[CR] [CR] Review: Penang the reverie of heritage site | ปีนัง ห้วงภวังค์แห่งเมืองมรดกโลก


" ปีนัง เมืองที่มีมนต์เสน่ห์แห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ของประเทศมาเลเซีย การเดินทางก็ง่ายจะบินไป หรือนั่งรถก็สะดวก บรรยากาศก็ชิล ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต"



อ่านคำโปรยด้านบนแล้วกำลังรู้สึกดีกันใช่ไหมครับ? แต่จริงๆ แล้วทริปนี้เป็นทริปเปื่อยแบบสมบูรณ์ที่สุด และเป็นรีวิวครั้งแรกด้วยเช่นกันครับ

เคยมีอารมณ์แบบว่าเหนื่อยจนอยากจะพักร้อน หรือหนีไปที่ไหนไกลๆ สักแห่ง แต่!! ติดเวลาน๊อย ~ น้อย คือผมมีอารมณ์ประมาณนั้นเลยครับ ทริปนี้มีเหตุเริ่มต้นมาจากการที่ช่วงหนึ่งผมทำงานติดต่อกัน 2 สัปดาห์ไม่ได้หยุดเลย ทำให้รู้สึกว่า เห้ย!!! ต้องหยุดและหนีไปที่ไหนสักแห่งไหม

เลยทำให้นึกถึงว่าตอนเรียนอยู่ที่มาเลเซียเนี้ย ยังไม่เคยไปปีนังเลยนี่หว่า สิ้นความคิดก็ยัดเสื้อผ้าลงกระเป๋า จองตั๋วแล้วบิน ทริปปีนัง 3 วัน 2 คืน เลยบังเกิดขึ้นครับ




Nice to know
ปีนัง   เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซียมีลักษณะเป็นเกาะ จำเป็นต้องข้ามสะพาน สามารถโดยสารรถยนต์ เรือ หรือเครื่องบิน ตามสะดวก
จอร์จทาว์น (George town) เป็นเมืองมรดกโลกที่อยู่ในปีนังและเราจะเที่ยวที่นี่กัน
ค่าเงิน  Malaysia Riggit (RM) |   1 RM = 10 THB (โดยประมาณ)
ภาษา ใช้ภาษา Bahasa Malayu  ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาอินเดีย คุณสามารถคุยภาษาอังกฤษได้แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจ (บางรายพูดภาษาไทยได้ด้วย)
เวลา เวลาจะต่างจากประเทศไทย + 1 ชม. ดังนั้นข้ามเขตแล้วอย่าลืมปรับเวลา
อากาศ ร้อนชื้นครับ บางครั้งมีฝนตก แต่แปปเดียวก็หยุด
รถเมล์ ให้จำหมายเลข 101 ไว้ เพราะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเยอะสุด และเวลาเที่ยวสุดท้ายคือ 4 ทุ่มครับ (เกือบไม่ได้กลับที่พัก เกือบตกรถที่หาดบาตูเฟอริงกิแล้ว)




เริ่มต้น วันแรก---------------

การไปปีนังเนี้ยมันง่ายครับ มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ (BKK / DMK) ชิลๆเลยครับ แต่!! มันสบายไปครับ มันง่ายไป…..สำหรับผมแล้วการนั่งเครื่องไปถึงปลายทางมันทำให้เราพลาดการมองเห็นวิวบ้านเรือนระหว่างทางเลยเลือกที่จะต่อรถตู้ แต่ครันว่าจะให้ผมนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ ไปเนี้ยคงไม่ทันการ หมดเวลาก่อนพอดีครับ การเดินทางเลยออกมาเป็นแบบนี้ครับ



ผมเลยบินกับน้องยิ้ม THAI Smile จากสุวรรณภูมิ สู่ หาดใหญ่ สบายๆ ชิลๆ ตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะให้ทันเวลาต่อรถตู้ในตัวเมือง
ปล.ไฟล์ทเช้ามีเสริฟ Stromboli ร้อนๆ ให้กินด้วยฟิ๊น ฟิน
ปล.2 ผมลืมบอกไปว่าทริปนี้ผมไปคนเดียวครับ



แต่น แต๊น~~ ถึงหาดใหญ่แล้ว ว่าแต่จะไปขึ้นรถยังไงละทีนี้ ถ้าผู้อ่านเดินทางแล้วมีเวลาเหลือเฟือ ผมนะนำว่านั่งสองแถวเข้าเมืองก็ได้ครับ จะได้ไม่เปลืองเงิน  สำหรับผมขอชัวร์ไว้ก่อนครับ (ฮ่าๆ) ผมเลยนั่งรถรับส่งจากสนามบินราคาตั้ง 320 บาท!!!! แต่ผมก็ยอมครับ จะได้มีเวลาเดินเล่นดูเมืองหาดใหญ่ กินข้าว ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ครับ



