ปีกวิเศษ
เวลาเกือบทั้งคืนที่หมดไปบนโซฟาข้างเตียงผู้ป่วยในห้องพิเศษนั้น ผมใช้เพื่อนั่งเฝ้าไข้เธอ...นางฟ้าตัวน้อยของผม
“คุณพ่อคะ...หนูป่วยอีกแล้วเหรอคะ” คำถามจากร่างเล็ก...ที่นอนให้เข็มแหลมคมจากสายยางมากมายทิ่มแทงเข้าไปตามอวัยวะต่างๆ ทำให้ผมรีบลุกเข้าไปหาใกล้ๆ
“ใช่จ้ะ...เมื่อคืนหนูหมดสติในห้องน้ำ แต่พ่ออยู่กับหนูแล้ว...ทุกอย่างจะเรียบร้อย” พอเห็นสภาพเธอใกล้ๆ น้ำตาผมก็เริ่มคลอเบ้า เพราะสงสารลูกสาววัยห้าขวบเหลือเกิน ที่ไม่รู้ทำบาปทำกรรมอะไรถึงต้องมาเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้
“คืนนี้คุณแม่จะมาไหมคะ” ผมต้องเบือนหน้าไปข้างหลังหลบสายตาบริสุทธิ์คู่นั้น...เพื่อร้องไห้ เพราะคนที่เธอถามหาไม่มีวันได้กลับมาเจอกันอีกแล้ว...อย่างแน่นอน
ผ้าเช็ดหน้าชุ่มน้ำตาถูกผมใส่คืนกลับไปในกระเป๋าหลังกางเกงก่อนจะหันกลับไปหาเธอ “มา...มาจ้ะ แม่จะมาเยี่ยมหนูคืนนี้...ในฝัน”
“เมื่อคืนหนูก็ฝันนะ แต่ทำไมคุณแม่ไม่มาล่ะคะ” แววตาไร้เดียงสาเปี่ยมด้วยความสงสัย ยิ่งทำให้ใจผมเหมือนจะขาดลงในวินาทีนั้นเลย
“แสดงว่าหนูไม่เป็นเด็กดีใช่ไหม แม่ถึงไม่มาเยี่ยม” ผมฝืนยิ้มให้กับใบหน้าน้อยๆ ตรงหน้าด้วยความยากลำบาก...เหลือเกิน
“ไม่ใช่นะคะคุณพ่อ หนูเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนเลยนะคะ” เธอทำตาโตปฏิเสธหัวชนฝา ทำให้ผมต้องเบือนหน้าไปข้างหลังอีกครั้ง เพราะน้ำตาพรั่งพรูออกมาอีกแล้ว
“พ่อมีความลับจะบอกหนู พ่อเจอแม่ทุกคืนเลยนะ รู้ไหมทำไม” ผู้ป่วยตัวน้อยส่ายหน้า
“เพราะพ่อมีปีกวิเศษไงล่ะ พ่อบินไปหาแม่ในความฝันทุกคืนเลย” สิ่งที่ดีที่สุดซึ่งผมทำได้ตอนนี้ มีเพียงสร้างขวัญและกำลังใจให้กับลูกสาวที่กำลังป่วยหนักเท่านั้น...แม้มันจะเป็นการโกหกก็ตามที
“คุณพ่อขี้โกงนี่นา ทำไมมีปีกวิเศษอยู่คนเดียวล่ะ” เธองอนให้กับ...ใช่...ให้กับความเห็นแก่ตัวของผม
“งั้นวันนี้...พ่อจะถอดปีกวิเศษให้หนู...หนูจะได้บินไปเจอแม่ไงดีไหม”
“ดีค่ะๆ หนูอยากเจอคุณแม่หนูคิดถึงคุณแม่” กี่ครั้งแล้วนะที่ผ้าเช็ดหน้าของผมถูกล้วงมาใช้ ตอนหันหน้าหนีนางฟ้าตัวน้อยองค์นี้
ผมแสร้งทำท่าถอดปีก...ที่ไม่มีอยู่จริง ไปสวมให้กับเธอ “ทีนี้หนูก็มีปีกบินไปหาแม่แล้วนะ คืนนี้ต้องรีบนอนและไม่ดื้อไม่ซนนะ”
