เรื่องจริง สู่ เรื่องเล่า

กระทู้สนทนา
เรื่องจริงที่ต้องเล่าต่อ
จาก
นามปากกา “เศษฝุ่นสีเงิน”
เสนอ
วิญญาณ ติด กรรม


ตอน เงาดำ ใน ซอยเปลี่ยว
เหตุการณ์

                 เมื่อตอน ข้าพเจ้าอายุ ประมาณ 23 ปี ตอนนั้น ข้าพเจ้า ได้จบการศึกษา แล้ว ทำงาน เป็นพยาบาล ณ โรงพยาบาล แห่งหนึ่ง ของเชียงใหม่ เวลาทำงาน ของ พยาบาลส่วนใหญ่ ถูกแบ่งออกเป็น 3 กะ กะละ 8 ชั่วโมง พวกเรา พยาบาลทั้งหลาย เรียกว่า “เวร”  
เวรเช้า ตั้งแต่  08.00 น. – 16.00 น.
เวรบ่าย ตั้งแต่  16.00 น. – 24.00 น.
และ เวรดึก ตั้งแต่ 00.00 น. – 08.00 น.
                    วันนั้นข้าพเจ้า ทำงาน 2 กะ คือ เช้าและบ่าย ต้องทำงานตั้งแต่ เวลา 08.00 น. – 24.00 น. และวันพิเศษ วันนั้น คือ วันที่ข้าพเจ้า ได้นัด เพื่อน เพื่อที่จะ ไปนอน และ พบปะพูดคุยกัน ที่หอเพื่อนนั่นเอง (จากที่สนิทมากตอนเรียน แต่หลังจากทำงานแล้ว ไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะต่างคนต่างทำงาน)
                    หลังจากทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ข้าพเจ้า กลับมา อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ หอพักตัวเอง และได้เดินทาง ไปยัง หอเพื่อน ซึ่งอยู่ ห่างออกไปไม่ไกลนัก ข้าพเจ้า เริ่มออกเดินทางไปหาเพื่อน เวลานั้นประมาณ เที่ยงคืน 45 นาที
                    ซึ่งหอนั้น ไปทางศูนย์ราชการเชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต้องเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ที่ติดกับ ร้านคาราโอเกะ ใหญ่โต  ในซอยเล็ก ๆ นั้น ไม่มีแสงสว่างของไฟฟ้าเลย เป็น ซอยดินลูกรัง มืดมาก ฝั่งซ้ายมือ ของซอยเล็ก ๆนี้ เป็น ด้านข้าง ของ ร้านคาราโอเกะ และ ด้านข้าง ของหอพัก มีรั้วปูนกัน ปิดบัง บรรยากาศข้างในไว้ ไม่ให้บุคคลภายนอกได้เห็น ส่วนฝั่งขวามือ ของซอย เต็ม ไปด้วย ต้นกระถิน หนาทึบ ความสูงน่าจะประมาณ 2 เมตรได้ บรรยากาศเงียบสงัด ไร้ผู้คน และ ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ของ สิ่งใดๆ อากาศเย็นยะเยือก น่าขนลุกเลยทีเดียว
                     ข้าพเจ้าเอง จำทาง เข้า หอพัก ของเพื่อนไม่ได้ จึงได้ จอดรถ และ พยายามโทรติดต่อเพื่อน (ช่วงปีนั้น การใช้ application social network ยังไม่นิยม) ตอนนี้ ทั้ง ซอย จึง มีแค่ แสงสว่างน้อยๆ จาก มอเตอร์ไซค์ ของ ข้าพเจ้า เท่านั้น ขณะที่ได้โทรพูดคุยกับเพื่อน อยู่นั้น(ห่างออกไปจากที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ ประมาณ 3-4 เมตร)..............
