก็ออกจากประเทศอียิปต์แล้วมุ่งหน้าไปสู่อัฟกานิสถาน
สงครามต่อต้านโซเวียตก็สร้างความผิดหวังให้กับกลุ่มสุดโต่งในปี 1970 โดยในปี 1986 ทาง CIA ก็ออกมายอมรับว่า อเมริกาได้ทำการฝึกฝนนักรบอัฟกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน CIA ก็ได้หนุนหลังวางแผนให้กับกลุ่ม ISI โดยที่หน่วยงานจากปากีสถานรับสมาชิกชาวมุสลิมทั่วโลกในการเข้าร่วมต่อสู้ในประเทศอัฟกานิสถาน ในส่วนของชนชั้นสูงของซาอุเองก็ได้มองเห็นถึงประโยชน์นี้ในการสร้างอิทธิพลโดยใช้โฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับแนวคิดวะห์ฮะบี ให้ผู้คนมีแนวโน้มนับถือนิกายซุนนี จุดศูนย์กลางขององค์กรก็มีการเคลื่อนไหวมาจากทางด้านของ Maktab Al Khidamat ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สร้างขึ้นมาโดย Abdullah Azzam ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สันนิบาตมุสลิมโลกประจำเมืองเปชะวา หลังจากที่ Azzam ถูกลอบสังหารในปี 1989 บิน ลาเดนก็ได้เข้ามาเทคโอเวอร์ในการค้นหาสมาชิกต่างชาติที่อยากเข้าร่วมทำสงคราม
ปีต่อมาบิน ลาเดนก็ได้กลับมาที่บ้านเกิด พร้อมกับเชื่อว่ามีความขัดแย้งอย่างรุนแรงท่ามกลางฝ่ายผู้บังคับบัญชาหลายคนของ Mujahadeen อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกันกับสหายแต่ละคนของเขา การที่เขากลับบ้านก็ยิ่งพบกับความผิดหวังมากขึ้นไปอีก หลังจากที่อิรักได้บุกคูเวตในช่วงหน้าร้อนของปี 1990 ทางด้านกษัตริย์ Fahd ของประเทศซาอุดิอาระเบียก็เชื้อเชิญให้กองทัพอเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพที่ประเทศของเขาได้ จากการที่มีกองกำลังต่างชาติกว่า 35000 คนที่ได้ต่อสู้กับ Mujahadeen บิน ลาเดนก็ได้เสนอให้มีการตั้งนักรบกองโจรที่มีประสบการณ์โดยใช้แนวคิดอิสลามสุดโต่งในการปกป้องประเทศจากการโจมตีของซัดดัม ฮุนเซน หลังจากที่ข้อเสนอของเขาถูกปฎิเสธแล้ว เขาก็เริ่มทำการวิพากษ์วิจารณ์ราชวงค์ของซาอุ จนสุดท้ายราชวงค์ก็ละทิ้งความเชื่อทางศาสนาอิสลาม
ไม่เพียงแค่ประเทศซาอุดิอาระเบียเท่านั้นที่ทางด้าน Mujahadeen เริ่มทำการต่อต้านรัฐบาล ในแอลจีเรียที่ได้สู้รบในอัฟกานิสถานก็ได้ช่วยจัดตั้งกลุ่ม GIA ในการต่อสู้สงครามกลางเมืองกับกองทัพแอลจีเรียอย่างนองเลือดหลังจากที่นายพลในส่งรถถังเข้ามาหยุดยั้งกลุ่ม FIS ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในปี 1992