“ค่ะคุณพ่อ” ใบหน้ายิ้มร่าเริงนั้นทำให้ผมรู้สึกปวดใจเหลือเกิน
กลางดึกคืนนั้นเธอสะดุ้งตื่นพร้อมเสียงสัญญาณของเครื่องวัดต่างๆ ในห้องที่ดังระงม เธอบอกว่าแน่นหน้าอกจากนั้นก็อาเจียน หมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาในห้องกันชุลมุน
“คุณพ่อคะ” เสียงของเด็กน้อยเอ่ยขึ้นในขณะที่ผมบีบมือเธอไว้ ตอนช่วยเจ้าหน้าที่เข็นร่างที่เต็มไปด้วยสายยางนั้นไปห้องผ่าตัดฉุกเฉิน
“คุณพ่อเอาปีกคืนไปเถอะค่ะ หนูเจอคุณแม่แล้ว...คุณแม่บอกจะมาหาหนูทุกวัน หนูไม่ต้องใช้มันแล้ว” ผมได้แต่พยักหน้าให้กับรอยยิ้มบางๆ นั้นด้วยน้ำตา
เธอจากผมไปในคืนนั้น ไปอยู่กับคนที่บินไปหาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา...ทิ้งผมไว้กับปีกวิเศษ ที่ผมอยากหวังว่า...มันจะใช้บินไปหาเธอได้สักวัน...
*************
เป็นเรื่องสั้นพล็อตง่ายๆ ที่ผมเขียนยากมากที่สุดในชีวิตเลยครับ กว่าจะเขียนจบต้องลุกออกจากโต๊ะไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อาจยังมีคำและจังหวะหลุดอยู่บ้างเพราะเขียนเสร็จแล้ววางเลย แต่ก็ขอให้สนุกกับการอ่านทุกท่านครับ...^^
ปีกวิเศษ
เวลาเกือบทั้งคืนที่หมดไปบนโซฟาข้างเตียงผู้ป่วยในห้องพิเศษนั้น ผมใช้เพื่อนั่งเฝ้าไข้เธอ...นางฟ้าตัวน้อยของผม
“คุณพ่อคะ...หนูป่วยอีกแล้วเหรอคะ” คำถามจากร่างเล็ก...ที่นอนให้เข็มแหลมคมจากสายยางมากมายทิ่มแทงเข้าไปตามอวัยวะต่างๆ ทำให้ผมรีบลุกเข้าไปหาใกล้ๆ
“ใช่จ้ะ...เมื่อคืนหนูหมดสติในห้องน้ำ แต่พ่ออยู่กับหนูแล้ว...ทุกอย่างจะเรียบร้อย” พอเห็นสภาพเธอใกล้ๆ น้ำตาผมก็เริ่มคลอเบ้า เพราะสงสารลูกสาววัยห้าขวบเหลือเกิน ที่ไม่รู้ทำบาปทำกรรมอะไรถึงต้องมาเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้
“คืนนี้คุณแม่จะมาไหมคะ” ผมต้องเบือนหน้าไปข้างหลังหลบสายตาบริสุทธิ์คู่นั้น...เพื่อร้องไห้ เพราะคนที่เธอถามหาไม่มีวันได้กลับมาเจอกันอีกแล้ว...อย่างแน่นอน
ผ้าเช็ดหน้าชุ่มน้ำตาถูกผมใส่คืนกลับไปในกระเป๋าหลังกางเกงก่อนจะหันกลับไปหาเธอ “มา...มาจ้ะ แม่จะมาเยี่ยมหนูคืนนี้...ในฝัน”
“เมื่อคืนหนูก็ฝันนะ แต่ทำไมคุณแม่ไม่มาล่ะคะ” แววตาไร้เดียงสาเปี่ยมด้วยความสงสัย ยิ่งทำให้ใจผมเหมือนจะขาดลงในวินาทีนั้นเลย
