เรื่องเดิม
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ตอนแรก
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ทวิบท
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ตรีบท
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า จัตวา-อัฏฐบท
เสี่ยเริญเจ้าของโรงเหล้าในศยมกุก
หลงจู้ (พ่อตาเสี่ยเริญ)
ที่ยกลูกสาวให้เริญเลย
เพราะเชื่อโหงวเฮ้ง
กับความขยันสุภาพอ่อนน้อม
โอวหมักกุ้ย หรือ ผีตาดำ
คือ กุนซือจอมเก่ง
โอวหมักกุ้ยที่ร่วมงานกับเริญ
ในการพิชิตชัยครั้งยิ่งใหญ่ตลอด
ตำนานคนจีนมักจะเล่าว่า
ผีทั่วไปมักตาขาว หรือไม่มีตา
จึงมักจะมองอะไรไม่เห็น
หรือมองเห็นไม่ชัด
แต่ผีตาดำ มักจะมองอะไรชัดเจน
กับเป็นคำหยอกเย้าเด็ก ๆ
ที่มีผิวค่อนข้างคล้ำหรือดำ = โอว
มัก = ดวงตา กุ้ย = ผี
แต่เวลาผสมกับอีกคำต้องผันเสียงเป็น โอวหมัก
เพราะคนจีนส่วนมากตาสีน้ำตาล
ที่ตาสีดำชัด ๆ มีน้อยมาก
หลังจากเสี่ยเริญประมูลโรงเหล้าแม่ของได้แล้ว
ทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงเทพฯกิจการค้า
พร้อมทั้งตั้งอดีตอธิบดีโรงเหล้าเข้ามาเป็นที่ปรึกษาบริษัท
กินเงินเดือนค่าที่ปรึกษาตลอดชีพจนกว่าจะตายไป
พร้อมกับจ่ายเบี้ยใบ้รายทางให้กับข้ารัฏฐการที่เกี่ยวข้อง
เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานด้านต่าง ๆ
(เบี้ยใบ้ เงินอุดปากจนทำให้พูดไม่ออกบอกไม่ถูก)
เช้าวันหนึ่งมีข่าวว่ารัฐบาลจะขึ้นภาษีสุรา
เพราะเป็นสิ่งมีนเมา/มอมเมาประชาชน
การขึ้นภาษีแพง ๆ คนก็จะดื่มสุราน้อยลง
ทั้งยังถูกหลักศาสนาพุทธนิกายเถรวาท
ที่ห้ามดื่มสุราในศีลห้าตามคำสอนพระบรมศาสดา
ทุกครั้งคือ วาทกรรมของชนชั้นปกครอง
แต่ข้อเท็จจริงของพวกนี้
แพงเท่าไรก็ยังมีคนยอมซื้อ
เพราะลองเหล้าเข้าปากความยากก็หายไป
ห้วงน้ำเสมอด้วยตัณหาเป็นไม่มี
เหมือนพวกยิวมักบอกว่า
ให้เอาเหล้าดีมาเลี้ยงฉลอง
พอเมาได้ที่แล้วเอาเหล้าเลวมาเลี้ยงก็ยังได้
“ ใครๆ ก็เอาเหล้าองุ่นชั้นดีมาให้ดื่มก่อน
พอแขกเหรื่อดื่มกันมากแล้ว
จึงค่อยเอาเหล้าองุ่นราคาถูกกว่ามาให้
แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นที่ดีที่สุดไว้จนถึงบัดนี้ ” ที่มา
https://goo.gl/LOhcgD
แม้แต่การอาราธนาศึลมีว่า
สุราเมระยะ มัชชะ ประมาทัฏฐานา เวระ มณี สิกขาประทัง สมาธิ ยามิ
หรือ สุราต้องกินเป็นระยะ ๆ
กินแล้วอย่าประมาทนะจ๊ะ
จะได้ไม่เสียสมาธิ
สุราเมระยะ คือ อันสุราเมรัยทั้งหลาย
มัชชะ คือ มัชฌิมา หรือทางสายกลาง
ปะมาทัฏฐานา คือ ปริมาณตามฐานะ
เวระ คือ เวลาไปเข้าเวร หรืออยู่เวร
มะณี คือแก้วที่เป็นใบ ๆ ใส ๆ นี่แหล่ะ
สิกขาปะทัง คือ สี่ขาประทังนั่นเอง
สมาธิ คือ การมีสมาธิ
ยามิ คือ ยาไม่ต้อง หรือไม่จำเป็นต้องใช้ยานั่นเอง
อันสุราเมรัยทั้งหลาย ท่านให้ดื่มแต่พอดีหรือยึดทางสายกลางเข้าไว้
นั่นก็คือให้ดูฐานะของตนเองด้วย มีเงินหน่อยก็ดื่มเหล้าราคาสูงหน่อย
