ลุยเดี่ยว Switzerland ฤดูหนาว (Luzern - Grindelwald - Zermatt) เที่ยวคนเดียวก็มีรูปตัวเองสวยสวยได้ 2017 | POSTRAC

กระทู้ที่ผมเคยเขียนไว้ ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ

" ทริปเที่ยว Nepal หลังแผ่นดินไหว เมือง Kathmandu และ Pokhara พังจริงไหม มีอะไรเหลือบ้าง ไปดูกัน! "
https://ppantip.com/topic/34916017
" ท่องอวกาศด้วยสองเท้าที่ Annapurna Base Camp (ABC) 2016 | POSTRAC "
https://ppantip.com/topic/35085963



ช่วงเวลาเดินทาง 23 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม พ.ศ.2560
ระยะเวลา 9 วัน
เป้าหมายเมือง Luzern, Grindelwald และ Zermatt

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเขียนรีวิวทริปลุยเดี่ยว Switzerland
ที่จะเน้นเป็นกระทู้รวมรูปมากกว่า (เนื้อหาไม่ค่อยมี ฮ่าๆ)
แต่ก็จะมีทริคเล็กๆ ที่หลายๆคนที่เข้ามาอ่าน อาจจะเอาไปปรับใช้ได้ครับ

ทริปนี้จุดมุ่งหมายหลักของผมคือ "ถ่ายรูป" ดังนั้นการวางแผนจะค่อนข้างยืดหยุ่น สามารถปรับหมุนได้ตามสภาพอากาศ
แล้วก็แพลนที่จะ Hiking สั้นๆด้วย ถ้าเทียบกับหลายๆรีวิว ทริปของผมก็อาจจะดูใช้เวลามากเกินไปแต่ผมก็คิดไว้แล้วว่ากะเน้นคุณภาพจริงๆ อีกทั้งช่วงเวลาที่เดินทางยังถือว่าเป็นช่วงฤดูหนาวอยู่ ดังนั้นสภาพอากาศจะไม่ค่อยแน่นอนครับ


แพลนของทริปนี้ที่ได้ใช้จริง หลังจากมีการปรับแล้ว

วันที่ 1 - ขึ้นเครื่องจาก Stuttgart มาลง Zurich และต่อรถไฟมา Luzern - เดินเที่ยว Luzern
วันที่ 2 - ขึ้นรถไฟ Luzern >> Grindelwald - จากนั้นเดินสำรวจเมืองและถ่ายรูปที่ Grindelwald และ Lauterbrunnen
วันที่ 3 - Grindelwald - ขึ้น Jungfraujoch & ขึ้น First และ Hiking ไป Lake Bachalpsee (แต่เดินไม่ถึง TT)
วันที่ 4 - Grindelwald - ขึ้น First อีกครั้ง และ Hiking ไป Lake Bachalpsee
วันที่ 5 - ขึ้นรถไฟ Grindelwald >> Zermatt - ขึ้น Gornergrat และลงมาเดินไป Riffelsee จากสถานี Rotenboden (เพราะวันนี้ท้องฟ้าเปิดพอดี)
วันที่ 6 - Zermatt - วันนี้หิมะตก ท้องฟ้าปิด สภาพอากาศไม่ค่อยดี เลยทำได้แค่เดินชมเมือง และสำรวจสถานี Cable Car ที่อาจจะได้ขึ้นในวันต่อไป
วันที่ 7 - Zermatt - ขึ้น Schwarzsee และ Trockener Steg แต่ขึ้นไปแล้วสภาพอากาศก็ปิดครับ มองอะไรไม่ค่อยเห็นเหมือนเดิม
วันที่ 8 - ขึ้นรถไฟ Zermatt >> Zurich
วันที่ 9 - ขึ้นเครื่องกลับ Stuttgart

