สวัสดีครับ สำหรับวันนี้นะครับ ผมจะมารีวิวการรับประทานแจ่วฮ้อนด้วยน้ำซุปแบบสำเร็จรูป
ถ้าถามว่าแจ่วฮ้อนคืออะไร ผมตอบตามความรู้สึกผมนะ มันคงอยู่ในตระกูลเดียวกันกับจิ้มจุ่มแต่รสชาติเข้มข้นกว่า

และวันนี้ผมได้ของสิ่งนึงมา อยากมารีวิวนานแล้วครับ แต่เพิ่งมีเวลา ประจวบเหมาะกับวันหยุดยาวที่ผ่านมา ทำให้มีเพื่อนๆสนใจมาร่วมทานข้าวที่บ้านผมครับ  

เนื่องจากแฟนผมเป็นคนอีสาน เธอย้ายมาอยู่กรุงเทพนานแล้วคงคิดถึงอาหารที่บ้านเกิด พอดีเธอไปเจอซุปตัวนี้มาในเพจอาหารเพจนึง เธอก็อยากให้ผมซื้อมาทำให้ทาน และตัวผมเป็นคนทำอาหารอยู่แล้ว ก็เลยสนใจจะลองดูว่ามันจะออกมาประมาณไหน
ผมจัดมาเซ็ตเล็กๆครับ

แกะกล่องมา มีทั้งหมด3ซองครับพร้อมน้ำจิ้ม ซุปมี2รส รสหมูและรสเนื้อ แฟนผมไม่ทานเนื้อ เลยไม่ได้สั่งเนื้อมา และมีน้ำจิ้มแจ่วที่ผมสั่งเพิ่มไปอีก1ซอง ผมคิดว่ามันคือ แจ่วขม เพราะมีสติ๊กเกอร์สีเขียวติดอยู่ที่มุมซอง จริงๆแล้ว แจ่วขมนี่ชื่อฟังดูไม่เป็นมิตรกับผมเลยนะ แต่เผื่อแฟนจะชอบ ก็เลยสั่งมาลองดูครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เอาหล่ะ มีของอยู่ในมือแล้ว ทำยังไงต่อ..ไปไม่เป็น ผมไม่ทราบว่าต้องเอามาปรุงอะไรเพิ่มไหม แต่เท่าที่อ่านดูหน้าซอง คิดว่าคงไม่ต้องครับ แต่ผมไม่ไว้ใจเลยจริงๆเพราะผมเป็นคนทานง่ายแต่อร่อยยาก ฮ่าๆๆ

เรามาเตรียมเครื่องทานแจ่วฮ้อนกันนะครับ

เนื้อหมู ตับหมู
ผมเลือกส่วนหมูสันคอ แทรกมัน นุ่มๆหน่อยอร่อยครับ   
.
.
ปูอัด เต้าหู้ปลา เบคอน ไส้กรอก
อันนี้แล้วแต่ชอบนะครับ
.
.
ผักก็จะมี ผักบุ้ง ผักกาดขาว โหระพา ผักชีฝรั่ง เห็ด
.
.
วุ้นเส้น

เตรียมเครื่องกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาถึงขั้นตอนการเตรียมน้ำซุป

ผมเป็นเจ้าภาพด้วยงานนี้ ทำมั่วๆมาจะเสียหน้า แฟนก็จะด่าซ้ำอีก ผมจึงไปถามรายละเอียดวิธีทำกับคุณเจ้เจ้าของร้านให้แน่ใจซะก่อน พอผมถามไป คุณเจ้แกก็ให้อัตราส่วนการผสมน้ำเปล่ากับตัวซุปมา ซึ่งผมย้ำว่า สูตรการผสมที่เจ้าของร้านให้มา มัน "ผิด" ทุกอย่าง จาก "หน้าซอง" ที่ระบุไว้ครับ ซึ่งตรงนี้ผมอย่างจะตำหนิอย่างแรงครับ ทำไมถึงไม่แก้ไข เพราะผมว่ามันสำคัญมาก เพราะมันทำให้เสียลูกค้า ถ้าเกิดผสมออกมาแล้วไม่ดี ไม่อร่อย เจ้าของสินค้าจะมาโทษผู้บริโภคว่าเราผสมในอัตราส่วนที่ไม่ถูกต้องไม่ได้นะครับ(ผมขอฝากถึงคุณเจ้าร้านของด้วยครับ) และถ้าผมไม่ถามไป เจ๊แกก็จะไม่บอกสูตรผมมา หรือไงไม่ทราบนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แจ่ว ที่หน้าซองเขียนว่า น้ำร้อน15ช้อนโต๊ะ แต่พอถาม เจ้าของร้านบอก10ช้อนโต๊ะ

