ตำนานเสี่ยโรงเหล้าจัตวาบท (ทวิภาค)

กระทู้สนทนา
เรื่องเดิม

ตำนานเสี่ยโรงเหล้า-ปฐมบท (ทวิภาค)

ตำนานเสี่ยโรงเหล้า-ทวิบท (ทวิภาค)

ตำนานเสี่ยโรงเหล้า-ตรีบท (ทวิภาค)




จำเนียรกาลต่อมาไม่นานนัก
เสี่ยเริญก็เรียกประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง
หลังจากรับจ้างผลิตเบียร์ให้ต่างชาติมาระยะหนึ่ง

" ผมว่าเราน่าจะผลิตเบียร์เองดีกว่า
เพราะต้นทุนผลิตของเราก็ต่ำมาก
น้ำในโรงงานส่วนใหญ่ก็ฟรี
ที่จ่ายตังค์ก็แค่น้ำมากรองเอาหน่อย
ผสมพวกเมล็ดธัญญพืชหมักให้เน่า
กับหญ้าฮอปแต่งกลิ่น/ทำให้ขม
ก็ขายได้ราคาแล้ว จะแพงก็ค่าภาษี "

เสี่ยเริญเกริ่นนำในที่ประชุม

" ป๊าก็ว่าดีเหมือนกัน
แต่จะสู้กับเจ้าเดิมได้หรือไม่
เพราะเบียร์คานตบเราก็ยังไม่เดินเท่าไร " พ่อตาเริญเสริม

" ผมว่าพวกเราน่าผลิตเหมือนกัน
เพราะต้นทุนการผลิตของพวกเราก็ต่ำมาก
พวกเรามีน้ำบาดาลที่เสียค่าน้ำให้กรมทรัพย์ไม่มาก
(กรมทรัพย์จะเก็บค่าน้ำคิดเป็นคิว
คิดจากมิเตอร์ที่ต่อตรงจากปั้มน้ำ)
ส่วนน้ำล้าง/น้ำใช้ในโรงงานของพวกเรา
ก็มาจากถังพักน้ำฝนและน้ำในแม่น้ำมากรองใช้งาน

แต่เจ้าฮะมันโดนกรมทรัพย์เก็บค่าน้ำ
มันโวยวายใหญ่หาว่ารังแกมัน
มันใช้มาตั้งแต่รุ่นทวดมันแล้ว
ทำไมเพิ่งมาเก็บเงินตอนนี้
(น้ำของเจ้าฮะมีคุณภาพรสชาติ
จัดว่าดีลำดับหนึ่งของศยมกุก)

มันประเภทแหลกอิ่มแหลกนาน
เลยไม่ค่อยยอมจ่ายเงินให้คนอื่น
แต่พวกเราไม่มีปัญหาเรื่องนี้
เพราะโรงงานสร้างทีหลัง
ได้เตรียมการรับมือเรื่องน้ำไว้ก่อนแล้ว
กับเพราะพวกเรา ให้ก่อนรับ
แต่เวลารับพวกเรารับมากกว่าให้ " โอวมักกุ้ย

" ดีเหมือนกัน แล้วการตลาดเราจะทำอย่างไร " เสี่ยเริญ

" ผมว่า พวกเราผลิตขึ้นมาใน ตราสัตว์
เพราะพวกดื่มน้ำเมามักจะมีเลือดสัตว์ผสม
ช่วงแรกก็เลือดวัว ค่อย ๆ ละเลียดเคี้ยวเอื้อง
ต่อมาก็เลือดเสือ คำรามส่งเสียงดังโวยวาย
สักพักก็เลือดงู ส่ายหัวไปส่ายหัวมา
หรือเดินเลื้อยไปเลื้อยมาไม่ตรงทาง
แบบตำรวจจับคนเมาให้เดินเส้นตรง
ตรวจจับว่าเมาหรือไม่เมา
พอท้ายสุดก็เลือดหมู
นอนตรงไหนก็ได้ไม่เลือกที่

ผมว่าพวกเราหาตราสัตว์มาแข่งกับเจ้าเดิม
ลองคิดกันดูว่าจะเป็นตราอะไรดี
ส่วนการตลาดก็เหมือนเดิม ขายเหล้าพ่วงเบียร์
แล้วค่อยหาทางเกาะกระแสหรือซื้อรางวัล
แบบรางวัลตั้งกันเอง ชงกันเอง อวยกันเอง
โฆษณามาก ๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ตอกย้ำเป็นพัน ๆ ครั้งแบบป้าเช็ง
พวกขายยาดีมีกินตามฟรีทีวี
หรือจ่ายเงินให้คนจัดประกวดรางวัล
ซื้อรางวัลมาประดับเลยก็ได้
มีเงินซะอย่าง สบายไปร้อยแปดพันอย่าง
ไม่นานพวกเราก็ขายได้ดีมากเลย " โอวมักกุ้ย

