ขอเกริ่นคร่าวๆก่อนนะคะ ที่บ้านของเราทำร้านอาหารตามสั่ง เป็นร้านที่ตั้งอยู่หน้าบ้านตัวเองเลย ทำให้ไม่ต้องเสียค่าที่
แต่ข้อเสียคือมันอยู่ในซอย ถึงในซอยจะมีหอพักหลายตึกก็ตาม ขายมาได้1ปีแล้วค่ะ ยอดขายแต่ละวันไม่เท่ากัน เดี๊ยวมากเดี๊ยวน้อย แต่พอมีลูกค้าประจำอยู่
นอกจากนี้ยังมีร้านคู่แข่งที่อยู่ตรงข้ามบ้านห่างกันไม่มากนัก ทางนั้นเปิดมา4-5ปีแล้ว เป็นตามสั่งเหมือนกัน แต่เป็นร้านอิสลาม แล้วร้านนั้นขายอาหารถูกกว่าเรา5-10บาท แต่ปริมาณน้อยกว่า แต่ด้วยความที่ขายอาหารมาหลายปี ทำให้ลูกค้าในซอยส่วนใหญ่จะไปซื้อร้านนั้น ทางร้านเราจะได้ลูกค้าจากคนที่พึ่งเข้าพักในหอใหม่ๆมากกว่า ไม่ค่อยได้จากคนท้องถิ่นที่มีบ้านอยู่ในซอย
เราเลยเกิดความคิดว่า ถ้าเราขายอาหารแบบกล่องเล็กเพิ่มด้วยจะดีไหม โดยขนาดกล่องจะเล็กกว่าและราคาถูกกว่ากล่องปกติ ให้เป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น เพราะในซอยมีอิสลามและพม่าเยอะมาก และคนไทยหรือพุทธส่วนใหญ่ทำงานโรงงานหรือหาเช้ากินค่ำ ไม่มีงบประมาณในการซื้ออาหารมากนัก
แต่แม่ของเราเค้าปฎิเสธข้อเสนอนี้ทันที โดยกลัวว่าลูกค้าจะซื้อแต่กล่องเล็ก ไม่ซื้อก็ล่องใหญ่ เพราะที่ร้านกล่องใหญ่เราให้ปริมาณเยอะมาก เต็มกล่องเลย กลัวจะไม่คุ้ม
เราก็เสนอให้ลดปริมาณของกล่องเล็ก ไม่ต้องใส่เต็มแบบกล่องใหญ่ แต่แม่ก็ยังไม่เอา เราแค่อยากจะดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้น
ในความคิดเราเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อราคากล่องเล็กกันทุกคนหรือทุกครั้ง ส่วนใหญ่ที่ซื้อน่าจะเป็นลูกค้าใหม่มากกว่า ลูกค้าเก่าน่าจะซื้อราคากล่องใหญ่ เพราะปริมาณเยอะกว่ากันมากหลายเท่า ที่ร้านมีขายน้ำตู้แช่ น้ำ4แพ็ค100 น้ำชงน้ำปั่น เเละพวกขนมปัง ซึ่งคนส่วนใหญ่ในซอยยังไม่รู้ว่าร้านเรามีอะไรขายเยอะเเละถูกกว่าร้านอื่นไปมาก
ในความคิดของเรา ราคาขายที่ได้อาจได้กำไรน้อยลงกว่าก็จริง แต่ก็ดีกว่านั่งตบยุงไม่มีลูกค้าเลย เพราะส่วนใหญ่ถ้ามาซื้อกล่องเล็กก็มีโอกาสที่จะซื้อน้ำซื้อขนมเพิ่มด้วย
หลายๆครั้งที่เราเสนออะไรไป แม่เราไม่เคยรับหรือพิจารณาข้อเสนอเราเลย แต่พอผ่านไปสักพักเค้าก็เอาสิ่งที่เราเสนอมาทำ แต่เอาไปพูดว่าเป็นความคิดของเค้าเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราก็เสนอไปหลายอย่างแล้วแต่ไม่ทำ ต้องรอให้วิกฤตถึงจะเอาสิ่งใหม่ๆเข้ามาขายเพิ่ม ทำเพิ่ม ไม่รู้จะทำยังไงดี และด้วยความที่เราถูกเลี้ยงดูแบบอยู่ในกรอบ ก็ไม่กล้าที่จะพูดโต้แย้งมากนัก บวกกับไม่รู้จะพูดยังไงดีไม่ให้ทะเลาะกัน เพราะแม่เราเป็นคนขี้หงุดหงิดและยึดติดความคิดตัวเองมาก ทั้งๆที่ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนเลย แต่เวลาจะทำอะไรไม่เคยปรึกษาเลยสักครั้ง สุดท้ายก็ล้มเหลวตลอด
สรุป สิ่งที่อยากถามคือควรพูดยังไงให้แม่ยอมรับข้อเสนอของเราดีคะ ถ้าปล่อยไปนานกว่าก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ลูกค้าเราก็ย้ายเข้าย้ายออกตลอด เลยอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง นำสิ่งใหม่ๆเข้ามาบ้าง ใครมีข้อเสนออะไรพูดคุยกันอย่างสุภาพได้นะคะ
(ราคาอาหารร้านเราอยู่ที่40บ. เนื้อ/ทะเล45 บ. น้ำชงแก้วละ25บ. ปั่น30บ. ขนมปังชิ้นละ15บ.โดยรับมาขาย น้ำในตู้แช่ก็ขายถูกกว่าร้านอื่น2-4บาท
โดยกล่องเล็กเราจะขายพวกเมนูหมูสับกับเมนูไข่25บ. หมูชิ้นไก่ชิ้น30บ. ทะเลเนื้อ35บ.)