ความไม่พอใจก็นำไปสู่แรงผลักดันจากปัจจัยภายนอก ในช่วงปลายสงครามเย็นก็ยิ่งนำไปสู่ชนวนความขัดแย้งมากขึ้น เนื่องจากชนชั้นสูงของอเมริกาก็พยายามที่จะให้เหตุผลในการขับเคลื่อนในรูปแบบลักษณะเป็นจักรวรรดินิยม นี่เป็นการใช้เหตุผลที่เป็นแรงผลักดันให้อเมริกาเข้าไปแทรกแซงในโซมาเลียและบอลข่าน และทำการล้อมประเทศอิรักจากการที่ UN ได้ทำการลงโทษการสังหารหมู่ ในขณะเดียวกันก็มีกระบวนการในการเจรจาสันติภาพในปาเลสไตน์ แต่สุดท้ายแผนการก็ล่มลงจนนำไปสู่การลุกฮือครั้งใหม่ของอินติฟาเฎาะฮ์ ปี 2000 ซึ่งผู้คนทั่วโลกหลายล้านคนต่างก็รู้สึกกลัวกับการที่อิสราเอลนำรถถังมาบดขยี้ผู้ประท้วงปาเลสไตน์
ในขณะเดียวกันบิน ลาเดนก็ได้เดินทางไปที่ซูดานและจากนั้นก็กลับมาที่อัฟกานิสถานในปี 1996 โดยมีการตั้งค่าฝึกรบบริเวณใกล้ๆกับเปชะวา ในเวลานี้ก็มีการตั้งค่ายฝึกรบในการต่อต้านอเมริกา ซึ่งบิน ลาเดนเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มตาลีบัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในการตั้งโรงเรียนอิสลามที่ค่ายผู้ลี้ภัยในแถบชายแดนอัฟกันพร้อมกับยั่วยุในแถบปากีสถานในการสร้างอิทธิพลอำนาจขึ้นมา โดยผู้ที่เคยสนับสนุนเขาในอดีตก็กลับมาหักหลังเขา ทำให้ทางซาอุได้ยกเลิกถอนสัญชาติเขาในปี 1994 และอเมริกาก็ได้ตัดท่อน้ำเลี้ยงของเขาในปี 1996 แต่พวกเขาก็ยังมีแนวร่วมเข้ามามากขึ้น อย่างไรก็ตามซาอุก็ได้ให้เงินทุนในการสนับสนุนกลุ่มตาลีบัน ซึ่งมีการเจรจาโดยเจ้าหน้าที่อเมริกาหลายคนที่หวังว่าพวกเขาจะสร้างความเสถียรภาพทางการเมืองและสามารถต่อท่อน้ำมันไปยังอัฟกานิสถานได้ ตัวของบิน ลาเดนเองก็ได้รับการหนุนหลังโดยหน่วยราชการลับของปากีสถาน ในปี 1998 อัยมัน อัซเซาะวาฮิรีก็อยู่เคียงข้างกับเขา โดยบิน ลาเดนก็ได้ประกาศเอาไว้ว่า จะสร้างองค์กร World Islamic Front ในการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์กับยิวและจะทำสงครามศาสนา โดย Front ก็ได้แถลงการณ์เอาไว้ว่า ชาวมุสลิมจะต้องสังหารชาวอเมริกันกับพันธมิตรที่ได้เข้าฉกฉวยโอกาสและเข้ามาปล้นชาติในแถบตะวันออกกลาง หลังจากนั้นก็มีการใช้รถบรรทุกระเบิดทำลายสถานทูตอเมริกาที่อยู่ในกรุงไนโรบีและดาร์-เอส-ซาลาม
บุคคลที่โลกต้องการตัวมากที่สุด