" ดีเหมือนกัน ผมเห็นด้วย
อาป๊าว่าชื่ออะไรดีละ " เสี่ยเริญ

" ป๊าว่าชื่อสัตว์ก็ดีเหมือนกัน
แต่ควรเป็นสัตว์ใหญ่ที่กระทืบสัตว์เล็กได้
เป็นการเอาเคล็ดเอาชัยก่อน
หรือแบบคนจีนโบราณสมัยก่อน
ที่ตัดไม้ข่มนามพวกมันก่อนออกรบ
เช่น ตัดต้นกล้วยติดชื่อพวกมันไว้

หรือหาคนไปรื้อฮวงจุ๊ยบรรพบุรุษพวกมัน
ให้มันเจ็บแค้นเจ็บใจเล่น ๆ ก่อนไปรบกับพวกมัน
เพราะพวกมันผูกพันกับกระดูกคนตาย
ที่เป็นต้นสกุลบรรพบุรุษของพวกมัน
พวกมันจะกลายเป็นลูกหลานอกตัญญู
ที่ดูแลสุสานบรรพบุรุษไม่ได้

แต่ที่เมืองศยมกุก
คนตายแล้วมักจะเผา
คงทำแบบจีนไม่ค่อยได้
และสังคมศยมกุกรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้

แต่ถ้าพวกเราจะทำให้เนียน ๆ (ละเอียดรอบคอบ)
ก็ทำให้เหมือนคนลักของมีค่าในบัวก็แล้วกัน
แล้วรื้อทิ้งให้กระจุยกระจายไปเลย
ให้มันเจ็บใจเล่น ๆ " พ่อตาเริญ

" ผมว่าเราใช้ยี่ห้อพญาแรด
เหมือนยาประสาทนอแรดสมัยก่อน
ที่ดูแข็งแรงบึกบีน
เอานอแทงฝ่ายตรงข้าม

แบบภาษาใต้เรียกว่า แฉง
ด้วยการทำมือคล้ายพนมมือ คล้ายกับงวงไอยรา
แล้วแอบทิ่มวานเพื่อนให้เจ็บเล่น
แบบพวกเด็กปักษ์ใต้ชอบเล่นกัน " โอวมักกุ้ย




และแล้วเสี่ยเริญก็เริ่มผลิตเบียร์ชื่อภาษาใต้
ขณะเดียวกันก็เริ่มทะยอยลดการผลิตเบียร์คานตบ
เพราะยอดขายไม่ค่อยเดินเท่าที่ควรเท่าไรนัก
ในช่วงแรก ๆ รสชาติเบียร์ไม่ค่อยได้เรื่องหรือเข้าท่าเลย
ต่อมามีการพัฒนาสูตรเรื่อย ๆ จนออกมารสชาติออกมาดี
แถมดีกรีความเมาก็มากกว่าเบียร์เจ้าเดิมอีก

เหมือนกับน้ำอัดลมยี่ห้อ เปรตซิ
เจ้าของเมืองนอกขอยกเลิกคู่ค้ารายเดิมแล้ว
จะขอกินรวบแบบขายเอง ส่งเอง กำไรเอง
เจ้าเดิมก็พลิกเกมส์ผลิตยี่ห้อ เอดส์
ยี่ห้อใหม่ฉลากใหม่ใกล้เคียงยี่ห้อเดิม

แต่ระยะแรกรสชาติไม่ได้เรื่องเลย
ต่อมาก็พัฒนาสูตรจากพวกซุย (สวิส) จนรสชาตินิ่ง
ใกล้เคียงกับเจ้าเดิมในตลาดที่เดิมผูกขาด 2 เจ้าทั่วโลก
อาศัยช่องทางการตลาดที่ทำมากว่า 50 ปี
ทุบเอาเจ้าจากสหปาลีรัฐอั้งม้อกุ้ยเกือบตาย

หลังจากนั้นไม่นานนัก
โอวมักกุ้ยก็เริ่มแผนสองครองตลาด
ด้วยการไปซื้อรางวัลจากต่างประเทศ
มาการันตีคุณภาพระดับโลก คับประเทศ
แบบชงกันเอง อวยกันเอง ทุกอย่างดีเอง

