เรื่องจริงที่ต้องเล่าต่อ
จาก
นามปากกา “เศษฝุ่นสีเงิน”
เสนอ
วิญญาณ ติด กรรม
ตอน ประตูเหล็ก
ระหว่างที่เรียนพยาบาล นักศึกษาพยาบาล ต้องมีการฝึกงาน ควบคู่ไปกับการเรียน ยกตัวอย่างเช่น เรียนวิชา การพยาบาลผู้ใหญ่ นั้นก็คือ การฝึกงานหอผู้ป่วยผู้ใหญ่ ที่มีโรคต่าง ๆ แยกเฉพาะที่เกิดกับผู้ใหญ่นั้นเอง
ข้าพเจ้าได้มีโอกาส ได้ไปเรียนและฝึกงานที่โรงพยาบาลรัฐบาล ต่างจังหวัด เพราะโรงพยาบาลรัฐบาล ในเชียงใหม่ มีคนไข้ให้เราศึกษา ได้ไม่เพียงพอ กับ จำนวนนักศึกษาพยาบาล ในแต่ละมหาวิทยาลัย ทำให้โอกาสที่เราจะพบ โรคที่มีความซับซ้อน และโรคที่ไม่เคยเจอ ได้น้อยมาก มีผลทำให้ ไม่เกิดการพัฒนา การพยาบาลที่เหมาะสม
และเพื่อเป็นการประหยัด ค่าใช้จ่ายที่เราต้องเสียไป กับการออกศึกษานอกสถานที่ ทางผู้บริหารคณะ จึงตกลงให้ นักศึกษา ใช้ห้องว่าง จากอาคารที่ไม่ได้ใช้งาน มาทำความสะอาด ปูที่นอน ให้นักศึกษาได้พักกัน
ข้าพเจ้าเป็น หนึ่งคนในจำนานนักศึกษาที่ได้ออก ไปศึกษาต่างจังหวัด โดยปกติ จะมีการคัดตัวนักศึกษา ที่ต้องไปศึกษาต่างจังหวัด โดยคัดจากผลการศึกษาที่ดี ขยัน และ มีความสามารถพอที่จะ อยู่นอกรั้ว คณะ และ สามารถศึกษาเก็บความรู้ประสบการณ์ได้อย่างดี อีกทั้ง ต้องมีความประพฤติ ที่เรียบร้อย อยู่ในกรอบระเบียบการเป็นนักศึกษาที่ดี ไม่ทำความเสื่อมเสียให้กับคณะ และ มหาวิทยาลัย
หอที่ข้าพเจ้าได้ไปพัก เป็นตึกเคหะกรรม ใช้สำหรับ งานทั่วไปของทางโรงพยาบาลโดย ไม่เกี่ยวข้องกับ งานทางการพยาบาล ตึกนั้นเป็นตึก 3 ชั้น และมีชั้นดาดฟ้า
ชั้นที่ 1 เป็นห้องผ้า ใช้สำหรับ เก็บทำความสะอาด ซัก ฆ่าเชื้อโรคเสื้อผ้าของคนไข้ รีดเก็บ และส่งไปยังแผนกต่าง ๆ ที่ต้องใช้งาน
ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงเหมือนห้องประชุมโล่ง ๆ ไม่มีเครื่องใช้งานหรือเอกสารทางการแพทย์ แต่มีพัดลม แบ่งเป็น 2 ห้องคือ ห้องโถงใหญ่ ให้นักศึกษาหญิง ที่มีจำนวนมากกว่านอน ห้องโถงเล็ก ให้นักศึกษาชายไว้นอน และห้องน้ำ 4 ห้อง อยู่นอกห้องโถง
ชั้นที่ 3 เป็นห้องโถงใหญ่ ห้องเดียว ปิดไว้
ชั้นดาดฟ้า เปิดโล่งไว้ตากผ้า
หลังจากการเดินทางกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ข้าพเจ้าและเพื่อน ๆ ได้นำเครื่องใช้ส่วนตัว หนังสือ แบบเรียน มาไว้ที่ห้องพัก ชั้น 2 แล้วไปที่ ห้องฝ่ายการพยาบาลเพื่อรับฟัง ข้อบังคับ กฎเกณฑ์ และ โปรแกรมการเรียน
นักศึกษาจะแบ่งกันไปเป็นกลุ่ม ฝึกงานเป็น เวรเช้า เวรบ่าย เวรดึก เหมือนพี่พยาบาลทุกอย่าง เพื่อการเรียนรู้ที่มากที่สุด และ เตรียมตัวเป็นพยาบาลวิชาชีพต่อไป
