ตำนานเสี่ยโรงเหล้า จัตวา-อัฏฐบท

กระทู้สนทนา
เรื่องเดิม

ตำนานเสี่ยโรงเหล้า   ปฐมบท  http://ppantip.com/topic/34636903

ตำนานเสี่ยโรงเหล้า   ทวิบท    http://ppantip.com/topic/34639533

ตำนานเสี่ยโรงเหล้า   ตรีบท    http://ppantip.com/topic/34641826




ธุรกิจโรงเหล้าในยุคก่อนนั้น
มีแต้เชียงชุน หรือ แต้เสี่ยวป้อ
เลียนแบบพระเอกอุ้ยเซี่ยวป้อ
ที่มีเมียจำนวนมากมาย
ในนิยายกำลังภายใน
เป็นเจ้าของกิจการธนาคารศรีอสูรนครา
มีธุรกิจโรงเหล้าใหญ่โตผูกขาด

เดิมเป็นหุ้นส่วนกับหลงจู้พ่อตาเริญ
และพรรคพวกอีกหลายคน
ก่อนแตกคอกันในภายหลัง
หรือเรียกว่าดังแล้วแยกวง
ทางใครทางมันก่อนจัดการ
ฆ่าฟันกันทางธุรกิจแบบเลือดสาด
เรียกว่าจบกันแบบไม่เผาผีกันอีกเลย

เพราะแต้เสี่ยวป้อมีปัญหาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
กับเรื่องมีเมียน้อยมากมายหลายคน
เงินทองก็ไม่รู้หายไปไหน
แกบอกแต่ว่าเอาไปจ่ายใต้โต๊ะ
กับเอาไปทำบุญมูลนิธิที่แกเป็นประธาน

แกใช้เงินกงสีโรงเหล้า
ปนกันมั่วกับเงินธนาคาร
ขอที่มาที่ไปบริจาคก็ไม่ชัดเจน
รู้แต่ว่าข้าวของเงินทองเมียน้อยแก
งอกเงยงดงามยิ่งขึ้น ๆ กว่าเดิม

แถมน้องชายแกชื่อ โกโรโกโส
เคยเป็นเจ้าของกิจการธนาคารมหาอสูรนครา
แต่ทำแบงค์เเจ๊งแล้วหลบหนีไปฮ่องกง
จนหมดอายุความค่อยกลับศยมกุก
ทางการตั้งข้อหาไซฟอน (siphon/syphon)
ยักย้ายถ่ายเทเงินธนาคารเข้ากระเป๋าตนเอง
จนต้องมีการตามล้างตามเช็ดกันวุ่นวาย




มูลนิธิที่ดังของไทย
ฮั่วเคี้ยวปอเต็กเสี่ยงตึ้ง
เดิมพวกคนแซ่เบ้  หรือ หม่า
มาจากฮั่วเพ้ง ซัวเถา กวางตุ้ง

เป็นพวกแกนนำก่อตั้งในยุคแรก
เคยประสบกิจการขาดทุนหมดเงิน
คณะกรรมการมูลนิธิคนจีนยุคนั้น
ต้องบากหน้าไปขอเงินพระราชทาน
จากสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า

ถ้าพระองค์ทรงไม่พอพระทัย
อาจจะหัวขาด/ติดคุกกันได้ทั่วหน้า
แต่พระองค์ทรงเมตตากับเห็นพระทัย
ความตั้งใจของคนทำงานมูลนิธิ
เลยพระราชทานทรัพย์มาต่อทุนให้
จนเจริญรุ่งเรืองเป็นที่พึ่งคนยากทุกวันนี้

เดิมในข้อตกลงภายในต้องมีคนแซ่เบ้
เป็นคณะกรรมการมุลนิธิหนึ่งคนประจำ
ต่อมามีการยักย้ายถ่ายเทกันไปมา
จนกรรมการทั้งชุดเป็นพวกที่ประธานเลือกมา

ตำนานของคนแซ่เบ้ที่มาจากฮั่วเพ้ง ซัวเถา
ร่างไว้นานแล้วจะทะยอยลงต่อไป




เรื่องนี้เป็นธรรมดาโลก
คนทุกคนเวลาจะทำการใหญ่
ต้องไปหาสมัครพรรคพวกก่อน
ไม่กล้าไปหาคนไม่รู้จัก
หรือไม่รู้ใจกันมาก่อน
มาร่วมงานโดยเด็ดขาด