ถ้าฐานะไม่ค่อยดีก็ดื่มเหล้าในราคาที่ต่ำลงมา
โดยเฉพาะตอนที่ต้องไปเข้าเวรหรือไปอยู่เวร
ก็ควรจะมีแก้วติดมือไปสักใบนึง เอาไว้รินเหล้าดื่มได้
และถ้าดื่มจนได้ที่แล้วไม่สามารถใช้ขาประทังไปได้
ก็ให้ใช้สี่ขาประทังไป (หมายถึงมือหรือขาหน้าอีก 2 ข้างนั่นเอง)
การดื่มสุราเมรัยทำให้มีสมาธิ จิตใจมั่นคง ร่างกายแข็งแรง
ไม่ต้องพึ่งพายาใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับตับซึ่งจะแข็งก่อนที่อื่น
สาธุ สาธุ สาธุ ที่มา
https://goo.gl/mVggEf
แต่จริง ๆ แล้วภาษีของฟุ่มเฟือยและสิ่งมึนเมา เช่น เหล้า บุหรี่
คือ
สิ่งชั่วร้ายที่จำเป็น สำหรับคนที่ชื่นชอบ
รวมทั้งใช้ในงานรื่นเริงสโมสร ปลดปล่อยอารมณ์ ได้ดีนักแล
ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายที่ทำอันตรายกับคนรอบข้างมากเหมือน การพนัน การค้าคน
มาเฟียกลุ่มอิตาลีในสหรัฐยอมรับในธุรกิจนี้
ตามคำสอนของ Don Vito Corleone ที่สอนลูก
และเริ่มทำธุรกิจขนเหล้าเถื่อนมาขายให้กับชาวบ้าน
ก่อนจะผันตัวเองมาทำธุรกิจใหญ่ในลาสเวกัส
แต่รับไม่ได้กับการค้ายาเสพติด และการโสเภณีเด็ก
หลังจากเริญได้ทราบข่าวว่า รัฐบาลจะขึ้นภาษีเหล้าแล้ว
เริญได้เรียกประชุมทันที
กลุ่มสาม มี พ่อตา โอวหมักกุ้ย และเริญ
“ รัฐบาลจะขึ้นภาษีเหล้าแล้ว
พวกเราจะทำอย่างไรกันบ้าง
เพื่อจะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ “ เริญถามนำ
“ อาป๊าว่าเราส่งคนไปลอบบี้แกนนำรัฐบาล
และนักข่าวให้ออกข่าวถล่มคนเสนอเรื่องนี้ไปก่อน
เอาข่าวคาวอื้อฉาวคาวโลกีย์ จริงปนเท็จ เท็จปนจริง
ทำลายความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมมันไปก่อน
เพื่อซื้อเวลาไปก่อนแล้วค่อยวางแผนว่าจะทำอย่างไรดี “ พ่อตา
“ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะเพิ่มกำลังการผลิตให้เต็มที่
และเก็บไว้ในโกดังให้มากที่สุดไปก่อน
ถ้าโกดังไม่พอก็ขอเช่าโกดังที่อื่นก่อน
เงินลงทุนใช้ธนาคารที่พวกเราถือหุ้น
ให้สนับสนุนเงินกู้พวกเราไปก่อน
ถ้าไม่พออีกก็ขอกู้จากสถาบันการเงินอื่น
ตั้งเก็บไว้ว่าให้พอขายได้ถึง 5 ปี
ซึ่งน่าจะเพียงพอกับรายได้/ยอดขายที่รับ
คาดว่าจะชำระเงินกู้กับดอกเบี้ยแล้ว
ยังมีกำไรมหาศาลรอเราอยู่
เพราะพอรัฐบาลประกาศขึ้นภาษีเหล้า
แต่พวกเราไม่เกี่ยวเพราะจ่ายภาษีเหล้าไปก่อนแล้ว
เป็นโอกาสของพวกเราที่จะพ่วง
ขึ้นราคาเหล้าไปด้วยเลย
แบบเห็บหมา/เหาฉลาม
ที่ตามติด/ตามน้ำตลอด “ โอวหมักกุ้ย
“ ผมเห็นด้วยกับอาป๊าและโอวหมักกุ้ย
ขอบคุณมากครับ
โอวหมักกุ้ย ผมขอให้เป็นธุระทั้งสองเรื่องนี้นะครับ “
เริญสรุปแล้วปิดการประชุม
NB. พวกคนรวยมักมองหาวิกฤติ คือ โอกาส
มากกว่ามองว่าวิกฤติเป็นอุปสรรค
ขุดแลน
วันรุ่งขึ้น ทุกสำนักข่าวตีพิมพ์หัวข่าวหน้าหนึ่ง
นักการเมืองที่ชื่อย่อว่า ส. (เผือก)
เลี่ยงคำหยาบ/คำกรองใน Pantip
คนที่เสนอขึ้นภาษีเหล้า