หลายปีต่อมาก็จะเห็นได้ว่าบิน ลาเดนก็เริ่มมีสถานะที่เป็นบุคคลสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามองมากขึ้น ก็คือ เป็นคนที่โลกต้องการตัวมากที่สุด ทางด้านเจ้าหน้าที่อเมริกาหลายคนก็รีบกล่าวหาเขาอย่างรวดเร็วว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการทำลายตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในเดือนกันยายน ปี 2001 และกองทัพอเมริกาก็ได้ทำการโค่นล้มกลุ่มตาลีบัน เขาเองก็เคยกล่าวว่ามีสัมพันธ์อันดีกับซัดดัม ฮุนเซนของอิรัก เจ้าหน้าที่อเมริกาก็ไม่ได้สนใจข้อโต้แย้งในเรื่องอุดมการณ์ระหว่างพรรค Ba’ath กับแนวคิดอิสลามสุดโต่งของบิน ลาเดน ในการแถลงการณ์ผ่านวีดีโอนั้นก็มีผู้คนชมหลายล้านคน โดยโฆษกกลุ่มอัลเคด้าก็ได้อ้างว่า ได้ล็อกเป้าหมายโจมตีประเทศแถบตะวันตก โดยเป้าหมายก็จะมีทหารอเมริกาที่ประจำอยู่ในซาอุดิอาระเบีย กลุ่มก่อการร้ายของอิสราเอลในมอมบาซา เจ้าหน้าที่อเมริกาที่อยู่ในแบกแดด ดูเหมือนว่าบิน ลาเดนจะมีเป้าหมายอะไรมากกว่านั้น
แต่เป้าหมายจริงๆของอัลเคด้าก็คือรัฐบาลอเมริกา อย่างไรก็ตามกองกำลังบางส่วนที่ได้รับการหนุนหลังโดยอิสราเอลในการต่อสู้กับปาเลสไตน์ก็มีคนหนุ่มหลายคนที่ถูกโน้มน้าวให้สู้กับความเป็นจักรวรรดินิยมของอเมริกา จากนั้นก็เริ่มมีคลื่นระลอกใหม่จากนักเคลื่อนไหวชาวอิสลามในการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอเมริกาที่ให้การสนับสนุนพันธมิตรในการสู้รบ
อัลเคด้าไม่มีผู้สนับสนุนอย่างจริงๆจังๆ ซึ่งบิน ลาเดนก็มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับคนเบื้องบน ผู้คนที่สนับสนุนจริงๆในตะวันออกกลางจึงมีไม่ค่อยมากนักจากการต่อต้านชาวปาเลสไตน์ หรืออาจมีผู้คนหลายล้านคนที่ต่อต้านการทำสงครามอิรัก แต่กองทัพอเมริกาเองก็เริ่มเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในมากขึ้นในช่วงปี 1990 โดยมีการฟื้นฟูกลุ่มองค์กรต่างๆขึ้นมา กองกำลังอัฟกันอาจจะมีความเข้าใจว่าจะมีการโจมตีครั้งใหม่เข้ามา แต่กองกำลังที่ถูกเกณฑ์เข้ามาอาจจะเกิดไม่ทันตอนที่ Mujahadeen ได้จุดชนวนสงครามเข้ามา ตัวอย่างเช่น ในมอร็อคโคแม้ว่าผู้มีอำนาจได้ทำการจับกุมพลเมืองชาวซาอุหลายคนฐานก่อการร้าย แล้วก็มีการระเบิดพลีชีพโจมตีแหล่งชุมชนชาวยิวในกาซาบล็องกาซึ่งเป็นเขตสลัมของ Rabat กับสมาชิกกลุ่มอิสลามหัวสุดโต่ง
ในประเทศอิรักนั้น เจ้าหน้าที่อเมริกาหลายคนก็ได้กล่าวหาว่า การระเบิดพลีชีพของชาวเคิร์ดที่นับถืออิสลามอย่าง Ansar Al Islam ก็มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลเคด้า เป็นความจริงที่ Ansar Al Islam เคยเป็นอดีตผู้นำ Mullah Krekar มาก่อน เขาเคยไปที่อัฟกานิสถาน ในเว็บของเขาก็เปิดเผยรูปภาพของเขาที่พบปะกับ Abdullah Azzam แต่กองกำลังของ Ansar ก็ไม่ได้อยากให้บิน ลาเดนให้เหตุผลต่างๆในการโจมตีทหารอเมริกา จากการที่มีการยิงจรวดสังหารพลเรือนบริเวณใกล้เคียงในเคิร์ดดิสถานในระหว่างนั้นก็อาจจะเป็นข้ออ้างที่สำคัญ แต่เจ้าหน้าที่อเมริกาก็ได้อ้างว่า อัลเคด้าได้บงการเรื่องการวางระเบิด จึงเป็นข้ออ้างในการทำสงครามก่อการร้ายยืดเยื้อออกไปและก็ฉวยโอกาสเข้าไปแทรกแซงกิจการในอิรัก
