บอกก่อนเลยว่าเป็นกระทู้แรกนะคะ ไปเที่ยวทั้งทีก็อยากมีรีวิวเก็บไว้ดูกะเค้าบ้าง ล่ะก็เผื่อจะได้เป็นข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ให้กับคนที่สนใจวางแผนจะไปเที่ยวเอง เพราะจากที่เราไปเราก็หาข้อมูลจากพันทิพนี่แหละ จุดหมายของทริปนี้ คือตั้งใจไปดูหิมะเลย ไปสัมผัสความหนาวของเกาหลี คือเท่าที่ดูรีวิวมา ที่เกาหลีมีอีกหลายสถานที่ที่สวยๆ อย่าง ต่างจังหวัดเราว่ายังมีอะไรให้ดูอีกเยอะ การเดินทางก็นับว่าสะดวกมีทั้งรถไฟ รสบัส และในช่วงเดือนมกราคม ก็ได้เวลาลากกระเป๋ามากับเพื่อน 2 คน เราจอง ตั๋วโปรข้ามปีของหางแดงไว้ ไป-กลับ ได้ในราคา 7,740 บาท การจองข้ามปี จะมีเวลาเตรียมตัว เตรียมตังค์ และหาข้อมูล สำหรับ 6 วัน 5 คืนนี้ ไม่พักหรู ไม่เน้นกิน เน้นเที่ยวให้ได้เยอะๆ เที่ยวเอง แผนที่วางไว้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยตามข้อมูลใหม่ๆ ที่ได้มา
หาราคาโปรเพื่อจองห้องพัก หารกันคืนนึงก็หลักร้อย ก่อนเดินทางก็ไปเอาคูปองส่วนลดเพื่อใช้ที่สกีรีสอร์ทกับ อสท.เกาหลี ที่อโศก เค้ามีแจกเรื่อยๆ ทั้งปี ใครมีแพลนต้องติดตามไว้นะ
แต่สิ่งที่กังวัลกับทริปนี้กลับเป็น ตม. ยอมรับว่าจิตตกมาก ขนาดเคยไปมาแล้วครั้งนึงนะ เตรียมเอกสารเยอะเหมือนกัน ทั้งใบรับรองการทำงาน บัตรพนักงาน นามบัตร แพลนเที่ยวภาษาอังกฤษ ตั๋วกลับ ตั๋วบินภายในประเทศ บัตรเครดิต การแต่งตัว ถึงวันจริง ลงจากเครื่องได้ ห้องน้ำไม่ได้แวะเช็คหน้าเช็คผมเลย ลึกๆ ก็เริ่มหวั่นใจ คือเข้าใจอารมณ์ป่ะ เสียตังค์แล้วทั้งค่าเครื่องค่าที่พัก เตรียมแพลนมาเป็นปี คือจะมาเที่ยวถ้าติด ตม. ล่ะโดนส่งกลับนี่แบบ..นะ เดินตามๆ กันมาถึงด่าน ตม. เดินเข้าไปยืนนิ่งสบตา ยิ้มนิดๆ แสกนนิ้ว เค้าก็ปั๊มให้ผ่าน เจอ ตม. ใจดีไม่ถามอะไรซักคำ แต่เพื่อนที่ไปด้วยเพราะแถวยาวก็โดนตัดแถวให้ไปอยู่คนละแถว เจอคำถามนะ “มากับใคร” แต่ก็ผ่านมาได้ คือเค้าก็คงดูออกแหละ ว่าเราไปเที่ยวเนอะ ผ่านมาได้ก็โล่ง พร้อมลุยกันคร่า
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หากว่ามาเกาหลี ก็ต้องเตรียม ...