มีกิ๊กเด็กหน้าประถม นมมัธยม
ขี้เหล้าเมายา ขี้หลี มีหนี้ไม่จ่าย
เบื้องหลังเลวสุด ๆ ๆ ขนาด
แลน เรียกว่าพี่ ก็แล้วกัน
ชาวบ้านต่างฮือฮาเดากันใหญ่ว่า ไผสิเป็นไผ พู่ใด๋ พู่ใด๋
งานนี้เป็น Talk of the towns ไปหลายวัน
แบบข่าวอื้อฉาวคาวโลกีย์มีประเด็นพูดมันปากกว่า
ข่าวคนดีศรีแผ่นดิน คนดีสร้างความดีให้แผ่นดิน
ข่าวเด็กศยมกุกชนะประกวดรางวัลระดับโลกา มักไม่เป็นข่าว
ประเด็นการขึ้นภาษีเหล้าก็เงียบหายไประยะหนึ่ง
ในขณะเดียวกันโอวหมักกุ้ยเดินตามแผนสองทันที
ไปขอพบกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯกิจการค้า
ซึ่งอดีตเป็นอธิบดีกรมโรงเหล้าตัวแทนของเสี่ยเริญ
ขอให้นำเรื่องอนุมัติเงินกู้จำนวนมหาศาลกับทางโรงเหล้า
และให้แน่ใจว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
Conflict of Interest
ที่จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน/ทางการจะจับตามอง
โดยทางฝ่ายเริญจะแก้ไขรายชื่อ
กรรมการผู้จัดการบริษัทโรงเหล้า
และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทออกมา
อยู่ในมือนอมินี Nominee ให้มากที่สุด
หรือใส่ชื่อลูกหลานของผู้ถือหุ้นใหญ่ไว้ให้มากที่สุด
แล้วให้ลูกหลานที่ถือหุ้นแทนผู้ถือหุ้นใหญ่
ทำสัญญากู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่
(แบบไม่ต้องปิดอากรแสตมป์หลายแสนไพ)
โดยทำเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินแทนสัญญากู้เงิน
ปิดอากรแสตมป์เพียงห้าไพ
ถ้าเป็นสัญญากู้เงินต้องปิดอากรแสตมป์หมื่นละห้าไพ
ถ้าหลักหมื่นล้านไพ จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ ห้าแสนไพ
เอาเงินเสียภาษีค่าอากรแสตมป์ไปกินไปเที่ยวยังมันส์ส์ส์กว่า
แล้วให้นอมินีลงลายมือชื่อสลักหลังใบหุ้น
พร้อมกับแนบสำเนาบัตรประจำตัวไพร่
การมีเลขประจำตัวติดตัวตลอดชีวิต
ไม่ต่างจากไพร่ต้องสักเลขติดมือตลอดชีพ
ในยุคอตีตกาลนานมาเหมือนเริ่มต้นนิทาน
แต่ก่อนคนเรายังโง่ ด้อยการศึกษา
ใบหุ้นสลักเสร็จแล้วมอบไว้กับผู้ถือหุ้นตัวจริง
เก็บใส่ตู้นิรภัยธนาคารไว้อย่างมั่นคงแข็งแรง
ป้องกันคนถือหุ้นแทนทรยศเอาไปขายเข้ากระเป๋า
เพราะเงิน ๆ ทอง ๆ ไว้ใจใครไม่ค่อยได้
ทั้งนี้ เลียนแบบอดีตนายกเหยียบแผ่นดินเกิดบ่ได้
หรือตัวอย่าง ที่ดินที่เป็นข่าวติดทะเลในศยมกุก
ที่ต่างชาติคือเจ้าของที่แท้จริง
แต่ให้คนพื้นเมืองถือครองแทนแบบนอมินี
มีนักการเมืองศยมกุกแกนนำ
กุ๊ก ไก่ ปราบ เสือ
ไปเจ๋อหน้าเสนอเพราะอยากขายที่ดินข้างเคียงที่ติดกัน
ที่หม่าต๋า ฟารังจี เจ้าของสโมสรฟุตบอล/ร้านค้าไร้ภาษี
นัดเจอกันที่ที่ดินชายหาดแห่งหนึ่งแถวปักษ์ใต้
หรือแบบบริษัทต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจในศยมกุก
ถือหุ้นไม่เกินสิทธิ์ตามกฎหมายเกินกว่า 50%
ก็จะใช้วิชามารแบบนี้ในการถือหุ้น
ใครจะทำอะไรได้ คนศยมกุก/ข้ารัฏฐการ
อยากโฮ่กันเอง ดีแต่ปาก วาทกรรมเก่ง