ทำยังไงถึงจะโน้มน้าวแม่ได้คะ? ปัญหาเกี่ยวกับร้านอาหาร (เขียนยาวมาก)
แต่ข้อเสียคือมันอยู่ในซอย ถึงในซอยจะมีหอพักหลายตึกก็ตาม ขายมาได้1ปีแล้วค่ะ ยอดขายแต่ละวันไม่เท่ากัน เดี๊ยวมากเดี๊ยวน้อย แต่พอมีลูกค้าประจำอยู่
นอกจากนี้ยังมีร้านคู่แข่งที่อยู่ตรงข้ามบ้านห่างกันไม่มากนัก ทางนั้นเปิดมา4-5ปีแล้ว เป็นตามสั่งเหมือนกัน แต่เป็นร้านอิสลาม แล้วร้านนั้นขายอาหารถูกกว่าเรา5-10บาท แต่ปริมาณน้อยกว่า แต่ด้วยความที่ขายอาหารมาหลายปี ทำให้ลูกค้าในซอยส่วนใหญ่จะไปซื้อร้านนั้น ทางร้านเราจะได้ลูกค้าจากคนที่พึ่งเข้าพักในหอใหม่ๆมากกว่า ไม่ค่อยได้จากคนท้องถิ่นที่มีบ้านอยู่ในซอย
เราเลยเกิดความคิดว่า ถ้าเราขายอาหารแบบกล่องเล็กเพิ่มด้วยจะดีไหม โดยขนาดกล่องจะเล็กกว่าและราคาถูกกว่ากล่องปกติ ให้เป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น เพราะในซอยมีอิสลามและพม่าเยอะมาก และคนไทยหรือพุทธส่วนใหญ่ทำงานโรงงานหรือหาเช้ากินค่ำ ไม่มีงบประมาณในการซื้ออาหารมากนัก
แต่แม่ของเราเค้าปฎิเสธข้อเสนอนี้ทันที โดยกลัวว่าลูกค้าจะซื้อแต่กล่องเล็ก ไม่ซื้อก็ล่องใหญ่ เพราะที่ร้านกล่องใหญ่เราให้ปริมาณเยอะมาก เต็มกล่องเลย กลัวจะไม่คุ้ม
เราก็เสนอให้ลดปริมาณของกล่องเล็ก ไม่ต้องใส่เต็มแบบกล่องใหญ่ แต่แม่ก็ยังไม่เอา เราแค่อยากจะดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้น
ในความคิดเราเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อราคากล่องเล็กกันทุกคนหรือทุกครั้ง ส่วนใหญ่ที่ซื้อน่าจะเป็นลูกค้าใหม่มากกว่า ลูกค้าเก่าน่าจะซื้อราคากล่องใหญ่ เพราะปริมาณเยอะกว่ากันมากหลายเท่า ที่ร้านมีขายน้ำตู้แช่ น้ำ4แพ็ค100 น้ำชงน้ำปั่น เเละพวกขนมปัง ซึ่งคนส่วนใหญ่ในซอยยังไม่รู้ว่าร้านเรามีอะไรขายเยอะเเละถูกกว่าร้านอื่นไปมาก
ในความคิดของเรา ราคาขายที่ได้อาจได้กำไรน้อยลงกว่าก็จริง แต่ก็ดีกว่านั่งตบยุงไม่มีลูกค้าเลย เพราะส่วนใหญ่ถ้ามาซื้อกล่องเล็กก็มีโอกาสที่จะซื้อน้ำซื้อขนมเพิ่มด้วย
หลายๆครั้งที่เราเสนออะไรไป แม่เราไม่เคยรับหรือพิจารณาข้อเสนอเราเลย แต่พอผ่านไปสักพักเค้าก็เอาสิ่งที่เราเสนอมาทำ แต่เอาไปพูดว่าเป็นความคิดของเค้าเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราก็เสนอไปหลายอย่างแล้วแต่ไม่ทำ ต้องรอให้วิกฤตถึงจะเอาสิ่งใหม่ๆเข้ามาขายเพิ่ม ทำเพิ่ม ไม่รู้จะทำยังไงดี และด้วยความที่เราถูกเลี้ยงดูแบบอยู่ในกรอบ ก็ไม่กล้าที่จะพูดโต้แย้งมากนัก บวกกับไม่รู้จะพูดยังไงดีไม่ให้ทะเลาะกัน เพราะแม่เราเป็นคนขี้หงุดหงิดและยึดติดความคิดตัวเองมาก ทั้งๆที่ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนเลย แต่เวลาจะทำอะไรไม่เคยปรึกษาเลยสักครั้ง สุดท้ายก็ล้มเหลวตลอด
สรุป สิ่งที่อยากถามคือควรพูดยังไงให้แม่ยอมรับข้อเสนอของเราดีคะ ถ้าปล่อยไปนานกว่าก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ลูกค้าเราก็ย้ายเข้าย้ายออกตลอด เลยอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง นำสิ่งใหม่ๆเข้ามาบ้าง ใครมีข้อเสนออะไรพูดคุยกันอย่างสุภาพได้นะคะ
(ราคาอาหารร้านเราอยู่ที่40บ. เนื้อ/ทะเล45 บ. น้ำชงแก้วละ25บ. ปั่น30บ. ขนมปังชิ้นละ15บ.โดยรับมาขาย น้ำในตู้แช่ก็ขายถูกกว่าร้านอื่น2-4บาท
โดยกล่องเล็กเราจะขายพวกเมนูหมูสับกับเมนูไข่25บ. หมูชิ้นไก่ชิ้น30บ. ทะเลเนื้อ35บ.)