                     ข้าพเจ้า ได้สังเกต เห็น “เงา” ของอะไร บางอย่าง ในป่ากระถินทึบ สิ่งแรกที่ข้าพเจ้า คิดในใจ นั่นก็คือ ......... เป็นเงา ......เป็นเงา...... ของ....... น่าจะผู้ชาย รูปร่างก็สันทัด ลักษณะยืน และทำอะไรบางอย่างอยู่ เหมือนจะ ยืนยิงกระต่าย (ปัสสาวะ) ก็ ไม่น่าจะใช่
เพราะ ดูท่าทางแล้ว ลักษณะเงานั้น หันหน้าออกมาทางซอย ซึ่งปกติ คนปัสสาวะ น่าจะ หันหน้าเข้าทาง พุ่มไม้มากกว่า และ ที่น่าสงสัยอย่างมากก็คือ เหมือนกับว่า “เงา” นั้น หันหน้า และ จ้องมองข้าพเจ้าอยู่ อย่างไม่ขยับ
                      แต่ด้วยความที่ บริเวณซอยนั้น มืดมาก และข้าพเจ้าคิดว่า อาจไม่ใช่เงาคน แต่อาจจะเป็นเงาของต้นไม้ เงามุมตึก หรือ เงาของเสาอะไรบางอย่าง ที่ถูกแสงไฟสะท้อนมา ให้เห็น นั่นเอง
                      ข้าพเจ้า ครุ่นคิด ภายในใจ อยู่แบบนั้น และ รออยู่สักพัก.........  ก็มีรถกระบะ ขับสวน ออกมา จากซอยนั้น ข้าพเจ้า จึง คิดว่า อยากมอง และให้รู้ไปว่า “เงา” นั้นคือ อะไรกันแน่  แสงสว่างจากรถ คันนั้น ส่องให้ความมืดหายไป เห็นทุกอย่าง ได้อย่างชัดเจน จนเห็นต้นกระถินเรียงรายกันมากมาย แต่.......... ทำไม เงาชาย คนนั้น ยังยืนอยู่ เหมือนเดิม ไม่มีการจาง ไม่หายไป และ จ้องมองข้าพเจ้าอยู่ เหมือนเดิม อะไรนี่ “เงา” หรือ อะไร ทำไมน่ากลัวแบบนี้ ทำไม ไม่หายไป ทำไม ยังยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม
                      แสงจากไฟรถยนต์ ทำให้ข้าพเจ้า เห็น ทุกอย่างชัดขึ้น เห็นเป็น เงาชายนิรนาม สูงประมาณ 175 ได้ รูปร่างสัดทัด ไม่อ้วน ไม่ผอม ท่าทางกำยำ ด้วยซ้ำ ไร้หน้าตา ไร้เสื้อผ้า ไร้สีสัน มีแต่สีดำเหมือนเงาปกติ  
และเมื่อ รถ ขับ ผ่านไป “เงา” นั้น ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ข้าพเจ้าจึงละ ความสนใจ แล้ว เดินทางไปยัง หอเพื่อนต่อ และ ขับมอเตอร์ไซค์ ผ่าน เงานั้นไป ใช้เวลา ประมาณ 5 นาที ก็ ถึง หอเพื่อน เพื่อนจึงออกมารับที่หน้าหอพัก และ ต้องใช้ key card เปิดประตู เข้าไป
                       จำได้ว่า ตอนนั้น ทั้งหอพัก ไม่มีใครเลย นอกจาก ข้าพเจ้า และ เพื่อน ห้องเพื่อน อยู่ท้ายสุด ชั้นแรก หลังจาก เราเข้าห้อง กันแล้ว ก็ พูดคุย ทักทายกันนิดหน่อย (ดึกมากแล้วข้าพเจ้าจึงรีบนอน เอนตัวนอนได้สักครู่ใหญ่ ทั้งเพื่อน ข้าพเจ้า ก็ได้ยินเสียง)