ยุทธศาสตร์ของอัลเคด้าอาจจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจริงจากการที่มีการลอบสังหาร Sadat การใช้วาทศิลป์โน้มน้าวของอัลเคด้าทั่วโลกก็ล้มเหลวในการสร้างผู้นำองค์กรใหม่ๆเข้ามา ซึ่งมีเป้าหมายที่จะท้าทายผู้นำซาอุหรืออียิปต์ แล้วก็ปล่อยให้ชนชั้นนำอเมริกาทำอะไรตามใจชอบ เมื่อไรก็ตามที่บิน ลาเดนมองเห็นโอกาสทอง เขาก็จะทำงานให้กับทางเบื้องบนทันที ไม่ว่าจะเป็นการวางกลอุบายสร้างความขัดแย้งระหว่างชนชั้นนำของปากีสถาน อีกทั้งยังตกลงทำงานร่วมกับ CIA หรือทำงานกับ Mullah Omar ของตาลีบัน การต่อสู้เพื่อเสรีภาพจริงๆสำหรับพวกเขาที่เดินตามแนวทางแบบนี้ก็คงริบหรี่ไปทุกๆที
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : socialistreview.org.uk
วิถีการก่อการร้าย : กลุ่มอัลเคด้ามาจากไหน
ในช่วงเริ่มแรกนั้น ไม่มีใครรู้จักชื่อของอุซามะฮ์ บิน ลาดินแห่งองค์กรอัลเคด้า ในแถบอาหรับนั้น ก็มีการตั้งฐานที่มั่นหรือฐานทัพในการฝึกซ้อม ก่อนหน้านี้อัลเคด้ามีความเชื่อมโยงกับนายทหารต่างชาติหลายคนที่ได้เข้าร่วมรบกับ Afghan Mujahadeen ในสงครามศักดิ์สิทธิ์กับสหภาพโซเวียต ครอบครัวของอุซามะฮ์ บิน ลาดินก็มีบริษัทก่อสร้างที่อยู่ในประเทศซาอุ โดยให้วิศวกรหลายคนได้สร้างอุโมงค์ยักษ์ใหญ่สำหรับนักรบ Khost พร้อมกับเก็บเงินค่าเช่าให้กับอเมริกา ในปี 1986 ทาง CIA ก็ได้ยกระดับการทำสงครามกับคอมมิวนิสต์มากขึ้น
ความเชื่อผิดๆ
อย่างไรก็ดี จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมทั้งฝ่ายอาหรับกับมุสลิมถึงไม่ยอมลดละเลิกในการระดมผู้คนและนำไปสู่การยุติการทำสงคราม คุณจะต้องขุดคุ้ยเบื้องลึกให้ลึกขึ้นไปอีก ในช่วงที่มีการฟื้นฟูแนวคิดอิสลามสุดโต่งในช่วงปลายปี 1970 นั้น ผู้นำฝ่ายอาหรับอัฟกันหลายคนก็อยู่ในกลุ่มของอิสลามสุดต่างที่ปลุกระดมให้เกิดการปฎิวัติโลกอาหรับในปี 1970 มีองค์กรใหม่ๆที่บ่อยครั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์และมีความขัดแย้งกับกลุ่มอื่นๆอย่างเช่นกลุ่มภราดรภาพมุสลิมและได้รับแรงบันดาลใจจากการสอนโดย Sayyid Qutb ซึ่งเป็นปัญญาชนอิสลามที่ได้ถูกจับแขวนคอโดย Gamal Abdel Nasser ในปี 