หลังจากที่ฝึกงานกันมา อย่างแสนเหน็ดเหนื่อย นักศึกษาต้องกลับมาพัก และปิดหอตอนเที่ยงคืนหลังจาก เวรบ่ายกลับมาหมด โดยมีการมอบกุญแจไว้ให้หัวหน้ากลุ่มดูแล ซึ่งข้าพเจ้าเอง ก็ได้ลูกกุญแจมา 1 ลูก ไว้ดูแล
ทางเดินเข้าหอพัก เป็นทางขรุขระ ผสมหินลูกรังก้อนเล็ก ๆ ตลอดทาง หอพักอยู่หลังสุดของโรงพยาบาล ใช้เวลาเดินไปประมาณ 10 นาที ที่สำคัญ หอที่พวกข้าพเจ้าพัก ติดกับ ห้องเก็บศพ ห้องที่พักอยู่ข้าพเจ้าต้องเดินขึ้นบันได ไปที่ชั้น 2 จะมี ประตูเหล็ก หนาและหนักมาก ปิดด้วยแม่กุญแจอันใหญ่ แล้วเดินไปอีกหน่อย จะถึงห้องพัก
วันแรกหลังจากเพื่อน ๆ เข้ามาหอ กันหมดแล้ว ข้าพเจ้าได้ปิดประตูเหล็กที่แสนหนัก ฝืด ปิดยากและสำรวจ ความเรียบร้อยก่อนที่จะไปนอนตามปกติ
ตอนนั้นเวลา ประมาณ เกือบตี 1 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงบางอย่าง น่าจะเป็นเสียงคน เข็นล้อนอน กรึก กรึก กรึก และมีเสียงคนร้องไห้ตามมา ฮือ ฮือ ฮือ พ่อจ๋า พ่อจ๋า พ่อจ๋า เป็นเรื่องปกติของโรงพยาบาล ที่จะมีคนเสียชีวิต แต่ เป็นเรื่องไม่ปกติ สำหรับนักศึกษา ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ต้องได้มาพบเจอสถานการณ์ ที่น่าสยองขวัญขนาดนี้ครับ ผมลองมองลอดบานเกล็ดหน้าต่างไปดู พบว่า มีพนักงานเข็นศพคนไข้มาเก็บไว้ พร้อมด้วยญาติ ๆ ที่ร้องไห้ เดินตามมา
เหตุการณ์นั้นผ่านไป ผมได้ลองสอบถามพี่ ๆ ที่แผนกดู พี่ ๆบอกว่า เมื่อมีคนไข้เสียชีวิตตอนกลางคืน ทางญาติจะฝากศพไว้ 1 คืนพรุ่งนี้เช้าจะมารับศพไป เพราะปกติจะไม่นิยมเคลื่อนย้ายศพ ตอนเวลากลางคืนอยู่แล้ว แต่ก่อนที่ญาติจะออกไปนะสิ กลิ่นฟอร์มาลีนได้คละคลุ้งเต็มที่พักไปหมด จนรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที
ตอนนั้นเวลา 02.06 น. ข้าพเจ้าเอง ยังไม่นอนเพราะยังทำ Case Study ยังไม่เสร็จ ก็เลยนอนยังไม่ได้ เวลาตอนนั้น เพื่อน ๆ ส่วนมากนอนหลับกันเกือบหมดแล้ว และบรรยากาศรอบ ๆ เงียบงัน
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงประตูเหล็กที่ข้าพเจ้าปิดไว้ ดังขึ้น
(02.07 น.)แต่…..ข้าพเจ้าปิดประตูแล้วนี่นา ทำไมถึงมีคนเปิดได้ จึงชวนเพื่อนผู้ชายที่นอนห้องเดียวกัน ออกไปดูความผิดปกติที่ประตู ประตูยังอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม ไม่มีการเปิด หรือ ปิดอะไร เห็นแค่นั้นข้าพเจ้ากับเพื่อน ก็รีบกลับมาที่ห้อง มองหน้ากันแล้วก็รีบนอน