ตัวอย่างอมตะนิรันกาล
พระศาสดาตรัสรู้เสร็จ
ก่อนออกประกาศศาสนา
ก็จะไปหาพระอาฬารดาบส กับ พระอุทกดาบส
พอทราบว่าท่านทั้งสองเสียชีวิตแล้ว
ก็เสด็จไปโปรดพระปัญจวัคคีย์
ที่เป็นสานุศิษย์กับคนรับใช้กันมาก่อน

เรื่องนี้มีตำนานในศยมกุก
ประธานหน่วยงานพิเศษของรัฐยุคกอบกู้ภัย IMF
ท่านตอบข้อซักถามคนที่เขียนบัตรสนเท่ห์ว่า
หน่วยงานนี้เล่นพรรคเล่นพวก
ไม่ใช้ระบบคุณธรรม Merit System
ในการสรรหาคนมาทำงานในหน่วยงาน

ท่านตอบเลยว่า

" ใช่ ผมมีเวลาเพียง 3 เดือน
พร้อมกับงบประมาณ 200 ล้านไพ
ต้องตั้งองค์การให้เสร็จพร้อมเดินหน้าทำงานทันที
มิฉะนั้นงบประมาณจะถูกดึงกลับไปทั้งหมด

ถ้าผมมาประกาศหาคนทำงานตามหลักการ
แน่ใจหรือว่าจะเสร็จทันกำหนดการ
แล้วขับเคลื่อนองค์การได้ตามเป้าหมาย

ผมก็ต้องหาพรรคพวกคนที่ผมเชื่อใจไว้ใจได้
มาร่วมงานกันเบื้องต้นในระดับบริหารก่อน
แล้วค่อยสรรหาคนทำงานตามหลักการต่อไป

พวกคุณอย่ามองโลกสวยเกินไป
มองบนพื้นฐานความจริงบ้างซิ "

ท่านเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอกชน
อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐ
นักคิดนักเขียนเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐศาสตร์

เรื่องกรรมการในมูลนิธิ
พอ ๆ กับหุ้นธนาคารเอเซียเพื่อการพัฒนา
มีมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง
เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในอดีต
ก่อตั้งโดยรัฐบุรุษปรีดี  พนมยงค์
มีน้องชายชื่อ หลุยส์ พนมยงค์
บริหารงานได้ไม่นานมากนัก

หลังรัฐประหารหลายต่อหลายครั้ง
หุ้นของธนาคารก็ค่อย ๆ หายจ้อยไป
พร้อม ๆ กับหุ้นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ไม่รู้ไปตกอยู่ในมือของใครต่อใครบ้าง
จนสุดท้ายธนาคารแห่งนี้เจ๊ง
ถูกเล่นแร่แปรธาตุกลายเป็นของฝรั่งไป
แล้วตกเป็นของซิงลิส-สิงคโปร์
พร้อมเปลี่ยนชื่อจนไร้ร่องรอยเดิมไป




ในยุคนั้นก่อนที่มาตรฐานธนาคารศยมกุก
จะเข้า BIS Bank International Settlements
เพราะมีการกู้เงินจาก Windows Loan
จากต่างชาติมากเป็นแบบ Short-term Loan
เงินสะพัดเข้ามามากมาย
จนคนฉลาดมักนำเงินกู้ต่างประเทศ
มาฝากเงินฝากในศยมกุกกินส่วนต่างดอกเบี้ย
แบบว่า รวย กับ รวย ลูกเดียว

เงินกู้ต่างชาติมีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินกว่า 5% ต่อปี
แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ 9% ต่อปีในสยมกุก
หรือหมื่นละสองไพต่อวัน  ถ้ามีเงินหลักร้อยล้านไพ
ก็เรียกว่าวันละ 20,000 ไพ ดีกว่าทำมาหากินซะอีก
ยิ่งถ้าเงินฝากประจำ 14-16% ต่อปีทีเดียว

โชคชะตาฟ้าลิขิต
ทางศาสนายิวประนามว่า
พวกหากินกับดอกเบี้ยเป็นพวกไซตอน/ซาตาน
ทำตัวเป็นปรปักษ์กับพระเจ้า
ต้องข้อหาบาปต่อหน้าพระเจ้า
เหมือนพระเยซูขับไล่พวกปล่อยเงินกู้ในโบสถ์
ศาสนาอิสลามก็ประนามเรื่องดอกเบี้ยเช่นกัน
คนจีนรุ่นเก่าก็บอกว่าคนหากินกับดอกเบี้ยเป็นคนบาป

