นี่เป็นครั้งที่สองที่ลงวิ่ง Half Marathon ส่วนครั้งแรกนั้นลงวิ่งที่เขาใหญ่เมื่อสองปีที่แล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ก็กระดูกข้อเท้าร้าวจากการตีแบตกับเพื่อนๆ เลยทำให้ไม่ลงวิ่งมาเลย2ปีเต็มๆ
ส่วนมากก็ได้แต่ออกกำลังเหยาะแหยะบ้างเท่านั้นเอง
ทำให้การวิ่ง Half Marathon ที่จอมบึงครั้งนี้ ตื่นเต้นเหมือนวิ่งครั้งแรกฮาล์ฟไม่มีผิด เลยอยากจะบันทึกเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี
ฉันซ้อมน้อยมากจริงๆ
ซ้อมแค่อาทิตย์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 8-10 กม. เท่านั้น
วิ่งคราวนี้ก็วัดใจกันไป
ที่พักที่จอมบึงก็เต็มกันเร็วกันแบบไม่น่าเชื่อ
ทำให้ต้องนอนในโรงแรมเล็กๆที่มีกระจกเต็มไปหมด ฮ่าๆๆ เลยค่อนข้างนอนไม่หลับ มันแปลกๆไงก็ไม่รู้
กว่าจะนอนหลับก็ตี 1 ละมั้ง พอตี 3 ครึ่ง ก็ได้ยินเสียงนาฬิกาต้องสะดุ้งตื่นเสียแล้ว
ออกจากที่พักไปที่จอดรถ (P5.ปากบึง) ที่จอดรถมีเยอะแยะหาไม่ยาก
และมีบริการรถสองแถวเพื่อรับส่งไปที่งานวิ่งอย่างต่อเนื่อง
ขณะนั่งไปบนรถสองแถว นักวิ่งก็คุยกันอย่างสนุกสนาน
ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ฉันก็ยังสะลึมสะลือตาเปิดๆปิดๆอยู่ดี
พอไปถึงที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจอมบึง ก็เหมือนเริ่มตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆ
เพราะบรรยากาศงานวิ่งที่คนเยอะมาก เสียงกลอง ดนตรี ก็ดังพาให้ครึกครื้นลืมอาการง่วงไปเลย
แถมน้ำและกล้วยหอมบริการไว้ฟรีๆ แม๋มมม เห็น Tiger Balm แล้วอยากจะเอามานวดใต้ตาด้วยจังเลย เผื่อเผลอหลับระหว่างวิ่ง
...อีก 10 นาทีจะปล่อยตัวแล้วนะ
ฉันปล่อยตัว B เอ๊ะ!!! ทำไมฉันถึงอยู่ในกลุ่ม B ได้นะ?
นึกย้อนหลังไปว่าตอนกรอกข้อมูลสมัครฉันคงเขียนโม้ไปว่า
'เคยวิ่ง Half Marathon ใช้เวลา 2.25 ชม.'
เค้าเลยจัดให้มาอยู่กรุ๊ป B
ซึ่ง..อันที่จริง..ตอนนี้...มัน..แบบว่า ไม่ฟิตค่ะ ไม่ฟิตจริงๆ เลยขอเดินถอยๆๆหลังมาอยู่ที่กลุ่มประมาณ B- หรือค่อนๆไปทาง C นิดๆ (Bก็ไม่ใช่ C ก็ไม่เชิง) พอเห็นลูกโป่ง Pacer 2.30 ก็เล็งเป้าหมายนี้ไว้อย่างแน่วแน่
พอปล่อยตัวปุ๊ป!! เป้าหมายที่แน่วแน่ ก็วิ่งไปไกลจนแทบมองไม่เห็น!