สงสารประเทศ....เฮ่อ ๆ ๆ ๆ
ก็มักจะทำกันแบบนี้เองหละหว่า (ปักษ์ใต้)
วิธีการแบบนี้ทำตามทนายโจร
นักกฎหมายฝ่ายโจรชื่อดัง บรรลัย อาลัยใต้ถุน
ที่ทำก่อนคดีซุกหุ้นของอดีตเสนาบดีศยมกุก
ก่อนที่ตุลาการรัฏฐประหารตัดสินว่า
เจ้าบ่ผิด ใครมาคิด มล้าง ให้วายวอด
เลยรอดตัวไปแล้วขายหุ้นให้ซิงลี่
ได้รับกำไร/ส่วนต่างอย่างมหาศาล
ถ้าเงียบ ๆ ไม่เป็นเรื่อง แต่พอดังแล้วได้เรื่อง
แบบคนจีนชอบพูดว่า
รวยไปเพื่อนบ้านก็เกลียด จนไปเพื่อนบ้านก็ดูถูก
จริง ๆ ตามหลักกฎหมายทั้งเทศทั้งศยมกุก
การซื้อขายหุ้นในท้องตลาดไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
เพราะขาดทุนรัฏฐก็ไม่เข้ามาช่วยเหลือ
กำไรรัฏฐ์ก็ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
เพราะธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์
ทำรายได้และเสียภาษีให้รัฐถูกต้อง
มากกว่าธุรกิจรายย่อยหรือ SMEs ทั่ว ๆ ไป
เพราะตรวจสอบได้ง่ายกว่าและโทษหนักกว่า
รวมทั้งเป็นการสร้างงานสร้างรายได้มากกว่า
การขายหุ้นก็เหมือนการตีเหล็กกำลังร้อน
คั่วเกาลัด กะทะต้องร้อน ทรายกับผงกาแฟต้องร้อน ๆ
จึงจะได้เกาลัดคั่ว หวาน ๆ เค็ม ๆ มัน ๆ
เหมือนการขายนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
บอลกัลโซ่ซีรี่ บอลละตินอเมริกา บอลสเปญ บอลศยมกุก
ต้องขายตอนนักฟุตบอลระดับ Top Form
จึงจะได้ราคาสูงสุดแพงสุด
ดีกว่าขายตอนหมดสภาพหรือไร้ความเก่งแล้ว
ให้ฟรียังโกรธกันเคืองกันได้เรื่องแบบนี้
หลังจากแก้ไขปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเสร็จแล้ว
ทางเสี่ยเริญก็กู้เงินจากธนาคารร่วม 10,000 กว่าล้านไพ
ลงมือผลิตเหล้าสีตุนไว้ทันทีในโกดัง
ขณะเดียวกันเสาะหาโกดังเพื่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง
แสงระวี อัศวรักษ์ : แมงมุม อัลบั้ม : แมงมุมขยุ้มหัวใจ
ปรากฏว่ามีสายมารายงานว่า
โกดังข้าวท่าข้าวกำนันซ้ง
ที่ตลาดค้าข้าวกลางกับพรรคพวก
ตอนนี้แมงมุม ๆ ขยุ้มหัวใจเต็มไปหมด
หรือ แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่บนหลังคา
วันหนึ่งมันไต่ขึ้นฟ้า หันหลังมาทำตาลุกวาว ๆ ๆ
โกดังข้าวที่เจ๊งไปแล้วเพราะรัฏฐบาลเลิกโควต้าข้าว
ทำให้ผูกขาดค้าข้าวแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว
มีพื้นที่ให้เช่าเหลือเฟือ
ราคาถูกยิ่งกว่าทรายในท้องมหาสมุทร
เสี่ยเริญส่งพนักงานไปติดต่อ
และขอทำสัญญาเช่าทันที
โดยเสนอ Options ให้
จะแถมเป็นยี่ปั้วเหล้าเพิ่มอีกคนในท้องที่
พร้อมตกแต่งบานประตูเข้าออก ทางหนีทีไล่
ระบบป้องกันไฟเพิ่มเติม พร้อมกับยามรักษาพื้นที่
เรียกว่ามูลค่าที่ได้รับข้อเสนอมาทั้งหมดนี้
คุ้มเกินคุ้ม คุ้มยิ่งกว่าแฟลตปลาทอง
ใครไม่ยอมรับข้อเสนอแบบนี้ควรไปเป็นฤาษีชีไพร
สละโลกไปอยู่ทางธรรมตลอดชีวิตซะดีกว่า
อย่ามาทำตัวหรือดำรงตนเป็นคฤหัสถ์
ผู้ถือของหนัก ลำบากกว่าพระภิกษุทำไม