ต่อมาคนในศยมกุกต่างพากันเจ๊ง
กับการหากินส่วนต่างดอกเบี้ย
เพราะต่างชาติขอเงินกู้คืนทันที
จากเดิมกู้เงินระยะสั้น
มาฝากหากินส่วนต่างดอกเบี้ยระยะยาว
พอคืนเงินไม่ทันก็อาการร่อแร่ ๆ

จนศยมกุกต้องขอเข้ามาตรการ IMF
ธุรกิจเดินทางลงสู่เหวหายนะกันมากมาย
เพราะค่าเงินศยมกุกลอยตัวไปมา
แบบขึ้นเป็นซอเด้ ๆ หรือ สองเด้ง
แบบชาวพม่าพูดตอนเล่นไพ่
เงินเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินไพ
เดิมไม่เกิน 27 ไพกลายเป็นมากกว่า 45 ไพ
งานนี้เรียกว่า Chip หายหลายแสน
หรือได้กันเป็นแสน  แสนสาหัส

สาเหตุลอยค่าเงินมันยาว  ขอผ่านเรื่องนี้ไปก่อน




ในยุคนั้นบางธนาคาร
มีลักษณะตัวเล็กแต่ซ่า
หน้าใหญ่ใจโตไม่กลัวตายกันเลย
บางธนาคารมีเงินทุนจดทะเบียน
เพียง 2,000 ล้านไพ

แต่กล้าออกหนังสือค้ำประกัน รับรอง อาวัล
ในวงเงินถึง 20,000 ล้านไพให้กับบุคคลที่ 3
ซึ่งตามกฎหมายแล้วเวลาหนี้มีปัญหาขึ้นมา
ต้องรับผิดชอบชดใช้เหมือนลูกหนี้ร่วม

มีครั้งหนึ่งทำงานอยู่ที่ทิดพาไน
มีคนนำตั๋วสัญญาใช้เงินที่อาวัลโดยธนาคารสรนครี
เป็นเงินได้จากการขายที่ดินแปลงใหญ่
วงเงิน 45 ล้านไพมาขายลดเช็คที่ธนาคาร
ทิดพาไนรับซื้อทันทีเพราะอีก 3 เดือนก็ครบกำหนด
คิดอัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปีจากคนขาย
เรียกว่ากำไรดอกเบี้ยก้อนหนึ่งแล้วจากคนมาขาย
พร้อมกับมีตั๋วแลกเงินใบนี้รองรับ 45 ล้านไพ
ที่ธนาคารสรนครีต้องจ่ายเงินให้แน่นอนแล้ว

ทิดพาไนไปออกตั๋วสัญญาใช้เงินขายในท้องตลาด
จ่ายอัตราดอกเบี้ย10% ต่อปี 45 ล้านไพ
คนซื้อจะได้ดอกเบี้ยแน่นอนคือ 10% ต่อปี
เป็นการระดมเงินฝากอีกแบบหนึ่ง
แม้ว่าทิดพาไนมีกำไรดอกเบี้ย
จากส่วนต่างเพียง 2% ต่อปี
ในวงการเรียกว่าทำแซนวิชประกบกัน

แต่ไม่ต้องวิ่งหาเงินฝากมาปล่อยเงินกู้
เพราะมีเงินฝากต้องกันสำรองไว้
ราว 70% ของยอดเงินฝาก
แต่ถ้าขายตั๋วสัญญาใช้เงินจะปล่อยกู้ได้เต็ม
ถึงเวลาตั๋วที่อาวัลโดยธนาคารสรนครีครบกำหนด
ทิดพาไนก็ไปรับเงินจำนวน 45 ล้านไพจากธนาคารสรนครีทันที
แล้วก็จ่ายดอกเบี้ย 10% ให้คนซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินไป

จริง ๆ แล้วตั๋วสัญญาใช้เงินของทิดพาไน
ที่ขายในท้องตลาด 45 ล้านไพ
ก็ได้รับเงินฝากเข้ามาเต็มจำนวน
ยังสามารรถไปปล่อยกู้ใน Call Loan
หรือเงินกู้ระหว่างธนาคาร Inter Bank
ได้กำไรอีกรอบหนึ่งเพราะปล่อยกันรายวัน
คิดดอกเบี้ยกันแบบรายวัน  กินกันมัน ๆ
แบบหวาน ๆ เค็ม ๆ มัน ๆ หวาน ๆ เค็ม ๆ มัน ๆ
เรียกว่าโตทั้งสินเชื่อ ทั้งเงินฝาก