พร้อมกับจ่ายเงินให้สื่อมวลชนในศยมกุก
ช่วยกันตีปี๊บร้องเปล่าว่า ดีเลิศ ประเสริฐสุด
ปั่นหัวคนในศยมกุกให้เชื่อว่าดีจริง ๆ ๆ
จนคนเริ่มหันมากินเบียร์เจ้านี้มากขึ้น

ศิลปการใช้เงินกับการหาเงินแตกต่างกัน
ฮิว เฮฟเนอร์ นายทุนอเมริกันชอบพูดว่า
คนทุกคน เงินซื้อได้เสมอ
ขอให้เงินถึงจริง ๆ ก็แล้วกัน

แบบภาษิตจีน มีเงินซะอย่าง  จ้างผีมาโม่แป้งก็ยังได้

ถ้ายังซื้อไม่ได้อีกก็ใช้ภาษิต ดอนวิโต้ คอริโอเน่
ข้าจะให้ข้อเสนอที่เจ้าปฏิเสธไม่ได้
ด้วยการข่มขู่คุกคาม หรือให้นักเลงไปกระทืบ หรือยิงทิ้งไปซะ
แบบพวกมาเฟียชิชีลี อะไรทำนองนั้น




หลังจากนั้นเสี่ยเริญก็ทำการตลาดไปสักพัก
ด้วยการใช้ขวดเก่าของเจ้าฮะมาบรรจุเบียร์ตนเอง
แบบยึดคลังกระสุนฝ่ายศัตรูมายิงถล่มใส่ศัตรู
ทำให้ต้นทุนขวดต่ำกว่าเจ้าเดิมมาก
พร้อมกับร่วมมือกับเถ้าแก่คนเดิมของเสี่ยเริญ
รับผลิตแต่ขวดเบียร์ตามคำสั่งของเสี่ยเริญ
ไม่ยอมรับผลิตขวดเบียร์ให้เจ้าฮะ
อ้างว่าเครื่องมีปัญหาและมีคำสั่งผลิตจำนวนมาก

(เสี่ยเริญกับเถ้าแก่ล้างขวดเบียร์
ได้ควบคุมการผลิตการตลาด
โรงงานผลิตขวดในประเทศทั้งหมดแล้ว
แต่ใช้ชื่อนอมินีในการดำเนินงานทั้งหมด
ในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นก็ไม่มีรายชื่อเสี่ยเริญ
หรือครอบครัวแต่อย่างใดในทะเบียนผู้ถือหุ้น)

ขณะเดียวกันขวดเก่าก็ส่งให้เสี่ยเริญแบบไม่อั้น
ถ้ามีขวดค้างสต็อคมากก็ทุบทิ้งแบบไม่ส่งต่อให้เจ้าฮะ
ทำให้ปริมาณขวดเก่าที่หมุนเวียนในท้องตลาดลดลงไปมาก
โรงงานเจ้าฮะต้องสั่งขวดใหม่มาทดแทนขวดเก่าที่หายไป

แม้ว่าเถ้าแก่ล้างขวดจะต้องส่งขวดเก่าให้เจ้าฮะ
แต่ก็ส่งได้น้อยมากกว่าเดิมมาก
ทำให้ฝ่ายจัดซื้อเจ้าฮะไม่พอใจอย่างมาก
กับเหตุผลและคำตอบของเถ้าแก่
จึงปรับเป็นเงินจำนวนมากในการส่งขวดเก่าไม่ทันกำหนด




เถ้าแก่จึงมาหาเสี่ยเริญในวันหนึ่ง
ขณะที่เสี่ยเริญกำลังนั่งอยู่ในสำนักงาน

" เถ้าแก่ ลมอะไรพัดมาที่นี่
เชิญนั่งครับ รับน้ำชาหรือกาแฟครับ "
เสียเริญทักทายเถ้าแก่เก่า

" ม่ายนะ พอดีมาปรึกษา
ตอนนี้เจ้าฮะมันปรับอั๊วหลายตังค์แล้ว
เพราะตั้งแต่ทุบขวดเก่าไปหลอมผลิตขวดใหม่
อั๊วก็ส่งขวดเก่าให้มันไม่ได้ตามโควต้า
มันก็ปรับอั๊วไปมากแล้ว ยิ่งวันยิ่งเข้าเนื้อ
เลยมาปรึกษาลื้อว่าจะทำอย่างไรดี
จะจัดส่งขวดให้มันเหมือนเก่าตามยอดส่งเท่าเดิม
ด้วยการทุบขวดเก่าน้อยลงดีไหม "