น้ำเดือดจัดแล้ว

วันนี้ผมขอลองเป็นรสหมูนะครับ ผสมออกมาแล้วได้แบบนี้
คนให้เข้ากันแล้ว สีดูเผ็ดร้อน ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนน้ำซุปจิ้มจุ่มที่ผมเคยผ่านมา
กลิ่นค่อนข้างฉุน ชัดเจนเลยคือกลิ่นสมุนไพร

ชิมรสชาติแล้ว เค็มเผ็ดนำมาก่อน สไตล์อีสานแท้เลยแหละครับ สำหรับผมชอบทานเผ็ด ความเผ็ดประมาณนี้ผมสู้ได้สบายครับ เบสของรสชาติน้ำซุปถือว่าใช้ได้ในระดับดีครับ แต่ผมอยากให้มีรสออกหวานกว่านี้อีกนิดนึง ผมเลยเลือกเติม น้ำตาล กับน้ำมันหอย

มาถึงขั้นตอนการผสมน้ำจิ้ม ตัวแจ่วมี2แบบ แจ่วเข้มข้นธรรมดา กับ แจ่วเข้มข้นแบบขม

แจ่วขมผมสืบทราบมาจากคุณเจ้าของร้านว่า ความขมนี้มันได้จากดีเทียมครับ ซึ่งมันคงเป็นที่คุ้นเคยกันดีทีเดียวหล่ะครับสำหรับพี่น้องภาคอีสาน

เทน้ำร้อนใส่ลงไปเลย10ช้อนโต๊ะ
ขอบอกว่าาาา ตัวแจ่วมันละลายยากมากๆๆๆๆๆๆครับ เนื้อมันค่อนข้างแข็ง มีความหนืดสูงมากๆ จนผมคิดว่าวันนี้จะได้กินไหม จะทันได้กินไหมเนี่ย แฟนผมก็โมโหหิวแล้ว

เสร็จแล้วครับ น้ำจิ้มแจ่ว(ถ้วยซ้ายบน) ทำผมเหนื่อยเลยจริงๆ ถ้าให้ผมแนะนำนะครับ ผสมน้ำจิ้มแจ่วก่อนก็ได้ครับ จะได้ทันรับประทาน
และผมบีบมะนาวเพิ่มลงไปด้วย

ทานไปซักพักเริ่มเข้าที่เข้าทาง รสชาติก็เริ่มกลมกล่อมเนื่องจากมีทั้ง ผักหมูไข่ สาระพัดครับตอนนี้

เพิ่มอรรถรสในการรับประทาน ดูเหมือนจะไม่เข้ากันแต่ตัดรสกันได้ดีครับ ยี้ห้อนี้เพิ่งเคยซื้อมาทาน ทอดในหม้อทรงสูง น้ำมันท่วมนะครับ มันจะกรอบนอกนิดๆและนุ่มใน ราคา200กว่าบาท ทานกันหมดเกลี้ยงเลย

สรุปการรีวิว
รสชาติถือว่าโอเคเลยครับ แต่มันติดที่ ซดน้ำซุปไม่ค่อยได้ด้วยความที่มันเข้มข้นมาก(รสจัด) นึกๆไปแล้วผมนึกถึงการเอาเนื้อไปจุ่มในแจ่วร้อนๆอะครับ มันอาจจะเป็นที่มาของคำว่าแจ่วฮ้อนหรือแจ่วร้อนอะไรทำนองนี้รึเปล่า ผมถามแฟนแฟนก็ไม่ทราบ
ในน้ำซุปบางครั้งก็อาจจะมีสมุนไพรติดมาด้วยทำให้ ซดได้ไม่คล่องคอเท่าที่ควร ครั้งหน้าผมคงต้องผสมสัดส่วนให้น้ำเยอะกว่านี้หน่อย แล้วปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำมันหอยหรือซีอิ้วขาว แต่รวมๆก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ

ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