แล้วถึงวันพรากเขาลงมาจากยอดเขา
ลูกค้านำตั๋วสัญญาใช้เงินธนาคาสรนครี
มาขายลดให้ทิดพาไนอีกในวงเงิน 40 ล้านบาท
ยังนึกดีใจว่ารับทรัพย์กันอีก
จากกรอบแนวคิดเดิมของประสบการณ์

รีบโทรศัพท์ไปถามสำนักงานใหญ่
คำตอบเด็ดขาดครั้งสุดท้าย
ห้ามรับซื้อเด็ดขาดมาทางไหนไปทางนั้น
บอกให้ลุกค้าเอากลับไปขายธนาคาสรนครี
ก็ยังงง ๆ อยู่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด

สาเหตุคือ ธนาคารสรนครี
ออกค้ำประกัน รับรอง อาวัล
เกินกว่าความสามารถชำระหนี้ไปมากแล้ว
มากกว่าทุนจดทะเบียน
ต่อให้ขายทรัพย์สิน
ลดทุนจดทะเบียนเหลือ 1 เฟื่อง
ก็ยังไม่พอชำระหนี้ที่ไปสะเออะรับหน้าไว้
ทั้งนี้ยังตามด้วยอีกหลายธนาคารในศยมกุก
ที่เจ๊งตาม ๆ กันในช่วงยุคเวลานั้น

วันรุ่งขึ้น
ธนาคารสรนครีกับสถาบันการเงินของศยมกุก
เข้ามาตรการ IMF เจ๊งกันวอดวาย
กรรมการสถาบันการเงินต้องคดีกันมากมาย
บางรายเพิ่งจะตัดสินจำคุกเมื่อปลายปีก่อน




เรื่องนี้เหมือนกับ Andrew Grove
เจ้าพ่อ Intel สอนไว้ว่า
ประสบการณ์ในอดีต
ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับปัจจุบันและอนาคต
ถ้าจะทำ Chip Computer
ที่ประมวลผลอย่างรวดเร็ว
จะใช้หลักการทำงานแบบเดิม
และสถาปัตยกรรมภายในแบบเดิมไม่ได้

เหมือนการทำงานอย่าใช้ความเก๋า
และประสบการณ์เดิม ๆ ทำงาน
มักจะมีปัญหาหรือประสบอันตรายได้




หลังจากแต่งงานกับลูกสาวหลงจู้แล้ว
เริญก็ย้ายบ้านมาอยู่ที่บ้านพ่อตา
เช้าเย็นก็ขับรถยนต์รับส่งพ่อตาไปทำงาน
บางครั้งก็นั่งรถยนต์ร่วมทางไปทำงาน
ปรึกษาธุรกิจและวางแผนกันบนรถยนต์

มีเวลาว่างวันหยุดก็มักจะมาเยี่ยมพ่อแม่กับน้อง ๆ
พร้อมกับนำเงินเดือนที่ได้รับทุกเดือนมาให้พ่อแม่
เริญทำอย่างนี้เป็นประจำจนกระทั่งพ่อเสียชีวิต
เริญจึงพาแม่มาอยู่ที่บ้านกับภริยา
หลังจากออกเรือนไปสร้างบ้านพักหลังใหม่แล้ว

เริญยังพาแม่นั่งรถยนต์กลับไปเยี่ยมแถวบ้านเก่า
ที่แม่ยังมีความผูกพันและรำลึกถึงเรื่องเก่ามาก
เริญยังทำเป็นประจำจนเป็นที่รู้จักกันดีในละแวกนั้น




วันหนึ่งเริญได้รับคำเชิญจากหัวหน้ากรมโรงเหล้า
บอกว่ามีเจ้าของโรงเหล้าที่เจ๊งไปหลายปีแล้ว
อยากจะชวนเริญเข้าหุ้นลองขายเหล้าเก่าเก็บชุดนี้ดู
เพราะหลังจากเริญทำหน้าที่แทนหลงจู้มานานหลายปี

จนต่อมาหลงจู้วางมือทั้งหมดมอบให้เริญทำหน้าที่แทน
พร้อมกับแต่งตั้งเริญเป็นผู้จัดการแทนตน
กิจการโรงเหล้าก็ก้าวหน้า  ยอดขายดีขึ้น ๆ ทุก ๆ ปี
ส่วนตัวหลงจู้ก็กลับไปอยู่บ้าน จิบน้ำชา ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ
หรือเล่นไพ่นกกระจอกเป็นงานอดิเรก