จากเหตุการณ์นี้ เราก็คิดกันว่า อาจคิดไปเอง เพราะด้วยอาจจะนอนน้อย และเพลีย จากการฝึกงานก็เป็นไปได้ แต่คืนนี้สิ จะขอรอดูอีกสักคืน เมื่อเวลามาถึง ข้าพเจ้าและเพื่อน ๆ ต่างไปรอกันที่ประตูที่ปิดสนิทและใส่กุญแจไว้แล้ว 02.07 น. แอ็ดดดดดดดดดดดดด เสียงออกมาจากประตูเหล็กจริง ๆ แต่ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย ผมกับเพื่อนถึงกับ วิ่งป่าราบเข้าห้องนอนกันเลยทีเดียว
เช้านี้ ข้าพเจ้าฝึกงานเวรเช้า เพื่อน ๆ ที่อยู่เวรดึก นอนพักกันที่หอ เวลาประมาณเที่ยงวัน เพื่อน ๆ ที่นอนพักอยู่ ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะ กลิ่นฟอร์มาลีน ที่ฉุนรุนแรง จนแสบจมูก บางคนก็ตื่นมาอาเจียนกันยกใหญ่ พอหลายคนเริ่มตื่นและมีอาการผิดปกติ เสียงเคาะประตูห้องนอนนักศึกษาหญิง ก็ดังขึ้น
ปัง ปัง ปัง …….ปัง ปัง ปัง …….ปัง ปัง ปัง
ทุกคนตกใจและ รีบไปเปิดประตู ดูว่ามีใครมา เมื่อเพื่อนเปิดประตูพบว่า ไม่มีผู้ใด ไม่มีใคร มีแต่กลิ่นฟอร์มาลีน กลิ่นเดิม แต่รุนแรงมากขึ้น จากเสียงเคาะประตู ย้ายเป็นเสียงกระทืบเท้าบนดาดฟ้า กระทืบอย่างรุนแรง ถึงตอนนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูแล้ว พากันปิดประตูแล้ว กระโดดเข้าที่นอนใครที่นอนมัน
และทุกวันนี้ ทุก 02.07 น. เสียงประตูก็ยังคงอยู่ เหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง และหาต้นตอของปริศนานี้ ยังไม่ได้เลย
วิเคราะห์เหตุการณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซ้ำ ๆ ตลอดเวลาเดิม อาจจะเกิดจาก การเสียชีวิตที่ยังผูกพัน ยึดติด กับบางสิ่งบางอย่างอยู่ วิญญาณยังต้องกระทำสิ่งเหล่านั้นอยู่แบบนั้น ทุกวันจนกว่าจะพ้นอายุขัย ที่แท้จริง หรือ จนกว่าจะมีผู้มีบารมีธรรมแกร่งกล้ามาปลดปล่อยให้ ไปสู่สัมปรายภพที่ควร อาจจะให้พบเจอในรูปแบบเสียง หรือ กลิ่นได้ แต่คิดว่า ไม่สามารถที่จะกระทำ เรื่องร้ายกับมนุษย์ได้ เพราะวิญญาณตน ก็ยังไม่มีพลังพอ ที่จะปลดปล่อยตน ได้เลย
ข้อคิด
ทุกชีวิตก่อนมีการจบสิ้นลง ได้สอนให้เรียนรู้ว่า จิตสุดท้ายก่อนจะจากไป ให้คิดถึงเรื่องดีๆ เรื่องการทำดี เรื่องที่มีความสุข ปลดปล่อยตนเองให้ผ่านพ้นไปยัง โลกใหม่ โลกหน้าที่ผู้มีชีวิตทั้งหลายยังไม่เคยได้ไป แต่…ทุกชีวิต ต้องได้ไปอย่างแน่นอน เมื่อจิตนำพาสู่ความดี ย่อมเกิด ปีติสุข และจากไปอย่างสงบ แต่หาก จิตยังห่วง หวง คิดร้าย เคียดแค้นอยู่นั้น ก็ไม่สามารถที่จะปลดปล่อยตัวเองไปได้ และ พันธนาการตนเองไว้ไม่จบไม่สิ้นนั่นเอง
เศษฝุ่นสีเงิน
