บันทึกของนักฝึกหัดเดินทางสายเดี่ยวมาต่อแล้วค่ะ หลังจากที่ EP1 "ปีนัง" เราได้เขียนเล่าเรื่องราวไว้แล้วเมื่อวันก่อน
เราแบ่งออกเป็น 3EP ตอนนี้เขียนเสร็จไปแล้วทั้งสามตอน ตามลิ้งก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ ^^
EP1 : Selamat Datang "Penang" >>
https://ppantip.com/topic/36132203
EP2 : Time stop at "Cameron Highland" >>
https://ppantip.com/topic/36137785
EP3 : La La La "Melaka City" >>
https://ppantip.com/topic/36152300
"11 ก.พ. 60"
สงสัยจะเหนื่อยจากการเที่ยวรอบเมืองปีนังมากกก ทำให้ไม่ได้ยินเสียงจากด้านนอกเลย หลับสนิทตลอดคืนจริงๆ รู้สึกตัวครั้งเดียวเลยก็ตอนนาฬิกาปลุกดังให้ตื่นขึ้นไปอาบน้ำ เตรียมตัวย้ายที่นอนไปอีกเมือง ... 7.45 น. ออกไปรอขึ้นรถตรงที่ๆเราไปซื้อตั๋วเมื่อวันก่อน แล้วพอแปดโมงรถก็ออกตรงเวลา บ๊ายบายปีนัง ไว้มีโอกาสจะกลับมาเก็บที่อื่นอีกนะ อิอิ
และจุดหมายปลายทางต่อไปของเราก็คือ "คาเมรอน ไฮแลนด์" สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่บนภูเขาสูงและว่ากันว่าเป็นเหมือนที่พักตากอากาศของคนมาเลเซีย ใช้เวลาเดินทางจากปีนังไปคาเมรอน ไฮแลนด์ประมาณ 5-6 ชม. หลับกันไปยาวๆเลยทีเดียว ฮ่าาาาา...
(ลืมใส่เครดิต ภาพนี้ถ่ายจากมือถือค่ะ)
พอเริ่มไต่ขึ้นเขา ฝนก็เทลงมาและมีหมอกฟุ้งกระจายรอบๆ อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นๆ ... บรรยากาศสองข้างทางตอนนั้นทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภูเขาสีเขียวๆ ป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยวต่างๆมีเป็นระยะๆตลอดทางเลย (ไร่สตรอเบอรี่เยอะเหมือนกันแฮะ)
เมืองหลักๆบนคาเมรอนก็จะมี Brinchang กับ Tanah Rata เราจองที่พักที่เมืองนี้เพราะมันดูเงียบสงบแล้วก็ใกล้กับจุดขึ้นรถบัสด้วย เรามาถึง Tanah Rata ประมาณบ่ายสองโมง พอลงจากรถเท่านั้นแหละ ... ความเย็นปะทะร่างทันที ทำเอายืนสั่นเลย O.O" ลงจากรถได้ก็หาตั๋วไปมะละกาก่อนเลยแต่คนขายบอกต้องไปต่อรถที่ TBS กัวลาลัมเปอร์ ก็เลยซื้อล่วงหน้าสำหรับวันที่ 13 ก.พ. รอบเวลา 8.45น.ไปเลย ค่าตั๋วไป TBS ราคา 35RM
ได้ตั๋วเรียบร้อยก็เดินหาที่พักที่จองไว้ ตอนนั้นฝนตกปรอยๆลงมาอีกแล้ว แถมอากาศก็เย็นจนสั่น ลองหยิบมือถือออกมาดูอุณหภูมิตอนนั้นประมาณ 18 องศา (ห้ะ!!!) ไม่ทันได้เตรียมใจ ... เสื้อกันหนาวก็ไม่มี ... รีบเดินจ้ำๆ ถามคนแถวนั้นว่า TJ Lodge ที่พักสำหรับสองคืนในเมืองนี้ของเราอยู่ไหน? หนาวววว..ไม่ไหวแล้ว กลัวจะเป็นหวัดเอาเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก ...
เดินตรงขึ้นไปไม่นานก็ถึง เช็คอินเข้าที่พักได้ก็โดดเข้าห้องทันที เราจองห้องเดี่ยวห้องน้ำรวมเหมือนเดิม แต่รอบนี้เหมือนจะจองผิด .. ได้เตียงคู่มา ฮ่าาาาาา ค่าห้องเราจ่ายตัดบัตรเดบิตคิดเป็นเงินไทยสองคืนราคาอยู่ที่ 976 บาท (ห้องที่นี่ไม่เก็บเสียงเช่นเคย แต่นอกนั้นถือว่าโอเคดี มีห้องนั่งเล่น ห้องให้รีดผ้า กินข้าว)
หิวแล้วววว ...แต่ก่อนออกไปหาอะไรกินต้องวางแผนเที่ยวสำหรับพรุ่งนี้ก่อน ทีแรกตั้งใจไว้ว่าจะเช่ามอไซด์เที่ยว (ที่ TJ Lodge มีให้เช่ามอไซด์ด้วยนะ) แต่เพราะไม่มีใบขับขี่ก็เลยอดไป ทีนี้ก็เหลือสองตัวเลือกคือ จะซื้อแพคเกจทัวร์ หรือ เหมาแท็กซี่เที่ยว ... เราเลือกเหมาแท็กซี่เที่ยวเพราะไม่อยากไปรวมกับคนอื่นและอยากมีเวลาอยู่ในที่ๆเราอยากไปนานๆ เราตั้งใจจะเที่ยวหลักๆอยู่ 3 ที่คือ ไร่ชา ไร่สตรอเบอร์รี่ และ ฟาร์มต้นกระบองเพชร (Cactus Point)
ตัดสินใจได้ก็มุ่งหน้าไปหาแท็กซี่กันเลย ... เดินกลับไปตรงสถานีขนส่ง (จุดที่รถบัสจอดให้เราลง) แท็กซี่จะอยู่แถวๆนั้นเลย ราคาเหมาที่นี่ ชม.ละ 25RM ขั้นต่ำ 3 ชม. ตกลงกันได้เราก็มัดจำไป 50RM และนัดให้ลุงแท็กซี่มารับที่ที่พัก 8.30น. ตอนนั้นก็ยังลุ้นๆอยู่เลยนะว่าอากาศพรุ่งนี้จะเป็นยังไง เพราะอากาศตอนนั้นคือมืดครึ้มและมีฝนปรอยตลอด ในใจนี่คือหมดหวังเรื่องการไปไร่ชาแต่เช้าดูพระอาทติย์ขึ้นแล้วอ่ะ (T^T)
ยังไงก็แล้วแต่ The Travel must go on ฮ่าาาาาา เสร็จเรื่องแท็กซี่ก็ไปหาอะไรกินดีกว่า เราตั้งใจว่าจะมาลอง Marry Brown (เล็งไว้ตอนลงรถบัส) และสุดท้ายก็ได้เมนูนี้มา "Nasi Kari Kapitan" + "Teh Tarik" ก็ประมาณข้าวไก่ทอดราดเครื่องเทศ + ชานม (สไตล์มาเลเซีย) รสชาติอร่อยใช้ได้เลย ปกติเราจะกินพวกเครื่องแกงเครื่องเทศไม่ค่อยได้ แต่อันนี้ถือว่ากลางๆ รอดตายไปอีกมื้อ ;) แต่ก่อนกลับก็ไม่วายหาอะไรไปแทะต่อที่ห้อง
เพราะอากาศไม่น่าออกมาเดินเล่นเอาซะเลย ฝนไม่ยอมหยุดตกเสื้อกันหนาวก็ไม่มี ... (สนน.ตัวเอง ฮ่าาาา) ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้!!!
เมนูนี้ชื่อ Curly Twist Fried จิ้มกับซอสมายองเนส กินร้อนๆอร่อยดี
Tanah Rata เป็นเมืองเล็กๆ เดินแป๊บเดียวก็รอบเมืองละ ขากลับเราเดินสำรวจร้านต่างๆ ดูท่าแล้วร้านอาหารแถวนี้จะเป็นสไตล์อินเดียทั้งนั้นเลย มีแป้งนานกับไก่อบโอ่งที่เห็นคนกินเยอะ มองดูเขานั่งกินกันก็น่าอร่อยดีนะแต่เราไม่กล้าลอง ... กลับเข้าห้องพักได้เราก็ไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว ไปนั่งเล่นตรงห้องสมุดรวม มองวิวข้างนอกผ่านหน้าต่างชั้นสองเพลินๆ ดูวิถีชีวิตผู้คน เซลฟี่ตัวเองไปเรื่อยเปื่อย
แอบส่องผ่านกระจกจากห้องพักตัวเอง ใกล้ๆกับที่พักเป็นตลาด (ประมาณตลาดนัดบ้านเรา) จะมีร้านมาตั้งขายทั้งผัก ของกิน ขนม ปลาสด อาหารทะเล และ Satay เราก็เล็งๆไว้บางอย่างแต่ยังไม่ได้ลอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยลุย
คืนนั้นเรานอนไม่ค่อยหลับเพราะด้านล่างตึกเป็นบาร์เสียงคนเมางี้ดังลอยขึ้นมาเลย โง่ยยยย... ก็เลยลงไปหาอะไรเย็นๆมาจิบสักหน่อย
อิอิ แต่กว่าจะหลับได้นี่ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่าเลย อากาศตอนกลางคืนหนาวมากกกก .. อุณหภูมิลดลงไปอีกเหลือแค่ 16 องศา นอนขดในผ้าห่มยันเช้า พรุ่งนี้นัดลุงแท็กซี่ไว้ตอน 8.30 น. ต้องข่มตานอนแล้ว ...