ตลอดระยะทางวิ่งในจะมีชาวบ้าน เด็กนักเรียน ออกมาร้องเพลงเชียร์และให้กำลังใจกันเป็นระยะๆ
พร้อมน้ำเย็น ยาดม ยานวด เสริฟมาเรื่อยๆค่ะ ทำให้นักวิ่งหน้าง่วงอย่างฉันสนุกครึกครื้น ลืมง่วงไปเลยทีเดียว (อยากจะไปเต้นกะน้องเลยทีเดียว)
วิ่งมาเรื่อยๆ 12...13...กม. ยังไม่รู้สึกเพลียเท่าไหร่ ยังไม่เจ็บ ไม่ปวด
แต่พอกิโลเมตรที่ 15 นี่ อาการปวดขาเริ่มมา แต่พอจะไปพักยืดขาก็เหมือนตะคริวจะมาที่น่อง สุดท้ายเลยวิ่งไปเรื่อยๆ แบบช้าๆ ไม่พักไม่เบรก
4..5.. กิโลเมตรสุดท้ายนี้ช่างนานนนนนเหลือเกิน วิ่งจนเห็นลูกโป่ง Pacer 2.30 อยู่ไกลๆ
เลยมีแรงฮึดกระ
กระสนวิ่งตามขึ้นอีกนิด
จนเข้าเส้นชัยที่เวลา 2.43 ชม. ดีจ้ายยยดีใจ ในที่สุดก็ถึงแบบไม่เจ็บอะไรเลย เย้!
พอเข้าเส้นชัย ไปพักยืดขา ได้แกว่งเท้าแช่น้ำเย็น กินข้าวแถวๆนั้น ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนๆบอกให้มาวิ่งที่จอมบึง
...เพราะอากาศดีๆ ไม่มีควัน ไม่มีเสียงแตรรถบีบไล่ ไม่ต้องสะดุดฟุตบาท แถมชาวบ้านน่ารัก ผู้คนเป็นมิตร
อาหารขนมนมเนยพร้อมมมมม ดีใจจัง ที่ได้มาลงวิ่ง Half Marathon ที่จอมบึง
[CR] รีวิว วิ่ง Half Marathon จอมบึงมาราธอน 32nd กับบันทึก My Sketchbook by บ่มิguide
นี่เป็นครั้งที่สองที่ลงวิ่ง Half Marathon ส่วนครั้งแรกนั้นลงวิ่งที่เขาใหญ่เมื่อสองปีที่แล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ก็กระดูกข้อเท้าร้าวจากการตีแบตกับเพื่อนๆ เลยทำให้ไม่ลงวิ่งมาเลย2ปีเต็มๆ
ส่วนมากก็ได้แต่ออกกำลังเหยาะแหยะบ้างเท่านั้นเอง
ทำให้การวิ่ง Half Marathon ที่จอมบึงครั้งนี้ ตื่นเต้นเหมือนวิ่งครั้งแรกฮาล์ฟไม่มีผิด เลยอยากจะบันทึกเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี
ฉันซ้อมน้อยมากจริงๆ
ซ้อมแค่อาทิตย์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 8-10 กม. เท่านั้น
วิ่งคราวนี้ก็วัดใจกันไป
ที่พักที่จอมบึงก็เต็มกันเร็วกันแบบไม่น่าเชื่อ
ทำให้ต้องนอนในโรงแรมเล็กๆที่มีกระจกเต็มไปหมด ฮ่าๆๆ เลยค่อนข้างนอนไม่หลับ มันแปลกๆไงก็ไม่รู้
กว่าจะนอนหลับก็ตี 1 ละมั้ง พอตี 3 ครึ่ง ก็ได้ยินเสียงนาฬิกาต้องสะดุ้งตื่นเสียแล้ว
ออกจากที่พักไปที่จอดรถ (P5.ปากบึง) ที่จอดรถมีเยอะแยะหาไม่ยาก
และมีบริการรถสองแถวเพื่อรับส่งไปที่งานวิ่งอย่างต่อเนื่อง
ขณะนั่งไปบนรถสองแถว นักวิ่งก็คุยกันอย่างสนุกสนาน
ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ฉันก็ยังสะลึมสะลือตาเปิดๆปิดๆอยู่ดี
พอไปถึงที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจอมบึง ก็เหมือนเริ่มตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆ
เพราะบรรยากาศงานวิ่งที่คนเยอะมาก เสียงกลอง ดนตรี ก็ดังพาให้ครึกครื้นลืมอาการง่วงไปเลย
แถมน้ำและกล้วยหอมบริการไว้ฟรีๆ แม๋มมม เห็น Tiger Balm แล้วอยากจะเอามานวดใต้ตาด้วยจังเลย เผื่อเผลอหลับระหว่างวิ่ง
...อีก 10 นาทีจะปล่อยตัวแล้วนะ
ฉันปล่อยตัว B เอ๊ะ!!! ทำไมฉันถึงอยู่ในกลุ่ม B ได้นะ?
นึกย้อนหลังไปว่าตอนกรอกข้อมูลสมัครฉันคงเขียนโม้ไปว่า
'เคยวิ่ง Half Marathon ใช้เวลา 2.25 ชม.' เค้าเลยจัดให้มาอยู่กรุ๊ป B
ซึ่ง..อันที่จริง..ตอนนี้...มัน..แบบว่า ไม่ฟิตค่ะ ไม่ฟิตจริงๆ เลยขอเดินถอยๆๆหลังมาอยู่ที่กลุ่มประมาณ B- หรือค่อนๆไปทาง C นิดๆ (Bก็ไม่ใช่ C ก็ไม่เชิง) พอเห็นลูกโป่ง Pacer 2.30 ก็เล็งเป้าหมายนี้ไว้อย่างแน่วแน่
พอปล่อยตัวปุ๊ป!! เป้าหมายที่แน่วแน่ ก็วิ่งไปไกลจนแทบมองไม่เห็น!
ตลอดระยะทางวิ่งในจะมีชาวบ้าน เด็กนักเรียน ออกมาร้องเพลงเชียร์และให้กำลังใจกันเป็นระยะๆ
พร้อมน้ำเย็น ยาดม ยานวด เสริฟมาเรื่อยๆค่ะ ทำให้นักวิ่งหน้าง่วงอย่างฉันสนุกครึกครื้น ลืมง่วงไปเลยทีเดียว (อยากจะไปเต้นกะน้องเลยทีเดียว)
วิ่งมาเรื่อยๆ 12...13...กม. ยังไม่รู้สึกเพลียเท่าไหร่ ยังไม่เจ็บ ไม่ปวด
แต่พอกิโลเมตรที่ 15 นี่ อาการปวดขาเริ่มมา แต่พอจะไปพักยืดขาก็เหมือนตะคริวจะมาที่น่อง สุดท้ายเลยวิ่งไปเรื่อยๆ แบบช้าๆ ไม่พักไม่เบรก
4..5.. กิโลเมตรสุดท้ายนี้ช่างนานนนนนเหลือเกิน วิ่งจนเห็นลูกโป่ง Pacer 2.30 อยู่ไกลๆ
เลยมีแรงฮึดกระกระสนวิ่งตามขึ้นอีกนิด
จนเข้าเส้นชัยที่เวลา 2.43 ชม. ดีจ้ายยยดีใจ ในที่สุดก็ถึงแบบไม่เจ็บอะไรเลย เย้!
พอเข้าเส้นชัย ไปพักยืดขา ได้แกว่งเท้าแช่น้ำเย็น กินข้าวแถวๆนั้น ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนๆบอกให้มาวิ่งที่จอมบึง
...เพราะอากาศดีๆ ไม่มีควัน ไม่มีเสียงแตรรถบีบไล่ ไม่ต้องสะดุดฟุตบาท แถมชาวบ้านน่ารัก ผู้คนเป็นมิตร
อาหารขนมนมเนยพร้อมมมมม ดีใจจัง ที่ได้มาลงวิ่ง Half Marathon ที่จอมบึง