เรื่องจริง สู่ เรื่องเล่า 6
จาก
นามปากกา “เศษฝุ่นสีเงิน”
เสนอ
วิญญาณ ติด กรรม
ตอน ประตูเหล็ก
ระหว่างที่เรียนพยาบาล นักศึกษาพยาบาล ต้องมีการฝึกงาน ควบคู่ไปกับการเรียน ยกตัวอย่างเช่น เรียนวิชา การพยาบาลผู้ใหญ่ นั้นก็คือ การฝึกงานหอผู้ป่วยผู้ใหญ่ ที่มีโรคต่าง ๆ แยกเฉพาะที่เกิดกับผู้ใหญ่นั้นเอง
ข้าพเจ้าได้มีโอกาส ได้ไปเรียนและฝึกงานที่โรงพยาบาลรัฐบาล ต่างจังหวัด เพราะโรงพยาบาลรัฐบาล ในเชียงใหม่ มีคนไข้ให้เราศึกษา ได้ไม่เพียงพอ กับ จำนวนนักศึกษาพยาบาล ในแต่ละมหาวิทยาลัย ทำให้โอกาสที่เราจะพบ โรคที่มีความซับซ้อน และโรคที่ไม่เคยเจอ ได้น้อยมาก มีผลทำให้ ไม่เกิดการพัฒนา การพยาบาลที่เหมาะสม
และเพื่อเป็นการประหยัด ค่าใช้จ่ายที่เราต้องเสียไป กับการออกศึกษานอกสถานที่ ทางผู้บริหารคณะ จึงตกลงให้ นักศึกษา ใช้ห้องว่าง จากอาคารที่ไม่ได้ใช้งาน มาทำความสะอาด ปูที่นอน ให้นักศึกษาได้พักกัน
ข้าพเจ้าเป็น หนึ่งคนในจำนานนักศึกษาที่ได้ออก ไปศึกษาต่างจังหวัด โดยปกติ จะมีการคัดตัวนักศึกษา ที่ต้องไปศึกษาต่างจังหวัด โดยคัดจากผลการศึกษาที่ดี ขยัน และ มีความสามารถพอที่จะ อยู่นอกรั้ว คณะ และ สามารถศึกษาเก็บความรู้ประสบการณ์ได้อย่างดี อีกทั้ง ต้องมีความประพฤติ ที่เรียบร้อย อยู่ในกรอบระเบียบการเป็นนักศึกษาที่ดี ไม่ทำความเสื่อมเสียให้กับคณะ และ มหาวิทยาลัย
หอที่ข้าพเจ้าได้ไปพัก เป็นตึกเคหะกรรม ใช้สำหรับ งานทั่วไปของทางโรงพยาบาลโดย ไม่เกี่ยวข้องกับ งานทางการพยาบาล ตึกนั้นเป็นตึก 3 ชั้น และมีชั้นดาดฟ้า
ชั้นที่ 1 เป็นห้องผ้า ใช้สำหรับ เก็บทำความสะอาด ซัก ฆ่าเชื้อโรคเสื้อผ้าของคนไข้ รีดเก็บ และส่งไปยังแผนกต่าง ๆ ที่ต้องใช้งาน
ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงเหมือนห้องประชุมโล่ง ๆ ไม่มีเครื่องใช้งานหรือเอกสารทางการแพทย์ แต่มีพัดลม แบ่งเป็น 2 ห้องคือ ห้องโถงใหญ่ ให้นักศึกษาหญิง ที่มีจำนวนมากกว่านอน ห้องโถงเล็ก ให้นักศึกษาชายไว้นอน และห้องน้ำ 4 ห้อง อยู่นอกห้องโถง
ชั้นที่ 3 เป็นห้องโถงใหญ่ ห้องเดียว ปิดไว้
ชั้นดาดฟ้า เปิดโล่งไว้ตากผ้า
หลังจากการเดินทางกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ข้าพเจ้าและเพื่อน ๆ ได้นำเครื่องใช้ส่วนตัว หนังสือ แบบเรียน มาไว้ที่ห้องพัก ชั้น 2 แล้วไปที่ ห้องฝ่ายการพยาบาลเพื่อรับฟัง ข้อบังคับ กฎเกณฑ์ และ โปรแกรมการเรียน
นักศึกษาจะแบ่งกันไปเป็นกลุ่ม ฝึกงานเป็น เวรเช้า เวรบ่าย เวรดึก เหมือนพี่พยาบาลทุกอย่าง เพื่อการเรียนรู้ที่มากที่สุด และ เตรียมตัวเป็นพยาบาลวิชาชีพต่อไป