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก  เสียง คนเคาะ บานเกล็ด ซึ่งเป็นกระจกใส ห้องเพื่อนดังขึ้น
เรา สองคนลุกนั่ง มองหน้ากัน จากนั้น มองไปยังบานเกล็ด ไม่มีผู้คน ไม่มีสิ่งใดๆ และ เสียงนั้นเงียบไป จึงนอนต่อ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก  เสียง คนเคาะ บานเกล็ด ซึ่งเป็นกระจกใส ห้องเพื่อนดังขึ้นอีกครั้ง (ปกติข้าพเจ้า และ เพื่อน มีความนับถือ ความเชื่อในเรื่อง เหนือธรรมชาติ จะเข้าวัดปฏิบัติธรรม สมาธิ อยู่เสมอ และ มี สัมผัสพิเศษ)

เรา สองคน ลุกนั่ง อีกครั้ง บรรยากาศ ตอนนั้น น่ากลัว และ น่า สงสัย เหลือเกิน
เพื่อน :         (มองไปที่ บานเกล็ด แล้ว หันมาทาง ข้าพเจ้า)  ไป มองหน้า มันทำไม
ข้าพเจ้า :      กู ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเงา กู นึกว่า เงาคน หรือ ต้นไม้
เพื่อน :         เอาไง ละ ทีนี้ ตาม มาถึง หน้าห้องเลย
ข้าพเจ้า :       บอก มัน ไปสิ ต้องการอะไร ?
เพื่อน :         มัน ถามว่า  มองหน้ามัน ทำไม     ?
ข้าพเจ้า :      อืม.............  ที่ ปรากฏ ตัวตน ให้เห็น และ ตามมานี้ ไม่ได้ อยาก รู้แค่ คำตอบ นี้ ใช่ ไหม ? ไปซะ !!!
ข้าพเจ้าเริ่มหงุดหงิด เพราะอยากพักเต็มที

เพื่อน :          มัน ไม่ ตอบว่ะ  และ ........  ไม่ยอมไปด้วย.......
ข้าพเจ้าหลับตาลง และ เริ่ม ทำสมาธิ เข้าสู่ สมาธิฌาน ระดับต้น เพื่อ สื่อสารกับ สิ่งที่ อยู่ นอกห้องขณะนี้

เพื่อน :          ไม่ต้อง เดี่ยว กู จัดการเอง ไม่ต้อง ยุ่งกับ มัน เรื่องจะยาว..............
(ดูเหมือนว่าเพื่อนจะรู้วิธีจัดการกับสิ่งนี้)

เพื่อน :          (หันหน้าไปทางกุมารที่เลี้ยงไว้) ลูกเอ๋ย ลูกพ่อ ลากมันออกไป............
สิ้นเสียงเพื่อน ทุกอย่างดูสงบ และ เหมือน ไม่มีอะไร เกิดขึ้นมาก่อน มีเพียง เสียงลม นอกหอ ที่พัดใบไม้แห้ง อย่าง เอื่อยๆ ทั้ง คืน

วิเคราะห์เหตุการณ์
    สิ่งที่ข้าพเจ้า ได้เล่า ไปนั้น น่าจะเป็น วิญญาณ เร่ร่อน ที่ เรา ส่วนมาก เรียกกันว่า “สัมภเวสี”  เป็นวิญญาณ ที่มีอยู่ทุกสถานที่ ซึ่งวิญญาณเหล่านั้น มีความยึดติด ไม่อาจ ผ่านพ้นเวรกรรม ไปได้ ไม่อาจ จะผ่านไปยัง ทางสะพานหินอ่อน ผ่านสระบัวสีเลือด และไปดื่มน้ำลืมอดีต  แล้วเดินทางไปยัง สัมปรายภพ ที่ควรไป (สวรรค์ และ นรก) คงยังติด พันธนาการ เวรกรรมนั้น อยู่ในโลก มนุษย์ ต้องชดใช้ จนกว่า จะหมด เวรกรรม และ อายุขัยนั้นไป
    การรับรู้ หรือ การสัมผัสถึง วิญญาณ เหล่านี้ ได้ อาจจะ เคย มีความเกี่ยวข้องกัน เช่น เป็นญาติ พี่น้อง หรือ เคย ทำบุญ ทำกรรม ร่วมกันมา หรือ เป็น ผู้มีสัมผัสพิเศษ นั่นเอง
    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า จะเกี่ยวข้องกันอย่างไรก็ตาม แต่มนุษย์ และ วิญญาณ ย่อม ไม่ สามารถ ร่วมอยู่อาศัย หรือ ทำบุญทำกรรมร่วมกันได้อีก ข้าพเจ้า และ เพื่อน ได้เพียงแต่ ทำบุญ และ ประกอบคุณงามความดี เพื่อ อุทิศแก่ วิญญาณ ทั้งหลายเหล่านั้น ต่อไป

ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
    ท่านทั้งหลาย ตอนยังมีชีวิต เป็น มนุษย์ จง ประกอบแต่ คุณงามความดี ละซึ่งประพฤติ ชั่ว ทั้งปวง กตัญญู บิดามารดาผู้มีพระคุณ ทะนุบำรุงพระศาสนา บุญ ทั้งหลายเหล่านั้น ท่านมีไว้เป็นบารมี และ ไม่ต้อง ทุกข์ทรมาน และ ติดตาม บุคคลอื่น เพื่อ ขอ ส่วนบุญ เศษกุศล นั่นเอง
                                                                             
“เศษฝุ่นสีเงิน”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่