1966 โดย Qutb เชื่อว่ารัฐกับสังคมจะกลับเข้าสู่ยุคเริ่มแรกของอิสลาม เป็นแบบบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือเป็นยุคที่ไม่สนโลกอะไรทั้งนั้น เขาได้เรียกร้องให้ชาวมุสลิมต่อต้านผู้นำโลกอาหรับอย่างสุดความสามารถ Qutb พบว่าผู้ฟังได้ถูกปลูกฝังความเชื่อผิดๆไปในทางชาตินิยมและทางพรรคคอมมิวนิสต์ก็มีความพยายามที่จะประนีประนอมกับฝ่ายรัฐ
เป็นที่น่าแปลกใจ ในประเทศอียิปต์ผู้นำอย่างอันวา ซาดัตเป็นคนที่เปิดกว้างในเรื่องการฟื้นฟูแนวคิดของอิสลาม โดยหวังว่ากลุ่มนักศึกษาชาวมุสลิมรุ่นใหม่จะหมดไป แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ซาดัตจึงอยู่ในสถานะที่กดดันและก็ถูกหมายหัวจะเอาชีวิต ในวันที่ 6 ตุลาคม ปี 1981 เขาก็ถูกลอบสังหาร เป็นฝ่ายกลุ่มนักรบญิฮาดอิสลามที่เป็นผู้ลงมือ โดยหวังว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นการจุดชนวนสู่การลุกฮือปฎิวัติขึ้นมา
การปฎิวัติอิสลามในประเทศอียิปต์ก็ไม่เคยเกิดขึ้น มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติให้กับฮอสนี มูบารัก ท่ามกลางผู้คนหลายคนถูกจับกุมหลังจากที่มีการลอบสังหารแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Ayman Al Zawahiri ที่ต่อมาก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้กับกลุ่มอัลเคด้า ภายหลังจากที่ได้ปล่อยตัวแล้ว เขาก็ออกจากประเทศอียิปต์แล้วมุ่งหน้าไปสู่อัฟกานิสถาน
สงครามต่อต้านโซเวียตก็สร้างความผิดหวังให้กับกลุ่มสุดโต่งในปี 1970 โดยในปี 1986 ทาง CIA ก็ออกมายอมรับว่า อเมริกาได้ทำการฝึกฝนนักรบอัฟกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน CIA ก็ได้หนุนหลังวางแผนให้กับกลุ่ม ISI โดยที่หน่วยงานจากปากีสถานรับสมาชิกชาวมุสลิมทั่วโลกในการเข้าร่วมต่อสู้ในประเทศอัฟกานิสถาน ในส่วนของชนชั้นสูงของซาอุเองก็ได้มองเห็นถึงประโยชน์นี้ในการสร้างอิทธิพลโดยใช้โฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับแนวคิดวะห์ฮะบี ให้ผู้คนมีแนวโน้มนับถือนิกายซุนนี จุดศูนย์กลางขององค์กรก็มีการเคลื่อนไหวมาจากทางด้านของ Maktab Al Khidamat ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สร้างขึ้นมาโดย Abdullah Azzam ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สันนิบาตมุสลิมโลกประจำเมืองเปชะวา หลังจากที่ Azzam ถูกลอบสังหารในปี 1989 บิน ลาเดนก็ได้เข้ามาเทคโอเวอร์ในการค้นหาสมาชิกต่างชาติที่อยากเข้าร่วมทำสงคราม