" เถ้าแก่ ขาดทุนเท่าไรบอกมาครับ
ผมจะชดให้ทั้งหมดครับ " เสี่ยเริญ

" ไม่ถูกนา เป็นความผิดของอั๊วเอง
ที่กะจำนวนขวดผิด ทุบไปมาก
เลยส่งให้มันไม่ได้ตามโควต้า " เถ้าแก่

พอดีโอวมักกุ้ยเดินเข้ามา
จะเอาเอกสารให้เสี่ยเริญลงนามรับทราบ
หลังจากจ่ายเงินใต้โต๊ะไปก่อนแล้ว
ให้กับผู้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจจำนวนหนึ่ง

" โอวมักกุ้ยครับ
เถ้าแก่มีปัญหาเรื่องส่งขวดไม่ครบ
ทางเจ้าฮะมันปรับจำนวนมากเลย
ช่วยหาแนวทางแก้ไขอย่างไรดี

ยุทธการทุบขวดของเราก็ไปด้วยดี
ยอดขายฝ่ายมันก็ลดลงไปมาก
แถมเบียร์มันค้างในถังเก็บก็มาก
เพราะไม่มีขวดบรรจุขาย
ขวดใหม่ก็ได้ไปไม่พอบรรจุขาย " เสี่ยเริญ

" ผมว่าเถ้าแก่อดทนไปก่อน
แล้วเราจะ Roll Back
เอาคืนแบบสมน้ำสมเนื้อ
แถมเนื้อสันมาทำสเต็คสะตูเลยครับ " โอวมักกุ้ย

" ลื้อจะทำอย่างไร " เถ้าแก่

" ผมจะขอให้เสี่ยเริญจ่ายส่วนต่างทั้งหมดให้เถ้าแก่
ด้วยการเพิ่มราคาเข้าไปในขวดใหม่ที่ผลิต
กับขวดเก่าที่เถ้าแก่เอามาส่งโรงงาน
รายจ่ายที่ให้เถ้าแก่จะชดเชยการขาดทุนได้
กับทางโรงงานเราจะได้ตัดจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี
ทำให้กำไรสุทธิโรงงานลดลงไปมาก
จะเสียภาษีน้อยลงมากเช่นกันในอนาคต

และเมื่อถึงเวลาชำระหนี้แค้นปีหน้า
ผมขอให้เถ้าแก่ไม่ต่อสัญญากับเจ้าฮะ
รับรองเดี๋ยวมันดิ้นเข้ามาหาเอง
แบบหมูชนปังตอ (ขาดเป็นชิ้น ๆ)
หรือถูกน้ำร้อนลวกผิวหนังผุพอง
ตอนนั้นเถ้าแก่เรียกเท่าไรมันก็ยอมครับ " โอวมักกุ้ย

" ดีเหมือนกัน ผมตกลงเลยครับ
เถ้าแก่ห้ามปฏิเสธนะครับ
ผมจะรับซื้อขวดเถ้าแก่ทั้งหมด
ตามยอดเดิมที่เจ้าฮะเคยซื้อ
พร้อมบวกราคาชดเชยให้เต็มที่
มันสั่งเท่าไรก็ขายให้ผมทั้งหมดเลย
เพราะยอดขายตอนนี้ของเราก็วิ่งดีแล้ว
หลังจากบอกว่าได้รับรางวัลระดับโลก " เสี่ยเริญ

" น่าเกลียดน่า ทำอย่างนี้
เท่ากับฆ่ามันทางอ้อมเลย " เถ้าแก่

" ไม่เป็นไรครับ
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธุรกิจ
ผมช่วยเถ้าแก่เท่าที่ช่วยได้
และให้ถือว่าเป็นเรื่องของธุรกิจ
อย่าคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณ
หรือ บุญคุณต้องทดแทนครับ " เสี่ยเริญ

แล้วเถ้าแก่ก็กลับไปบ้าน/โรงงานแบบสบายใจ
เงินที่ถูกหักจากเจ้าฮะที่ส่งขวดเก่าไม่ทัน
ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว หักได้หักไป ด่าได้ด่าไป
ตามจิกได้ตามจิกไป ไม่สนใจซะอย่าง
เพราะคิดตามแผนโอวมักกุ๊ยแล้ว
รับรองคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม คุ้มกว่าแฟลตปลาทอง




ที่โรงงานเจ้าฮะ
ตอนนี้ทุกอย่างปั่นป่วนไปหมด
เบียร์ที่ผลิตออกมาก็ค้างอยู่ในถังเก็บ
ยิ่งเก็บนานรสชาติยิ่งแย่