พระอาจารย์เทศน์ตอนผมขอลาสิกขาบท
แมงมุมลายตัวนั้น
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า-ปฐมบท (ทวิภาค)
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ตอนแรก
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ทวิบท
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ตรีบท
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า จัตวา-อัฏฐบท
เสี่ยเริญเจ้าของโรงเหล้าในศยมกุก
หลงจู้ (พ่อตาเสี่ยเริญ)
ที่ยกลูกสาวให้เริญเลย
เพราะเชื่อโหงวเฮ้ง
กับความขยันสุภาพอ่อนน้อม
โอวหมักกุ้ย หรือ ผีตาดำ
คือ กุนซือจอมเก่ง
โอวหมักกุ้ยที่ร่วมงานกับเริญ
ในการพิชิตชัยครั้งยิ่งใหญ่ตลอด
ตำนานคนจีนมักจะเล่าว่า
ผีทั่วไปมักตาขาว หรือไม่มีตา
จึงมักจะมองอะไรไม่เห็น
หรือมองเห็นไม่ชัด
แต่ผีตาดำ มักจะมองอะไรชัดเจน
กับเป็นคำหยอกเย้าเด็ก ๆ
ที่มีผิวค่อนข้างคล้ำหรือดำ = โอว
มัก = ดวงตา กุ้ย = ผี
แต่เวลาผสมกับอีกคำต้องผันเสียงเป็น โอวหมัก
เพราะคนจีนส่วนมากตาสีน้ำตาล
ที่ตาสีดำชัด ๆ มีน้อยมาก
หลังจากเสี่ยเริญประมูลโรงเหล้าแม่ของได้แล้ว
ทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงเทพฯกิจการค้า
พร้อมทั้งตั้งอดีตอธิบดีโรงเหล้าเข้ามาเป็นที่ปรึกษาบริษัท
กินเงินเดือนค่าที่ปรึกษาตลอดชีพจนกว่าจะตายไป
พร้อมกับจ่ายเบี้ยใบ้รายทางให้กับข้ารัฏฐการที่เกี่ยวข้อง
เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานด้านต่าง ๆ
(เบี้ยใบ้ เงินอุดปากจนทำให้พูดไม่ออกบอกไม่ถูก)
เช้าวันหนึ่งมีข่าวว่ารัฐบาลจะขึ้นภาษีสุรา
เพราะเป็นสิ่งมีนเมา/มอมเมาประชาชน
การขึ้นภาษีแพง ๆ คนก็จะดื่มสุราน้อยลง
ทั้งยังถูกหลักศาสนาพุทธนิกายเถรวาท
ที่ห้ามดื่มสุราในศีลห้าตามคำสอนพระบรมศาสดา
ทุกครั้งคือ วาทกรรมของชนชั้นปกครอง
แต่ข้อเท็จจริงของพวกนี้
แพงเท่าไรก็ยังมีคนยอมซื้อ
เพราะลองเหล้าเข้าปากความยากก็หายไป
ห้วงน้ำเสมอด้วยตัณหาเป็นไม่มี
เหมือนพวกยิวมักบอกว่า
ให้เอาเหล้าดีมาเลี้ยงฉลอง
พอเมาได้ที่แล้วเอาเหล้าเลวมาเลี้ยงก็ยังได้
“ ใครๆ ก็เอาเหล้าองุ่นชั้นดีมาให้ดื่มก่อน
พอแขกเหรื่อดื่มกันมากแล้ว
จึงค่อยเอาเหล้าองุ่นราคาถูกกว่ามาให้
แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นที่ดีที่สุดไว้จนถึงบัดนี้ ” ที่มา https://goo.gl/LOhcgD
สุราเมระยะ มัชชะ ประมาทัฏฐานา เวระ มณี สิกขาประทัง สมาธิ ยามิ
หรือ สุราต้องกินเป็นระยะ ๆ
กินแล้วอย่าประมาทนะจ๊ะ
จะได้ไม่เสียสมาธิ
สุราเมระยะ คือ อันสุราเมรัยทั้งหลาย
มัชชะ คือ มัชฌิมา หรือทางสายกลาง
ปะมาทัฏฐานา คือ ปริมาณตามฐานะ
เวระ คือ เวลาไปเข้าเวร หรืออยู่เวร
มะณี คือแก้วที่เป็นใบ ๆ ใส ๆ นี่แหล่ะ
สิกขาปะทัง คือ สี่ขาประทังนั่นเอง
สมาธิ คือ การมีสมาธิ
ยามิ คือ ยาไม่ต้อง หรือไม่จำเป็นต้องใช้ยานั่นเอง