ปล. ผมเรียน Master อยู่ใกล้ๆเมือง Stuttgart ครับ เลยขึ้นเครื่องจาก Stuttgart



อุปกรณ์ที่ใช้

Canon EOS 6D
EF 24-70 f/2.8 II
B+W XS-PRO KSM HTC-POL MRC Nano 82 mm (ตัวนี้ยกให้เป็นพระเอกของทริปเลย)
B+W F-PRO 110 ND 3.0 1000x MRC 82 mm
Tripod BENRO A550F + Ball Head BH1
และเลนส์อีกหลายประการที่ไม่ได้ใช้ TT
Gopro Hero 5 Black


Luzern

เริ่มกันที่เมืองแรกของทริปนี้ที่คนมาเที่ยว Switzerland คงจะต้องมาแวะอย่างแน่นอน ตอนแรกผมก็กะจะมาเดินถ่ายรูปชิวๆแต่ปรากฎว่าบังเอิญดันไปชนกับงาน Luzern Carnival พอดี ดังนั้นโชคดีและโชคไม่ดีครับ
ความตั้งใจที่จะได้รูปเมืองสวยๆเลยได้เป็นรูปคนแต่งตัวแฟนซีมางาน Carnival กันแทน

การเดินไปไหนมาไหนในวันนี้ก็ค่อนข้างลำบากครับ มีการปิดถนนเพื่อให้ขบวน Carnival ผ่าน อีกทั้งคนตามถนนหนทางคือเยอะมาก ผมต้องเดินย้อนไปย้อนมาหลายรอบเพื่อหาทางไปโรงแรม กว่าจะถึงโรงแรมก็เหนื่อยเลย

ส่วนตัวหลังจากเท้าแตะประเทศนี้แล้วรู้สึก "หมั่นไส้" พอสมควร ประเทศอะไรจะชีวิตดี มีเมืองติดทะเลสาบ มีวิวภูเขาหิมะอยู่ด้านหลัง เบะปากแรงมาก และยังรู้สึกแบบนี้ตลอดทริปครับ ฮ่าๆ แต่ได้อ่านกระทู้นึงในพันทิปมา สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีแต่เขา และอากาศหนาว ไม่เหมาะสมกับการปลูกพืชผัก ซึ่งก็จริง มองหาสวนพืชผักผลไม้มีน้อยมาก เห็นก็จะมีแต่จับปลา กับพวกตัดไม้

อันนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มางาน Carnival ที่ผมชอบ แต่งเป็นธีม Star Wars ตลก และลงทุนกันมาก

ครอบครัวนี้พ่อแม่แต่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ และเอาลูกใส่กล่องไว้ทำเหมือนเป็นซอมบี้ อันนี้ก็ชอบมากๆเหมือนกัน คิ้วๆ

จบแล้วครับสั้นๆสำหรับ Luzern



Grindelwald - Lauterbrunnen

ไปต่อกันเลย ขึ้นรถไฟจาก Luzern ไป Grindelwald กันครับ

ผมเลือกที่จะค้างคืนที่ Grindelwald แทนที่จะเป็น Interlaken เพราะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของที่นี่มานาน อีกทั้งช่วงนี้มีหิมะตก น่าจะเก็บภาพดีๆได้ และผมโฟกัสที่จะต้องการขึ้น Jungfraujoch ซึ่งผ่านทางนี้อยู่แล้ว แล้วก็ขึ้น First
ที่มีสถานีกระเช้าขึ้นจากที่ Grindelwald นี่แหละครับ

Grindelwald เมืองนั้นเล็กกว่า Interlaken แน่นอน แต่บอกเลยว่าเดินเหนื่อย เพราะต้องขึ้นลงเขา เราสามารถขึ้นบัสที่วิ่งใน Grindelwald ได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าเราพักโรงแรมใน Grindelwald เราจะได้บัตรขึ้นบัสฟรีอีกด้วย