1. บัตร t-money เป็นบัตรสารพัดประโยชน์และสะดวกมาก ใช้ขึ้นรถไฟ รถเมล์ และร้านสะดวกซื้อ ถ้าหมดก็เติมได้เรื่อยๆ นะ ทั้งจากตู้ที่รถไฟใต้ดิน หรือที่ร้านสะดวกซื้อก็ได้ หากจะกลับแต่เงินในบัตรเหลือเยอะ ก็สามารถไปแลกคืนได้ที่ร้านสะดวกซื้อเช่นกันค่ะ
2. Internet สำหรับใช้ที่นี่ เราจะเอาไว้ใช้เสิร์ซ google map ซะส่วนใหญ่ จึงขาดไม่ได้ เรามากันแค่ 2 คนเลยมาลงตัวที่ sim2fly ใช้เนตต่างประเทศ 8 วัน 3GB ในราคารวม 399 บาท จากผลที่ได้ เราว่าก็เร็วดีนะ ทั้งในโซลเอง หรือบนเขา ในต่างจังหวัดที่เราไป
3. app subway หรือ แผนที่รถไฟใต้ดิน ตัดเป็น A4 พับเก็บใส่กระเป๋าได้ คือทั้งขาดทั้งเปื่อยก่อนจบทริป เพราะดึงเข้าดึงออกบ่อยมาก อิอิ
ว่าด้วยเรื่องการวางแผนเที่ยว จะเที่ยวทั้งทั้งเมืองและต่างจังหวัด
Day 1-3 : Seoul > Jeju-do
Day 4-6 : Seoul > Gangwon-do
Day 1 อังคารที่ 10 มกรา 60
- ตั้งหลักที่โซล แล้วไปโผล่เชจู -
เรานั่งเครื่องไปเช้าที่เกาหลี เป็น เวลา 9.40 น. พร้อมกับกระเป๋า 2 ใบ แบ่งเป็นใบเล็กกับใบใหญ่ มีเหตุผลก็คือว่า เราจะเอาใบเล็กไปฝากไว้ที่ The Simple House ที่พักคืนแรกที่เราจองไว้ ตามโจทย์คือต้องใกล้กับสนามบินกิมโป เพราะตื่นเช้ามาอีกวันเราจะเดินทางไปเชจูกันในไฟล์ที่เช้ามาก ที่พักอยู่ชั้น 4 ไม่มีลิฟต์ จองไว้เป็นห้องรวม 6 เตียง มีห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องครัวแยกออกไป กว้างและสะอาดพอสมควร และสะดวกตรงที่เดินไม่ไกลจากรถไฟใต้ดิน เดินไม่ถึง 5 นาที พัก 2 คนจ่ายไป 40,000 W ก็ประมาณคนละหกร้อยกว่าบาท ล่ะคืนที่เข้าพักก็สบายๆ สงสัยเป็นวันธรรมดา เตียงว่าง 3 ที่เลย
ยังไม่เสร็จกะภารกิจฝากกระเป๋า ยังเหลือใบใหญ่ ไม่เอาไปเชจูด้วย เราลากขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว ไปลงสถานีม.ฮงงิก (Hongik Univ.) ทางออกที่ 7 จะเจอร้าน “RAON Baggage Storage” หาไม่ยาก คนรับฝากใจดี มีป้ายบอกราคา เวลาเปิดปิดร้านไว้ชัดเจน ฝากเสร็จยังไม่ต้องจ่ายตังค์ เค้าจะมีใบฝากมาให้เราเก็บไว้ ค่อยมาจ่ายวันรับคืนทีเดียว เก็บบัตรฝากไว้ดีๆ นะ 3 วันแน่ะ กว่าจะกลับมา..