ปีต่อมาบิน ลาเดนก็ได้กลับมาที่บ้านเกิด พร้อมกับเชื่อว่ามีความขัดแย้งอย่างรุนแรงท่ามกลางฝ่ายผู้บังคับบัญชาหลายคนของ Mujahadeen อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกันกับสหายแต่ละคนของเขา การที่เขากลับบ้านก็ยิ่งพบกับความผิดหวังมากขึ้นไปอีก หลังจากที่อิรักได้บุกคูเวตในช่วงหน้าร้อนของปี 1990 ทางด้านกษัตริย์ Fahd ของประเทศซาอุดิอาระเบียก็เชื้อเชิญให้กองทัพอเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพที่ประเทศของเขาได้ จากการที่มีกองกำลังต่างชาติกว่า 35000 คนที่ได้ต่อสู้กับ Mujahadeen บิน ลาเดนก็ได้เสนอให้มีการตั้งนักรบกองโจรที่มีประสบการณ์โดยใช้แนวคิดอิสลามสุดโต่งในการปกป้องประเทศจากการโจมตีของซัดดัม ฮุนเซน หลังจากที่ข้อเสนอของเขาถูกปฎิเสธแล้ว เขาก็เริ่มทำการวิพากษ์วิจารณ์ราชวงค์ของซาอุ จนสุดท้ายราชวงค์ก็ละทิ้งความเชื่อทางศาสนาอิสลาม
ไม่เพียงแค่ประเทศซาอุดิอาระเบียเท่านั้นที่ทางด้าน Mujahadeen เริ่มทำการต่อต้านรัฐบาล ในแอลจีเรียที่ได้สู้รบในอัฟกานิสถานก็ได้ช่วยจัดตั้งกลุ่ม GIA ในการต่อสู้สงครามกลางเมืองกับกองทัพแอลจีเรียอย่างนองเลือดหลังจากที่นายพลในส่งรถถังเข้ามาหยุดยั้งกลุ่ม FIS ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในปี 1992
ความไม่พอใจก็นำไปสู่แรงผลักดันจากปัจจัยภายนอก ในช่วงปลายสงครามเย็นก็ยิ่งนำไปสู่ชนวนความขัดแย้งมากขึ้น เนื่องจากชนชั้นสูงของอเมริกาก็พยายามที่จะให้เหตุผลในการขับเคลื่อนในรูปแบบลักษณะเป็นจักรวรรดินิยม นี่เป็นการใช้เหตุผลที่เป็นแรงผลักดันให้อเมริกาเข้าไปแทรกแซงในโซมาเลียและบอลข่าน และทำการล้อมประเทศอิรักจากการที่ UN ได้ทำการลงโทษการสังหารหมู่ ในขณะเดียวกันก็มีกระบวนการในการเจรจาสันติภาพในปาเลสไตน์ แต่สุดท้ายแผนการก็ล่มลงจนนำไปสู่การลุกฮือครั้งใหม่ของอินติฟาเฎาะฮ์ ปี 2000 ซึ่งผู้คนทั่วโลกหลายล้านคนต่างก็รู้สึกกลัวกับการที่อิสราเอลนำรถถังมาบดขยี้ผู้ประท้วงปาเลสไตน์
ในขณะเดียวกันบิน ลาเดนก็ได้เดินทางไปที่ซูดานและจากนั้นก็กลับมาที่อัฟกานิสถานในปี 1996 โดยมีการตั้งค่าฝึกรบบริเวณใกล้ๆกับเปชะวา ในเวลานี้ก็มีการตั้งค่ายฝึกรบในการต่อต้านอเมริกา ซึ่งบิน ลาเดนเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มตาลีบัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในการตั้งโรงเรียนอิสลามที่ค่ายผู้ลี้ภัยในแถบชายแดนอัฟกันพร้อมกับยั่วยุในแถบปากีสถานในการสร้างอิทธิพลอำนาจขึ้นมา โดยผู้ที่เคยสนับสนุนเขาในอดีตก็กลับมาหักหลังเขา