แบบคนดื่มเบียร์ว่า เบียร์เน่า
คล้ายกับเบียร์แช่เย็นแล้วโดนอากาศร้อน
หรือแบบบางร้านแช่เย็นเสร็จ
ตกดึกดึงปลั๊กไฟฟ้าออก
แบบอยากประหยัดค่าไฟฟ้า
แต่เบียร์ข้างในจะเสื่อมสภาพ
มีรสชาติแบบเบียร์เน่า

เบียร์ยิ่งผลิตแล้วเก็บไว้นาน
ไม่บรรจุขวดก็มีอาการแบบเดียวกัน
ถ้าจะรักษาสภาพก็ต้องเดินเครื่องทำความเย็น
ต้นทุนค่าไฟฟ้า ค่าเก็บรักษา ค่าโสหุ้ย ก็ยิ่งมากขึ้น

" พี่ ไอ้เริญมันเอาเรากลับแล้ว
ตอนนี้ขวดเบียร์เราแทบไม่พอเลย " ผู้จัดการฝ่ายผลิต

" ก็สั่งขวดเก่าให้มากขึ้นไปก่อน
เอามาบรรจุเบียร์ขายไปก่อน " ผู้จัดการใหญ่

" ไอ้ล้างขวดเบียร์เก่า
มันก็บอกไม่มีของ
ผมสั่งแล้วสั่งอีก
มันก็ส่งมาแบบกระฉึกกระฉัก " ผู้จัดการฝ่ายผลิต

" นั้นก็ปรับมันให้เต็มที่เลย
เดี๋ยวมันก็วิ่งหัวซุกหัวซุนหามาให้เอง " ผู้จัดการใหญ่

" ครับพี่ " ผู้จัดการฝ่ายผลิต




เดือนต่อมาช่วงเดือนตุลาคม
ใกล้กับปีใหม่อีก 2 เดือนแล้ว
สต็อคเบียร์ยังค้างอีกมาก
ขวดเก่าขวดใหม่ก็หายากมาก
สินค้าเริ่มขาดตลาด
เพราะไม่มีของส่งให้กับลูกค้า

โรงงานเบียร์เจ้าฮะจึงต้องเรียกประชุมพี่น้องทั้งหมด
แล้วให้ฝ่ายการตลาด ฝ่ายบัญชีเข้าร่วมประชุมด้วย

ในห้องประชุมเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน
เสียงด่าทอระหว่างพี่น้องดังขรมกันไปหมด
เพราะการใช้จ่ายแบบมือเติบ
สุรุ่ยสุร่ายต้องถูกตัดหมด
แบบเอาเงินไปซื้องานศิลป์
ปลูกพืชเมืองหนาว
สร้างภาพความร่ำรวย
หรือแบบของกินไม่ได้แต่เท่ห์
ต้องงดกิจกรรมเหล่านี้ลงให้หมด
ทุกคนต่างไม่พอใจกับเรื่องนี้
เพราะเสวยสุข/ชื่นสุขกับเรื่องนี้มานานแล้ว

ผู้จัดการฝ่ายผลิตถูกด่ามากกว่าเพื่อน
เพราะเคยไปดูถูกเสี่ยเริญไว้ว่า
หน้าอย่างคิง ตายไปสิบชาติก็ไม่มีปัญญา

แต่ผู้จัดการฝ่ายผลิตก็สวนกลับว่า
ทุกคนก็มีส่วน หัวเราะและเยาะเย้ยเสี่ยเริญเช่นกัน
เสียงทะเลาะด่าทอดังไปหมดในห้องประชุม

พอฝ่ายบัญชีแจงตัวเลข
ผลการดำเนินงานและขาดทุนสะสม
ทำให้ทุกคนในที่ประชุมนิ่งอึ้งใบ้แหลกกันไปหมด
เพราะเบียร์ในถังเก็บขนาดใหญ่อีก 2 เดือน
ถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง

ขายเป็นอาหารสัตว์ให้วัวกิน
เผื่อจะได้เนื้อสันแบบวากิว
ที่มีไขมันเล็กน้อยแทรกในเนื้อ
และอร่อยมากตามประสาคนชอบกินเนื้อวัว
แบบเนื้อติดมัน/นุ่มอร่อยแบบเนื้อโคขุนโพนยางคำ

แต่ถ้าให้วัวกินเบียร์ให้หมดก็เมาตายพอดี
แถมราคาเบียร์ที่ขายเป็นอาหารสัตว์
ถูกกว่าน้ำประปาที่ขายเป็นคิวซะอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่