อันสุราเมรัยทั้งหลาย ท่านให้ดื่มแต่พอดีหรือยึดทางสายกลางเข้าไว้
นั่นก็คือให้ดูฐานะของตนเองด้วย มีเงินหน่อยก็ดื่มเหล้าราคาสูงหน่อย
ถ้าฐานะไม่ค่อยดีก็ดื่มเหล้าในราคาที่ต่ำลงมา
โดยเฉพาะตอนที่ต้องไปเข้าเวรหรือไปอยู่เวร
ก็ควรจะมีแก้วติดมือไปสักใบนึง เอาไว้รินเหล้าดื่มได้
และถ้าดื่มจนได้ที่แล้วไม่สามารถใช้ขาประทังไปได้
ก็ให้ใช้สี่ขาประทังไป (หมายถึงมือหรือขาหน้าอีก 2 ข้างนั่นเอง)
การดื่มสุราเมรัยทำให้มีสมาธิ จิตใจมั่นคง ร่างกายแข็งแรง
ไม่ต้องพึ่งพายาใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับตับซึ่งจะแข็งก่อนที่อื่น
สาธุ สาธุ สาธุ ที่มา https://goo.gl/mVggEf
แต่จริง ๆ แล้วภาษีของฟุ่มเฟือยและสิ่งมึนเมา เช่น เหล้า บุหรี่
คือ สิ่งชั่วร้ายที่จำเป็น สำหรับคนที่ชื่นชอบ
รวมทั้งใช้ในงานรื่นเริงสโมสร ปลดปล่อยอารมณ์ ได้ดีนักแล
ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายที่ทำอันตรายกับคนรอบข้างมากเหมือน การพนัน การค้าคน
มาเฟียกลุ่มอิตาลีในสหรัฐยอมรับในธุรกิจนี้
ตามคำสอนของ Don Vito Corleone ที่สอนลูก
และเริ่มทำธุรกิจขนเหล้าเถื่อนมาขายให้กับชาวบ้าน
ก่อนจะผันตัวเองมาทำธุรกิจใหญ่ในลาสเวกัส
แต่รับไม่ได้กับการค้ายาเสพติด และการโสเภณีเด็ก
หลังจากเริญได้ทราบข่าวว่า รัฐบาลจะขึ้นภาษีเหล้าแล้ว
เริญได้เรียกประชุมทันที กลุ่มสาม มี พ่อตา โอวหมักกุ้ย และเริญ
“ รัฐบาลจะขึ้นภาษีเหล้าแล้ว
พวกเราจะทำอย่างไรกันบ้าง
เพื่อจะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ “ เริญถามนำ
“ อาป๊าว่าเราส่งคนไปลอบบี้แกนนำรัฐบาล
และนักข่าวให้ออกข่าวถล่มคนเสนอเรื่องนี้ไปก่อน
เอาข่าวคาวอื้อฉาวคาวโลกีย์ จริงปนเท็จ เท็จปนจริง
ทำลายความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมมันไปก่อน
เพื่อซื้อเวลาไปก่อนแล้วค่อยวางแผนว่าจะทำอย่างไรดี “ พ่อตา
“ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะเพิ่มกำลังการผลิตให้เต็มที่
และเก็บไว้ในโกดังให้มากที่สุดไปก่อน
ถ้าโกดังไม่พอก็ขอเช่าโกดังที่อื่นก่อน
เงินลงทุนใช้ธนาคารที่พวกเราถือหุ้น
ให้สนับสนุนเงินกู้พวกเราไปก่อน
ถ้าไม่พออีกก็ขอกู้จากสถาบันการเงินอื่น
ตั้งเก็บไว้ว่าให้พอขายได้ถึง 5 ปี
ซึ่งน่าจะเพียงพอกับรายได้/ยอดขายที่รับ
คาดว่าจะชำระเงินกู้กับดอกเบี้ยแล้ว
ยังมีกำไรมหาศาลรอเราอยู่
เพราะพอรัฐบาลประกาศขึ้นภาษีเหล้า
แต่พวกเราไม่เกี่ยวเพราะจ่ายภาษีเหล้าไปก่อนแล้ว
เป็นโอกาสของพวกเราที่จะพ่วง
ขึ้นราคาเหล้าไปด้วยเลย
แบบเห็บหมา/เหาฉลาม
ที่ตามติด/ตามน้ำตลอด “ โอวหมักกุ้ย
“ ผมเห็นด้วยกับอาป๊าและโอวหมักกุ้ย
ขอบคุณมากครับ
โอวหมักกุ้ย ผมขอให้เป็นธุระทั้งสองเรื่องนี้นะครับ “
เริญสรุปแล้วปิดการประชุม
NB. พวกคนรวยมักมองหาวิกฤติ คือ โอกาส
มากกว่ามองว่าวิกฤติเป็นอุปสรรค
นักการเมืองที่ชื่อย่อว่า ส. (เผือก)
เลี่ยงคำหยาบ/คำกรองใน Pantip