...บ่ายแล้ว เดินเล่นหาไรกินแถวฮงแดต่อเลย บรรยากาศดี เด็กวัยรุ่นเยอะ คึกคักดี เสื้อผ้าขายเพียบ หมวก ผ้าพันคอ ตามร้านแผงลอยก็ไม่แพงมากนะ ราคาจับต้องได้ น่าละลายเงินมาก ร้านอาหารหลากหลาย มีเด็กวัยรุ่นมาเต้น มาร้องเพลงคึกคัก เดินเล่นเพลินๆ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ แต่ตามแพลน เราจะต้องไป Yeouido ต่อ ไปชมวิวแม่น้ำฮัน เดินถ่ายรูปเอาบรรยากาศช่วงเย็นๆ เหมือนในซีรีย์งี้ แต่มืดแล้ว ไปไม่ทัน แต่ไม่เป็นไร ช่วงกลางคืนหน้าหนาวนี้ ที่นี่จะมีลานสเก็ต ชื่อ Yeouido Ice Skating Rink เพื่อนนางดูรีวิวมา ว่าต้องไปนะ มีเด็กๆ และวัยรุ่นมากันเยอะ มีตั้งแต่เพิ่งหัดเล่น กับเล่นเก่งแล้ว บ้างมาเป็นคู่ มีจับจูง จับมืออุ่นๆ แก้หนาวกันไป ใครสนใจก็ลองไปนะ เห็นมีอุปกรณ์ให้เช่าด้วย
Day 2 พุธ 11 มกราคม 60
** แบกเป้เดินตามกัน ขาสั่น ที่ Hallasan **
ต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินกิมโป เพื่อไปเกาะเชจู ได้ไฟท์เช้าเลย 06.30 น. นั่ง taxi จากที่พักมาประมาณ 5 นาที ก็ถึงล่ะ ค่ารถประมาณ 2,800w ใช้ t- money แตะไป ปรื้ดๆ สะดวกมาก เช็คอินประมาณ ตีห้าครึ่ง คิวไม่ยาว เสร็จแล้วก็เข้าข้างในไปรอขึ้นเครื่องกันเลย สำหรับการบินภายในประเทศ โซล-เกาะเชจูนี้ เล็งไว้เลยนะคะ สำหรับสายการบิน Jeju air ช่วงกลางปี เราจองประมาณเดือน ก.ค. เค้าจะปล่อยโปรส้มหล่นออกมา ราคาน่าคบหามาก เรากะเพื่อนสอยมาได้ในราคา ไป-กลับ คนละ 19,800 w เพราะโปรนี้ก็เลยได้เปลี่ยนแผนมาเชจูนี่ล่ะ
นั่งเครื่องไปชั่วโมงนิดๆ ไปถึงโน่น ประมาณ 7.30 น. มองออกนอกหน้าต่างยังมืดอยู่เลย ลงจากเครื่องได้ ไม่ได้โหลดกระเป๋า ไม่ต้องรอนาน ถือกระเป๋าใบเล็กเราลงมาเลยค่ะ ตรงไปข้างนอกมองหา เกต 2 จะมีป้ายรถเมลล์ รอรถเมล์สายที่จะผ่านโรงแรมแป้บนึงรถก็มา นั่งรถได้ก็เปิดกูเกิลแมพเลย ทำไมยิ่งนั่งยิ่งห่างจากโรงแรมทุกที เฮ้ยๆๆ รถพาอ้อมไปอีกทาง ลงๆๆ ตรงไหนก็ไม่รู้ 555 เรียก taxi เลยค่ะ เอาที่อยู่ให้โชเฟอร์ดู คุณลุงนั่งจิ้มข้อมูลลงในมือถือ ว่าอยู่จุดไหน ถนนไหน ซอยไหน พาไปส่งถึงหน้าประตูโรงแรมเล้ย เจ๋งมากอ่ะ รถก็สะอาด บริการดีเลย รถไม่ติดขับแป้บเดียวก็ถึง เราพักกันที่ R&T hotel ฝากของที่โรงแรมเสร็จ เราก็เรียก taxi ให้ไปส่งที่ bus terminal ต่อเลยค่ะ จะต้องไปให้ทันรถขึ้นเขารอบ 10 โมง ไม่งั้นได้เสียเวลารออีกชั่วโมงแน่ๆ รถมีห่างกันรอบละชั่วโมง และเขาที่เราจะไปเดินนี้ หน้าหนาวจะปิดให้ขึ้นเร็วกว่าฤดูปกติ
ไปถึง bus terminal ซื้อตั๋วเสร็จ ไปหาอะไรกินรองท้อง และตุนเสบียงกันที่ร้าน cu จะอยู่แถวหน้าทางเข้าสถานีบัสเลย ซูชิ มาม่า นมกล้วย นั่งกินรอเวลารถออกเลยค่ะ แต่ห้ามนั่งเพลินนะ รถที่นี่ออกตรงเวลามากกก