“แสดงว่าหนูไม่เป็นเด็กดีใช่ไหม แม่ถึงไม่มาเยี่ยม” ผมฝืนยิ้มให้กับใบหน้าน้อยๆ ตรงหน้าด้วยความยากลำบาก...เหลือเกิน
“ไม่ใช่นะคะคุณพ่อ หนูเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนเลยนะคะ” เธอทำตาโตปฏิเสธหัวชนฝา ทำให้ผมต้องเบือนหน้าไปข้างหลังอีกครั้ง เพราะน้ำตาพรั่งพรูออกมาอีกแล้ว
“พ่อมีความลับจะบอกหนู พ่อเจอแม่ทุกคืนเลยนะ รู้ไหมทำไม” ผู้ป่วยตัวน้อยส่ายหน้า
“เพราะพ่อมีปีกวิเศษไงล่ะ พ่อบินไปหาแม่ในความฝันทุกคืนเลย” สิ่งที่ดีที่สุดซึ่งผมทำได้ตอนนี้ มีเพียงสร้างขวัญและกำลังใจให้กับลูกสาวที่กำลังป่วยหนักเท่านั้น...แม้มันจะเป็นการโกหกก็ตามที
“คุณพ่อขี้โกงนี่นา ทำไมมีปีกวิเศษอยู่คนเดียวล่ะ” เธองอนให้กับ...ใช่...ให้กับความเห็นแก่ตัวของผม
“งั้นวันนี้...พ่อจะถอดปีกวิเศษให้หนู...หนูจะได้บินไปเจอแม่ไงดีไหม”
“ดีค่ะๆ หนูอยากเจอคุณแม่หนูคิดถึงคุณแม่” กี่ครั้งแล้วนะที่ผ้าเช็ดหน้าของผมถูกล้วงมาใช้ ตอนหันหน้าหนีนางฟ้าตัวน้อยองค์นี้
ผมแสร้งทำท่าถอดปีก...ที่ไม่มีอยู่จริง ไปสวมให้กับเธอ “ทีนี้หนูก็มีปีกบินไปหาแม่แล้วนะ คืนนี้ต้องรีบนอนและไม่ดื้อไม่ซนนะ”
“ค่ะคุณพ่อ” ใบหน้ายิ้มร่าเริงนั้นทำให้ผมรู้สึกปวดใจเหลือเกิน
กลางดึกคืนนั้นเธอสะดุ้งตื่นพร้อมเสียงสัญญาณของเครื่องวัดต่างๆ ในห้องที่ดังระงม เธอบอกว่าแน่นหน้าอกจากนั้นก็อาเจียน หมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาในห้องกันชุลมุน
“คุณพ่อคะ” เสียงของเด็กน้อยเอ่ยขึ้นในขณะที่ผมบีบมือเธอไว้ ตอนช่วยเจ้าหน้าที่เข็นร่างที่เต็มไปด้วยสายยางนั้นไปห้องผ่าตัดฉุกเฉิน
“คุณพ่อเอาปีกคืนไปเถอะค่ะ หนูเจอคุณแม่แล้ว...คุณแม่บอกจะมาหาหนูทุกวัน หนูไม่ต้องใช้มันแล้ว” ผมได้แต่พยักหน้าให้กับรอยยิ้มบางๆ นั้นด้วยน้ำตา
เธอจากผมไปในคืนนั้น ไปอยู่กับคนที่บินไปหาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา...ทิ้งผมไว้กับปีกวิเศษ ที่ผมอยากหวังว่า...มันจะใช้บินไปหาเธอได้สักวัน...
เป็นเรื่องสั้นพล็อตง่ายๆ ที่ผมเขียนยากมากที่สุดในชีวิตเลยครับ กว่าจะเขียนจบต้องลุกออกจากโต๊ะไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อาจยังมีคำและจังหวะหลุดอยู่บ้างเพราะเขียนเสร็จแล้ววางเลย แต่ก็ขอให้สนุกกับการอ่านทุกท่านครับ...^^