คนที่เสนอขึ้นภาษีเหล้า
มีกิ๊กเด็กหน้าประถม นมมัธยม
ขี้เหล้าเมายา ขี้หลี มีหนี้ไม่จ่าย
เบื้องหลังเลวสุด ๆ ๆ ขนาด แลน เรียกว่าพี่ ก็แล้วกัน
ชาวบ้านต่างฮือฮาเดากันใหญ่ว่า ไผสิเป็นไผ พู่ใด๋ พู่ใด๋
งานนี้เป็น Talk of the towns ไปหลายวัน
แบบข่าวอื้อฉาวคาวโลกีย์มีประเด็นพูดมันปากกว่า
ข่าวคนดีศรีแผ่นดิน คนดีสร้างความดีให้แผ่นดิน
ข่าวเด็กศยมกุกชนะประกวดรางวัลระดับโลกา มักไม่เป็นข่าว
ประเด็นการขึ้นภาษีเหล้าก็เงียบหายไประยะหนึ่ง
ในขณะเดียวกันโอวหมักกุ้ยเดินตามแผนสองทันที
ไปขอพบกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯกิจการค้า
ซึ่งอดีตเป็นอธิบดีกรมโรงเหล้าตัวแทนของเสี่ยเริญ
ขอให้นำเรื่องอนุมัติเงินกู้จำนวนมหาศาลกับทางโรงเหล้า
และให้แน่ใจว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
Conflict of Interest
ที่จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน/ทางการจะจับตามอง
โดยทางฝ่ายเริญจะแก้ไขรายชื่อ
กรรมการผู้จัดการบริษัทโรงเหล้า
และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทออกมา
อยู่ในมือนอมินี Nominee ให้มากที่สุด
หรือใส่ชื่อลูกหลานของผู้ถือหุ้นใหญ่ไว้ให้มากที่สุด
แล้วให้ลูกหลานที่ถือหุ้นแทนผู้ถือหุ้นใหญ่
ทำสัญญากู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่
(แบบไม่ต้องปิดอากรแสตมป์หลายแสนไพ)
โดยทำเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินแทนสัญญากู้เงิน
ปิดอากรแสตมป์เพียงห้าไพ
ถ้าเป็นสัญญากู้เงินต้องปิดอากรแสตมป์หมื่นละห้าไพ
ถ้าหลักหมื่นล้านไพ จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ ห้าแสนไพ
เอาเงินเสียภาษีค่าอากรแสตมป์ไปกินไปเที่ยวยังมันส์ส์ส์กว่า
แล้วให้นอมินีลงลายมือชื่อสลักหลังใบหุ้น
พร้อมกับแนบสำเนาบัตรประจำตัวไพร่
การมีเลขประจำตัวติดตัวตลอดชีวิต
ไม่ต่างจากไพร่ต้องสักเลขติดมือตลอดชีพ
ในยุคอตีตกาลนานมาเหมือนเริ่มต้นนิทาน
แต่ก่อนคนเรายังโง่ ด้อยการศึกษา
ใบหุ้นสลักเสร็จแล้วมอบไว้กับผู้ถือหุ้นตัวจริง
เก็บใส่ตู้นิรภัยธนาคารไว้อย่างมั่นคงแข็งแรง
ป้องกันคนถือหุ้นแทนทรยศเอาไปขายเข้ากระเป๋า
เพราะเงิน ๆ ทอง ๆ ไว้ใจใครไม่ค่อยได้
ทั้งนี้ เลียนแบบอดีตนายกเหยียบแผ่นดินเกิดบ่ได้
หรือตัวอย่าง ที่ดินที่เป็นข่าวติดทะเลในศยมกุก
ที่ต่างชาติคือเจ้าของที่แท้จริง
แต่ให้คนพื้นเมืองถือครองแทนแบบนอมินี
มีนักการเมืองศยมกุกแกนนำ กุ๊ก ไก่ ปราบ เสือ
ไปเจ๋อหน้าเสนอเพราะอยากขายที่ดินข้างเคียงที่ติดกัน
ที่หม่าต๋า ฟารังจี เจ้าของสโมสรฟุตบอล/ร้านค้าไร้ภาษี
นัดเจอกันที่ที่ดินชายหาดแห่งหนึ่งแถวปักษ์ใต้
หรือแบบบริษัทต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจในศยมกุก
ถือหุ้นไม่เกินสิทธิ์ตามกฎหมายเกินกว่า 50%
ก็จะใช้วิชามารแบบนี้ในการถือหุ้น
ใครจะทำอะไรได้ คนศยมกุก/ข้ารัฏฐการ