สำหรับตั๋วรถ เราซื้อที่ช่องขายตั๋วก่อนขึ้นรถ รอบ 10 โมง คนละ 2,800 w นั่งรถสาย 740 ประมาณ 40 นาที ไม่ต้องกลัวหลง หรือลงผิดป้ายนะ บนรถจะมีบอกสถานีทุกป้าย จำแค่ว่าเราจะลงที่สถานีไหนก็พอ ส่วนเราเลือกไปเดินเส้นทาง Yeongsil Trail เราจึงต้องลงที่ป้าย Yeongsil ticket box ที่เลือกเส้นทางนี้เพราะระยะทางไม่ใกล้หรือไกลเกินไป ระยะทาง 5.8 กิโล เดินไปกลับใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง แล้วสามารถไปลงอีกทางได้คือ เส้น Eorimok เช่นกัน
ณ สถานียงซิล รถบัสจะมาจอดส่งให้ตรงทางเข้า แต่ยังไม่ถึงทางขึ้นเขาจริงๆ นะ จะมี taxi จอดไว้คอยให้บริการในราคาเหมา ราคา 7,000 w ไปส่งถึงทางขึ้นข้างบนเลย แต่หากใครไม่อยากเสียตังค์ ก็เดินขึ้นได้ ค่อยๆ เดินชมวิวกันไป แต่ที่เรานั่งรถขึ้นไป ผ่านหลายโค้งพอสมควร ไกลเหมือนกันนะ ถ้าไม่ฟิตนี่ลิ้นห้อยได้เลย บริเวณก่อนทางขึ้นเขาข้างบน จะมีจุดจอดรถ ห้องน้ำ เตรียมตัวเสร็จ ก็ถึงเวลาเดินขึ้นเขากันจริงๆ ล่ะ แรกๆ ก็ทางเรียบๆ เรื่อยๆ ชมต้นไม้ ชมลำธารน้ำ สะพานสวยๆ
น้ำแข็งเกาะกอหญ้ามีให้เห็นระหว่างทาง
ผ่านไปประมาณโลนึง ช่วงวัดใจ ทางเริ่มชัน มีเชือกให้จับ ขาเริ่มล้าล่ะ
พักหอบจิบน้ำชมวิวแก้เหนื่อย น้ำจะหมดขวด ขาเริ่มสั่น จะก้าวไม่ออกแล้ว
มองจุดหมายปลายยอดเขาข้างหน้ายังอีกยาวไกล เอาไงดี!! ไหนว่าฟิตไง นี่อะไรเดินยังไม่ถึงครึ่งทาง
มองไปน้ำตกนี่กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว
[CR] หน้าหนาวไม่เหงา ชวนขึ้นเขาที่เกาหลี มีดีที่เกาะเชจู .... Hallasan Mountain Winter
บอกก่อนเลยว่าเป็นกระทู้แรกนะคะ ไปเที่ยวทั้งทีก็อยากมีรีวิวเก็บไว้ดูกะเค้าบ้าง ล่ะก็เผื่อจะได้เป็นข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ให้กับคนที่สนใจวางแผนจะไปเที่ยวเอง เพราะจากที่เราไปเราก็หาข้อมูลจากพันทิพนี่แหละ จุดหมายของทริปนี้ คือตั้งใจไปดูหิมะเลย ไปสัมผัสความหนาวของเกาหลี คือเท่าที่ดูรีวิวมา ที่เกาหลีมีอีกหลายสถานที่ที่สวยๆ อย่าง ต่างจังหวัดเราว่ายังมีอะไรให้ดูอีกเยอะ การเดินทางก็นับว่าสะดวกมีทั้งรถไฟ รสบัส และในช่วงเดือนมกราคม ก็ได้เวลาลากกระเป๋ามากับเพื่อน 2 คน เราจอง ตั๋วโปรข้ามปีของหางแดงไว้ ไป-กลับ ได้ในราคา 7,740 บาท การจองข้ามปี จะมีเวลาเตรียมตัว เตรียมตังค์ และหาข้อมูล สำหรับ 6 วัน 5 คืนนี้ ไม่พักหรู ไม่เน้นกิน เน้นเที่ยวให้ได้เยอะๆ เที่ยวเอง แผนที่วางไว้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยตามข้อมูลใหม่ๆ ที่ได้มา หาราคาโปรเพื่อจองห้องพัก หารกันคืนนึงก็หลักร้อย ก่อนเดินทางก็ไปเอาคูปองส่วนลดเพื่อใช้ที่สกีรีสอร์ทกับ อสท.เกาหลี ที่อโศก เค้ามีแจกเรื่อยๆ ทั้งปี ใครมีแพลนต้องติดตามไว้นะ