ส่วนเริญก็ยังไปมาหาสู่พ่อตาเป็นประจำ
แล้วทำงานร่วมกับโอวหมักกุ๊กกุนซือคนเดิมของพ่อ
กุนซือรายนี้ภาษาในวงการมือปืนเรียกว่า ตาปลาดุก
คือเรียบเฉยไม่มีแววตา  ตาไม่เป็นประกาย
เก็บอาการ  ไม่มีอาการลุกลิก หรือแสดงอากัปกริยาใด ๆ

ในวงการมือปืนจะยอมรับและหวาดเกรง
คนตาปลาดุกแบบนี้อย่างแรง
เพราะเป็นแบบ One Shot Dead นัดเดียวไม่พลาดเป้า
ไม่ต่างกับลี้คิมฮวง  มีดบินไม่พลาดเป้า
ซัดคราใด ฝ่ายตรงข้าม ตายคามีดทุกครา

เริญสนิทกับหัวหน้ากรมโรงเหล้าคนนี้มาก
มีอะไรมักจะไหว้วานขอความร่วมมือ
หรือเป็นทางด่วนในการพบปะ
อธิบดีกรมโรงเหล้าทุกครั้ง
จนหัวหน้าคนนี้ต่อมาได้เป็นอธิบดีกรมโรงเหล้า

เริญจึงไปพบเจ้าของโรงเหล้าเดิมพร้อมกับกุนซิอ
ที่โรงเหล้าแถวใกล้ ๆ กับวัดพระปฐมเจดีย์ของศยมกุก
มีเหล้าในโกดังวางใส่ถังเก็บจำนวนมากมาย
แต่ขายไม่ได้  ขายไม่ออก ยิ่งขาย ยิ่งขาดทุน
เลยถอยดีกว่า  ไม่เอาดีกว่า  จะสู้ต่อไป
ก็ไม่รู้ว่า จะเป็นอย่างไร  หรือตาย ๆ ๆ ๆ

เหล้านี้เคยใช้นางแบบหนังโป้โฆษณา
เธอชื่อว่า สิริขวัญ-ไก่แดง
เหล้าดีแต่การตลาดไม่ดี
ตามที่นักวิเคราะห์ตลาดมักพูดกัน

แต่เริญ กุนซือ หัวหน้า ชิมแล้ว
บอกว่ารสชาติยังไม่นิ่งอย่างหนึ่ง
อายุเหล้าโอเค  เก่าเก็บเหมาะสมแล้ว
แต่จะทำการตลาดอย่างไรดี
และทำให้รสชาตินิ่งได้อย่างไร




ในยุคนั้นมีมือปรุงเหล้าฉกาจของศยมกุก
ชื่อเล่นว่า จุล เก่งมากกับเรื่องรสชาติ
กับความนิ่งของเหล้าตราแม่น้ำของ
ถ้าได้ตัวมาเป็นที่ปรึกษา
หรือปรุงเหล้าเก่าในขวดใหม่
รับรองรุ่งแน่  รวมทั้งการตลาดในมือเริญ
มีสิทธิ์ขายได้แบบถล่มทะลาย

แต่เรื่องนี้เริญกับโอวหมักกุ้ยไม่ยอมพูดถึง
นิ่งเงียบรับฟังข้อเสนออีกฝ่ายตลอดเวลา
ขณะเดียวกันในช่วงระหว่างการเจรจา
เมื่อยังไม่มีการตกลงเรื่องราคาก็ปรึกษาพ่อตา
ถึงวิธีการและเงื่อนไขในการลงทุนอนาคต

จนได้ข้อยุติว่า
เจ้าของโรงเหล้าเดิมยอมขายราคาเท่าใด
ขอ options ถึอหุ้นกี่ %
ยอมถอยห่างเป็นหุ้นส่วนน้อย
และให้ทีมเริญเข้าบริหารกิจการทั้งหมดที่มี
หลังจากที่กรมโรงเหล้าอนุมัติให้เข้าครอบงำกิจการแล้ว
เพราะยุคนั้นการเปลี่ยนมือโรงเหล้าเป็นเรื่องใหญ่
ต้องผ่านการอนุมัติจากกรมโรงเหล้า/รัฐมนตรี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่