หลังจากที่ฝึกงานกันมา อย่างแสนเหน็ดเหนื่อย นักศึกษาต้องกลับมาพัก และปิดหอตอนเที่ยงคืนหลังจาก เวรบ่ายกลับมาหมด โดยมีการมอบกุญแจไว้ให้หัวหน้ากลุ่มดูแล ซึ่งข้าพเจ้าเอง ก็ได้ลูกกุญแจมา 1 ลูก ไว้ดูแล
ทางเดินเข้าหอพัก เป็นทางขรุขระ ผสมหินลูกรังก้อนเล็ก ๆ ตลอดทาง หอพักอยู่หลังสุดของโรงพยาบาล ใช้เวลาเดินไปประมาณ 10 นาที ที่สำคัญ หอที่พวกข้าพเจ้าพัก ติดกับ ห้องเก็บศพ ห้องที่พักอยู่ข้าพเจ้าต้องเดินขึ้นบันได ไปที่ชั้น 2 จะมี ประตูเหล็ก หนาและหนักมาก ปิดด้วยแม่กุญแจอันใหญ่ แล้วเดินไปอีกหน่อย จะถึงห้องพัก
วันแรกหลังจากเพื่อน ๆ เข้ามาหอ กันหมดแล้ว ข้าพเจ้าได้ปิดประตูเหล็กที่แสนหนัก ฝืด ปิดยากและสำรวจ ความเรียบร้อยก่อนที่จะไปนอนตามปกติ
ตอนนั้นเวลา ประมาณ เกือบตี 1 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงบางอย่าง น่าจะเป็นเสียงคน เข็นล้อนอน กรึก กรึก กรึก และมีเสียงคนร้องไห้ตามมา ฮือ ฮือ ฮือ พ่อจ๋า พ่อจ๋า พ่อจ๋า เป็นเรื่องปกติของโรงพยาบาล ที่จะมีคนเสียชีวิต แต่ เป็นเรื่องไม่ปกติ สำหรับนักศึกษา ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ต้องได้มาพบเจอสถานการณ์ ที่น่าสยองขวัญขนาดนี้ครับ ผมลองมองลอดบานเกล็ดหน้าต่างไปดู พบว่า มีพนักงานเข็นศพคนไข้มาเก็บไว้ พร้อมด้วยญาติ ๆ ที่ร้องไห้ เดินตามมา
เหตุการณ์นั้นผ่านไป ผมได้ลองสอบถามพี่ ๆ ที่แผนกดู พี่ ๆบอกว่า เมื่อมีคนไข้เสียชีวิตตอนกลางคืน ทางญาติจะฝากศพไว้ 1 คืนพรุ่งนี้เช้าจะมารับศพไป เพราะปกติจะไม่นิยมเคลื่อนย้ายศพ ตอนเวลากลางคืนอยู่แล้ว แต่ก่อนที่ญาติจะออกไปนะสิ กลิ่นฟอร์มาลีนได้คละคลุ้งเต็มที่พักไปหมด จนรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที
ตอนนั้นเวลา 02.06 น. ข้าพเจ้าเอง ยังไม่นอนเพราะยังทำ Case Study ยังไม่เสร็จ ก็เลยนอนยังไม่ได้ เวลาตอนนั้น เพื่อน ๆ ส่วนมากนอนหลับกันเกือบหมดแล้ว และบรรยากาศรอบ ๆ เงียบงัน
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงประตูเหล็กที่ข้าพเจ้าปิดไว้ ดังขึ้น
(02.07 น.)แต่…..ข้าพเจ้าปิดประตูแล้วนี่นา ทำไมถึงมีคนเปิดได้ จึงชวนเพื่อนผู้ชายที่นอนห้องเดียวกัน ออกไปดูความผิดปกติที่ประตู ประตูยังอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม ไม่มีการเปิด หรือ ปิดอะไร เห็นแค่นั้นข้าพเจ้ากับเพื่อน ก็รีบกลับมาที่ห้อง มองหน้ากันแล้วก็รีบนอน
จากเหตุการณ์นี้ เราก็คิดกันว่า อาจคิดไปเอง เพราะด้วยอาจจะนอนน้อย และเพลีย จากการฝึกงานก็เป็นไปได้ แต่คืนนี้สิ จะขอรอดูอีกสักคืน เมื่อเวลามาถึง ข้าพเจ้าและเพื่อน ๆ ต่างไปรอกันที่ประตูที่ปิดสนิทและใส่กุญแจไว้แล้ว 02.07 น. แอ็ดดดดดดดดดดดดด เสียงออกมาจากประตูเหล็กจริง ๆ แต่ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย ผมกับเพื่อนถึงกับ วิ่งป่าราบเข้าห้องนอนกันเลยทีเดียว
เช้านี้ ข้าพเจ้าฝึกงานเวรเช้า เพื่อน ๆ ที่อยู่เวรดึก นอนพักกันที่หอ เวลาประมาณเที่ยงวัน เพื่อน ๆ ที่นอนพักอยู่ ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะ กลิ่นฟอร์มาลีน ที่ฉุนรุนแรง จนแสบจมูก บางคนก็ตื่นมาอาเจียนกันยกใหญ่ พอหลายคนเริ่มตื่นและมีอาการผิดปกติ เสียงเคาะประตูห้องนอนนักศึกษาหญิง ก็ดังขึ้น
ปัง ปัง ปัง …….ปัง ปัง ปัง …….ปัง ปัง ปัง
ทุกคนตกใจและ รีบไปเปิดประตู ดูว่ามีใครมา เมื่อเพื่อนเปิดประตูพบว่า ไม่มีผู้ใด ไม่มีใคร มีแต่กลิ่นฟอร์มาลีน กลิ่นเดิม แต่รุนแรงมากขึ้น จากเสียงเคาะประตู ย้ายเป็นเสียงกระทืบเท้าบนดาดฟ้า กระทืบอย่างรุนแรง ถึงตอนนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูแล้ว พากันปิดประตูแล้ว กระโดดเข้าที่นอนใครที่นอนมัน
และทุกวันนี้ ทุก 02.07 น. เสียงประตูก็ยังคงอยู่ เหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง และหาต้นตอของปริศนานี้ ยังไม่ได้เลย
วิเคราะห์เหตุการณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซ้ำ ๆ ตลอดเวลาเดิม อาจจะเกิดจาก การเสียชีวิตที่ยังผูกพัน ยึดติด กับบางสิ่งบางอย่างอยู่ วิญญาณยังต้องกระทำสิ่งเหล่านั้นอยู่แบบนั้น ทุกวันจนกว่าจะพ้นอายุขัย ที่แท้จริง หรือ จนกว่าจะมีผู้มีบารมีธรรมแกร่งกล้ามาปลดปล่อยให้ ไปสู่สัมปรายภพที่ควร อาจจะให้พบเจอในรูปแบบเสียง หรือ กลิ่นได้ แต่คิดว่า ไม่สามารถที่จะกระทำ เรื่องร้ายกับมนุษย์ได้ เพราะวิญญาณตน ก็ยังไม่มีพลังพอ ที่จะปลดปล่อยตน ได้เลย
ข้อคิด
ทุกชีวิตก่อนมีการจบสิ้นลง ได้สอนให้เรียนรู้ว่า จิตสุดท้ายก่อนจะจากไป ให้คิดถึงเรื่องดีๆ เรื่องการทำดี เรื่องที่มีความสุข ปลดปล่อยตนเองให้ผ่านพ้นไปยัง โลกใหม่ โลกหน้าที่ผู้มีชีวิตทั้งหลายยังไม่เคยได้ไป แต่…ทุกชีวิต ต้องได้ไปอย่างแน่นอน เมื่อจิตนำพาสู่ความดี ย่อมเกิด ปีติสุข และจากไปอย่างสงบ แต่หาก จิตยังห่วง หวง คิดร้าย เคียดแค้นอยู่นั้น ก็ไม่สามารถที่จะปลดปล่อยตัวเองไปได้ และ พันธนาการตนเองไว้ไม่จบไม่สิ้นนั่นเอง