แต่สิ่งที่กังวัลกับทริปนี้กลับเป็น ตม. ยอมรับว่าจิตตกมาก ขนาดเคยไปมาแล้วครั้งนึงนะ เตรียมเอกสารเยอะเหมือนกัน ทั้งใบรับรองการทำงาน บัตรพนักงาน นามบัตร แพลนเที่ยวภาษาอังกฤษ ตั๋วกลับ ตั๋วบินภายในประเทศ บัตรเครดิต การแต่งตัว ถึงวันจริง ลงจากเครื่องได้ ห้องน้ำไม่ได้แวะเช็คหน้าเช็คผมเลย ลึกๆ ก็เริ่มหวั่นใจ คือเข้าใจอารมณ์ป่ะ เสียตังค์แล้วทั้งค่าเครื่องค่าที่พัก เตรียมแพลนมาเป็นปี คือจะมาเที่ยวถ้าติด ตม. ล่ะโดนส่งกลับนี่แบบ..นะ เดินตามๆ กันมาถึงด่าน ตม. เดินเข้าไปยืนนิ่งสบตา ยิ้มนิดๆ แสกนนิ้ว เค้าก็ปั๊มให้ผ่าน เจอ ตม. ใจดีไม่ถามอะไรซักคำ แต่เพื่อนที่ไปด้วยเพราะแถวยาวก็โดนตัดแถวให้ไปอยู่คนละแถว เจอคำถามนะ “มากับใคร” แต่ก็ผ่านมาได้ คือเค้าก็คงดูออกแหละ ว่าเราไปเที่ยวเนอะ ผ่านมาได้ก็โล่ง พร้อมลุยกันคร่า
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หากว่ามาเกาหลี ก็ต้องเตรียม ...
1. บัตร t-money เป็นบัตรสารพัดประโยชน์และสะดวกมาก ใช้ขึ้นรถไฟ รถเมล์ และร้านสะดวกซื้อ ถ้าหมดก็เติมได้เรื่อยๆ นะ ทั้งจากตู้ที่รถไฟใต้ดิน หรือที่ร้านสะดวกซื้อก็ได้ หากจะกลับแต่เงินในบัตรเหลือเยอะ ก็สามารถไปแลกคืนได้ที่ร้านสะดวกซื้อเช่นกันค่ะ
2. Internet สำหรับใช้ที่นี่ เราจะเอาไว้ใช้เสิร์ซ google map ซะส่วนใหญ่ จึงขาดไม่ได้ เรามากันแค่ 2 คนเลยมาลงตัวที่ sim2fly ใช้เนตต่างประเทศ 8 วัน 3GB ในราคารวม 399 บาท จากผลที่ได้ เราว่าก็เร็วดีนะ ทั้งในโซลเอง หรือบนเขา ในต่างจังหวัดที่เราไป
3. app subway หรือ แผนที่รถไฟใต้ดิน ตัดเป็น A4 พับเก็บใส่กระเป๋าได้ คือทั้งขาดทั้งเปื่อยก่อนจบทริป เพราะดึงเข้าดึงออกบ่อยมาก อิอิ
ว่าด้วยเรื่องการวางแผนเที่ยว จะเที่ยวทั้งทั้งเมืองและต่างจังหวัด
Day 1-3 : Seoul > Jeju-do
Day 4-6 : Seoul > Gangwon-do
Day 1 อังคารที่ 10 มกรา 60
- ตั้งหลักที่โซล แล้วไปโผล่เชจู -
เรานั่งเครื่องไปเช้าที่เกาหลี เป็น เวลา 9.40 น. พร้อมกับกระเป๋า 2 ใบ แบ่งเป็นใบเล็กกับใบใหญ่ มีเหตุผลก็คือว่า เราจะเอาใบเล็กไปฝากไว้ที่ The Simple House ที่พักคืนแรกที่เราจองไว้ ตามโจทย์คือต้องใกล้กับสนามบินกิมโป เพราะตื่นเช้ามาอีกวันเราจะเดินทางไปเชจูกันในไฟล์ที่เช้ามาก ที่พักอยู่ชั้น 4 ไม่มีลิฟต์ จองไว้เป็นห้องรวม 6 เตียง มีห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องครัวแยกออกไป กว้างและสะอาดพอสมควร และสะดวกตรงที่เดินไม่ไกลจากรถไฟใต้ดิน เดินไม่ถึง 5 นาที พัก 2 คนจ่ายไป 40,000 W ก็ประมาณคนละหกร้อยกว่าบาท ล่ะคืนที่เข้าพักก็สบายๆ สงสัยเป็นวันธรรมดา เตียงว่าง 3 ที่เลย
ยังไม่เสร็จกะภารกิจฝากกระเป๋า ยังเหลือใบใหญ่ ไม่เอาไปเชจูด้วย เราลากขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว ไปลงสถานีม.ฮงงิก (Hongik Univ.) ทางออกที่ 7 จะเจอร้าน “RAON Baggage Storage” หาไม่ยาก คนรับฝากใจดี มีป้ายบอกราคา เวลาเปิดปิดร้านไว้ชัดเจน ฝากเสร็จยังไม่ต้องจ่ายตังค์ เค้าจะมีใบฝากมาให้เราเก็บไว้ ค่อยมาจ่ายวันรับคืนทีเดียว เก็บบัตรฝากไว้ดีๆ นะ 3 วันแน่ะ กว่าจะกลับมา..