อยากโฮ่กันเอง ดีแต่ปาก วาทกรรมเก่ง
สงสารประเทศ....เฮ่อ ๆ ๆ ๆ
ก็มักจะทำกันแบบนี้เองหละหว่า (ปักษ์ใต้)
วิธีการแบบนี้ทำตามทนายโจร
นักกฎหมายฝ่ายโจรชื่อดัง บรรลัย อาลัยใต้ถุน
ที่ทำก่อนคดีซุกหุ้นของอดีตเสนาบดีศยมกุก
ก่อนที่ตุลาการรัฏฐประหารตัดสินว่า
เจ้าบ่ผิด ใครมาคิด มล้าง ให้วายวอด
เลยรอดตัวไปแล้วขายหุ้นให้ซิงลี่
ได้รับกำไร/ส่วนต่างอย่างมหาศาล
ถ้าเงียบ ๆ ไม่เป็นเรื่อง แต่พอดังแล้วได้เรื่อง
แบบคนจีนชอบพูดว่า
รวยไปเพื่อนบ้านก็เกลียด จนไปเพื่อนบ้านก็ดูถูก
จริง ๆ ตามหลักกฎหมายทั้งเทศทั้งศยมกุก
การซื้อขายหุ้นในท้องตลาดไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
เพราะขาดทุนรัฏฐก็ไม่เข้ามาช่วยเหลือ
กำไรรัฏฐ์ก็ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
เพราะธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์
ทำรายได้และเสียภาษีให้รัฐถูกต้อง
มากกว่าธุรกิจรายย่อยหรือ SMEs ทั่ว ๆ ไป
เพราะตรวจสอบได้ง่ายกว่าและโทษหนักกว่า
รวมทั้งเป็นการสร้างงานสร้างรายได้มากกว่า
การขายหุ้นก็เหมือนการตีเหล็กกำลังร้อน
คั่วเกาลัด กะทะต้องร้อน ทรายกับผงกาแฟต้องร้อน ๆ
จึงจะได้เกาลัดคั่ว หวาน ๆ เค็ม ๆ มัน ๆ
เหมือนการขายนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
บอลกัลโซ่ซีรี่ บอลละตินอเมริกา บอลสเปญ บอลศยมกุก
ต้องขายตอนนักฟุตบอลระดับ Top Form
จึงจะได้ราคาสูงสุดแพงสุด
ดีกว่าขายตอนหมดสภาพหรือไร้ความเก่งแล้ว
ให้ฟรียังโกรธกันเคืองกันได้เรื่องแบบนี้
หลังจากแก้ไขปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเสร็จแล้ว
ทางเสี่ยเริญก็กู้เงินจากธนาคารร่วม 10,000 กว่าล้านไพ
ลงมือผลิตเหล้าสีตุนไว้ทันทีในโกดัง
ขณะเดียวกันเสาะหาโกดังเพื่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง
โกดังข้าวท่าข้าวกำนันซ้ง
ที่ตลาดค้าข้าวกลางกับพรรคพวก
ตอนนี้แมงมุม ๆ ขยุ้มหัวใจเต็มไปหมด
หรือ แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่บนหลังคา
วันหนึ่งมันไต่ขึ้นฟ้า หันหลังมาทำตาลุกวาว ๆ ๆ
โกดังข้าวที่เจ๊งไปแล้วเพราะรัฏฐบาลเลิกโควต้าข้าว
ทำให้ผูกขาดค้าข้าวแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว
มีพื้นที่ให้เช่าเหลือเฟือ
ราคาถูกยิ่งกว่าทรายในท้องมหาสมุทร
เสี่ยเริญส่งพนักงานไปติดต่อ
และขอทำสัญญาเช่าทันที
โดยเสนอ Options ให้
จะแถมเป็นยี่ปั้วเหล้าเพิ่มอีกคนในท้องที่
พร้อมตกแต่งบานประตูเข้าออก ทางหนีทีไล่
ระบบป้องกันไฟเพิ่มเติม พร้อมกับยามรักษาพื้นที่
เรียกว่ามูลค่าที่ได้รับข้อเสนอมาทั้งหมดนี้
คุ้มเกินคุ้ม คุ้มยิ่งกว่าแฟลตปลาทอง
ใครไม่ยอมรับข้อเสนอแบบนี้ควรไปเป็นฤาษีชีไพร
สละโลกไปอยู่ทางธรรมตลอดชีวิตซะดีกว่า
อย่ามาทำตัวหรือดำรงตนเป็นคฤหัสถ์
ผู้ถือของหนัก ลำบากกว่าพระภิกษุทำไม
พระอาจารย์เทศน์ตอนผมขอลาสิกขาบท