โบสถ์ประจำเมือง

เสร็จแล้วก็นั่งรถไฟมาเมือง Lauterbrunnen ที่ตั้งอยู่ในช่องเขาที่มีน้ำตกลงมาใกล้ๆจุดศูนย์กลางของเมือง แต่ตอนผมไปนั้นไม่ใช่น้ำแต่เป็นหิมะแทน ถ้ามาช่วง Summer คงจะได้ภาพสวยๆและเขียวขจีกว่านี้ มีทริคคือจะถ่ายเมืองนี้ให้สวยต้องตอนเช้าตามทิศทางพระอาทิตย์ขึ้นแต่ผมไม่มีเวลาเลยต้องเป็นตอนบ่ายแทน

วิวเมืองจากมุมสูง



เสริมอีกนิดนึงครับ ถ้าตั้งใจจะมาขึ้นเขาต่างๆ เช่น Jungfraujoch สภาพอากาศสำคัญมาก ดังนั้นมาถึง Interlaken หรือ Zermatt หรือเมืองไหนๆก็ตามให้ไปที่ Tourist Information ก่อนเลยครับ เค้าจะแปะพยากรณ์อากาศของวันนั้นๆและล่วงหน้าไว้ ไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ได้เลยถ้าเกิดมีคำถาม เค้ายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือครับ



Jungfraujoch

เช้าวันรุ่งขึ้น ไปต่อกันที่ Jungfraujoch (เช็คสภาพอากาศแล้ว วันนี้ Mostly Sunny อิอิ) ผมขึ้นรถไฟเที่ยวแรก เวลาน่าจะประมาณ 7:16 มีทัวร์ลงเล็กน้อย แต่ไม่แย่มาก จาก Grindelwald ถึง Jungfraujoch น่าจะใช้เวลาประมาณ ชม.ครึ่ง ที่พีคสุดน่าจะเป็นราคาตั๋วขึ้น ราคาเพียวๆ ไม่มี Swiss Pass ก็ 190 CHF หรือประมาณ 6,6xx บาทไทย ก็โอเคอะ...

ขึ้นมาถึงแล้วก็ถ่ายรูปกัน วิวจากบริเวณ Plateau

Sphinx เอง วิวจาก Plateau เหมือนกัน

อันนี้เราเอง มีรูปเผลอประหนึ่งมีคนถ่ายให้ แต่จริงกางขาตั้งแล้วใช้รีโมทชัตเตอร์ สั่งให้กล้องถ่ายไปเรื่อยๆ ต้องเดินหามุมสุ่มๆดู ต้องมีดีซักรูปแหละหน่า และโชคดีที่ตอนนั้นเป็นช่วงที่ไม่มีคนพอดี ลองสังเกตดูกรุ๊ปทัวร์จะมาเป็นช่วงๆครับ ระหว่างช่วงคนจะน้อย ก็อาศัยจังหวะนั้นแหละ ถ่ายเลย

วิวจาก Sphinx ครับ

ขึ้นไปถึงประมาณ 9 โมง อยู่จนเที่ยงๆ ถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็ลง ยิ่งสายคนยิ่งเยอะ ทัวร์จีนลงช้งเช๊งนึกว่าวัดพระแก้ว อีกอย่างยังมีแพลนต่อไปคือขึ้น First และ Hiking ไป Bachalpsee

เก็บมาได้อีกภาพ ระหว่างนั่งรถไฟกลับจาก Jungfraujoch ไป Grindelwald ครับ มุมนี้แอบเห็นคนถ่ายมาลงพันทิปเยอะอยู่เหมือนกัน



First - Lake Bachalpsee

ลงจาก Jungfraujoch ก็กลับมาโรงแรม กินอาหารกลางวัน เติมเสบียงและน้ำ ก่อนที่จะขึ้น First กัน สวิตเซอร์แลนด์อาหารแพงมากจริงๆ ปกติผมจะเป็นคนที่ยอมจ่ายในระดับหนึ่งแต่เคสนี้ไม่ไหวจีจี อาหาร 1 จานกับราคา 6-7 ร้อยบาทไทย กินแซนวิชเอาก็ได้ครับ สามารถหาซื้อได้ในซุปเปอร์มาเก็ต ถ้าอยากประหยัดเงิน หาของกินในซุปเปอร์ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