[CR] ลิงน้อยหนีเที่ยว|| Feb Alone in Malaysia : 6 วัน 5 คืน 4 เมือง(ปีนัง-คาเมรอน-มะละกา-กัวลาลัมเปอร์) EP2 "คาเมรอน ไฮแลนด์"
เราแบ่งออกเป็น 3EP ตอนนี้เขียนเสร็จไปแล้วทั้งสามตอน ตามลิ้งก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ ^^
EP1 : Selamat Datang "Penang" >> https://ppantip.com/topic/36132203
EP2 : Time stop at "Cameron Highland" >> https://ppantip.com/topic/36137785
EP3 : La La La "Melaka City" >> https://ppantip.com/topic/36152300
"11 ก.พ. 60"
สงสัยจะเหนื่อยจากการเที่ยวรอบเมืองปีนังมากกก ทำให้ไม่ได้ยินเสียงจากด้านนอกเลย หลับสนิทตลอดคืนจริงๆ รู้สึกตัวครั้งเดียวเลยก็ตอนนาฬิกาปลุกดังให้ตื่นขึ้นไปอาบน้ำ เตรียมตัวย้ายที่นอนไปอีกเมือง ... 7.45 น. ออกไปรอขึ้นรถตรงที่ๆเราไปซื้อตั๋วเมื่อวันก่อน แล้วพอแปดโมงรถก็ออกตรงเวลา บ๊ายบายปีนัง ไว้มีโอกาสจะกลับมาเก็บที่อื่นอีกนะ อิอิ
และจุดหมายปลายทางต่อไปของเราก็คือ "คาเมรอน ไฮแลนด์" สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่บนภูเขาสูงและว่ากันว่าเป็นเหมือนที่พักตากอากาศของคนมาเลเซีย ใช้เวลาเดินทางจากปีนังไปคาเมรอน ไฮแลนด์ประมาณ 5-6 ชม. หลับกันไปยาวๆเลยทีเดียว ฮ่าาาาา...
(ลืมใส่เครดิต ภาพนี้ถ่ายจากมือถือค่ะ)
พอเริ่มไต่ขึ้นเขา ฝนก็เทลงมาและมีหมอกฟุ้งกระจายรอบๆ อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นๆ ... บรรยากาศสองข้างทางตอนนั้นทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภูเขาสีเขียวๆ ป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยวต่างๆมีเป็นระยะๆตลอดทางเลย (ไร่สตรอเบอรี่เยอะเหมือนกันแฮะ)
เมืองหลักๆบนคาเมรอนก็จะมี Brinchang กับ Tanah Rata เราจองที่พักที่เมืองนี้เพราะมันดูเงียบสงบแล้วก็ใกล้กับจุดขึ้นรถบัสด้วย เรามาถึง Tanah Rata ประมาณบ่ายสองโมง พอลงจากรถเท่านั้นแหละ ... ความเย็นปะทะร่างทันที ทำเอายืนสั่นเลย O.O" ลงจากรถได้ก็หาตั๋วไปมะละกาก่อนเลยแต่คนขายบอกต้องไปต่อรถที่ TBS กัวลาลัมเปอร์ ก็เลยซื้อล่วงหน้าสำหรับวันที่ 13 ก.พ. รอบเวลา 8.45น.ไปเลย ค่าตั๋วไป TBS ราคา 35RM
ได้ตั๋วเรียบร้อยก็เดินหาที่พักที่จองไว้ ตอนนั้นฝนตกปรอยๆลงมาอีกแล้ว แถมอากาศก็เย็นจนสั่น ลองหยิบมือถือออกมาดูอุณหภูมิตอนนั้นประมาณ 18 องศา (ห้ะ!!!) ไม่ทันได้เตรียมใจ ... เสื้อกันหนาวก็ไม่มี ... รีบเดินจ้ำๆ ถามคนแถวนั้นว่า TJ Lodge ที่พักสำหรับสองคืนในเมืองนี้ของเราอยู่ไหน? หนาวววว..ไม่ไหวแล้ว กลัวจะเป็นหวัดเอาเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก ...