จากนั้นรถก็มาส่งผมที่ท่ารถตู้ครับ รถตู้ที่ผมใช้บริการนั้นเป็นของบริษัท K.S.T. Travel ครับ ใครอยากดูตาราง จองตั๋ว หรือสอบถามรายละเอียด เข้าไปที่ www.ksttravelthailand.com ครับ ส่วนใครที่มาด้วยรถสองแถวให้ลงแถวสถานีรถไฟหาดใหญ่ เดินตรงมายัง ถ.ธรรมนูญวิถี เจอสีแยกไฟแดงแล้วเลี้ยวขวา เดินมาประมาณ20เมตร ออฟฟิศอยู่ตรงข้าม โรงแรม Aloha ครับ



สำหรับการเดินทางด้วยรถตู้จากอ.หาดใหญ่ จะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา เราต้องลงจากรถตู้เพื่อเข้ารับการตรวจ 2 จุด คือ ด่านของไทย และด่านของมาเลเซียครับโดยผู้อ่านจะต้องเตรียมเอกสารเดินทางดังนี้

- PASSPORT

ครับ แค่นี้จริงๆ (เขียนให้ยาวเพื่อ!!!) แต่ตอนที่เราซื้อตั๋วจากท่ารถตู้เขาจะเขียนใบตรวจคนเข้าเมืองให้เราครับ อย่าลืมเอาไปยื่นให้ที่เคาท์เตอร์ ตม. ด้วยนะ ไม่งั้นเราต้องเขียนใหม่เสียเวลาแย่เลยครับ



พอเราผ่านพิธีพวกนี้เสร็จเราก็ขึ้นมาหลับบนรถตู้ต่อได้เลยครับ เพราะการเดินทางของเราจะใช้เวลาถึง 4.30 ชั่วโมงด้วยกัน (คร่อกกก z z Z Z)  ปล. ถ้ามีพัดลมมือถือเอามาด้วยก็ดีนะครับ รถบางคันแอร์ก็ไม่ได้เย็นอย่างที่คิด (หมายถึงบริษัทอื่นนะ แถมเอาจริงๆ แดดก็ร้อนจนฟิลม์สู้ไม่ไหวหรอกครับ)

ถึงปีนัง 15:00 น.-----


สะพานที่ยาวถึง 13.5 กิโลเมตร

ตื่นขึ้นมาแว๊บแรกนี่ เจอซ็อตนี้เลยครับ (ไหนว่าจะดูบ้านเรือนตามทาง) ตื่นเต้นเพราะเพิ่งเคยไปครั้งแรก แล้ววันที่ไปนี่ก็เมฆไม่เยอะเท่าไหร่ กำลังสวย (นั้นหมายถึงมันร้อนมากๆ ด้วย =__=”)  ภาพนี้ถ่ายบนสะพานปีนัง เป็นสะพานที่มีความยาวถึง 13.5 กิโลเมตร ใช้เชื่อมต่อระหว่างเกาะปีนังและเมืองบัตเตอร์วอร์ธ (Butterworth) บนแผ่นดินใหญ่ครับ

หลังจากเข้าเกาะมาได้รถตู้ก็มาส่งที่โรงแรมที่จองไว้ครับ ซึ่งโดยปกติเวลาผมเดินทางไปเที่ยว ผมจะเลือกพักแบบโฮสต์เทล (Hostel) เพราะมันจะทำให้เราได้เจอกับผู้คนมากมาย และอีกประเด็นคือมันประหยัดครับ (ฮ่าๆ)

และนี่คือหน้าตาHostel ที่ผมไปพักในทริปนี้ครับ  “Kimberlay House” ผมได้ราคาจากเว็บค่อนข้างถูกครับ แต่ยังไงตอนมาถึงให้เตรียมเงินไว้มัดจำด้วยนะครับประมาณ 10 RM หรือ 100 บาท (อาจสูงหรือต่ำกว่าแล้วแต่โรงแรมครับและอัตราแลกเงินขณะนั้นครับ)


สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่โรงแรมครับ เพราะเรากำลังมุ่งหน้าไปหาของกินนนนน~  (ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหิวมาก) ผมวางข้าวของเรียบร้อยก็ออกมาขึ้นรถเมล์Rapid Penang Bus สาย 101 ที่ตึก Komtar อันเป็นจุดศูนย์รวมของรถเมล์หลายๆ สาย ลักษณะเหมือนหมอชิตบ้านเรามั้งครับ มุ่งหน้าไป Gurney Drive ย่านห้างสรรพสินค้า และตลาดนัดครับ

การขึ้นรถเมล์ของที่ปีนังนั้นผู้อ่านจะต้องเตรียมเหรียญไว้ ก่อนขึ้นนะครับ พอขึ้นไปแล้วบอกปลายทางกับคนขับ (ขึ้นประตูหน้า) เขาจะบอกค่ารถ โดยส่วนใหญ่ก็ 1-2 RM จากนั้นก็หยอดเหรียญใส่ตู้ข้างคนขับ แล้วเขาจะให้ตั๋วโดยสารครับ ซึ่งรถเมล์แบบนี้มีให้บริการในกัวลาลัมเปอร์ และปีนังครับ