...บ่ายแล้ว เดินเล่นหาไรกินแถวฮงแดต่อเลย บรรยากาศดี เด็กวัยรุ่นเยอะ คึกคักดี เสื้อผ้าขายเพียบ หมวก ผ้าพันคอ ตามร้านแผงลอยก็ไม่แพงมากนะ ราคาจับต้องได้ น่าละลายเงินมาก ร้านอาหารหลากหลาย มีเด็กวัยรุ่นมาเต้น มาร้องเพลงคึกคัก เดินเล่นเพลินๆ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ แต่ตามแพลน เราจะต้องไป Yeouido ต่อ ไปชมวิวแม่น้ำฮัน เดินถ่ายรูปเอาบรรยากาศช่วงเย็นๆ เหมือนในซีรีย์งี้ แต่มืดแล้ว ไปไม่ทัน แต่ไม่เป็นไร ช่วงกลางคืนหน้าหนาวนี้ ที่นี่จะมีลานสเก็ต ชื่อ Yeouido Ice Skating Rink เพื่อนนางดูรีวิวมา ว่าต้องไปนะ มีเด็กๆ และวัยรุ่นมากันเยอะ มีตั้งแต่เพิ่งหัดเล่น กับเล่นเก่งแล้ว บ้างมาเป็นคู่ มีจับจูง จับมืออุ่นๆ แก้หนาวกันไป ใครสนใจก็ลองไปนะ เห็นมีอุปกรณ์ให้เช่าด้วย
Day 2 พุธ 11 มกราคม 60
** แบกเป้เดินตามกัน ขาสั่น ที่ Hallasan **
ต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินกิมโป เพื่อไปเกาะเชจู ได้ไฟท์เช้าเลย 06.30 น. นั่ง taxi จากที่พักมาประมาณ 5 นาที ก็ถึงล่ะ ค่ารถประมาณ 2,800w ใช้ t- money แตะไป ปรื้ดๆ สะดวกมาก เช็คอินประมาณ ตีห้าครึ่ง คิวไม่ยาว เสร็จแล้วก็เข้าข้างในไปรอขึ้นเครื่องกันเลย สำหรับการบินภายในประเทศ โซล-เกาะเชจูนี้ เล็งไว้เลยนะคะ สำหรับสายการบิน Jeju air ช่วงกลางปี เราจองประมาณเดือน ก.ค. เค้าจะปล่อยโปรส้มหล่นออกมา ราคาน่าคบหามาก เรากะเพื่อนสอยมาได้ในราคา ไป-กลับ คนละ 19,800 w เพราะโปรนี้ก็เลยได้เปลี่ยนแผนมาเชจูนี่ล่ะ
นั่งเครื่องไปชั่วโมงนิดๆ ไปถึงโน่น ประมาณ 7.30 น. มองออกนอกหน้าต่างยังมืดอยู่เลย ลงจากเครื่องได้ ไม่ได้โหลดกระเป๋า ไม่ต้องรอนาน ถือกระเป๋าใบเล็กเราลงมาเลยค่ะ ตรงไปข้างนอกมองหา เกต 2 จะมีป้ายรถเมลล์ รอรถเมล์สายที่จะผ่านโรงแรมแป้บนึงรถก็มา นั่งรถได้ก็เปิดกูเกิลแมพเลย ทำไมยิ่งนั่งยิ่งห่างจากโรงแรมทุกที เฮ้ยๆๆ รถพาอ้อมไปอีกทาง ลงๆๆ ตรงไหนก็ไม่รู้ 555 เรียก taxi เลยค่ะ เอาที่อยู่ให้โชเฟอร์ดู คุณลุงนั่งจิ้มข้อมูลลงในมือถือ ว่าอยู่จุดไหน ถนนไหน ซอยไหน พาไปส่งถึงหน้าประตูโรงแรมเล้ย