ทำให้ทางซาอุได้ยกเลิกถอนสัญชาติเขาในปี 1994 และอเมริกาก็ได้ตัดท่อน้ำเลี้ยงของเขาในปี 1996 แต่พวกเขาก็ยังมีแนวร่วมเข้ามามากขึ้น อย่างไรก็ตามซาอุก็ได้ให้เงินทุนในการสนับสนุนกลุ่มตาลีบัน ซึ่งมีการเจรจาโดยเจ้าหน้าที่อเมริกาหลายคนที่หวังว่าพวกเขาจะสร้างความเสถียรภาพทางการเมืองและสามารถต่อท่อน้ำมันไปยังอัฟกานิสถานได้ ตัวของบิน ลาเดนเองก็ได้รับการหนุนหลังโดยหน่วยราชการลับของปากีสถาน ในปี 1998 อัยมัน อัซเซาะวาฮิรีก็อยู่เคียงข้างกับเขา โดยบิน ลาเดนก็ได้ประกาศเอาไว้ว่า จะสร้างองค์กร World Islamic Front ในการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์กับยิวและจะทำสงครามศาสนา โดย Front ก็ได้แถลงการณ์เอาไว้ว่า ชาวมุสลิมจะต้องสังหารชาวอเมริกันกับพันธมิตรที่ได้เข้าฉกฉวยโอกาสและเข้ามาปล้นชาติในแถบตะวันออกกลาง หลังจากนั้นก็มีการใช้รถบรรทุกระเบิดทำลายสถานทูตอเมริกาที่อยู่ในกรุงไนโรบีและดาร์-เอส-ซาลาม
บุคคลที่โลกต้องการตัวมากที่สุด
หลายปีต่อมาก็จะเห็นได้ว่าบิน ลาเดนก็เริ่มมีสถานะที่เป็นบุคคลสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามองมากขึ้น ก็คือ เป็นคนที่โลกต้องการตัวมากที่สุด ทางด้านเจ้าหน้าที่อเมริกาหลายคนก็รีบกล่าวหาเขาอย่างรวดเร็วว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการทำลายตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในเดือนกันยายน ปี 2001 และกองทัพอเมริกาก็ได้ทำการโค่นล้มกลุ่มตาลีบัน เขาเองก็เคยกล่าวว่ามีสัมพันธ์อันดีกับซัดดัม ฮุนเซนของอิรัก เจ้าหน้าที่อเมริกาก็ไม่ได้สนใจข้อโต้แย้งในเรื่องอุดมการณ์ระหว่างพรรค Ba’ath กับแนวคิดอิสลามสุดโต่งของบิน ลาเดน ในการแถลงการณ์ผ่านวีดีโอนั้นก็มีผู้คนชมหลายล้านคน โดยโฆษกกลุ่มอัลเคด้าก็ได้อ้างว่า ได้ล็อกเป้าหมายโจมตีประเทศแถบตะวันตก โดยเป้าหมายก็จะมีทหารอเมริกาที่ประจำอยู่ในซาอุดิอาระเบีย กลุ่มก่อการร้ายของอิสราเอลในมอมบาซา เจ้าหน้าที่อเมริกาที่อยู่ในแบกแดด ดูเหมือนว่าบิน ลาเดนจะมีเป้าหมายอะไรมากกว่านั้น
แต่เป้าหมายจริงๆของอัลเคด้าก็คือรัฐบาลอเมริกา อย่างไรก็ตามกองกำลังบางส่วนที่ได้รับการหนุนหลังโดยอิสราเอลในการต่อสู้กับปาเลสไตน์ก็มีคนหนุ่มหลายคนที่ถูกโน้มน้าวให้สู้กับความเป็นจักรวรรดินิยมของอเมริกา จากนั้นก็เริ่มมีคลื่นระลอกใหม่จากนักเคลื่อนไหวชาวอิสลามในการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอเมริกาที่ให้การสนับสนุนพันธมิตรในการสู้รบ
อัลเคด้าไม่มีผู้สนับสนุนอย่างจริงๆจังๆ ซึ่งบิน ลาเดนก็มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับคนเบื้องบน ผู้คนที่สนับสนุนจริงๆในตะวันออกกลางจึงมีไม่ค่อยมากนักจากการต่อต้านชาวปาเลสไตน์ หรืออาจมีผู้คนหลายล้านคนที่ต่อต้านการทำสงครามอิรัก แต่กองทัพอเมริกาเองก็เริ่มเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในมากขึ้นในช่วงปี 1990 โดยมีการฟื้นฟูกลุ่มองค์กรต่างๆขึ้นมา กองกำลังอัฟกันอาจจะมีความเข้าใจว่าจะมีการโจมตีครั้งใหม่เข้ามา แต่กองกำลังที่ถูกเกณฑ์เข้ามาอาจจะเกิดไม่ทันตอนที่ Mujahadeen ได้จุดชนวนสงครามเข้ามา ตัวอย่างเช่น ในมอร็อคโคแม้ว่าผู้มีอำนาจได้ทำการจับกุมพลเมืองชาวซาอุหลายคนฐานก่อการร้าย แล้วก็มีการระเบิดพลีชีพโจมตีแหล่งชุมชนชาวยิวในกาซาบล็องกาซึ่งเป็นเขตสลัมของ Rabat กับสมาชิกกลุ่มอิสลามหัวสุดโต่ง
ในประเทศอิรักนั้น เจ้าหน้าที่อเมริกาหลายคนก็ได้กล่าวหาว่า การระเบิดพลีชีพของชาวเคิร์ดที่นับถืออิสลามอย่าง Ansar Al Islam ก็มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลเคด้า เป็นความจริงที่ Ansar Al Islam เคยเป็นอดีตผู้นำ Mullah Krekar มาก่อน เขาเคยไปที่อัฟกานิสถาน ในเว็บของเขาก็เปิดเผยรูปภาพของเขาที่พบปะกับ Abdullah Azzam แต่กองกำลังของ Ansar ก็ไม่ได้อยากให้บิน ลาเดนให้เหตุผลต่างๆในการโจมตีทหารอเมริกา จากการที่มีการยิงจรวดสังหารพลเรือนบริเวณใกล้เคียงในเคิร์ดดิสถานในระหว่างนั้นก็อาจจะเป็นข้ออ้างที่สำคัญ แต่เจ้าหน้าที่อเมริกาก็ได้อ้างว่า อัลเคด้าได้บงการเรื่องการวางระเบิด จึงเป็นข้ออ้างในการทำสงครามก่อการร้ายยืดเยื้อออกไปและก็ฉวยโอกาสเข้าไปแทรกแซงกิจการในอิรัก
ยุทธศาสตร์ของอัลเคด้าอาจจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจริงจากการที่มีการลอบสังหาร Sadat การใช้วาทศิลป์โน้มน้าวของอัลเคด้าทั่วโลกก็ล้มเหลวในการสร้างผู้นำองค์กรใหม่ๆเข้ามา ซึ่งมีเป้าหมายที่จะท้าทายผู้นำซาอุหรืออียิปต์ แล้วก็ปล่อยให้ชนชั้นนำอเมริกาทำอะไรตามใจชอบ เมื่อไรก็ตามที่บิน ลาเดนมองเห็นโอกาสทอง เขาก็จะทำงานให้กับทางเบื้องบนทันที ไม่ว่าจะเป็นการวางกลอุบายสร้างความขัดแย้งระหว่างชนชั้นนำของปากีสถาน อีกทั้งยังตกลงทำงานร่วมกับ CIA หรือทำงานกับ Mullah Omar ของตาลีบัน การต่อสู้เพื่อเสรีภาพจริงๆสำหรับพวกเขาที่เดินตามแนวทางแบบนี้ก็คงริบหรี่ไปทุกๆที
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : socialistreview.org.uk