พอถึง Gurney Drive แล้ว ผมก็รีบกระโดดลงจากรถบัสเลยครับ (เวอร์ไป) จากจุดนี้เราจะเห็นวิวชายหาดที่ทอดยาวและอนุสาวรีย์กลางวงเวียน มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากภัยสึนามิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 ครับ (งานสาระก็มา)




เดินถัดไปไม่ไกลนักเราจะเจอตลาด Gurney Drive Hawker Centre ย่านของกินที่มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งน๊าน~ แต่ที่ผมเห็นไม่ได้ต้องพุ่งไปกินก่อนนั้นก็คือ Lok Lok  หรือพวกเหล่าเนื้อสัตว์ ลูกชิ้น และผัก ที่นำไปลวก เวลาเราจะกินก็หยิบใส่จาน ส่งให้พ่อค้า เขาจะเอาไปลวกแล้วให้เรามาราดน้ำจิ้ม หรือจุ่มลงไปในหม้อแล้วกินครับ (จุ่มแค่ครั้งเดียวพอนะ ไม่ใช่กัดแล้วไปจุ่มอีก เดี๋ยวโดนตีตายเลย)

รสชาติของน้ำจิ้มจะเหมือนกับน้ำจิ้มหมูสเต๊ะบ้านเราแหละครับ แต่จะมีซอสปรุงให้เพิ่มความเผ็ด ความเปรี้ยวเอง สิ่งที่ต้องระวังก็คือ บางร้านก็ไม่ได้ขาย Lok Lok ราคาเท่ากันทุกไม้ ให้สังเกตุที่สีของปลายไม้ และป้ายบอกราคาที่ร้านนะครับ เพราะสีจะบอกราคาที่ไม่เท่ากันครับ (แต่ร้านที่ผมไปกินเนี้ย ทุกไม้ 1 RM ครับ ฟินกันไป)





หลังจากนั้นผมก็อร่อยกับทุกอย่างในตลาด จนลืมถ่ายรูปไปเลย (ฮ่าๆ) ส่วนใครที่กำลังคิดว่าไม่ชินกับอาหารของปีนัง ลืมไปได้เลยครับ มีหลายอย่างที่คล้ายไทยมาก เช่นออส่วน หอยทอด น้ำแข็งใส (ที่นี่เรียกว่า Rojak มีท๊อปปิ้งให้เลือกเยอะเลยครับ) เตือนไว้อย่างนึงนะครับ คนที่นี่ชอบกินหวาน และหวานมาก เครื่องดื่มที่อร่อยคือ ไมโลไอซ์ หรือไมโลเย็นนั้นเองครับ ที่นี่ไมโลดังนะครับ โอวัลตินนี่ไม่ได้เห็นเลย ส่วนถ้าถามว่าทำไมมันอร่อย ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าวว่าเขาทำออกมาเข้มข้นกว่าที่ไทยนะครับ

เสร็จภาระกิจการกินผมก็ไปเดินห้างแถวนั้นต่อแล้วก็กลับห้องพัก (ใช้เวลาไม่คุ้มค่าเลย) ผมชอบเดินห้าง ซุปเปอร์มาร์เก็ต เพราะอยากดูว่าของที่เขาเอามาขายมันต่างจากที่ไทยมากแค่ไหน มีอะไรใหม่ๆบ้าง แต่ก็นั้นแหละห้างที่ไหนเราก็เดินกันได้ ผมเลยไม่ได้เก็บรูปมาฝากครับ



เอาเป็นว่านั้นเป็นวันแรกของการเดินทางมาปีนัง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการเดินทาง ห้องพัก และก็การกิน อย่างที่ผมบอกตอนต้นว่าถ้าใครบินมาได้ก็บินมาครับ จะได้ไม่เสียเวลา แต่สำหรับผมเรื่องสบาย ผมขอบายครับ (ฮ่าๆ)

สำหรับวันที่สองของการเดินทาง ผมจะพาทุกคนไปปั่นจักรยานชม Street Art , Heritage site , พาขึ้นเขาPenang แวะไหว้พระที่วัด Kek Lok Si และ ไปเดินเล่นในเมือง ทุกอย่าง เกิดขึ้นวันเดียว และไวมาก (และแน่นอนว่าเสียตังค์ให้น้อยเพื่อเก็บไว้กิน ฮ่าๆ ดังนั้นถ้าหวังจะเจอพิพิธภัณธ์หรืออะไรที่เสียเงิน ลืมไปได้เลย)
ชื่อสินค้า:   ปีนัง มาเลเซีย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่