เดินตรงขึ้นไปไม่นานก็ถึง เช็คอินเข้าที่พักได้ก็โดดเข้าห้องทันที เราจองห้องเดี่ยวห้องน้ำรวมเหมือนเดิม แต่รอบนี้เหมือนจะจองผิด .. ได้เตียงคู่มา ฮ่าาาาาา ค่าห้องเราจ่ายตัดบัตรเดบิตคิดเป็นเงินไทยสองคืนราคาอยู่ที่ 976 บาท (ห้องที่นี่ไม่เก็บเสียงเช่นเคย แต่นอกนั้นถือว่าโอเคดี มีห้องนั่งเล่น ห้องให้รีดผ้า กินข้าว)
หิวแล้วววว ...แต่ก่อนออกไปหาอะไรกินต้องวางแผนเที่ยวสำหรับพรุ่งนี้ก่อน ทีแรกตั้งใจไว้ว่าจะเช่ามอไซด์เที่ยว (ที่ TJ Lodge มีให้เช่ามอไซด์ด้วยนะ) แต่เพราะไม่มีใบขับขี่ก็เลยอดไป ทีนี้ก็เหลือสองตัวเลือกคือ จะซื้อแพคเกจทัวร์ หรือ เหมาแท็กซี่เที่ยว ... เราเลือกเหมาแท็กซี่เที่ยวเพราะไม่อยากไปรวมกับคนอื่นและอยากมีเวลาอยู่ในที่ๆเราอยากไปนานๆ เราตั้งใจจะเที่ยวหลักๆอยู่ 3 ที่คือ ไร่ชา ไร่สตรอเบอร์รี่ และ ฟาร์มต้นกระบองเพชร (Cactus Point)
ตัดสินใจได้ก็มุ่งหน้าไปหาแท็กซี่กันเลย ... เดินกลับไปตรงสถานีขนส่ง (จุดที่รถบัสจอดให้เราลง) แท็กซี่จะอยู่แถวๆนั้นเลย ราคาเหมาที่นี่ ชม.ละ 25RM ขั้นต่ำ 3 ชม. ตกลงกันได้เราก็มัดจำไป 50RM และนัดให้ลุงแท็กซี่มารับที่ที่พัก 8.30น. ตอนนั้นก็ยังลุ้นๆอยู่เลยนะว่าอากาศพรุ่งนี้จะเป็นยังไง เพราะอากาศตอนนั้นคือมืดครึ้มและมีฝนปรอยตลอด ในใจนี่คือหมดหวังเรื่องการไปไร่ชาแต่เช้าดูพระอาทติย์ขึ้นแล้วอ่ะ (T^T)
ยังไงก็แล้วแต่ The Travel must go on ฮ่าาาาาา เสร็จเรื่องแท็กซี่ก็ไปหาอะไรกินดีกว่า เราตั้งใจว่าจะมาลอง Marry Brown (เล็งไว้ตอนลงรถบัส) และสุดท้ายก็ได้เมนูนี้มา "Nasi Kari Kapitan" + "Teh Tarik" ก็ประมาณข้าวไก่ทอดราดเครื่องเทศ + ชานม (สไตล์มาเลเซีย) รสชาติอร่อยใช้ได้เลย ปกติเราจะกินพวกเครื่องแกงเครื่องเทศไม่ค่อยได้ แต่อันนี้ถือว่ากลางๆ รอดตายไปอีกมื้อ ;) แต่ก่อนกลับก็ไม่วายหาอะไรไปแทะต่อที่ห้อง
Tanah Rata เป็นเมืองเล็กๆ เดินแป๊บเดียวก็รอบเมืองละ ขากลับเราเดินสำรวจร้านต่างๆ ดูท่าแล้วร้านอาหารแถวนี้จะเป็นสไตล์อินเดียทั้งนั้นเลย มีแป้งนานกับไก่อบโอ่งที่เห็นคนกินเยอะ มองดูเขานั่งกินกันก็น่าอร่อยดีนะแต่เราไม่กล้าลอง ... กลับเข้าห้องพักได้เราก็ไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว ไปนั่งเล่นตรงห้องสมุดรวม มองวิวข้างนอกผ่านหน้าต่างชั้นสองเพลินๆ ดูวิถีชีวิตผู้คน เซลฟี่ตัวเองไปเรื่อยเปื่อย
แอบส่องผ่านกระจกจากห้องพักตัวเอง ใกล้ๆกับที่พักเป็นตลาด (ประมาณตลาดนัดบ้านเรา) จะมีร้านมาตั้งขายทั้งผัก ของกิน ขนม ปลาสด อาหารทะเล และ Satay เราก็เล็งๆไว้บางอย่างแต่ยังไม่ได้ลอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยลุย
คืนนั้นเรานอนไม่ค่อยหลับเพราะด้านล่างตึกเป็นบาร์เสียงคนเมางี้ดังลอยขึ้นมาเลย โง่ยยยย... ก็เลยลงไปหาอะไรเย็นๆมาจิบสักหน่อย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น