ขึ้นมาถึง First แล้วครับ ค่าตั๋วกระเช้าไปกลับ Grindelwald - First และผมมีบัตรที่โรงแรมให้มา จึงได้ส่วนลดเป็น 42 CHF ครับ (จำไม่ได้ว่าราคาเต็มเท่าไหร่ แฮะๆ) First เรียกได้ว่าเป็น Attraction ของ Grindelwald เลยเพราะมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย (ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน) ส่วนผมมาฤดูหนาวนั้น ก็ Winter Hiking หรือจะไปเดิน First Cliff Walk ผมไปเดินมาครึ่งทางแล้วก็เดินกลับ เสียวไม่ไหว ฮ่าๆ แต่คนส่วนใหญ่ ถ้าไม่ได้เพื่อมาเล่นสกี เกือบ 90% ที่ขึ้นมา First ก็จะมาเพื่อ Winter Hiking แล้วก็เล่น Sledge ลงเขาครับ

First Cliff Walk

โอเคครับ กลับมาสู่แพลนของเราที่จะมุ่งหน้า Lake Bachalpsee แต่มีความพังเล็กน้อย ถ้าจะ Hiking ช่วง Winter ควรจะมีอุปกรณ์ที่สวมกับรองเท้าแล้วเป็นปุ่มเหล็กเอาไว้กันลื่น (เรียกชื่อไม่ถูก แฮ่ๆ) จริงๆผมมีรองเท้า Hiking อย่างดีแต่ไม่ได้เอามาใช้เพราะคิดว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง ปรากฎว่าลื่นมากๆบริเวณที่หิมะละลายและจับตัวกันแล้ว เดินลำบากเลยครับทีนี้ ตอนขึ้นไม่เท่าไหร่อีตอนลงนี่ซีดเลย และถ้าใครเป็นพวกชอบ explore ออกนอกเส้นทางแบบผมก็ควรจะมี Gator ระดับคลุมจนถึงใต้เข่าด้วยเพราะถ้าออกนอกเส้นทาง หิมะหนาจนจมไปทั้งแข้งเลย ผมไม่ได้เอา Gator ไปก็หิมะเต็มรองเท้าต้องคอยเขี่ยๆออกตลอด

ภาพที่คนเดินลาก Sledge จะพบเห็นได้บ่อยๆใน route นี้

ท้องฟ้าใสและแปลว่าแดดร้อนมากกกก (ก.ไก่สิบตัว) บวกกับแดดที่สะท้อนหิมะ ผมไม่ได้ทาครีมกันแดดหน้าไป
กลับลงมาหน้าดำเป็นขอบแว่นเลย

เนื่องจากชิวไปหน่อย เดินไปถ่ายรูปไปบวกกับทางลื่น เดินยาก เดินยังไงก็ไม่ถึงซักที ลองเช็คจาก GPS ในมือถือแล้วก็อีกไม่ไกลแต่คือต้องเดินขึ้นลงๆอีก และต้องเผื่อเวลาเดินกลับไปให้ทันก่อนกระเช้าปิด ก็เลยต้องยอมแพ้เดินกลับครับ
ก่อนจะกลับก็เลยขอเซลฟี่อีกซักรูปย้อมใจ

ขากลับก็ใส่เกียร์หมาเลยครับ กลัวกลับไม่ทันเพราะไม่เคยเดิน ไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลากลับเท่าไหร่ มีจุดทางชันที่ใช้เวลาเยอะ เหนื่อยร่างแทบแตก แต่ก็กลับมาทัน ขึ้นกระเช้าแบบหมดแรง เพราะวันนี้ตื่นแต่เช้า เจอทั้งหนาว ทั้งร้อนแดด ทั้งลม กลัวจะไม่สบายด้วย เลยตั้งใจว่าคืนนี้ขอนอนอิ่มๆ ตื่นไม่เช้ามาก แล้ววันต่อไปจะกลับมาเดินขึ้น Lake Bachalpsee อีกที



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่