เจ๋งมากอ่ะ รถก็สะอาด บริการดีเลย รถไม่ติดขับแป้บเดียวก็ถึง เราพักกันที่ R&T hotel ฝากของที่โรงแรมเสร็จ เราก็เรียก taxi ให้ไปส่งที่ bus terminal ต่อเลยค่ะ จะต้องไปให้ทันรถขึ้นเขารอบ 10 โมง ไม่งั้นได้เสียเวลารออีกชั่วโมงแน่ๆ รถมีห่างกันรอบละชั่วโมง และเขาที่เราจะไปเดินนี้ หน้าหนาวจะปิดให้ขึ้นเร็วกว่าฤดูปกติ
ไปถึง bus terminal ซื้อตั๋วเสร็จ ไปหาอะไรกินรองท้อง และตุนเสบียงกันที่ร้าน cu จะอยู่แถวหน้าทางเข้าสถานีบัสเลย ซูชิ มาม่า นมกล้วย นั่งกินรอเวลารถออกเลยค่ะ แต่ห้ามนั่งเพลินนะ รถที่นี่ออกตรงเวลามากกก
สำหรับตั๋วรถ เราซื้อที่ช่องขายตั๋วก่อนขึ้นรถ รอบ 10 โมง คนละ 2,800 w นั่งรถสาย 740 ประมาณ 40 นาที ไม่ต้องกลัวหลง หรือลงผิดป้ายนะ บนรถจะมีบอกสถานีทุกป้าย จำแค่ว่าเราจะลงที่สถานีไหนก็พอ ส่วนเราเลือกไปเดินเส้นทาง Yeongsil Trail เราจึงต้องลงที่ป้าย Yeongsil ticket box ที่เลือกเส้นทางนี้เพราะระยะทางไม่ใกล้หรือไกลเกินไป ระยะทาง 5.8 กิโล เดินไปกลับใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง แล้วสามารถไปลงอีกทางได้คือ เส้น Eorimok เช่นกัน
ณ สถานียงซิล รถบัสจะมาจอดส่งให้ตรงทางเข้า แต่ยังไม่ถึงทางขึ้นเขาจริงๆ นะ จะมี taxi จอดไว้คอยให้บริการในราคาเหมา ราคา 7,000 w ไปส่งถึงทางขึ้นข้างบนเลย แต่หากใครไม่อยากเสียตังค์ ก็เดินขึ้นได้ ค่อยๆ เดินชมวิวกันไป แต่ที่เรานั่งรถขึ้นไป ผ่านหลายโค้งพอสมควร ไกลเหมือนกันนะ ถ้าไม่ฟิตนี่ลิ้นห้อยได้เลย บริเวณก่อนทางขึ้นเขาข้างบน จะมีจุดจอดรถ ห้องน้ำ เตรียมตัวเสร็จ ก็ถึงเวลาเดินขึ้นเขากันจริงๆ ล่ะ แรกๆ ก็ทางเรียบๆ เรื่อยๆ ชมต้นไม้ ชมลำธารน้ำ สะพานสวยๆ
น้ำแข็งเกาะกอหญ้ามีให้เห็นระหว่างทาง
ผ่านไปประมาณโลนึง ช่วงวัดใจ ทางเริ่มชัน มีเชือกให้จับ ขาเริ่มล้าล่ะ
พักหอบจิบน้ำชมวิวแก้เหนื่อย น้ำจะหมดขวด ขาเริ่มสั่น จะก้าวไม่ออกแล้ว
มองจุดหมายปลายยอดเขาข้างหน้ายังอีกยาวไกล เอาไงดี!! ไหนว่าฟิตไง นี่อะไรเดินยังไม่ถึงครึ่งทาง
มองไปน้ำตกนี่กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว